ลูกไม้เกี่ยวรัก บทที่ 16 : ผมเป็นพ่อครับ
โดย : นวาภัส
ลูกไม้เกี่ยวรัก โดย นวาภัส นวนิยายโรแมนติกคอมเมดี้ (เล็กๆ) เรื่องราวของหญิงสาวสุดแกร่งที่ชีวิตนี้ขอมีลูก โดยไม่ต้องมีสามี แล้วใครเล่าจะเข้าใจเธอ พบกับความอลหม่านของสองแม่ลูกคู่ป่วนใน “ลูกไม้เกี่ยวรัก” ได้ในเพจอ่านเอา และ เว็บไซต์อ่านเอา anowl.co
เมื่อวันเกิดผ่านไป โอโซนก็ต้องกลับไปอยู่กับแม่ที่บ้านเหมือนเดิม อมรแอบร้องไห้คิดถึงหลาน แต่ถูกอชิระจับได้ ต้องปลอบใจกันยกใหญ่ ปัณฑารีย์รับปากว่าจะพาลูกมาหาเมื่อมีโอกาส คนแก่ถึงเบาใจขึ้น ส่วนอคิราห์หาเรื่องทำงานอยู่ที่โรงพยาบาล เขาทำใจไม่ได้ที่ต้องเอ่ยคำลา เกือบสามเดือนที่เป็นพ่อกำมะลอให้กับโอโซน ทำให้เขาผูกพัน ทุกวันหลังเลิกงานเขาต้องรีบกลับบ้านมาอ่านนิทานให้ฟัง จนกว่าเจ้าตัวเล็กจะหลับ เวลาที่โอโซนบ่นอยากกินอะไร ก็จะรีบหามาให้โดยไม่รีรอ ซึ่งส่วนใหญ่จะไม่ค่อยทันน้องชายตัวแสบที่ตัดหน้าอยู่บ่อยๆ วันสุดท้ายที่เขาจะต้องหายตัวไปจากชีวิตของโอโซน และช่างบังเอิญที่วันนี้เป็นวันเดียวกับที่แม่จากไป ความทรงจำอันเลวร้ายในอดีตผสานกับความเจ็บปวดในปัจจุบัน ทำให้อคิราห์ทุกข์ทรมานเป็นทวีคูณ
อคิราห์พยายามหักห้ามใจไม่ให้รับโทรศัพท์ของโอโซนที่โทร.มาทุกวัน เขากลายเป็นคนร้อนรน ไม่ค่อยมีสมาธิกับการทำงาน จนถูกผู้อำนวยการโรงพยาบาลเรียกไปสอบถามและแนะนำให้ลาพักร้อน เพราะคิดว่าเขาเครียดกับการทำงานมากเกินไป ชายหนุ่มจึงได้ลาหยุดเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี เขามุ่งหน้าไปบ้านพักริมทะเลของครอบครัวเพียงลำพัง เพื่อค้นหาความต้องการของตัวเอง
และที่นั่น เขาได้พบกับครอบครัวหนึ่งที่พักอยู่ไม่ห่างจากบ้านของเขาเท่าไรนัก ลูกชายของพวกเขาอายุน่าจะราวๆ โอโซน ทั้งสามคนดูมีความสุขมาก เด็กน้อยตื่นเต้นกับการได้เล่นน้ำทะเลและหาดทรายสีขาวสะอาด พ่อแม่ยิ้มให้กันเมื่อเห็นลูกวิ่งเก็บเปลือกหอยมาแต่งปราสาททรายที่บรรจงสร้างขึ้นมาอย่างตั้งใจ จู่ๆ เด็กน้อยก็หน้าซีด หายใจแรง ใบหน้ามีเหงื่อออกทั้งที่อากาศก็ไม่ได้ร้อน และก็หมดสติไป พ่อกับแม่รีบวิ่งเข้าไปดูอาการด้วยความตกใจ คนเป็นแม่ร้องไห้โฮ ร้องเรียกให้คนช่วย ส่วนพ่อก็รีบโทร.หารถพยาบาล อคิราห์เห็นเหตุการณ์จึงรีบวิ่งเข้าไปช่วย
“ผมเป็นหมอครับ พวกคุณใจเย็นๆ นะ” อคิราห์รีบแนะนำตัวเองสั้นๆ
“ช่วยด้วยค่ะคุณหมอ ช่วยลูกเราด้วยนะคะ” คนเป็นแม่ร้องไห้สะอึกสะอื้น จับมือลูกไว้ไม่ปล่อย
อคิราห์ดูอาการเบื้องต้น และฟังเสียงหัวใจที่เต้นเร็วผิดปกติ เขาสันนิษฐานว่าเด็กน่าจะมีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ เขาจึงทำการช่วยเหลือเบื้องต้นและรีบส่งไปโรงพยาบาล เขาบอกอาการเบื้องต้นกับหมอเจ้าของไข้ ทำให้เด็กได้รับการรักษาอย่างถูกต้องและทันท่วงทีจนปลอดภัย
