ดอกฟ้ายาใจ บทที่ 22 : สร้อยมรกต

ดอกฟ้ายาใจ บทที่ 22 : สร้อยมรกต

โดย : พงศกร

Loading

ดอกฟ้ายาใจ นวนิยายแนวยั่วล้อที่ พงศกร เขียนเอาไว้เมื่อหลายปีก่อน ได้รับความนิยมทั้งแบบรูปเล่มและนำไปเป็นละครโทรทัศน์ แต่หนังสือขาดหายไปนานและมีเสียงเรียกร้องให้นำกลับมาพิมพ์ใหม่เป็นจำนวนมาก สำนักพิมพ์กรู๊ฟพับลิชชิ่งจึงได้จัดพิมพ์ ‘ดอกฟ้ายาใจ’ อีกครั้ง เพื่อแทนคำขอบคุณแฟนๆ ที่ติดตามเว็บไซต์อ่านเอาและสำนักพิมพ์มาโดยตลอด

“เงียบๆ สิคะพี่เก่ง ประเดี๋ยวคนเขาก็รู้กันหมดหรอก”

“นี่มันของจริงหรือของเก๊กันแน่ฮะน้องผกา” พี่เก่งยังไม่หายตาลายจากประกายวูบวาบของสร้อยมรกต “ทำไมใหญ่อย่างกับไข่ห่านแบบนี้ ขวดน้ำอัดลมหรือเปล่าเนี่ย”

“ของจริงค่ะ” กรผกามารศรีทำหน้างอ “อย่างกรผกาใส่ของปลอมไม่เป็นหรอกค่ะ ใส่ของปลอมทีไรต้องแพ้เป็นผื่นคันทุกที สร้อยมรกตเส้นนี้เป็นของแท้แน่นอน เป็นสร้อยประจำตระกูลของกรผกา คุณพ่อให้กรผกาเอาไว้”

เล่ามาถึงตอนนี้ น้ำเสียงของหญิงสาวเริ่มหม่นเศร้ากว่าเก่า น้ำตาเริ่มหยาดหยดลงมาด้วยรู้สึกโศกสลดในความอาภัพอับโชคของตนเอง

“กรผกาตั้งใจจะเก็บเอาไว้เป็นอย่างดี ถึงจะตกยากอย่างไรก็จะไม่ยอมขายกินเด็ดขาด แต่ตอนนี้มันจำเป็นแล้วละค่ะพี่เก่ง คุณแม่ของกรผกาผ่าตัดต้องใช้เงินมาก ถ้าไม่ขายสร้อยเส้นนี้ กรผกาก็ไม่รู้จะไปหาเงินหลักล้านมาจากไหนในช่วงเวลาสั้นๆ ที่จริงมรกตใหญ่ขนาดนี้ ต้องขายได้เงินไม่ต่ำกว่าสิบห้าหรือยี่สิบล้าน แต่กรผกาต้องการเงินแบบเร่งด่วน…ขอสักล้านหรือสองล้านก็พอค่ะ”

“เอาก็เอาวะ” พี่เก่งกลืนน้ำลายเอื๊อกพร้อมกับตัดสินใจ “เดี๋ยวพี่เก่งจะลองเอาไปขายร้านทองในตลาดดู ไม่รู้จะมีใครยอมซื้อหรือเปล่า ใหญ่ขนาดนี้น่ากลัวเอาไปใส่แล้วจะหนักคอ คอคงเคล็ดน่ะสิ”

พี่เก่งรับเอาถุงกระดาษมาถือไว้ แล้วสตาร์ตมอเตอร์ไซค์ขี่ตระเวนเร่ขายสร้อยคอมรกตของกรผกามารศรีไปหลายแห่ง ไม่มีใครยอมซื้อสร้อยที่ทอมสาวเอาไปขายจริงดังว่า แต่ไม่ใช่ด้วยเหตุผลว่ามรกตใหญ่เกินไป แต่เป็นเพราะว่าร้านเพชรทุกแห่งไม่เคยเห็นมรกตใหญ่ขนาดนี้มาก่อน จึงไม่เชื่อว่าเป็นของจริง บางแห่งคิดว่าเก่งเป็นพวกสิบแปดมงกุฎต้มตุ๋น หลอกเอาขวดน้ำอัดลมเจียระไนมาขายเสียด้วยซ้ำไป

“มอรากดอาไรของมึงวะ” เจ้าสัวร้านทองแห่งหนึ่งด่าทอมสาว “ใหญ่ยังกะไข่ห่าน สงสัยของปลอมมากกว่า สมัยนี้มีมอรากดอาไรใหญ่แบบนี้ ใครซื้อก็โง่แล้วละ”

