เล่ห์พันธาภรณ์ บทที่ 19 : เจ้าชายรัชทายาท

เล่ห์พันธาภรณ์ บทที่ 19 : เจ้าชายรัชทายาท

โดย : ประดับยศ

Loading

เล่ห์พันธาภรณ์ นวนิยายจากโครงการอ่านเอาก้าวแรกปี 4 โดย ประดับยศ กับเรื่องราวของ ‘มิรามาลินทร์’ หญิงสาวผู้ถูกเลี้ยงดูมาโดยนักบวชในวิหารเทพ แต่แล้ววันหนึ่งเธอต้องหนีเอาชีวิตรอดเพื่อตามหาบุคคลในคำทำนายที่จะมาช่วยปกป้องวิหาร คนผู้นั้นคือใคร ชีวิตเธอจะเป็นอย่างไร อ่านได้ในเว็บไซต์ anowl.co และเพจ anowldotco

ค่ายบัญชาการชั่วคราว เมืองอัมพุ

นายพลชาตรีเงยหน้าขึ้นมองนายทหารผู้ที่เข้ามารายงานด้วยสายตาไม่แน่ใจก่อนจะเอ่ยทวนอีกครั้ง

“ใครเรียกเข้าเฝ้านะ”

“เจ้าชายธัชธาราพระรัชทายาทครับ ทรงบอกว่าให้ท่านนายพลไปเข้าเฝ้าเดี๋ยวนี้เลยครับ”

นายพลชาตรีแค่นหัวเราะอย่างสมเพชตัวเอง…เดี๋ยวนี้มันกำเริบทั้งแม่ทั้งลูก แต่ตอนนี้เขายังต้องเล่นละครฉากใหญ่จนกว่างานพิธีบรมราชาภิเษกจะผ่านพ้นไป

“ให้คนเตรียมรถ อีกสิบนาทีเดี๋ยวกูไป พวกมึงไปจัดการไล่ที่ไอ้คนที่ยังดื้อด้านอยู่ให้หมดวันนี้ กูเข้าเฝ้าเสร็จจะไปดู ถ้ายังเหลือบ้านไหนอยู่อีก กูจะสั่งขังพวกมึงแทน”

“รับทราบครับ!”

นายพลชาตรีพยักหน้าพลางก้มลงดูแผนที่เมืองอัมพุอีกครั้ง ตอนนี้พื้นที่ที่สำรวจพบสายแร่คือตั้งแต่บริเวณวิหารไปจนหมู่บ้านแถบเนินเขาทั้งหมด ถ้าเป็นไปตามที่ตกลงกันไว้ เขาและราชินีจะต้องเป็นคนกุมอำนาจการบริหารสัมปทานทั้งหมด เพียงแต่เขาลืมคิดถึงตัวแปรอย่างรัชทายาทไปจริงๆ…หรือเพราะอย่างนี้เขาถึงถูกเรียกตัวไปคุย

 

ป้อมปราการอันเป็นที่ประทับประจำของเจ้าชายธัชธารานั้นแบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งคือฝั่งบัญชาการทหารที่มีกองมหาดเล็กรักษาพระองค์ประจำการ อีกส่วนหนึ่งคือพระตำหนักป้อมริมชลที่เป็นที่ประทับส่วนพระองค์ ดังนั้นรถของนายพลชาตรีจึงขับไปยังที่ประทับ โดยมี อินทัช ราชองครักษ์ประจำพระองค์ยืนรออยู่

“วันนี้อยู่เวรเหรอ ปกติเห็นส่งลูกน้องมาแทนตลอด”

นายพลชาตรีเอ่ยทักนายทหารรุ่นน้องที่แม้จะรับตำแหน่งราชองครักษ์แต่ก็มักถูกเจ้าชายรัชทายาทสั่งให้ไปทำงานอื่นๆ แทนการอยู่ข้างกาย จนมีเสียงร่ำลือว่า ทรงไม่โปรดราชองครักษ์คนนี้

“ทรงมีรับสั่งให้มารอท่านนายพลครับ”

“เป็นเกียรติอย่างยิ่ง”

อินทัชยิ้มรับก่อนจะเดินนำนายพลชาตรีเข้าไปด้านในห้องทรงงาน เจ้าชายธัชธาราประทับอยู่เบื้องหลังโต๊ะตัวยาว ทอดพระเนตรดูแผนที่ประเทศสินธุรัฐด้วยสายตาที่ยากจะเดาได้ว่าทรงคิดสิ่งใดอยู่ ดังนั้นนายพลสูงวัยจึงได้แต่ยืนรอ…ให้ทรงเอ่ยความต้องการออกมาเอง

“ดูเหมือนเราจะไม่เคยคุยกันอย่างจริงจังเลยสักครั้งนะครับ ท่านลุง”

รัชทายาททรงยิ้มให้นิดๆ ก่อนจะเสด็จออกมาประทับโซฟาไม้พลางเชื้อเชิญแขกให้มานั่งร่วมกัน แม้จะมีเบาะรองนั่งอย่างดี แต่นายพลก็ไม่ค่อยปลื้มสักเท่าไรกับรสนิยมของหลานชายสูงศักดิ์คนนี้

