พระเอกในใจตัวร้ายในจอ บทที่ 6 : แรกพบ

พระเอกในใจตัวร้ายในจอ บทที่ 6 : แรกพบ

โดย : เด็กหญิงเจ้าสำราญ

Loading

พระเอกในใจตัวร้ายในจอ นวนิยายออนไลน์โดย เด็กหญิงเจ้าสำราญ จาก อ่านเอา เรื่องราวของดาวร้ายตัวพ่อวัย 82 แห่งวงการบันเทิงที่มีครอบครัวแสนอบอุ่น แต่ก้นบึ้งของหัวใจปรารถนาจะได้รับการให้อภัยจากเพื่อนรัก และเขาก็ได้โอกาสแก้ตัวให้กลับไปในปี พ.ศ.2512 แต่เป้าหมายไม่ใช่แค่เรื่องเพื่อนแต่ยังมีหญิงสาวที่เขาต้องคว้าเธอมาแนบใจให้ได้

“ยังไงก็แวะซื้ออะไรติดไม้ติดมือไปฝากอาเทอดเขาหน่อยนะขวัญ ไปหาผู้ใหญ่ทั้งที ไปมือสิบนิ้วมันไม่งาม เข้าใจไหม” คุณแขไขสั่งหญิงสาวตรงหน้า

“รับรองเลยค่ะว่าขวัญจะหิ้วของดีๆ ไปฝากอาเทอด ไม่ทำให้เสียชื่อคุณแขไขแน่นอน” หญิงสาวรับปากด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เพราะผู้เป็นมารดานั้นย้ำหนักย้ำหนาตั้งแต่อยู่ในบ้านจนเดินออกมาส่งเธอที่รถ ให้เธอแวะหาซื้อของติดไม้ติดมือไปให้เทอดให้ได้ เพราะวันนี้เป็นวันที่เทอดนัดนักแสดงหลักๆ ของภาพยนตร์เรื่องใหม่มาทานข้าวและพูดคุยทำความรู้จักกันที่บ้าน

“เป็นอย่างนั้นได้ก็ดี แล้วก็เลือกของดีๆ ด้วยล่ะ…” คุณแขไขไม่วายกำชับ

“คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ…เดี๋ยวผมพาน้องแวะห้างก่อน แล้วค่อยไปส่งน้องที่บ้านอาเทอด” ผู้เป็นพี่ชายรับปากมารดาให้คลายกังวล

“งั้นแม่ฝากไม้ด้วยนะลูก แวะไทยไดมารูก็ได้ ของเขาเยอะดี” ผู้เป็นมารดาเอ่ยถึงห้างสรรพสินค้าชื่อดังที่กำลังเป็นที่นิยมของผู้คนเพราะมีสินค้าให้เลือกหลากหลาย

“ได้เลยครับ”

“ดีเลยค่ะ…งั้นขวัญเลือกของให้อาเทอด ส่วนพี่ไม้ก็จ่ายเงินนะคะ” หญิงสาวส่งรอยยิ้มอ้อนๆ ให้ชายหนุ่มที่รับหน้าที่เป็นสารถีไปส่งเธอ

 

ห้างไทยไดมารู

“โห…ห้างนี่มันหรูหรา ทันสมัยสมคำร่ำลืออย่างโฆษณาเขาว่าจริงๆ” ธงรบกวาดตามองรอบๆ ด้วยความรู้สึกตื่นเต้นเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้มีโอกาสมาเดินดูข้าวของมากมายที่ถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบในบรรยากาศที่เย็นฉ่ำกว่าอากาศด้านนอก ถ้าวากันตามจริงแล้วชีวิตเขาส่วนมากก็คลุกอยู่แต่ในกองช่าง หรือไม่ถ้าจะซื้อของก็แค่ตลาดนัดแถวบ้าน

“เอ็งก็อย่าเพิ่งตื่นเต้นไป มาช่วยข้าเลือกของให้พี่เทอดดีกว่า…เอ็งว่าข้าซื้อเป็นเหล้านอกสักขวดให้พี่เทอดจะดีไหมวะ” เจตน์หันไปขอความเห็นจากธงรบ