“ขอบคุณมากนะคะคุณหมอ ถ้าคุณหมอไม่อยู่ตรงนั้น ตาตั้มคงแย่แน่เลยค่ะ” หญิงสาวในวัยสามสิบต้นๆ ยกมือไหว้ชายหนุ่ม ขอบคุณที่ช่วยชีวิตลูกเธอ
“ไม่ต้องขอบคุณหรอกครับ ผมเป็นหมอก็ต้องช่วยชีวิตคน มันเป็นหน้าที่ครับ” เขายิ้มอ่อนโยน
“ยังไงเราสองคนก็ต้องขอบคุณคุณหมอจริงๆ ถ้ามีอะไรให้พวกผมตอบแทนได้ ก็บอกเลยนะครับ” หนุ่มหน้าตี๋ผู้เป็นสามีปาดน้ำตาที่ร่วงลงมาด้วยความดีใจ
“แต่ผมมีคำถามบางอย่าง ไม่ทราบว่าจะเสียมารยาทหรือเปล่า พอดีผมเห็นว่าเด็กมีกรุ๊ปเลือดที่ต่างจากพวกคุณสองคน เขาไม่ใช่ลูกแท้ๆ เหรอครับ” ความอยากรู้เพราะเป็นเรื่องราวที่คล้ายกับเรื่องที่เขากำลังเผชิญ ทำให้อดไม่ได้ที่จะถามออกไป แม้จะรู้ว่าเป็นคำถามที่ไม่สมควร
“ใช่ครับ ตาตั้มเป็นเด็กที่พวกเรารับเลี้ยงจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าตั้งแต่แกยังแบเบาะ เพราะภรรยาผมเขามีลูกไม่ได้น่ะครับ” ชายหนุ่มเล่าให้ฟังโดยไม่ปิดบัง
“พอดีฉันมีปัญหาที่มดลูก ตัดมดลูกทิ้งไปตั้งแต่เป็นวัยรุ่น แต่เราสองคนอยากมีลูกมาก จึงตัดสินใจรับเลี้ยงเด็กค่ะ”
“แล้วพวกคุณรักแกเหมือนลูกจริงๆ เหรอครับ” เขาขมวดคิ้วมุ่นเพราะเด็กคนนี้ไม่ใช่แม้แต่เป็นญาติด้วยซ้ำ ทำไมพวกเขาถึงได้รักและห่วงใยเหมือนกับเป็นสายเลือดแท้ๆ
“ทีแรกเราก็คิดนะคะว่าจะทำใจรักเด็กที่ไม่ใช่ลูกแท้ๆ ได้หรือเปล่า แต่แค่ไม่ถึงปีเราก็รักเด็กคนนี้จนหมดหัวใจค่ะ แกเป็นเทวดาตัวน้อยที่ทำให้เราสองคนมีความสุขในทุกๆ วัน ถึงจะไม่ได้มีสายเลือดเดียวกัน แต่เราก็รักเขาเหมือนลูกจริงๆ และพร้อมที่จะเสียสละทุกอย่างให้เขาได้ แค่คิดว่าจะต้องเสียเขาไป เราก็ใจสลายแล้วละค่ะ” หญิงสาวมองลูกชายที่หลับใหลอยู่บนเตียง ด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความรักของคนเป็นแม่
วันนั้นอคิราห์ขับรถกลับกรุงเทพฯ ด้วยหัวใจที่เหมือนถูกปลดล็อก ความกังวลใจที่เคยวนเวียนอยู่ในจิตสำนึกมลายหายไปเกือบหมด ความรักที่มีให้กับโอโซนถูกดึงรั้งไว้ด้วยตรรกะที่ไร้เหตุผลของตัวเอง ที่เคยคิดมาตลอดว่าเด็กเป็นสิ่งที่น่ารำคาญ เมื่อเปิดใจก็รู้ว่าเขาไม่ได้เกลียดหรือกลัวเด็ก แค่ไม่ชอบเด็กที่นิสัยไม่น่ารัก แต่โอโซนไม่จัดอยู่ในจำพวกนั้น เขาถึงได้หลงรักเจ้าตัวน้อยได้ง่ายดาย และอยากจะปกป้องดูแลหัวใจเล็กๆ นั้นตลอดไป
และไม่ใช่แค่โอโซนเท่านั้นที่เขาอยากดูแล แม่ของเด็กน้อยก็เป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวที่เขารักและต้องการอยู่เคียงข้าง เมื่อปอกเปลือกหัวใจตัวเองออกมา ความปรารถนาเดียวของเขาคือการได้มีครอบครัวที่น่ารักและอบอุ่นกับสองแม่ลูกจอมยุ่งคู่นั้น ชายหนุ่มเผลอยิ้มเขินเมื่อรู้หัวใจตัวเองแน่ชัด พรุ่งนี้เขาจะไปสารภาพความในใจให้ปัณฑารีย์ได้รับรู้ เธอจะรู้สึกยังไง ถ้าเขาจะขอดูแลเธอกับลูกชายไปทั้งชีวิต