เสียงเจ้าสัวที่ด่าดังลั่นไปจนกระทั่งหญิงสูงวัยคนหนึ่งที่กำลังเลือกซื้อเพชรอยู่กับบุตรชายในร้านเดียวกันนั้นต้องหันมามอง

“เอ๊ะ หม่าม้าคุ้นหน้าแม่หนูคนนั้นจังเลย อาทินพันธ์”

“เอ๊ะ นั่นเก่งนี่ครับ” ชายหนุ่มที่พามารดามาเลือกซื้อเครื่องเพชรเพ่งมองร่างอ้วนป้อมของทอมสาว เขาจำได้แม่นว่าเคยเห็นเก่งกับกรผกามารศรีมาก่อน “เป็นเด็กในสลัมที่คุณกรผกามารศรีอพยพย้ายครอบครัวไปอยู่ครับ…หม่าม้า”

“เอาอะไรมาขายหรือจ๊ะหนู” คุณนายกิมเฮียงแกล้งเดินเข้าไปถามเก่งที่เก็บสร้อยมรกตใส่ถุงกระดาษ แล้วกำลังขยับกายจะเดินออกจากร้านไป

“สร้อยฮะ” เก่งว่า “ผมเอาสร้อยมรกตมาขาย”

“ไหนขอดูหน่อยสิ” ทินพันธ์ชะโงกหน้าไปบอกเก่ง

“เอ๊ะ คุณนี่หน้าคุ้นจังนะฮะ” เก่งพยายามนึกว่าเคยเห็นทินพันธ์ที่ไหนมาก่อน “อ๋อ นึกออกแล้ว คุณน่ะเอง เราเคยเจอกันมาแล้วนี่ฮะ คุณชอบน้องกรผกามารศรีนี่นา”

“แล้วนี่สร้อยของใคร อย่าบอกนะว่าของกรผกามารศรีให้นายเอามาเที่ยวเร่ขาย หรือว่านายไปขโมยของใครมาหรือเปล่า”

ทินพันธ์ขมวดคิ้ว เขาค่อนข้างมั่นใจว่าสร้อยมรกตเส้นโตนี้จะต้องเป็นสมบัติประจำตระกูลของกรผกามารศรีอย่างแน่นอน…หญิงสาวมีเรื่องจำเป็นอะไร ถึงขนาดจะต้องเอาสร้อยออกมาขายด้วยนะ

“จะบ้าหรือไง” เก่งตวาดแว้ด “สร้อยประจำตระกูลของน้องผกาเธอนั่นละ เขาให้ผมเอามาขายเพราะมีเรื่องต้องใช้เงิน…เรื่องอะไรรู้ไหมฮะ”

คุณนายกิมเฮียงและบุตรชายส่ายหน้าไปมาด้วยท่าทางจนปัญญา ไม่รู้สาเหตุว่าทำไมกรผกามารศรีต้องการเงินมากขนาดต้องเอาสมบัติชิ้นสุดท้ายที่มีมาขาย

“ก็นังวิกกี้เมียของนายนั่นละ” เก่งชี้หน้าทินพันธ์

“เฮ้ย…” ชายหนุ่มสะดุ้ง “เมียที่ไหน ไม่ใช่เมีย แฟนก็ยังไม่ใช่ ไม่ได้ชอบวิกกี้ซะหน่อย”

“นั่นละ จะเมียหรือไม่เมีย จะรักไม่รักก็ไม่รู้ด้วยหรอก” เก่งเท้าเอวข้างหนึ่งชี้หน้าชายหนุ่มด้วยความโมโห “นังวิกกี้ที่ว่าน่ะ ไม่พอใจที่นายไปติดพันกับน้องผกา ก็เลยพาพวกไปถล่มบ้านของน้องผกาเสียยับเยิน จนคุณหญิงสายหยุดน่ะหัวใจเกือบวายเข้าโรงพยาบาลไปเรียบร้อย ตอนนี้หมอเขาผ่าตัดให้ แต่ต้องใช้เงินหนึ่งล้านบาท น้องผกาก็เลยต้องเอาสร้อยเส้นนี้ออกมาขาย เพื่อหาเงินไปให้โรงพยาบาลเป็นค่ารักษาคุณหญิงสายหยุด”

“อะไรนะ” ทินพันธ์อ้าปากค้าง “ทำไมฉันไม่เห็นรู้เรื่องนี้เลย หม่าม้าครับ น้องวิกกี้ได้เล่าอะไรให้หม่าม้าฟังมั่งหรือเปล่า”