“ตามใจเอ็งเลยวะเจตน์…ว่าแต่เรายังพอมีเวลากว่าจะถึงเวลานัดใช่ปะวะ”

“ใช่…เอ็งถามทำไม”

“ข้าขอตัวเดินสำรวจห้างนี่สักหน่อย เมื่อกี้ตอนเดินเข้ามาข้าเห็นเขามีแผนกเสื้อผ้าผู้ชายด้วย ขอข้าไปซื้อเสื้อใหม่กับเขาสักตัวสองตัว เดี๋ยวข้ามานะไอ้เพื่อนยาก…” พูดจบชายหนุ่มก็เดินจากไปพร้อมปล่อยให้เพื่อนรักจัดการเลือกซื้อของเพียงลำพัง จนเจตน์ถึงกับส่ายหัวระอาที่คิดหวังพึ่งพาเพื่อน

เสื้อผ้าเนื้อดีหลากสีหลายแบบตามสมัยนิยมที่แขวนอยู่เรียงรายในแผนกเสื้อผ้าบุรุษทำเอาธงรบถึงกับเลือกแทบไม่ถูก ว่าจะหยิบจับซื้อหาตัวไหน ที่ดูเหมาะเจาะกับเขา

“พี่ไม้ว่าตัวนี้เป็นยังไงคะ” หญิงสาวร่างเล็กหยิบเสื้อจากราวชูขี้นตรงหน้าเพื่อให้ชายหนุ่มพิจารณา

“ก็เหมือนตัวเมื่อกี้”

“เหมือนตรงไหนคะ ตัวนี้สีออกจะสดกว่าตัวโน้นตั้งเยอะ พี่ไม้ตาบอดสีหรือเปล่าคะนี่” ขวัญชีวามองค้อนผู้เป็นพี่ชายอย่างขัดใจ

“พี่ว่าตัวไหนๆ มันก็เหมือนนั่นแหละ เราอยากให้พี่ใส่ตัวไหนก็หยิบๆ มา” คนเป็นพี่บ่นพร้อมเร่ง

“โธ่…พี่ไม้จะรีบไปไหนคะ เหลือเวลาอีกตั้งมาก…ข้าวของที่คุณแม่สั่งเราก็ซื้อเสร็จเรียบร้อยแล้ว”

น้ำเสียงใสที่พูดคุยเจื้อแจ้วอยู่ใกล้ๆ ทำเอาธงรบถึงกับค่อยๆ ขยับตัวจากราวเสื้อผ้าที่ตนกำลังเลือก เพื่อเหลียวหน้ามามองหาเจ้าของเสียงด้วยความอยากรู้ และก็ให้ต้องสะดุดตากับกระโปรงสั้นเสมอเข่าสีแดงสดที่เผยให้เห็นเรียวขาเนียนบนรองเท้าส้นหนา กำลังยกเสื้อเชิ้ตแขนยาวในมือขึ้นทาบทับบนลำตัวชายหนุ่มร่างสูงที่เขาเห็นว่าเริ่มมีสีหน้าเหนื่อยหน่าย

“โธ่…พี่ไม้อย่าเพิ่งทำหน้าเบื่อสิคะ…ขวัญอยากให้พี่ไม้ของขวัญดูหล่อที่สุดเวลาต้องไปงานนะคะ” หญิงสาวเริ่มทำท่าแง่งอน

“ก็ได้ๆ ถ้าน้องขวัญชอบตัวไหน พี่ก็ชอบตัวนั้นแหละ…”

“ขวัญว่า….ตัวนี้พี่ไม้ใส่แล้วหล่อสู้ตัวเมื่อกี้ไม่ได้ เดี๋ยวขวัญเดินไปหยิบตัวเมื่อกี้ดีกว่า”

“ตามใจน้องขวัญเลย” น้ำเสียงชายหนุ่มที่รีบตอบเอาใจหญิงสาวแบบขอไปทีทำเอาธงรบที่ลอบยืนดูอยู่แทบอยากจะเดินไปเตะสักทีสองที หมอนี่พิลึกคน มีสาวมาช่วยเลือกเสื้อผ้าให้ยังเล่นตัว ขนาดเขาได้ยินแค่เสียงเห็นแต่ข้างหลังยังรู้สึกอิจฉา ธงรบยักไหล่ กลับไปสนใจเลือกเสื้อผ้าบนราวแขวนตรงหน้าของตัวเองต่อไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเขารีบๆ เลือกแล้วรีบๆ กลับไปหาเจตน์ก่อนที่เพื่อนรักจะโวยวายใส่ดีกว่า