วันรุ่งขึ้นอคิราห์แต่งตัวด้วยชุดที่คิดว่าหล่อที่สุด จนสาวๆ ในโรงพยาบาลต่างแอบมองด้วยความชื่นชม คนไข้บางคนเผลอยิ้มหวานเมื่อคุณหมอรูปหล่อเดินผ่าน เขาโทร.นัดปัณฑารีย์ให้เจอกันที่มหาวิทยาลัย เมื่อใกล้เวลานัด ชายหนุ่มตื่นเต้นจนเก็บอาการไม่อยู่ เดินวนไปวนมาเรียกกำลังใจอยู่นาน กว่าจะออกเดินทางได้
“สงสัยจะมีเดต แต่งเต็มขนาดนี้ แถมยังดูลุกลี้ลุกลน” คุณหมอสาวใหญ่แว่นหนาหันไปเมาท์กับพยาบาลสาวสวยข้างๆ
“อิจฉาคุณตีรณาจังเลยค่ะ คู่หมั้นทั้งหล่อทั้งรวยทั้งเก่ง เมื่อไหร่กุ้งจะมีแบบนี้มาจีบบ้างนะ” พยาบาลสาวทำหน้าเคลิ้มเมื่อมองอคิราห์ผู้หล่อเหลา
“สามีไม่ได้เกิดโดยธรรมชาติ อยากมีก็ต้องอ่อยสิคะ” คุณหมอขยับแว่นทำท่าเป็นผู้ทรงภูมิแนะนำสาวรุ่นน้อง
“คุณหมอก็กล้าแนะนำเนอะ เดินอ่อยมาจนอายุจะห้าสิบยังไม่ได้สักคน คนที่เคยอ่อยก็หนีไปมีลูกมีเมียหมดแล้ว” พูดจบปุ๊บ พยาบาลสาวก็ร้องด้วยความเจ็บปวด เพราะถูกมือหมอหยิกแขนและบิดเป็นเกลียวเหมือนกับขนมขบเคี้ยวยี่ห้อหนึ่ง ผู้คนแถวนั้นพากันหันมองด้วยความแปลกใจ สองสาวต่างวัยส่งยิ้มหวานและบอกว่ากำลังเล่นกัน ทุกคนจึงเลิกใส่ใจหันไปทำอย่างอื่นแทน
เป็นเวลาบ่ายสองโมง เมื่ออคิราห์ไปถึงมหาวิทยาลัย เขานั่งรอปัณฑารีย์อยู่ที่ร้านกาแฟใต้ตึก จิบกาแฟผ่อนคลายความตื่นเต้น แต่ดูเหมือนกาแฟขมๆ จะไม่ช่วยอะไรเลย ตอนนี้หัวใจของชายหนุ่มเต้นเร็วผิดปกติจนต้องลองจับชีพจรที่ต้นคอตัวเอง นับได้ถึง 118 ครั้งต่อนาที เขาจึงพยายามตั้งสติสูดหายใจเข้าจนสุดและค่อยๆ พ่นลมออกมาหลายต่อหลายครั้ง หวังว่าจะช่วยให้หายตื่นเต้น ไม่นานเสียงกระดิ่งประตูร้านก็ดังขึ้น
อาจารย์สาวก้าวมานั่งข้างๆ คุณหมอหนุ่ม เธอสังเกตว่าเขาเลือกมุมที่อยู่ด้านในสุดเพื่อให้ห่างจากลูกค้าคนอื่น แสดงว่าเขาน่าจะต้องการความเป็นส่วนตัวประมาณหนึ่ง หญิงสาวลุ้นว่าวันนี้เขาจะมาด้วยเรื่องอะไร ในเมื่อภารกิจของพ่อตัวปลอมก็จบลงไปแล้ว
“สบายดีเหรอปัน” เขาเริ่มบทสนทนาด้วยประโยคดาษดื่นทั่วไปเพื่อประวิงเวลาให้ตัวเองได้ตั้งตัว
“ค่ะ พี่ซันอยากคุยอะไรกับปันเหรอคะ” แต่เธอกลับชวนเข้าเรื่องทันที
“คือ…เรื่องโอโซนน่ะ” ผู้ชายที่เคยสงบนิ่ง เย็นชา ตอนนี้กลายเป็นคนประหม่าจนดูตลก
“โอโซนทำไมคะ” เธอเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย
“คือว่า พี่จะบอกว่า…พี่อยากดูแล…” คำพูดของหนุ่มหล่อขาดเป็นช่วงๆ ด้วยความประหม่า
และเสียงกริ่งประตูร้านก็ดังขึ้นอีกครั้ง หญิงสาวหันไปมองโดยอัตโนมัติ คราวนี้คนที่เดินเข้ามาไม่ใช่ลูกค้าที่ไหน แต่เป็นอชิระที่ทำหน้าตื่นเต้นดีใจ ยิ้มจนหน้าบานแฉ่ง ในมือถือซองเอกสารบางอย่าง
“ปัน อยู่นี่เอง อ้าว พี่ซัน” หนุ่มหล่อคนน้องแปลกใจที่เห็นพี่ชายนั่งอยู่กับหญิงสาวที่เขาตามหา
“มีอะไรด่วนหรือเปล่าคะ” เธอคิดว่าอชิระอาจจะมีเรื่องสำคัญถึงตามหาตัวเธอ
