ดอกฟ้ายาใจ บทที่ 26 : ดวลเพลงชิงเงินล้าน

ดอกฟ้ายาใจ บทที่ 26 : ดวลเพลงชิงเงินล้าน

โดย : พงศกร

Loading

ดอกฟ้ายาใจ นวนิยายแนวยั่วล้อที่ พงศกร เขียนเอาไว้เมื่อหลายปีก่อน ได้รับความนิยมทั้งแบบรูปเล่มและนำไปเป็นละครโทรทัศน์ แต่หนังสือขาดหายไปนานและมีเสียงเรียกร้องให้นำกลับมาพิมพ์ใหม่เป็นจำนวนมาก สำนักพิมพ์กรู๊ฟพับลิชชิ่งจึงได้จัดพิมพ์ ‘ดอกฟ้ายาใจ’ อีกครั้ง เพื่อแทนคำขอบคุณแฟนๆ ที่ติดตามเว็บไซต์อ่านเอาและสำนักพิมพ์มาโดยตลอด

“หมายเลขสิบสาม…นางสาวกรผกามารศรี มรกต อยู่ที่ไหนเอ่ย…ยู้ฮู…กรุณามาขึ้นเวทีได้แล้วคร้าบ”

กรผกามารศรีชะโงกหน้าออกไปมองด้านหน้าเวที ก็รู้สึกเป็นกังวลเพราะเห็นผู้คนเยอะแยะมากมาย

“อีหนู อีผกา สู้ตายนะโว้ย”

“พวกเรามากันหมดสลัมเลยวันนี้ มาเชียร์เอ็งคนเดียว”

“ต้องชนะนะโว้ยอีผกา จะได้เป็นหน้าเป็นตาให้สลัมของเรา”

“ถ้าแพ้วันนี้ ห้ามกลับสลัมนะโว้ย”

เสียงเชียร์ที่ดังกระหึ่มมาจากบรรดาผู้ชมที่นั่งอยู่แถวหน้าทำให้หญิงสาวขมวดคิ้วสงสัย พอเขม้นมองไปก็เห็นดวงหน้าอันคุ้นเคยของป้าจิต ป้าน้อม เจ๊ใหญ่ เด็กชายป๋อง และทุกคนในสลัมยืนออกันแน่นอยู่เบื้องหน้า จึงทำให้หญิงสาวเริ่มอุ่นใจขึ้นมาบ้าง

หล่อนเงยหน้าขึ้นมองดูดวงดาวที่สุกสกาวอยู่เบื้องบน สายลมเย็นแผ่วรำเพยมาราวปลอบประโลมให้กำลังใจหญิงสาวสวยและอ่อนหวาน

“หมายเลขสิบสาม…อยู่ไหนจ๊ะ ออกมาได้แล้ว…นางสาวกรผกามารศรี มรกต”

จนเสียงของโฆษกประกาศเรียกซ้ำนั่นละ หญิงสาวจึงหลับตานิ่งเพื่อรวบรวมสมาธิ ก่อนจะก้าวเดินออกไปทางด้านหน้าเวทีด้วยความมั่นใจ

 

ขอเชิญท่านผู้ชมพบกับผู้เข้าประกวดท่านต่อไปได้แล้วครับ…หมายเลขสิบสาม…นางสาวกรผกามารศรี มรกต…เธอจะมาในเพลง…”

เสียงประกาศดังกึกก้องของโฆษกประจำเวทีประกวด ทำให้ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ ท่วงทีล่ำสันที่กำลังจะก้าวเท้าเดินออกไปนั้นถึงกับต้องชะงัก แล้วหันกลับไปมองร่างระหงในชุดนักร้องฟู่ฟ่า ประดับขนนกบนเวทีอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง

เขามาส่งคุณนายกิมเฮียงผู้เป็นมารดา ซึ่งเป็นประธานกรรมการการประกวดร้องเพลงลูกทุ่งในครั้งนี้ และกำลังจะกลับบ้านอยู่แล้ว

“เอ๊ะ เฮีย” สาวน้อยร่างผอมบาง ใบหน้าขาวกลมแป้น ดวงตาเรียวเล็กที่ยืนอยู่ข้างๆ เขาก็หันขวับกลับไปพร้อมๆ กัน “อีนังนั่นมันมาประกวดด้วยเหรอ ทำไมเฮียไม่บอกให้วิกกี้รู้ล่ะ วิกกี้ไม่ยอมนะ”

“กรผกามารศรี!”