“อุ๊ย /โอ๊ะ” เสียงอุทานเบาๆ ด้วยความตกใจทำให้ธงรบเงยหน้าขึ้นมองคนที่เอื้อมมือมาคว้าเสื้อตัวที่เขาหมายตาเลือกไว้ ขณะที่ขวัญชีวาก็ไล่สายตาจากมือใหญ่ไปยังใบหน้าของชายหนุ่มรูปร่างสูงหนาตรงหน้าที่คว้าเสื้อตัวที่เธอตั้งใจเดินกลับมาหยิบไป เสี้ยววินาทีที่ธงรบได้เห็นใบหน้าของหญิงสาวร่างเล็กที่เห็นแค่เพียงด้านหลังเมื่อครู่ ก็ทำเขาถึงกับอึ้งไปชั่วขณะกับวงหน้ากระจ่างใส โดยเฉพาะริมฝีปากเล็กที่พร้อมแย้มยิ้มไปถึงดวงตา

“เอ่อ…ขอโทษค่ะ / ขอโทษครับ ” ทั้งคู่รีบกล่าวคำขอโทษที่ให้ความหมายถึงการจับจอง เพื่อให้อีกฝ่ายปล่อยมือจากเสื้อที่ตนหมายตา ธงรบมองดวงตาคู่สวยของหญิงด้วยท่าทางท้าทายไม่ยอมแพ้ ขณะที่ขวัญชีวาเองก็ส่งรอยยิ้มที่หวานไปถึงดวงตาของเธอให้ชายหนุ่ม ทำเอาเขาถึงกับกระตุกวูบเหมือนจะหัวใจหลุดลอย จนเผลอปล่อยมือจากเสื้อที่ตัวเองตั้งใจเลือกธงรบให้หญิงสาว

“ขอบคุณมากนะคะ” เสียงหวานๆ ของขวัญชีวาดึงสติธงรบให้กลับมามองมือว่างเปล่าของตัวเอง แม้จะเสียดาย แต่รอยยิ้มหวานๆ ที่ส่งมาพร้อมคำขอบคุณอีกรอบก่อนถือเสื้อเดินจากไปก็ทำเอาเขานิ่งไปอีกเป็นคำรบสอง และครั้งนี้ธงรบก็ได้แต่มองเธอเดินไปยังชายหนุ่มที่มาด้วย ด้วยความรู้สึกเสียดายที่ไม่มีโอกาสได้ทำความรู้จักเพราะเธอมีเจ้าของเสียแล้ว

เสียงสนทนาของชายหนุ่มที่รวมตัวกันอยู่บริเวณชานกว้างหน้าบ้าน ที่จัดไว้สำหรับเป็นมุมพักผ่อนง่ายๆ และเสียงแว่วชื่อของตัวเองทำให้หญิงสาว 2 คนที่กำลังถือถาดเครื่องดื่ม และของว่างตามเข้ามาสมทบวงสนทนาหยุดฝีเท้าอยู่กับที่พร้อมยิ้มสบตาให้กันด้วยความอยากรู้และหลบตัวอยู่หลังประตู

“พวกเอ็งคิดว่าไงน้องขวัญเป็นไง” ชายร่างสูง หน้าตาเกลี้ยงเกลาชวนมองด้วยทรงผมที่ม้วนจัดแต่งทรงเป็นอย่างดี หันมาถามเพื่อนนั่งอยู่ด้วยกันก่อนเคาะปลายบุหรี่ที่คีบอยู่ในมือกับขอบจานรองเศษบุหรี่ตรงหน้าเบาๆ