“มีสิครับ ทั้งด่วนและสำคัญมาก พี่ซันอยู่ด้วยก็ดีแล้ว ผมมีอะไรอยากให้ทั้งสองคนดู” เขายื่นเอกสารที่ถือมาส่งให้พี่ชาย
อคิราห์เปิดซองแล้วดึงกระดาษด้านในออกมาดู เขาทำหน้าประหลาดใจเมื่อเห็นว่าเป็นเอกสารการตรวจดีเอ็นเอ และก็นึกเคืองน้องชายในใจ ในเมื่อห้ามแล้วว่าไม่ควรทำแต่น้องตัวแสบยังแอบไปตรวจมาจนได้
“นี่นายไปตรวจดีเอ็นเอมาเหรอ ก็บอกแล้วไงว่าไม่ให้ตรวจ มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก มั่นใจเหรอว่าผลที่ออกมาจะไม่ส่งผลกระทบในภายหลัง” พี่ชายดุน้องเสียงเข้ม
“ผลออกมาแล้วเหรอคะ” เมื่อได้ยินว่าเป็นผลตรวจดีเอ็นเอ หญิงสาวก็ใจเต้นแรง อยากรู้ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร
“ออกมาแล้วครับ พี่ซันลองดูผลสิครับ” อชิระเร่งให้อคิราห์อ่านผลด้านล่างด้วยท่าทางตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด
ขณะไล่สายตาไปตามตัวอักษรในกระดาษ อคิราห์เริ่มไม่มั่นใจว่าอยากเห็นผลตรวจ ท่าทางของน้องชายบ่งบอกว่าต้องมีอะไรสักอย่างที่ผิดปกติ หรือว่าโอโซนเป็นลูกของพวกเขาจริงๆ แต่ถ้าเป็นเช่นนั้น ใครกันล่ะที่มีผลดีเอ็นเอที่ตรงกับเด็กคนนั้น
เมื่อสายตาเลื่อนลงมาถึงข้อความสำคัญด้านล่าง เหงื่อเม็ดใหญ่ก็ผุดขึ้นบนใบหน้าที่หล่อเหลา เขาชะงักงัน ผลที่ออกมาทำให้เขารู้สึกเหมือนหัวใจจะวาย หมดเรี่ยวแรงเสียดื้อๆ
ปัณฑารีย์เห็นท่าทีของชายหนุ่มรุ่นพี่ ทำให้เธอสงสัยว่าผลเป็นอย่างไรกันแน่ หญิงสาวดึงผลตรวจมาดู และก็ตกอยู่ในอาการเช่นเดียวกับอคิราห์ คิดไม่ถึงว่าโชคชะตาจะกลั่นแกล้งทั้งสามคนแบบนี้
“ผมเป็นพ่อของโอโซน ปัน พี่ซัน เห็นมั้ย ผมเป็นพ่อของเขาจริงๆ ด้วย” อชิระดีใจมาก หยิบกระดาษมาโชว์ให้สองคนดูเพื่อตอกย้ำความจริงที่เพิ่งค้นพบ ถ้าที่นี่ไม่ใช่ที่สาธารณะเขาคงกระโดดกอดทั้งสองคนไปแล้ว
หัวใจของอคิราห์แตกสลายไม่มีชิ้นดี เขาช็อกจนตัวแข็งทื่อ พูดไม่ออก คนเป็นพี่พยายามฝืนยิ้มแสดงความยินดีกับน้องชาย แล้วพยุงร่างที่ไร้วิญญาณเดินออกไปจากตรงนั้น ไม่อยากรับรู้อะไรอีกต่อไปแล้ว
ปัณฑารีย์เองก็ทำตัวไม่ถูกที่รู้ว่าอชิระคือพ่อของโอโซน ความผิดหวังวิ่งปะทะเข้าใส่เต็มแรงจนแทบผงะล้ม หญิงสาวหน้าเจื่อน ไม่รู้ว่าต้องยิ้มหรือจะร้องไห้ดี เสี้ยวเล็กๆ ก็ดีใจที่อชิระผู้แสนใจดีกลายมาเป็นพ่อของลูกชายเธอ คราวนี้คงสมใจแม่ แต่อีกความรู้สึกที่ปกคลุมหัวใจมากกว่าคือความผิดหวัง ที่พ่อของลูกไม่ใช่อคิราห์ ผู้ชายที่เธอปรารถนามาตลอดชีวิต
“ผมจะบอกโอโซนว่าผมเป็นพ่อของเขา แล้วเราจะได้อยู่ด้วยกันเป็นครอบครัว ดีมั้ยครับ” ชายหนุ่มไม่รอช้า เดินหน้าบุกต่อทันที เขารู้สึกขอบคุณตัวเองในอดีตที่ตัดสินใจบริจาคน้ำเชื้อ ถ้าวันนั้นเขาตัดสินใจเดินหนีออกจากโรงพยาบาล ปาฏิหาริย์วันนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น เขากำลังจะได้เป็นครอบครัวเดียวกันกับผู้หญิงที่เขารัก
