ดอกฟ้ายาใจ บทที่ 32 : สายเลือดสายรัก

ดอกฟ้ายาใจ บทที่ 32 : สายเลือดสายรัก

โดย : พงศกร

Loading

ดอกฟ้ายาใจ นวนิยายแนวยั่วล้อที่ พงศกร เขียนเอาไว้เมื่อหลายปีก่อน ได้รับความนิยมทั้งแบบรูปเล่มและนำไปเป็นละครโทรทัศน์ แต่หนังสือขาดหายไปนานและมีเสียงเรียกร้องให้นำกลับมาพิมพ์ใหม่เป็นจำนวนมาก สำนักพิมพ์กรู๊ฟพับลิชชิ่งจึงได้จัดพิมพ์ ‘ดอกฟ้ายาใจ’ อีกครั้ง เพื่อแทนคำขอบคุณแฟนๆ ที่ติดตามเว็บไซต์อ่านเอาและสำนักพิมพ์มาโดยตลอด

“ตกลงครับ”

ชายหนุ่มทั้งสองคนเอ่ยขึ้นพร้อมๆ กัน ก่อนจะเดินตามหลังพยาบาลสาวไปยังห้องบริจาคโลหิตด้วยความรวดเร็ว และหลังจากพยาบาลเจาะเลือดของทินพันธ์และสารวัตรอาคมไปทดสอบแล้ว สักครู่ใหญ่ๆ หล่อนก็เดินกลับมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มยินดี

“ไม่น่าเชื่อเลยค่ะ หนึ่งในแสนเลยเชียวนะคะ” พยาบาลสาวมีน้ำเสียงตื่นเต้น “เลือดของพวกคุณคนหนึ่งเป็นบีเนกาตีฟ”

“จริงหรือครับ”

ทินพันธ์และสารวัตรอาคมหันไปเขย่ามือกันด้วยความยินดี ก่อนที่จะหันไปมองคุณพยาบาล เพื่อรอฟังว่าเลือดของใครกันแน่ที่สามารถให้กับกรผกามารศรีได้

“ขอเชิญคุณทินพันธ์ไปกับดิฉันทางนี้ค่ะ เราต้องรีบ ต้องแข่งกับเวลา ชีวิตของคุณกรผกามารศรีจะรอดหรือไม่ อยู่ที่เลือดของคุณนี่ละค่ะ”

 

อรุณรุ่งฟ้าแล้ว แสงเงินแสงทองส่องจับขอบฟ้า เกิดเงาสะท้อนกับก้อนเมฆเป็นสีส้มอมชมพูสวย อากาศเย็นสบาย เหล่านกกาโบยบินออกจากรวงรังเพื่อหากิน อีกไม่นานนัก ทุกสรรพชีวิตก็จะตื่นขึ้นจากการหลับใหล

แพทย์ผ่าตัดกรผกามารศรีเสร็จเมื่อตอนฟ้าสาง หญิงสาวรอดชีวิตมาได้อย่างหวุดหวิด หากไม่ได้เลือดกรุ๊ปบีเนกาตีฟที่ทินพันธ์สละให้ ต่อให้หมอเก่งสักเพียงใดก็คงไม่สามารถยื้อชีวิตของหล่อนเอาไว้ได้

ไม่มีใครรู้ว่าเลือดถุงนั้นเป็นเลือดของทินพันธ์ ทุกคนต่างพากันคิดว่าเป็นเลือดของสารวัตรอาคมที่สละให้กับหญิงสาว

“เฮ้ย…ไอ้ทิน…ทำไมเอ็งต้องทำแบบนี้ด้วยวะ ทำไมไม่บอกความจริงทุกคนไปว่าเลือดของข้าใช้ไม่ได้ เพราะไม่ใช่บีเนกาตีฟ แต่เป็นบีธรรมดา”

สารวัตรหนุ่มรู้สึกไม่สบายใจที่จะต้องรับสมอ้างว่าเป็นคนบริจาคเลือดเพื่อช่วยชีวิตหญิงสาว

“เพราะข้าไม่ต้องการให้กรผกามารศรีรู้น่ะสิ” ทินพันธ์ตอบตรงไปตรงมา

“ทำไม” สารวัตรอาคมยังคงไม่เข้าใจ “ในเมื่อมันเป็นเรื่องจริง”

“เพราะเขารังเกียจข้า” ด้วยการที่ทินพันธ์สนิทกับสารวัตรอาคมมาก เขาจึงกล้าเล่ารายละเอียดทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้นายตำรวจหนุ่มฟัง “กรผกามารศรีรังเกียจว่าข้าเป็นลูกคนจีน เป็นเศรษฐีใหม่ ขณะที่เขาเป็นหลานพระยา แม่เป็นคุณหญิง มีสายเลือดของผู้ดีเก่า ด้วยเหตุนี้ ข้าจึงไม่ต้องการให้เธอรู้ว่าเลือดในตัวของเธอเป็นเลือดของข้า ไม่ต้องการให้เธอรู้ว่าเลือดผู้ดีเก่าของเธอมีเลือดเศรษฐีใหม่อย่างข้าปะปนอยู่”