“เปล่าเลย” คุณนายกิมเฮียงรีบส่ายหน้า “หม่าม้าไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยนะ สงสัยป๊าของแกนั่นละอยู่เบื้องหลัง หน็อย เดี๋ยวกลับไปต้องจัดการเสียหน่อย…แต่…อ้อ…เธอ” มารดาของชายหนุ่มหันไปหาเก่ง แล้วถามด้วยความเป็นห่วงว่า “ตกลงตอนนี้ อาการของคุณหญิงสายหยุดเป็นยังไงมั่ง”

“ปลอดภัยแล้วฮะ แต่ต้องพักฟื้นในโรงพยาบาลอีกหลายวัน ระหว่างนี้น้องผกาก็เลยต้องหาเงินหนึ่งล้านไปจ่ายค่ารักษานี่ละ”

“ผมรับซื้อสร้อยเส้นนี้เอง” ทินพันธ์ยื่นมือไปดึงถุงมาจากมือของเก่งอย่างรวดเร็ว ราวกับกลัวว่าอีกฝ่ายจะเปลี่ยนใจไปเสียก่อน

“แล้วเงินล่ะ” เก่งทำหน้างงๆ

“ใครเขาจะพกเงินล้านออกจากบ้านกันเล่า” ทินพันธ์พึมพำ “บอกชื่อโรงพยาบาลที่คุณหญิงสายหยุดนอนป่วยมา แล้วฉันจะไปจ่ายเงินค่ารักษาทั้งหมดเอง เป็นค่าสร้อยเส้นนี้ ตกลงไหม”

“แน่นะฮะ” เก่งทำหน้าตาคาดคั้น “อย่าหลอกผมนะ เดี๋ยวโดนหลอกเอาสร้อยไปฟรีๆ ผมก็แย่น่ะสิ”

“ทินพันธ์ เกียรติมหึมามหาเศรษฐี พูดคำไหนคำนั้น” ชายหนุ่มยืดอกกล่าวด้วยความภาคภูมิใจ “ถึงผมจะไม่ใช่ผู้ดีเก่าอย่างน้องผกาของนาย แต่ผมก็มีสัจจะ”

“งั้นตกลง” เก่งพยักหน้าพร้อมกับบอกชื่อโรงพยาบาลที่คุณหญิงสายหยุดนอนป่วยให้ชายหนุ่มรู้

“อ้อ เก่ง” ก่อนทอมสาวจะขี่มอเตอร์ไซค์กลับไปแจ้งข่าวดีให้กรผกามารศรีรู้ ชายหนุ่มรีบเรียกเอาไว้ พร้อมกับขอร้องว่า “ผมขอร้องเก่งอย่างหนึ่งจะได้ไหม โปรดอย่าบอกให้กรผกามารศรีรู้โดยเด็ดขาดว่า คนที่ซื้อสร้อยเส้นนี้เอาไว้และคนที่จ่ายค่ารักษาพยาบาลให้คุณหญิงสายหยุดทั้งหมดคือผม ขอแค่นี้จะทำได้ไหม”

“ได้สิฮะ” เก่งพยักหน้ารับ แต่ไม่วายสงสัย “ทำไมคุณต้องทำแบบนี้ด้วยล่ะ”

“ผม…เอ้อ…” ทินพันธ์ก้มหน้านิ่ง เขาไม่กล้าเอ่ยออกมาตรงๆ ว่าที่ทำไปเป็นเพราะความรักที่มีให้กับกรผกามารศรี จึงได้แต่ตอบเสียงอ้อมแอ้มไปว่า “ก็เพราะวิกกี้เป็นต้นเหตุที่ทำให้คุณหญิงสายหยุดป่วย ผมก็เลยอยากจะช่วยคุณหญิงเพื่อเป็นการขอโทษที่วิกกี้ไปทำกิริยาไม่ดีเช่นนั้นน่ะสิ”

 

ทินพันธ์ เกียรติมหึมามหาเศรษฐี ไม่เพียงแต่จะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการรักษาพยาบาลของคุณหญิงสายหยุด หากเขายังเขียนเช็คจำนวนสองล้านบาทฝากพยาบาลเอาไว้ให้กับคุณหญิงสายหยุดอีกด้วย โดยทินพันธ์ให้คุณนายกิมเฮียงเป็นคนเขียนเช็ค เพราะไม่อยากอยู่เบื้องหลังงานนี้และไม่ต้องการออกหน้าให้กรผกามารศรีรู้ว่าเป็นตัวเขา