“อย่าเพิ่งเลยค่ะ” หญิงสาวรีบออกปากห้ามทันที
“ทำไมล่ะครับ” ชายหนุ่มตกใจที่เธอไม่เห็นด้วย ทั้งที่ผลก็ออกมาแล้วว่าพ่อที่แท้จริงคือเขาไม่ใช่พี่ชายที่เป็นได้แค่พ่อตัวปลอม
“ขืนบอกไปตอนนี้ โอโซนได้สับสนจนมีปัญหาแน่ค่ะ คิดดูสิคะ อยู่ดีๆ คนที่เป็นอากลายมาเป็นพ่อ ส่วนพ่อกลายเป็นลุง ขนาดผู้ใหญ่อย่างพวกเรายังช็อคเลย นับประสาอะไรกับเด็กตัวแค่นั้น” ปัณฑารีย์มองเห็นความวุ่นวาย ถ้าอยู่ดีๆ โอโซนจะมีพ่อใหม่เป็นอชิระ เรื่องอย่างนี้คงต้องใช้เวลาในการอธิบายและทำความเข้าใจกันอีกนาน
“ไม่ใช่ว่าปัน ไม่อยากให้ผมเป็นพ่อของแกนะครับ” อยู่ดีๆ ก็คิดขึ้นมาได้ว่าหญิงสาวอาจไม่ได้ต้องการเขามาเป็นพ่อให้กับลูกของเธอ
“เอ่อ…เดี๋ยวเราค่อยคุยเรื่องนี้กันแบบจริงจังดีกว่า ตอนนี้คนเริ่มเยอะแล้ว ที่นี่ไม่สะดวกแล้วละ แล้วปันก็มีสอนต่อด้วย ปันไปสอนก่อนนะ” หญิงสาวเดินจากไปด้วยหัวใจที่สับสน อย่างน้อยเธอต้องขอเวลาที่จะเรียกสติกลับคืนมา แล้วคิดว่าต้องทำอย่างไรต่อดีที่จะไม่ส่งผลกระทบต่อลูกชายและครอบครัวของทั้งสองฝ่ายในอนาคต
เย็นนั้นอชิระเอาเรื่องผลตรวจดีเอ็นเอไปปรึกษาพ่อ อมรดีใจมากเมื่อรู้ว่าโอโซนเป็นหลานแท้ๆ ของตัวเอง รีบยุให้ลูกชายคนเล็กไปขอปัณฑารีย์แต่งงานจะได้ย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านด้วยกัน เพราะรู้อยู่แล้วว่าลูกชายรักฝ่ายหญิงมาก
“ผมก็อยากรับสองคนมาอยู่ด้วยกันวันนี้เลยครับ แต่ปันบอกว่าไม่อยากให้ลูกสับสน เพราะตอนนี้เขาคิดว่าพี่ซันคือพ่อ ถ้าไปบอกว่าผมเป็นพ่อที่แท้จริง โอโซนอาจจะตกใจและรับไม่ได้” ลูกชายอธิบายให้พ่อฟัง คนแก่เห็นด้วย เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่อาจส่งผลกระทบต่อจิตใจของโอโซนได้
“เราลองไปปรึกษาจิตแพทย์กันดูมั้ย ว่าต้องทำอย่างไร ถึงจะบอกความจริงโดยไม่ให้หลานพ่อเสียใจหรือกลายเป็นเด็กมีปัญหา” อมรเสนอทางออก
“ครับ ผมก็ว่าจะไปคุยกับเพื่อนที่เป็นจิตแพทย์ ให้มันช่วยหาทางออกให้”
“อ้าว กลับมาแล้วเหรอเจ้าซัน มาๆ พ่อกับน้องกำลังคุยกันเรื่องจะรับโอโซนกับหนูปันมาอยู่บ้านเรา แกคิดว่ายังไงดี ควรให้น้องแกแต่งงานก่อนมั้ย หรือว่ารับเข้ามาได้เลยแล้วแต่งทีหลัง” คนเป็นพ่อพูดจ้อโดยลืมไปเสียสนิทว่า ลูกชายคนโตเองก็มีใจให้กับปัณฑารีย์ แต่ด้วยความดีใจที่จะได้หลานชายสุดที่รักกลับมา เขาจึงไม่ทันคิด
“ยังไงก็ได้ครับ” เสียงของชายหนุ่มเบาหวิวจนแทบจะถูกกลืนหายลงไปในลำคอ เขาเดินตัวลอยขึ้นห้องไป ใม่อยากรับฟังหรือรับรู้เรื่องราวที่ทำให้ใจต้องเจ็บปวด ถึงจะดูเห็นแก่ตัวและใจร้าย แต่จะให้เขายิ้มหน้าชื่นแสดงความยินดีในเวลานี้ บอกตรงๆ ว่าทำไม่ได้
