ดอกฟ้ายาใจ บทที่ 5 : คู่หมั้นคู่หมาย

ดอกฟ้ายาใจ บทที่ 5 : คู่หมั้นคู่หมาย

โดย : พงศกร

Loading

ดอกฟ้ายาใจ นวนิยายแนวยั่วล้อที่ พงศกร เขียนเอาไว้เมื่อหลายปีก่อน ได้รับความนิยมทั้งแบบรูปเล่มและนำไปเป็นละครโทรทัศน์ แต่หนังสือขาดหายไปนานและมีเสียงเรียกร้องให้นำกลับมาพิมพ์ใหม่เป็นจำนวนมาก สำนักพิมพ์กรู๊ฟพับลิชชิ่งจึงได้จัดพิมพ์ ‘ดอกฟ้ายาใจ’ อีกครั้ง เพื่อแทนคำขอบคุณแฟนๆ ที่ติดตามเว็บไซต์อ่านเอาและสำนักพิมพ์มาโดยตลอด

เช้าวันนั้น อากาศสดชื่นแจ่มใส ดอกไม้ในสวนใหญ่ของบ้านมรกตบานรับแสงตะวันอบอุ่น ดวงหน้าของทุกคนยิ้มแย้มแจ่มใส สมกับเป็นวันหมั้นของกรผกามารศรี ธิดาสาวเพียงคนเดียวของเจ้าสัวทินกร และอนึกบุตรชายเพียงคนเดียวของอธิบดีอนันต์

แขกเหรื่อทั่วทั้งกรุงเทพมหานครพากันทยอยมางานหมั้นของหญิงสาวผู้เป็นจุดสนใจของคนทั้งประเทศโดยไม่ขาดสาย ทำให้รถราในย่านนั้นติดขัดหลายชั่วโมง ทุกคนล้วนแต่มีของขวัญเตรียมมามอบให้เพื่อแสดงความยินดีกับลูกสาวของเจ้าสัวทินกร จำนวนของขวัญนั้นมีมากจนกระทั่งคุณหญิงสายหยุดต้องสั่งให้คนใช้เปิดโกดังที่อยู่หลังบ้านเพื่อใช้เก็บของขวัญ เพราะไม่เช่นนั้นแล้วก็ไม่รู้จะเอาไปเก็บไว้ที่ไหน

ดูเหมือนว่าวันนี้เป็นวันมงคลที่ใครๆ ต่างพากันมาแสดงความยินดี หากกรผกามารศรีผู้เป็นเจ้าของงานกลับนั่งหน้าตาหม่นเศร้าอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง

วันนี้หล่อนสวยสง่าในชุดไทยบรมพิมานสีเขียวอมฟ้าน้ำทะเล ผมเกล้าสูงปักด้วยปิ่นทองของเก่าแก่ที่ตกทอดกันมา ลำคอระหงของกรผกามารศรีสวมสร้อยมรกตเม็ดโตเท่าไข่ห่าน อันเป็นเครื่องเพชรประจำตระกูลที่พระยาบริรักษ์เดชามอบให้กับทินกรผู้เป็นบุตรชาย และวันนี้เจ้าสัวทินกรก็สั่งให้คุณหญิงสายหยุดนำเอาสร้อยมรกตออกมาจากกรุเครื่องเพชร แล้วมอบให้กับบุตรสาวผู้เป็นสุดที่รักเป็นของขวัญ

‘ลูกจงเก็บสร้อยมรกตเส้นนี้เอาไว้ให้ดีที่สุด’ กรผกามารศรียังจดจำคำที่บิดาบอกกับหล่อนตอนที่มอบสร้อยมรกตประจำตระกูลให้ได้ดี ‘เพราะสร้อยมรกตเส้นนี้เป็นของมีค่าที่ตกทอดกันมาในตระกูลมรกตของเรา และเพราะว่ามรกตที่นำมาทำสร้อย เป็นมรกตเม็ดใหญ่ที่สุดในพระนครในเวลานั้น ตระกูลของเราจึงมีนามสกุลว่า มรกต…ลูกเป็นลูกสาวคนเดียวของพ่อ เป็นทายาทคนเดียวของตระกูล ดังนั้นสร้อยคอมรกตเส้นนี้จึงเหมาะสมที่สุดที่จะเป็นของลูกจ้ะ…กรผกามารศรี’

ตระกูลมรกต!