“ยังมีเรื่องแบบนี้อยู่อีกด้วยหรือวะ ข้าไม่เข้าใจเลยจริงๆ นะ” สารวัตรอาคมเกาศีรษะ เพราะไม่คิดว่าในยุคสมัยสังคมปัจจุบันจะมีใครถือยศถือศักดิ์ศรีแบบที่ทินพันธ์เล่าให้ฟังเหลืออยู่อีกแล้ว

“ข้าก็ไม่เข้าใจว่า เหตุใดเรื่องนี้จึงสำคัญกับกรผกามารศรีมาก” เขาหมายความตามนั้นจริงๆ “แต่ช่างเถอะเพื่อน เอาเป็นว่าเอ็งอย่าบอกใครก็แล้วกันว่าเลือดที่ให้กรผกามารศรีนั้นเป็นเลือดของข้า” ชายหนุ่มถอนใจยาว ก่อนจะเดินหันหลังกลับไปหาคุณนายกิมเฮียงที่รออยู่ด้านนอก

“อ้าว เฮ้ย” สารวัตรอาคมรีบเรียกเพื่อนเอาไว้ด้วยความสงสัย “แล้วนั่นเอ็งจะไปไหน ไม่อยู่รอให้คุณกรผกามารศรีฟื้นก่อนหรือ”

“ไม่ละ” ทินพันธ์พยายามฝืนยิ้ม ร่างสูงสง่าของเขายืดกายตรง เขาบอกกับเพื่อนว่า “มีงานที่กรุงเทพรออยู่ ข้าลงมาใต้นานไปแล้ว ต้องขอตัวกลับก่อนละ ยังไงทางนี้ ฝากนายด้วยก็แล้วกันนะ…อาคม”

“เฮ้ย เดี๋ยวสิ”

สารวัตรหนุ่มรีบเรียกทินพันธ์ หากไม่มีประโยชน์แต่อย่างใด เพราะเพื่อนของเขาเดินไปหาคุณนายกิมเฮียง แล้วจากนั้นสองคนแม่ลูกก็จูงมือกันเดินออกไปจากโรงพยาบาลด้วยท่าทางหงอยเหงา

สารวัตรอาคมพยายามจะวิ่งตามเพื่อนไป หากไม่สามารถทำได้ เพราะจู่ๆ ผู้สื่อข่าวโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์ไม่รู้ว่าจากที่ไหนบ้างก็วิ่งกรูกันเข้ามาเพื่อรุมสัมภาษณ์เขาในฐานะสารวัตรมือปราบ ผู้ที่ได้ช่วยกรผกามารศรีและหญิงสาวอีกมากมายให้พ้นจากเงื้อมมือของขบวนการค้ามนุษย์ แถมยังบริจาคเลือดเพื่อช่วยชีวิตของเธออีกต่างหาก

ดูเหมือนวินาทีนี้ ทุกคนจะพร้อมใจกันลืมทินพันธ์และคุณนายกิมเฮียงสองแม่ลูกจนหมดสิ้น เพราะไม่มีใครถามถึงเลยว่าสองคนนั้นหายไปไหน

“สารวัตรเก่งจังค่ะ” แม่นิ่มเองก็พลอยชื่นชมชายหนุ่มไปกับเขาด้วย

“แมนม้ากมากค่ะ” เก่งเริ่มพยายามจะทำตัวให้หวานแหวว เพราะลั่นวาจาไปแล้วว่า หากกรผกามารศรีรอดชีวิตในครั้งนี้ละก็ จะยอมเลิกเป็นทอมไปตลอดกาล

ขณะที่สารวัตรหนุ่มถูกรุมล้อมถ่ายภาพและสัมภาษณ์อยู่นั่นเอง พยาบาลคนเดิมรีบวิ่งมาบอกด้วยความตื่นเต้น

“คุณกรผกามารศรีฟื้นแล้วค่ะ”

ทันทีที่ได้ยินคำว่ากรผกามารศรีฟื้นแล้ว บรรดาช่างภาพนักข่าวทุกคนก็พยายามจะเฮละโลกันไปที่ห้องคนไข้หนัก หากพยาบาลให้สัญญาณกับทีม รปภ.ให้สกัดกั้นคนพวกนั้นเอาไว้ก่อน

“เธอต้องการพบคุณแม่และผู้ที่ช่วยชีวิตของเธอเท่านั้น เชิญพวกคุณทางนี้ค่ะ” คุณพยาบาลบอกเสียงดังฟังชัด

คุณหญิงสายหยุดและสารวัตรอาคมจึงรีบเดินตามหลังพยาบาลสาวไปอย่างรวดเร็ว โดยมีแม่นิ่มและเก่งตามมาติดๆ

 

ทันทีที่ทินพันธ์และคุณนายกิมเฮียงกลับมาถึงบ้าน ก็ต้องตกใจถึงที่สุด เพราะพบว่ากำลังเกิดการยิงกระหน่ำกันอยู่หน้าบ้านของเขาพอดี ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่จากที่แอบซุ่มดู ทินพันธ์เห็นเสี่ยช้วนและวิกกี้กำลังยืนบงการนักเลงเหล่านั้นอยู่