อชิระกับพ่อมองตามหลังอคิราห์ที่เดินล่องลอยขึ้นบันไดไปชั้นบน อมรเพิ่งรู้สึกตัวว่าความดีใจของเขากำลังทำร้ายความรู้สึกของลูกชายอีกคน คนแก่ถอนหายใจเฮือก หนักใจ ไม่รู้ว่าต้องวางตัวอย่างไรถึงจะไม่ทำร้ายหัวใจของลูกชายทั้งสองคน ในเมื่อเขามั่นใจว่าทั้งคู่มีใจให้กับปัณฑารีย์เหมือนกัน หรือนี่อาจไม่ใช่พรหมลิขิต แต่เป็นชะฟ้ากลั่นแกล้ง ผู้ชายในครอบครัวนี้จึงไม่ได้รับอนุญาตให้มีความสุขแบบจริงจัง
หลังจากที่ได้รับรู้ผลตรวจดีเอ็นเอ อคิราห์ก็ไม่ค่อยได้กลับบ้าน เขาทำงานหนักเพื่อให้ลืมความเจ็บปวดและผิดหวัง ชายหนุ่มพักอยู่ที่โรงพยาบาล หรือไม่ก็ขอนอนตามบ้านเพื่อน จนเพื่อนๆ ต่างก็สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับผู้ชายที่เคยเย็นชาหน้านิ่ง แต่ช่วงนี้กลายเป็นคนใจลอย หน้าเศร้าตลอดเวลา บางครั้งเห็นเด็กๆ ก็เผลอตัวเข้าไปหาไปกอด จนเด็กกลัวร้องไห้ไปก็มี แต่เมื่อถามกลับไม่เคยได้คำตอบจากปากอคิราห์ มีเพียงความเงียบที่น่าอึดอัด จนเพื่อนๆ เลิกถามไปเองและปล่อยให้ชายหนุ่มดำเนินชีวิตด้วยความอึมครึม หม่นหมอง ทำได้เพียงคอยมองด้วยความห่วงใย
เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งโทร.ไปหาตีรณา ถามว่าทะเลาะกันหรือเปล่า และพูดทำนองว่าชายหนุ่มอาการเหมือนคนอกหัก หญิงสาวรับฟังเรื่องราวด้วยความรู้สึกที่ทั้งสะใจและเสียใจไปพร้อมกัน เธอรู้มาว่า อชิระจัดการตรวจดีเอ็นเอของโอโซน และผลออกมาว่าอชิระคือพ่อของเด็กคนนั้น ครั้งแรกที่ได้รู้เธอทั้งแปลกใจ ดีใจ สะใจ ที่อคิราห์จะได้เจ็บปวดเหมือนเธอบ้าง แต่เมื่อเห็นความเศร้าของเขา ลึกๆ ก็รู้สึกสงสารและเห็นใจ เพราะรู้ว่าการที่คนเราไม่ได้รับความรักจากคนที่ตัวเองคาดหวัง มันทุกข์แค่ไหน และผู้ชายที่เคยไร้หัวใจแบบนั้นยิ่งเจ็บปวดกว่าคนทั่วไปหลายเท่านัก
ส่วนปัณฑารีย์เองก็กลุ้มใจจนไม่เป็นอันทำอะไร สมองคิดวนเวียนว่าจะจัดการอย่างไรกับความจริงที่ปรากฏขึ้นมา โอโซนจะรู้สึกอย่างไรถ้าเธอไปบอกว่าพ่อของเขาคืออชิระไม่ใช่อคิราห์ ไหนจะความรู้สึกของตัวเองที่วุ่นวายสับสนไม่แพ้กัน วันก่อนอชิระพูดออกมาตรงๆ แล้วว่าอยากแต่งงานกับเธอ และให้ย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านของเขา หรือถ้าไม่สะดวกใจที่จะต้องอยู่ร่วมบ้านกับพี่ชาย กลัวว่าลูกจะสับสน เขาก็จะซื้อบ้านใหม่แล้วพาเธอกับลูกไปอยู่ด้วยกัน เริ่มต้นชีวิตใหม่สามคนพ่อแม่ลูก ฟังดูเป็นครอบครัวที่น่าจะมีความสุข แต่เธอกับลูกจะมีความสุขจริงหรือ
ความวัวยังไม่ทันหาย ก็มีข่าวแพร่สะพัดไปทั่วว่าอคิราห์กับตีรณาถอนหมั้นกันแล้ว และสาเหตุเกิดจากปัณฑารีย์ หญิงสาวทั้งตกใจและงงเป็นไก่ตาแตก เธอไม่ได้เจอและพูดคุยกับชายหนุ่มมาตั้งแต่วันที่รู้ผลตรวจดีเอ็นเอ แม้ก่อนหน้านั้นเธอก็ไม่เคยพูดยุยงหรือแสดงอาการที่อยากให้ทั้งคู่เลิกกัน จะเป็นไปได้อย่างไรที่เธอจะเป็นคนทำให้คู่รักไฮโซต้องแยกทาง มีแค่สาเหตุเดียวคือมีคนต้องการใส่ร้ายเพื่อทำลายชื่อเสียงของเธอ