หญิงสาวเผลอยกมือขึ้นลูบสร้อยเส้นงามด้วยความคิดคำนึง

อีกไม่นาน…หล่อนก็จะต้องแต่งงาน และเปลี่ยนไปใช้นามสกุลปัจจนึกนิมิตรของอนึกแล้วสินะ หล่อนจะไม่ใช่คนของตระกูลมรกตอีกต่อไป น่าเสียดายนัก

“ลงไปเถอะค่ะคุณหนู จวนจะได้เวลาแล้ว แขกเหรื่อมากันมากหน้าหลายตาทีเดียวนะคะ” แม่นิ่มกระซิบบอกหญิงสาวที่ตนเองเลี้ยงดูมาตั้งแต่ยังแบเบาะ

“แม่นิ่มขา…” กรผกามารศรีเดินไปกอดแม่นมเอาไว้แน่น ซบหน้าลงกับไหล่ของผู้สูงวัยแล้วทำท่าเหมือนจะร้องไห้ ขณะเอ่ยด้วยน้ำเสียงละห้อยว่า “กรผกาไม่อยากหมั้นเลย ทำไมคุณพ่อคุณแม่ต้องบีบบังคับกรผกาแบบนี้ด้วยคะ”

“อย่าคิดมากเลยค่ะคุณหนู” แม่นิ่มพยายามปลอบใจหญิงสาว “เจ้าสัวและคุณหญิงรักคุณหนูมากนะคะ ท่านจะต้องเลือกแล้วว่าคุณอนึกเป็นคนดี ท่านจึงยอมให้มีการหมั้นเกิดขึ้นในวันนี้”

“แต่กรผกาไม่ได้รักเขานี่คะ คนอะไรก็ไม่รู้หน้าย้าวยาวอย่างกับม้า ชื่อก็น่าเกลียด อะ…นึก…คนแบบนี้เหรอคะที่จะมาเป็นสามีของกรผกาในอนาคต รับไม่ได้ค่ะ” หญิงสาวยังคงคร่ำครวญ

“ถึงตอนนี้ก็สายไปแล้วละค่ะคุณหนู” แม่นิ่มส่ายหน้าด้วยหมดปัญญาจะคิดหาทางแก้ไข “แจกการ์ดไปหมดแล้ว แขกก็ทยอยมาจนมากมาย สถานีโทรทัศน์มารอทำข่าวกันครบทุกช่อง ยังจะหนังสือพิมพ์และนิตยสารอีกต่างหาก ยังไงก็ต้องหมั้นค่ะ”

“เรามาเปลี่ยนเสื้อ เปลี่ยนตัวกันเถอะค่ะแม่นิ่ม” กรผกามารศรีนึกถึงแผนการที่นางเอกหนังไทยชอบทำกัน “แม่นิ่มปลอมตัวเป็นกรผกา กรผกาปลอมเป็นแม่นิ่ม แล้วแม่นิ่มก็ลงไปหมั้นแทนกรผกา เท่านี้ก็ไม่มีใครรู้หรอกค่ะ”

“แม่นิ่มเนี่ยนะคะ” แม่นมสูงวัยร้องเสียงลั่น ก้มมองดูสารรูปของตัวเองแล้วก็รีบส่ายหน้าไปมา “เยินขนาดนี้นะคะจะให้แม่นิ่มปลอมเป็นคุณหนู…ใครเห็นเข้าก็คงจำไม่ได้หรอกค่า แก่ก็ปานนั้น แถมยังทั้งอ้วนทั้งเตี้ยอีกต่างหาก ใครเขาจะเชื่อคะ คุณหนูของนิ่มออกจะสวยสง่า สูงระหง”

“แต่กรผกาไม่อยากหมั้นนี่คะ” หญิงสาวมัวแต่ดื้อแพ่ง จึงไม่ทันได้ยินเสียงคนเปิดประตูเข้ามาในห้อง

“อะไรกันลูก นี่ยังไม่ลงไปอีกหรือ แต่งตัวเสร็จหรือยัง มัวโอ้เอ้พิรี้พิไรอะไรอยู่อีก จวนจะได้เวลาหมั้นตามฤกษ์แล้วนะ” เจ้าสัวทินกรเร่งบุตรสาว ขณะที่คุณหญิงสายหยุดมองดูกรผกามารศรีด้วยสายตาชื่นชม

“ลูก…ลูก…เอ้อ…ลูกไม่อยาก…เอ้อ…”

เห็นบิดามารดาเดินขึ้นมาตามด้วยตนเองเช่นนี้ หญิงสาวจึงไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากยอมเดินตามหลังเจ้าสัวทินกรและคุณหญิงสายหยุดไปแต่โดยดี

ขณะเดินลงบันไดไปด้วยกันนั้น เจ้าสัวทินกรก็หันมาหาบุตรสาวด้วยสายตาภาคภูมิใจ ยกมือข้างหนึ่งขึ้นลูบศีรษะกรผกามารศรีพร้อมกับบอกว่า

“ขอบใจลูกมากนะที่ตกลงใจยอมหมั้นกับอนึก รู้ไหมว่าทันทีที่ข่าวหมั้นของลูกได้ถูกประกาศออกไป นักลงทุนต่างชาติก็เริ่มมีความมั่นใจในเศรษฐกิจไทยขึ้นมาอีกครั้ง ดัชนีหุ้นดาวน์โจนส์ ดัชนีฮั่งเส็ง ดัชนีนิกเกอิ และดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลกพุ่งพรวดพราดขึ้นแทบจะทันที มรกตพรอพเพอร์ตี้เราคงจะรอดแล้วละลูกเอ๋ย”