ทินพันธ์ถึงกับอ้าปากค้าง เพราะไม่เคยคิดมาก่อนว่าหญิงสาวผู้เป็นดั่งดอกฟ้ายาใจ จะกล้ามาปรากฏตัวอยู่บนเวทีประกวดนักร้องลูกทุ่ง

“นี่มันอะไรกัน” วิกกี้เท้าเอว จ้องมองกรผกามารศรีบนเวทีด้วยความเคียดแค้นชิงชัง “วิกกี้กับอีนังผู้ดีเก่าคนนี้จะหนีกันไม่พ้นเลยหรือไงนะ”

เสียงร้องดังลั่น ผิดคีย์ ผิดจังหวะของกรผกามารศรีทำให้ผู้คนในท้องสนามหลวงเริ่มโห่ไล่ หลายคนขว้างปากระดาษและรองเท้าขึ้นไปบนเวที หากหญิงสาวยังคงยิ้มสู้และร้องเพลงของเธอต่อไปด้วยความมุ่งมั่น ไม่หวั่นไหว

“เชอะ…ร้องได้เน่ามาก เสียงยังกับควายถูกเชือด ยังมีหน้ากล้ามาร้องประกวดกับเขาอีก…สมน้ำหน้า” วิกกี้หัวเราะด้วยท่าทางน่าเกลียด

แต่ด้วยดวงหน้าสวยหวานของกรผกามารศรี บวกกับความมั่นใจในตนเองประกอบกับความมุ่งมั่นตั้งใจจะเอาชนะ ทำให้หญิงสาวเริ่มชนะใจคนดูในที่สุด

จากเสียงโห่ไล่ในตอนแรก เริ่มมีประชาชนบางส่วนปรบมือให้กับหญิงสาวจนสุดท้ายทุกคนในท้องสนามหลวงล้วนพากันลุกขึ้นยืน ร้องเพลงคลอตามไปด้วย และปรบมือให้กับหล่อนเมื่อกรผกามารศรีร้องเพลงจบลง

“กลับได้แล้วค่ะเฮีย วิกกี้ไม่อยากอยู่ตรงนี้แล้ว หมั่นไส้คน ไอ้พวกที่พากันตบมือให้มันนั่น วิกกี้ว่ามันคงเกณฑ์พรรคพวกชาวสลัมมาแน่ๆ”

“เดี๋ยวผมมานะวิกกี้ วิกกี้เดินไปที่รถก่อนได้ไหม” ชายหนุ่มนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เลยหันไปบอกวิกกี้

“อะไรกันเอีย” วิกกี้รีบโวยวาย พร้อมกับหยิกทึ้งชายหนุ่ม ทำท่าทางราวกับเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ “อย่าบอกว่าจะกลับไปเชียร์นังกรผกามารศรีนะ ไม่ได้นะคะ วิกกี้ไม่ยอมนะ”

“วิกกี้” ทินพันธ์ทำเสียงหนักๆ

“วิกกี้รู้นะว่าเฮียยังรักอีนั่นอยู่” หญิงสาวหน้าหมวยร้องกรี๊ด “ไปรักมันทำไมคะ มันไม่ได้รักเฮียสักหน่อย วิกกี้สิรักเฮียคนเดียว ให้วิกกี้ไปนั่งรอที่รถแปลว่าเฮียจะกลับไปหามันใช่ไหม”

“ผมมีธุระจะพูดกับหม่าม้าต่างหาก” ทินพันธ์เม้มริมฝีปากแน่น พยายามสะกดกลั้นอารมณ์โมโหที่เกิดขึ้น

“งั้นวิกกี้ไปด้วย” วิกกี้เริ่มงอแง

“ไม่ได้” ทินพันธ์ตัดบทเสียงเข้ม “ที่ผมจะคุยเป็นเรื่องของแม่ลูกเขาจะคุยกัน วิกกี้ไม่เกี่ยว”

“กรี๊ดดดดด…เฮีย” วิกกี้กระทืบเท้าเต้นเร่าๆ เหมือนเด็กที่ชอบเอาแต่ใจ “พูดแบบนี้กับวิกกี้ได้ยังไง”

“ทำไมจะไม่ได้ วิกกี้กับผมไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย อย่ามาทำตัวเป็นเจ้าของผมแบบนี้นะ ผมไม่ชอบ ถ้าขืนวิกกี้ยังทำตัวแบบนี้อีก ต่อไปนี้ผมจะไม่ไปไหนมาไหนด้วยแล้ว และถ้าวิกกี้จะยืนร้องกรี๊ดอยู่ตรงนี้ ไม่ไปรอที่รถ ไม่อายใครเขาก็ตามใจ ผมไปละ”

ทินพันธ์มองหน้าหญิงสาวแล้วก็ส่ายหน้ากับตนเอง ก่อนจะเดินจากไปโดยไม่สนใจไยดีว่าหญิงสาวจะร้องโวยวายดังลั่นสักเพียงใด

ตอนที่ชายหนุ่มเดินลัดเลาะผ่านบรรดาผู้คนที่ยังไม่หยุดปรบมือให้กำลังใจกรผกมารศรีนั้น หญิงสาวร้องเพลงจบแล้ว และกำลังเดินกลับเข้าไปทางด้านหลังเวที เธอจึงไม่ทันเห็นร่างสูงๆ ของทินพันธ์ที่เดินตรงเข้าไปหาคุณนายกิมเฮียงซึ่งนั่งเด่นเป็นสง่าอยู่ท่ามกลางคณะกรรมการทั้งหลาย