แต่การที่ข่าวลือได้แพร่ออกไป ไม่เพียงทำให้เธอตกเป็นขี้ปากของเพื่อนร่วมงานเท่านั้น แต่ยังทำให้ชื่อเสียงที่สร้างมาแปดเปื้อน มีผลต่อการพิจารณาตำแหน่งที่ปรึกษา เธอถูกผู้ใหญ่ที่นับถือเรียกเข้าไปสอบถามเรื่องราว ถึงแม้จะเล่าความจริงทั้งหมดว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ แต่เมื่อฝ่ายตีรณายืนยันว่าเธอเป็นต้นเหตุของการเลิกราจริงๆ ทำให้เธอกลายเป็นคนโกหกไร้ยางอาย ที่ใช้วิธีสกปรกแย่งชิงสิ่งที่ไม่ใช่ของตัวเอง โดยมีขวัญสุดาเป็นแผนกยุยงใส่สีตีไข่ให้ข่าวนั้นมีความน่าตื่นเต้นและดูสมจริงมากยิ่งขึ้น แต่ถึงจะรู้อย่างนั้น หญิงสาวก็กลับนิ่งเฉย ไม่คิดจะอธิบายความจริงหรือแก้ไขความเข้าใจผิด เพราะเธอมั่นใจว่าอย่างไรสักวันความจริงก็ต้องปรากฏ คนโกหกต้องแพ้ภัยตัวเอง เหมือนกับเธอที่ผูกเรื่องโกหกขึ้นมาเพื่อเอาตัวรอดเรื่องพ่อของโอโซน จนทุกอย่างวุ่นวายจนคลายปมไม่ออก และกำลังส่งผลต่อความรู้สึกของคนที่เธอรักที่สุด
“ขอบคุณอาจารย์มากนะคะที่ให้เกียรติมาบรรยายให้งานเราค่ะ” ผู้บริหารมูลนิธิเพื่อสิ่งแวดล้อมแห่งหนึ่ง กล่าวขอบคุณปัณฑารีย์ที่รับเชิญมาช่วยบรรยายทางวิชาการให้ผู้ที่สนใจด้านสิ่งแวดล้อมฟัง
“ฉันต่างหากค่ะที่ต้องขอบคุณทางมูลนิธิที่ให้โอกาส ทั้งที่ตอนนี้มีข่าวไม่ค่อยดีเกี่ยวกับฉันสักเท่าไหร่” หญิงสาวยิ้มบางๆ ด้วยความเหนื่อยใจ
“ฉันไม่ได้สนใจเรื่องส่วนตัวของอาจารย์ปันหรอกค่ะ ฉันสนใจแค่ความสามารถของอาจารย์ที่จะเป็นประโยชน์ต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมบ้านเรามากกว่า แต่ยังไงฉันก็เอาใจช่วยให้อาจารย์ผ่านเรื่องร้ายๆ ไปได้นะคะ” ผู้บริหารให้กำลังใจก่อนจะขอตัวไปดูแลงานให้เรียบร้อย
ปัณฑารีย์มองตามหลังหญิงสูงวัยผู้มีใบหน้าใจดีด้วยความรู้สึกขอบคุณในใจ ถึงจะมีข่าวเสียหายเรื่องชู้สาวจนทำให้หลายแห่งยกเลิกการเชิญเธอไปเป็นวิทยากรบรรยายให้ความรู้ แต่ก็ยังมีบางหน่วยงานที่เห็นว่าความสามารถของเธอสำคัญกว่าข่าวลือในโลกโซเชียล วันนี้เธอจึงได้มาบรรยายเรื่องสิ่งแวดล้อมตามที่เคยได้ประสานงานกันไว้ หลังจากเสร็จงานกำลังคิดว่าจะไปหาอะไรรองท้อง เพราะตั้งแต่เช้าหญิงสาวยังไม่กินอะไรนอกจากกาแฟหนึ่งแก้วในงาน
เมื่อเดินมาถึงล็อบบีโรงแรม อาจารย์สาวชะงักเท้าเมื่อเห็นอคิราห์นั่งเหม่อลอยเพียงลำพังในร้านกาแฟของโรงแรม สีหน้าของเขาเศร้าจนน่าใจหาย เธอเดาเอาว่าเขาคงกำลังเสียใจที่ต้องเลิกรากับตีรณา ปัณฑารีย์ลังเลอยากจะเข้าไปขอโทษที่เป็นต้นเหตุให้เขากับคู่หมั้นมีปัญหากัน แต่อีกใจก็กลัวว่าอาจทำให้เรื่องราววุ่นวายขึ้น จึงตัดสินใจว่ายังไม่ควรเผชิญหน้ากับชายหนุ่มในตอนนี้ จึงมุ่งหน้าไปที่ประตูโรงแรม
“ปัน!”