“แต่ที่สำคัญที่สุด” คุณหญิงสายหยุดรีบเสริมผู้เป็นสามี “พ่อและแม่อยากให้ลูกเป็นฝั่งเป็นฝา มีครอบครัวที่ดีและมั่นคง อย่าลืมนะคะลูกขา…สามีเป็นฉัตรแก้วกั้นเกศ งามหน้างามเนตรทุกเวลา…อนึกจะต้องดูแลลูกได้เป็นอย่างดีเลยเชียวละ ถึงแม้ว่าเขาจะจนกว่าเรา แต่ชาติตระกูลของเขาก็สืบทอดมาจากเสด็จพระองค์หญิง จัดได้ว่าดีและทัดเทียมกับตระกูลมรกตของเรานะคะลูกขา”

“เห็นลูกได้หมั้นกับคนดีๆ อย่างนี้ ถึงตายไปพ่อก็ตายตาหลับ หมดห่วงแล้วละ” เจ้าสัวทินกรพูดพร้อมกับยิ้มออกมาด้วยความสุขใจ หากกรผกามารศรีกลับรู้สึกใจหายวูบด้วยความสังหรณ์บางประการ

“ไม่เอาค่ะ” หญิงสาวส่ายหน้า “คุณพ่ออย่าพูดเรื่องตายในงานหมั้นของลูกสิคะ ไม่เป็นมงคลเอาเสียเลย”

“ไม่เห็นจะเป็นไรเลยลูก ทุกคนเกิดมาก็ต้องตายทั้งนั้น”

เจ้าสัวทินกรยังคงยิ้ม เขาผ่านโลกและความลำบากมามากแล้ว จึงเห็นว่าการเกิด แก่ เจ็บ ตายนั้นเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ในโลกใบนี้

“ไม่มีใครรู้หรอกว่าตัวเองจะต้องตายเมื่อไหร่ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงสอนทุกคนว่าอย่าประมาท ให้เจริญมรณานุสติอยู่ตลอดเวลา ใครจะรู้ว่าเข้านอนคืนนี้ พรุ่งนี้เราอาจจะไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลยก็ได้”

“แต่ลูกยังไม่อยากให้คุณพ่อตายนี่คะ” กรผกามารศรีกอดแขนของบิดา ทำเสียงออดอ้อนราวกับเด็กๆ “คุณพ่อยังแข็งแรงแบบนี้ ต้องอยู่กับลูกไปนานๆ นะคะ คุณแม่ด้วย” หญิงสาวหันไปทางคุณหญิงสายหยุด “คุณแม่ต้องอยู่กับลูกนานๆ นะคะ”

“จ้ะลูก” คุณหญิงสายหยุดยิ้มมีความสุข “ถ้าทั้งพ่อและลูกไม่ขัดใจคุณหญิงแม่ละก็ รับรองว่าคุณหญิงแม่จะแข็งแรงไปอีกนานเลยเชียวละ”

ที่คุณหญิงสายหยุดพูดเช่นนี้ ก็เพราะว่าเธอมีโรคหัวใจเป็นโรคประจำตัวอยู่ หมอประจำสั่งว่าห้ามทำให้คุณหญิงเครียด ห้ามขัดใจ เพราะไม่เช่นนั้นอาการของโรคหัวใจคุณหญิงอาจจะกำเริบขึ้นมาเมื่อใดก็ได้

ด้วยเหตุนี้ ทั้งเจ้าสัวทินกรและบุตรสาวจึงพยายามที่จะไม่ขัดใจคุณหญิงไม่ว่าจะกรณีใดๆ

กรผกามารศรียังไม่เท่าไร เพราะบางครั้งถ้ามารดาทำอะไรไม่ถูกต้อง หญิงสาวก็จะขัดใจเอาบ้าง แต่เจ้าสัวทินกรนั้นทั้งรักและเกรงใจคุณหญิงผู้เป็นภรรยามากกว่าลูกสาวหลายเท่า คุณหญิงสายหยุดจึงทำอะไรได้ตามใจตัวเองแทบทุกอย่าง แม้แต่การไปเล่นไพ่เล่นการพนัน

เจ้าสัวทินกรรู้ทั้งรู้ว่าเล่นการพนันนั้นไม่ใช่สิ่งดี หากเขารู้ว่าคุณหญิงสายหยุดทำไปเพื่อจะเข้าสังคม และเป็นงานอดิเรกในยามว่างเท่านั้น จึงไม่อยากจะขัดใจให้คุณหญิงต้องเครียดและเสียใจ อีกอย่างเขารู้อยู่เต็มหัวอกว่าเงินของตระกูลมรกตนั้นมีมากมายมหาศาล การที่ภรรยาของเขาจะเอาไปใช้บ้างนิดๆ หน่อยๆ จึงไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร

ครอบครัวของกรผกามารศรีจึงอยู่กันมาด้วยความสุขสมบูรณ์ บิดามารดารักใคร่กันเป็นอย่างดี ไม่เคยมีเรื่องราวทะเลาะเบาะแว้งเหมือนอย่างครอบครัวอื่นแม้สักครั้ง

 



Don`t copy text!