“ก็เห็นทรงขลุกอยู่แต่ที่วิหารเทพ ลุงก็เลยไม่รู้ว่าจะแวะไปคุยด้วยอย่างไร”

“ผมเลยเชิญมาคุยที่นี่ คงสะดวกใจกว่า”

“ทุกอย่างเป็นไปตามพระประสงค์”

“ถ้าเช่นนั้น ผมขอพูดตรงๆ เลยก็แล้วกัน…” เจ้าชายธัชธาราทรงหันพระพักตร์ไปเผชิญหน้าบุคคลที่กุมอำนาจอยู่เบื้องหลังราชบัลลังก์โดยเฉพาะในช่วงปีหลังที่ก้าวขึ้นมามีบทบาทเป็นอย่างมาก จนเขาเกือบจะลืมไปแล้วว่าใครกันแน่ที่ปกครองสินธุรัฐ

“ผมอยากได้อัมพุ…”

“ทรงหมายความว่าอย่างไร”

“ผมจะดูแลอัมพุทั้งหมดเอง ท่านลุงได้โปรดถอนทหารของท่านลุงออกไปด้วย”

“ลุงเตือนในฐานะหลานชายก็แล้วกันนะ…เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ลุงเท่านั้น ทั้งแม่ของหลาน และไหนจะนักลงทุนอีกมากมาย คงไม่ง่ายหรอกถ้าอยากได้อัมพุไปดูแลเอง”

นายพลเอ่ยเตือนเสียงราบเรียบแต่สายตาเชือดเฉือนอย่างชัดเจน การเลือกใช้คำธรรมดาๆ นับเป็นการยกตนข่มท่าน จนเจ้าชายธัชธาราได้แต่ทรงยิ้มอย่างเศร้าพระทัย น่าเสียดายที่ความสัมพันธ์ทางสายเลือดก็ดูเหมือนจะมีค่าน้อยกว่าเงินตราและผลประโยชน์

“นั่นสิครับ ไม่ง่ายจริงๆ แต่…ผมต้องได้!”

เจ้าชายรับสั่งพลางประทับยืนขึ้น และชั่วพริบตาประตูหน้าต่างทุกบานก็ปิดทางเข้าออกทั้งหมด

“นี่มันอะไรกันธัชธารา” นายพลชาตรีตวาดเสียงดังอย่างหงุดหงิดและหวาดระแวง มือเอื้อมไปจับปืนพกประจำตัวอย่างเตรียมพร้อม หากรัชทายาทหนุ่มยังทรงยิ้มเย็น

“ผมขอ…ในฐานะหลาน ถอนทหารออกจากเมืองอัมพุให้หมด แล้วผมจะปล่อยลุงไป”

“ขอกันแบบนี้มันเกินไปไอ้หลานชาย ฉันทุ่มเทไปเท่าไร พอถึงเวลาจะได้บ้าง แกก็ให้ฉันถอย
คนโง่เท่านั้นแหละที่ทำ! เปิดประตู!”

“ผมให้โอกาสลุงแล้วนะ”

“กูบอกให้ เปิด-ประ-ตู” นายพลชาตรีเอ่ยย้ำก่อนจะยกปืนขึ้นเล็งไปยังพระรัชทายาทอย่างข่มขู่ หากอีกฝ่ายเพียงแค่ยิ้ม ประตูทางเข้าก็เปิดออกพร้อมๆ กับที่สายตาทุกคู่หันไปปะทะเงาร่างของหญิงสาวที่ถูกแสงแดดสะท้อนจนเห็นเพียงรัศมีเรืองรอง ทว่าเสียงละมุนอันเป็นเอกลักษณ์ก็ทำให้นายพลรีบเบี่ยงปืนในมือหันมา แต่ก็ยังช้ากว่าอยู่ดี

“ดวงตาจงดับ!”

ปัง ปัง ปัง

เสียงปืนในมือของนายพลชาตรีรัวยิงอย่างไม่เล็ง มิรามาลินทร์รีบก้มตัวหลบโดยมีมือแข็งแรงของเจ้าชายธัชธาราดึงกระชากให้เธอออกห่างจากพื้นที่ เพื่อให้อินทัชรีบกระโจนเข้าชาร์จตัวนายพลชาตรีทันที ไม่นานนักกลุ่มทหารในบัญชาของรัชทายาทก็ควบคุมสถานการณ์ได้

“เป็นอะไรหรือเปล่า” สุรเสียงนุ่มนวลตรัสถามอย่างห่วงใย พลางสำรวจร่างเล็กที่พอใส่ชุดทหารพรานดำพรางก็ยิ่งมองไม่เห็นว่าเป็นแผลบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่

“ไม่เป็นไรเพคะ หม่อมฉันยังไหว ทรงรีบจัดการเถอะ”

มิรามาลินทร์ว่าพลางรีบยันตัวลุกขึ้น ก่อนจะเอื้อมมือไปจับพระหัตถ์บุคคลที่เธอฝากความหวังเอาไว้อย่างเต็มเปี่ยม พระรัชทายาทแห่งสินธุรัฐมองมือเล็กคู่นั้นก่อนจะกุมเอาไว้แน่น…ถึงเวลาแล้วที่จะต้องทรงปกป้องคนสำคัญด้วยพระหัตถ์ของพระองค์เอง!

 



Don`t copy text!