เสียงเรียกของอคิราห์ทำให้เธอชะงักเท้า และฝืนใจหันกลับไปมองเขา
หมอหนุ่มดีใจที่ได้เจอปัณฑารีย์ เขาลุกขึ้นพยักหน้าเรียกเธอเข้ามา ตั้งแต่เหตุการณ์ช็อกความรู้สึกที่ร้านกาแฟในมหาวิทยาลัย เขาก็ไม่เคยได้เจอหรือพูดคุยกับเธออีกเลย
“พี่ซัน มาทำอะไรที่นี่คะ” หญิงสาวแกล้งยิ้มสดใส และหันไปสั่งกาแฟและแซนด์วิชกับพนักงานที่เดินเข้ามารับออร์เดอร์
“พี่มาทำธุระแถวนี้ ก็เลยแวะมากินกาแฟ ปันเป็นยังไงบ้าง ข่าวนั้น…” เขารู้สึกผิดที่ความสัมพันธ์ย่ำแย่ของตัวเองกับตีรณาส่งผลกระทบกับหญิงสาวร้ายแรง
“ไม่ต้องสนใจข่าวลือพวกนั้นหรอกค่ะ ปันรู้ว่าไม่ได้ทำอะไรแบบนั้น แต่ปันก็อยากขอโทษพี่ซันที่เป็นต้นเหตุให้พี่กับคุณตี้มีปัญหากัน”
“มันไม่ได้เกี่ยวกับปันหรอก มันเป็นเรื่องของคนสองคนที่แตกต่างกันจนเดินร่วมทางไม่ได้ พวกเรารู้ตัวกันมาสักพักแล้วละ แต่ต่างฝ่ายก็ไม่อยากยอมรับความจริง เลยแกล้งทำเป็นไม่เห็นปัญหา สำหรับพี่อาจกลัวว่าจะทำให้อีกฝ่ายเสียใจ แต่ลืมคิดไปว่ายิ่งยื้อไว้โดยที่รู้อยู่แล้วว่าไม่มีวันเป็นไปได้ เขาจะเสียใจมากกว่า” ชายหนุ่มหมุนแก้วกาแฟอุ่นๆ เล่น เหมือนกับว่าถ้าไม่ยึดอะไรไว้สักอย่างในตอนนี้ เขาจะถูกดูดลงไปในห้วงลึกของความรู้สึกผิด
“ถ้าพี่รู้สึกแย่ขนาดนี้ ทำไมไม่คืนดีกับคุณตี้ล่ะคะ ปันว่าคุณตี้รักพี่ซันมาก เธอยอมให้อภัยพี่ได้แน่ค่ะ พี่จะได้ไม่ต้องทุกข์ใจแบบนี้” เมื่อเห็นอาการที่เสียสมดุลของชายหนุ่ม หญิงสาวจึงคิดว่าเขาคงยังไม่พร้อมที่จะเดินจากตีรณามาก็เป็นได้
“ปันอยากให้พี่กลับไปคบกับตี้เหรอ” เขาเงยหน้ามองเธอด้วยแววตาตัดพ้อ
“ถ้าพี่อยากกลับนะคะ” แล้วจะให้เธอพูดอะไรได้
“ถ้าปันไม่เคยรู้ว่าพี่คิดอะไรในใจ ปันก็อย่าผลักไสพี่ไปให้คนอื่น พี่ไม่ใช่สิ่งของ พี่มีหัวใจ” ชายหนุ่มน้อยใจที่ผู้หญิงที่เขารักไม่เคยรู้สักนิดว่าเขาคิดอะไรกับเธอ อคิราห์ลุกขึ้นและเดินออกไปทันที เพราะกลัวว่าน้ำตาแห่งความเสียใจจะไหลออกมาต่อหน้าเธอ
ปัณฑารีย์ตกใจ มองตามแผ่นหลังของชายหนุ่ม สิ่งที่เธอพูดออกไปคือความหวังดี อยากให้เขามีความสุขอีกครั้ง แต่กลับทำให้เขาโกรธจนเดินหนี สาวสวยไม่เข้าใจว่าเธอพูดหรือเข้าใจอะไรผิด ในใจอยากตามไปปรับความเข้าใจแต่ก็ไม่กล้า จึงได้แต่มองดูเขาเดินจากไปจนลับสายตา
- READ ลูกไม้เกี่ยวรัก บทที่ 19 : โอ้ทะเลแสนเศร้า
- READ ลูกไม้เกี่ยวรัก บทที่ 18 : รักแท้หรือจะแพ้ใกล้ชิด
- READ ลูกไม้เกี่ยวรัก บทที่ 17 : เมื่อไหร่จะพูดความจริง
- READ ลูกไม้เกี่ยวรัก บทที่ 16 : ผมเป็นพ่อครับ
- READ ลูกไม้เกี่ยวรัก บทที่ 15 : สุขสันต์วันเกิด
- READ ลูกไม้เกี่ยวรัก บทที่ 14 : ผู้บริจาคน้ำเชื้อ
- READ ลูกไม้เกี่ยวรัก บทที่ 13 : ลูกฉันไม่ใช่ลูกนาย
- READ ลูกไม้เกี่ยวรัก บทที่ 12 : ความเหมือนที่ชวนแปลกใจ
- READ ลูกไม้เกี่ยวรัก บทที่ 11 : ย้ายไปอยู่กับพ่อ
- READ ลูกไม้เกี่ยวรัก บทที่ 10 : คนที่ถูกมองข้าม
- READ ลูกไม้เกี่ยวรัก บทที่ 9 : ลูกหาย
- READ ลูกไม้เกี่ยวรัก บทที่ 8 : คุณพ่อจำเป็น
- READ ลูกไม้เกี่ยวรัก บทที่ 7 : ความลับของหนุ่มหล่อ
- READ ลูกไม้เกี่ยวรัก บทที่ 6 : พ่อผมเป็นหมอ
- READ ลูกไม้เกี่ยวรัก บทที่ 5 : คุณอาใจดีกับลุงหมอหน้าดุ
- READ ลูกไม้เกี่ยวรัก บทที่ 4 : โอโซนถูกบุลลี
- READ ลูกไม้เกี่ยวรัก บทที่ 3 : สวัสดีพี่ชายที่คิดถึง
- READ ลูกไม้เกี่ยวรัก บทที่ 2 : ยินดีต้อนรับกลับบ้าน
- READ ลูกไม้เกี่ยวรัก บทที่ 1 : แม่ลูกคู่ปรับ