อีกอย่าง การที่เขียนเช็คเป็นชื่อคุณหญิงสายหยุด แทนที่จะเป็นกรผกามารศรี ก็เพราะต้องการจะตัดปัญหาทุกอย่าง เขาไม่อยากให้หญิงสาวคนนั้นสืบรู้ว่าใครเป็นคนซื้อสร้อยมรกตของเธอเอาไว้ คนอย่างกรผกามารศรีสวยและหยิ่งยิ่งนัก หากเธอรู้ว่าเขาเป็นคนที่ซื้อสร้อยมรกต หญิงสาวจะต้องไม่ยินยอม และเอาเงินมาคืนอย่างแน่นอน

เขาคิดว่าที่จริงเงินสองล้านบาทอาจจะน้อยเกินไปสำหรับสร้อยมรกตด้วยซ้ำ หากชายหนุ่มไม่ค่อยมั่นใจในคุณหญิงแม่ของกรผกามารศรีนัก ถ้ามีเงินอยู่ในมือเยอะ เธออาจจะเอามาเล่นพนันอีกก็เป็นได้

แล้วสิ่งที่ทินพันธ์คาดเดาเอาไว้ก็ไม่ผิดไปจากความเป็นจริง

ทันทีที่คุณหญิงสายหยุดฟื้นตัว สามารถกลับบ้านได้ แทนที่จะนำเงินสองล้านบาทที่ได้มานั้นไปใช้ลงทุนหรือทำอะไรอย่างอื่นให้เกิดประโยชน์ เธอก็ลากสังขารตัวเองกลับมาที่บ่อนพนันของบิดาทินพันธ์อีกครั้ง

“ผมไม่รับพนันกับคุณหญิงอีกแล้ว” ทินพันธ์ยืนกรานเสียงแข็ง เมื่อบิดาใช้ให้คนไปตามตัวเขามาที่บ่อน

“ทำไมยะ ฉันมีเงินนะ” คุณหญิงสายหยุดชูเช็คจำนวนสองล้านบาทในมือให้ชายหนุ่มดู

“ทำไมคุณหญิงไม่เก็บเงินก้อนนี้เอาไว้ให้ดี มันเป็นเงินก้อนสุดท้ายของคุณหญิงแล้วนะครับ”

ทินพันธ์เห็นดวงหน้าของคุณหญิงสายหยุดดำคล้ำ ก็นึกในใจว่าผีพนันลงได้สิงใครแล้วละก็ อย่าหวังว่าคนผู้นั้นจะได้สติคิดกลับตัวกลับใจเลย

“ก็เพราะเป็นเงินก้อนสุดท้ายแล้วละสิ ฉันถึงต้องกลับมาอีกครั้งหนึ่ง” คุณหญิงสายหยุดกล่าวด้วยความมั่นใจ

“คราวนี้คุณหญิงจะพนันเอาอะไรอีกล่ะครับ” ทินพันธ์หัวเราะหึๆ ในลำคอ

“ฉันต้องการบ้านมรกตกลับคืนมา” คุณหญิงสายหยุดจ้องมองดวงตาคร้ามคมของชายหนุ่มแน่วนิ่ง

“สองล้าน” ทินพันธ์ทำเสียงเยาะหยัน “มันน้อยไปครับสำหรับบ้านมรกต คุณหญิงไม่เอาเปรียบผมเกินไปหน่อยหรือครับ ถ้าผมชนะ ผมได้จากคุณหญิงแค่สองล้านบาท แต่ถ้าผมแพ้ ผมกลับต้องเสียบ้านมรกตมูลค่าหลายสิบล้านบาทไป ช่างไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย แบบนี้ผมไม่เล่นด้วยหรอก”

“ถ้าฉันแพ้คราวนี้ ฉันจะให้คุณสองล้านบาท และกรผกามารศรีก็จะแต่งงานกับคุณ” คุณหญิงสายหยุดหลับตานิ่งหลังจากกล่าวประโยคสุดท้ายจบ

ทินพันธ์ที่กำลังหันหลังกลับ ได้ยินเช่นนั้นถึงกับชะงัก แล้วหันกลับมาหาคุณหญิงสายหยุดอีกครั้งหนึ่ง

“คุณหญิงว่ายังไงนะครับ ผมฟังอะไรผิดไปหรือเปล่า”

“ไม่ผิดหรอก” คุณหญิงสายหยุดกล่าวเสียงหนักแน่น “ถ้าฉันชนะ คุณต้องคืนบ้านมรกตกลับมาให้ฉัน แต่ถ้าฉันแพ้ ฉันจะให้เงินสองล้านบาทคุณคืนไปพร้อมกับตัวของกรผกามารศรี เธอจะต้องแต่งงานกับคุณ ถ้าฉันแพ้พนันในครั้งนี้”



Don`t copy text!