“หม่าม้า” ทินพันธ์ทำท่าทางบุ้ยใบ้ “ผมขอคุยอะไรด้วยหน่อยสิฮะ”

“เดี๋ยวเดี๊ยนมานะฮ้า…ขอตัวไปหาลูกชายประเดี๋ยว” คุณนายกิมเฮียงหันไปบอกกับกรรมการท่านอื่น ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินเลี่ยงไปหาบุตรชาย “ว่ายังไงยะพ่อตัวดี หม่าม้ารู้นะว่าจะพูดอะไร” คุณนายกิมเฮียงนึกเดาเรื่องราวทั้งหมดออกทะลุปรุโปร่งทันทีที่เห็นหญิงสาวผู้เข้าประกวดหมายเลข ๑๓ ออกมาร้องเพลงที่หน้าเวที เธอมั่นใจว่าอีกประเดี๋ยวเหอะ ทินพันธ์จะต้องเดินย้อนกลับมาหาแน่ๆ “จะให้หม่าม้ากดคะแนนแม่หนูกรผกามารศรีให้แพ้ไปเลยใช่ไหม จะได้ไม่มีเงินสิบล้านบาทมาคืนให้พวกเรา และแม่หนูนั่นจะได้แต่งงานกับลูกทินพันธ์ของหม่าม้า สมรสสมรัก สมความตั้งใจ โฮะ…โฮะ” คุณนายกิมเฮียงยกมือขึ้นป้องปาก ทำหัวเราะคิกคักเสียงเล็กเสียงน้อย “ที่จริงไม่กดคะแนนก็แพ้อยู่แล้วละ ได้ยินเสียงหรือเปล่าล่ะคะลูกทินพันธ์ เสียงร้องเพลงน่ากลัวมากๆ แหม…แต่น่าเสียดายนะยะ หน้าตาสะสวยน่าได้ที่หนึ่ง ส่วนแม่คนที่ร้องเสียงดีที่สุดนั่นก็ดันไม่สวย เฮ้อ…โลกนี้ช่างไม่มีอะไรพอดีเลยเชียว”

“เปล่าหรอกฮะหม่าม้า” ทินพันธ์ปล่อยให้มารดาของเขาหัวเราะจนเสร็จ แล้วจึงได้พูดบอกความในใจของเขาออกไป “ผมไม่ได้ขอให้หม่าม้ากดคะแนนกรผกามารศรี แต่ผมอยากให้หม่าม้าใช้เส้น ทำยังไงก็ได้ให้กรผกามารศรีชนะ”

“หา…อะไรนะ” คุณนายกิมเฮียงอุทานเสียงดังลั่น พอนึกได้ก็เลยรีบยกมือขึ้นอุดปากตนเอง พร้อมกับเหลียวมองดูว่ามีกรรมการท่านอื่นหันมาเห็นหรือไม่ “ลื้อจะบ้าหรือเปล่าอาทินพันธ์” คุณนายกิมเฮียงตีแขนลูกชาย “ทำแบบนี้ อีหนูกรผกามันก็ได้สิบล้านไปครอบครองน่ะสิ นั่นหมายความว่าเธอก็จะไม่ได้แต่งงานกับลูกด้วยนะอาทินพันธ์ ลื้อคิดดีแล้วหรือ”

“ผมคิดดีแล้วครับหม่าม้า” ชายหนุ่มตอบมารดาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ที่ผมเดินกลับมาหาหม่าม้าก็เพราะตัดสินใจแล้ว ถ้ากรผกามารศรีไม่อยากแต่งงานกับผม ถึงกับยอมลำบากออกมาตากหน้าเต้นกินรำกินทั้งที่ไม่เคยทำ เพียงเพื่อจะได้เงินสิบล้านมาใช้หนี้ให้ผมละก็ หม่าม้าช่วยให้เธอชนะด้วยเถอะครับ ผมรู้ว่าคุณนายกิมเฮียงสามารถทำได้”

“ลื้อต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ” คุณนายกิมเฮียงมองดูบุตรชายด้วยสายตาไม่เข้าใจ “ลื้อรักกรผกามารศรี อยากแต่งงานกับเธอไม่ใช่หรือ แล้วทำไมถึงทำแบบนี้ล่ะ”

“ก็เพราะว่าผมรักเธอมากน่ะสิครับหม่าม้า” แววตาของทินพันธ์เจ็บปวดรวดร้าว “ผมถึงอยากให้คนที่ผมรักสมหวัง แม้ว่าตัวของผมเองจะต้องผิดหวังก็ตาม”

 



Don`t copy text!