“หม่าม้า หลบไปก่อน”

เขาผลักให้มารดาวิ่งไปซ่อนอยู่ที่พุ่มไม้ขนาดใหญ่ภายในสวนที่เขาได้พบกับกรผกามารศรีเป็นครั้งแรก

“เลือดต้องล้างด้วยเลือด” เสียงเสี่ยช้วนคำรามกึกก้อง

“ใช่ ยิงมันให้หมดเลย” วิกกี้กรีดร้องด้วยโทสะแรงกล้า “พวกมันทำให้เฮียธงชาติตาย พวกมันต้องชดใช้…ตาต่อตา ฟันต่อฟัน…ถล่มมันให้หมด”

“หยุดเดี๋ยวนี้นะวิกกี้”

ทินพันธ์ตัดสินใจวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว เขาพอจะเข้าใจแล้วว่าที่เสี่ยช้วนพาพรรคพวกมาถล่มบ้านของเขา จนลูกน้องของเขาบาดเจ็บล้มตายขนาดนี้ เป็นเพราะแรงแค้นที่เห็นธงชาติถูกตำรวจวิสามัญฆาตกรรมไปนั่นเอง

“วิกกี้ทำแบบนี้ได้ยังไง บ้านเมืองมีขื่อมีแปนะ ทำไมต้องพาพวกมาถล่มบ้านของผมแบบนี้ด้วย”

“เพราะเฮียฆ่าเฮียธงชาติไงล่ะ” ตอนนี้วิกกี้โมโหจนเลือดขึ้นหน้า หูอื้อตาลาย ไม่คิดถึงเรื่องของความรักอีกแล้ว “เสียแรงที่เป็นเพื่อนรักกัน หักหลังกันได้ลงคอเลยนะเฮียทินพันธ์”

“ใครกันแน่ที่หักหลังก่อน” ทินพันธ์ไม่คิดเลยว่าวิกกี้และเสี่ยช้วนจะเป็นคนที่ไม่มีเหตุผลถึงเพียงนี้ “นายธงชาติต่างหากที่หักหลังผมก่อน ทำได้ยังไง…จับตัวกรผกามารศรีไปจากเวทีประกวดร้องเพลง แถมยังจะเอาไปขายอีกต่างหาก นี่โชคดีมากนะที่ตำรวจช่วยเอาไว้ได้ทัน”

“โชคร้ายต่างหาก” วิกกี้ร้องกรี๊ด “ทำไมนะ อีนังนั่นถึงได้โชคดีอยู่ตลอดเวลา วิกกี้เกลียดมัน ฮือ…ฮือ เพราะวิกกี้แท้ๆ เลย เฮียธงชาติถึงต้องมาตายไป”

“คบกันมาตั้งนาน ผมไม่คิดเลยนะฮะ ว่าบ้านอาเจ็กช้วนจะทำธุรกิจค้ามนุษย์แบบนี้ด้วย” ทินพันธ์เห็นว่าพูดกับวิกกี้ไม่รู้เรื่องแน่แล้ว จึงหันไปทางเสี่ยช้วนผู้เป็นบิดาของหญิงสาว

“ไม่ต้องพูดมากอาทินพันธ์” เสี่ยช้วนหันมาจ้องมองชายหนุ่มด้วยสายตาเหี้ยมเกรียม “เมื่อรู้ความลับกันถึงขนาดนี้แล้วก็อยู่กันไม่ได้อีกต่อไป ธงชาติตายไปแล้วก็ไม่มีโอกาสไปพูดอะไรกับตำรวจอีก เหลือแต่ลื้อกับบ้านของลื้อเท่านั้น”

“อาเจ็กหมายความว่าอย่างไร” ทินพันธ์ขยับถอยหลังไปเล็กน้อยด้วยความระมัดระวังตัว

“หมายความว่าคนตายเท่านั้นถึงจะเก็บความลับได้ดีที่สุด” เสี่ยช้วนหัวเราะหึๆ “เสียใจด้วยนะอาทินพันธ์ที่อั๊วจำเป็นต้องปิดปากลื้อกับเตี่ยของลื้อ เพราะวิธีนี้เท่านั้นที่จะทำให้ความลับเรื่องธุรกิจของอั๊วเป็นความลับต่อไป”

ข้างคุณนายกิมเฮียงเห็นลูกชายวิ่งออกไปแบบนั้น หัวใจก็แทบจะหลุดออกมาจากขั้ว ตอนแรกเธอคิดจะวิ่งออกไปเพื่อห้ามทัพระหว่างสองตระกูล หากคุณนายอยู่ในวงการมานานพอจะรู้ว่าศึกครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก ขืนคุณนายทำแบบนั้นนอกจากจะไม่มีประโยชน์แล้ว สถานการณ์ยังอาจจะเลวร้ายลงไปอีกด้วย

ดังนั้นเธอจึงแอบอยู่ในพุ่มไม้ที่มีใบดกหนา แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทร.แจ้งตำรวจอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ทุกอย่างจะสายจนเกินไป

 



Don`t copy text!