“ข้าชอบ…น้องเขาแต่งตัวเปรี้ยวดี มองแล้วเพลินตา” คมเดชออกความเห็นต่อคำถามของชาติชาย ที่ถือได้ว่าเป็นเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกัน ชาติชายเข้าวงการมาเล่นหนังก่อนเขาได้ไม่นาน แม้รูปร่างจะไม่ได้หนาและแน่นไปด้วยมัดกล้ามตามพิมพ์นิยม หากแต่วงหน้าและคิ้วเข้มที่พาดเหนือดวงตาอ่อนโยน และบุคลิกที่ดูเป็นมิตร ก็ทำให้ชาติชายมักได้รับบทพระรองหรือเป็นผู้ช่วยพระเอกอยู่เสมอๆ รวมทั้งหนังเรื่องใหม่ของเทอดที่ทำให้พวกเขาต้องมารวมตัวกันอยู่ที่บ้านเทอดในเวลานี้ ด้วยเหตุผลว่าเทอดอยากให้ทุกคนได้ทำความรู้จักกันไว้

“ส่วนน้องจิตรเลขา รายนั้นเห็นเรียบร้อยๆ แต่ก็ช่างเจรจา ดูท่าจะเข้ากันได้ดีกับน้องขวัญ” คมเดชนึกถึงหญิงสาวผมยาวที่มัดรวบไว้หลวมๆ 2 ข้าง และแต่งตัวสบายๆ ด้วยเสื้อเชิ้ตแขนยาวลายดอกกับกางเกงเข้ารูปเอวสูงอีกคนในวงสนทนาบนโต๊ะอาหารเย็นที่เพิ่งเสร็จไปเมื่อครู่

“ตอนแรกข้านึกว่าพี่เทอดจะหานางเอกมาคู่เจตน์มันไม่ได้ซะแล้ว ที่ไหนได้ พี่เทอดนี่ตาถึงไม่เบา” ชาติชายชื่นชม ในฐานะเจ้าของเงินทุนและผู้กำกับ เทอดเป็นชายวัยกลางคนที่ทุกคนต่างให้ความเคารพ โดยเฉพาะการตัดสินใจแบบกล้าได้กล้าเสียในการทำธุรกิจ เมื่อพระเอกนางเอกในวงการเวลานี้ล้วนแล้วแต่มีคิวถ่ายที่แน่นยาวกันไปเป็นเดือน เทอดเลยตัดสินใจปั้นนางเอกใหม่ขึ้นมา เพื่อให้หนังของตัวเองได้เดินหน้าถ่ายทำโดยไม่เสียเวลา เพราะนี่มันยุคทองของวงการหนัง แต่ละเดือนมีหนังเป็นสิบเป็นร้อยที่พร้อมจะโกยเงินจากผู้ชม จะรอช้าๆ ได้พร้าเล่มงามเห็นทีจะไม่ทันกิน ไม่ทันสร้างชื่อให้ประดับวงการแบบใครเขาได้

“ข้าว่า…ข้าถูกใจน้องขวัญ ถ้าจะลองจีบเขาพวกเอ็งคิดว่าข้าจะมีหวังไหมวะ” จู่ๆ เจตน์ก็เปรยขอความคิดเห็นขึ้นด้วยสีหน้าที่หมายมาด หลังจากที่ฟังชาติชายและคมเดชพูดถึงสาวๆ อยู่เป็นนาน

“ไอ้เจตน์! นั่นหลานพี่เทอดเลยนะเอ็ง” คมเดชร้องขึ้นความตกใจ “พี่เทอดเขาก็พูดอยู่ว่ากว่าจะขอพ่อเขามาเล่นหนังให้เราได้ แทบจะกราบกราน เอ็งจะมาทำเสียเรื่องแล้วไหม”

“ข้าว่าสวยๆ แบบนั้น หัวกระไดบ้านคงไม่แห้ง ไหนจะพวกฝรั่งตาน้ำข้าวอีก นั่นมันนักเรียนนอกเชียวนะเอ็ง” ชาติชายออกความเห็น

“ก็จริงของพวกเอ็ง…แต่ข้าก็เชื่อว่าระหว่างที่เราถ่ายหนังด้วยกัน ข้าคงมีเวลาพิสูจน์ความจริงใจของข้าให้เขาเห็นได้บ้างละ…ของอย่างนี้ไม่ลองก็ไม่รู้…เอ็งล่ะ…คิดไงวะธง เอ็งต้องช่วยข้าด้วยนะ”

แววตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นเอาจริงของเจตน์ทำให้ธงรบต้องหมุนแก้วเหล้าในมือไปมาด้วยความคิด และนึกถึงหญิงสาวร่างเล็กท่วงท่ามั่นใจ สวมกระโปรงสั้นสีแดงสดตามสมัยนิยมที่สาวๆ เรียกกันว่ามินิสเกิร์ตทับด้วยเสื้อยืดคอเต่าแขนยาวลายทางเหมือนหลุดออกมาจากนิตยสารเมืองนอกที่เขาเคยเห็นตามแผงหนังสือ เรือนผมสีดำยาวเคลียไหล่ดัดปลายงอน คาดศีรษะด้วยผ้าคาดผมสีครีมอ่อนๆ ดูเก๋ไก๋สะดุดตา

แต่ที่สะดุดใจเขาตั้งแต่แรกพบกลับเป็นวงหน้าเล็ก และดวงตาที่ระบายด้วยรอยยิ้มแห่งความมีชีวิตชีวายามพูดคุย มันช่างกวนความรู้สึกในหัวใจให้เขาอยากรีบเข้าไปทำความรู้จัก ตั้งแต่ได้เจอกันโดยบังเอิญในห้างสรรพสินค้า ยิ่งพอได้มารู้จักอย่างเป็นทางการบนโต๊ะอาหารเมื่อเทอดแนะนำ และได้รู้ว่าชายหนุ่มที่มาด้วยกันเป็นเพียงแค่พี่ชาย เขาก็คิดว่าโชคชะตาคงเข้าข้างให้เขาได้สานสัมพันธ์ และเผยความรู้สึกให้อีกฝ่ายได้รับรู้ ซึ่งความรู้สึกของเขาคงไม่ต่างจากเพื่อนรักตรงหน้า เพียงแต่ธงรบคิดว่าจะขอความเห็นกับเจตน์เพียงลำพังหลังจากจบงานนี้ แต่เจตน์ก็เป็นเจตน์หากเป็นเรื่องอะไรที่อยู่ในความสนใจเขาก็มักจะไม่รีรอปล่อยให้ทุกอย่างให้ผ่านไปเนิ่นนาน

อาจเพราะแววตาจริงจังของเจตน์ที่เต็มไปด้วยประกายแห่งความหวัง ทำให้เขาต้องหยุดความคิดและความรู้สึกของตัวเองแทบจะทันที เพราะถ้าให้เลือกระหว่างมิตรที่คบกับมายาวนานกับหญิงสาวที่เพิ่งพบเจอ เขายังอยากเป็นมิตรที่ดีที่ช่วยให้เพื่อนได้สมปรารถนา เพราะน้อยครั้งนักที่เจตน์จะบอกรักชอบใครให้ได้ยิน และความจริงเอาจังของเจตน์ ก็สั่นคลอนความรู้สึกที่เขามีต่อขวัญชีวาให้กลายเป็นความรู้สึกไม่มั่นใจในเสียงหัวใจของตัวเอง และเริ่มคิดว่ามันอาจเป็นแค่ความรู้สึกถูกตาต้องใจประเดี๋ยวประด๋าวแล้วก็จางหายไป

และก่อนที่ธงรบจะทันได้ตอบอะไรออกไป สายตาเขาก็ทันเห็นเรียวขายาวและชายกระโปรงสีคุ้นตาที่หลบอยู่ตรงประตูทางเข้าออกตัวบ้าน จู่ๆ ความอยากแกล้งล้อเล่นกับความรู้สึกของคนที่หลบซ่อนแอบฟัง ก็บังคับให้ชายหนุ่มพูดในสิ่งที่สวนทางกับความรู้สึกที่เคยมี

“จะดีหรือเจตน์ เขามันนักเรียนนอก เป็นลูกผู้ลากมากดี เรามันแค่ชาวสวน” ธงรบพูดพร้อมคีบน้ำแข็งจากถังเล็กบนโต๊ะใส่ลงในแก้วเหล้าของตัวเองก่อนหมุนตัวหันหลังให้เพื่อนและประตู เสมองทิวทัศน์ในสวนตรงหน้า “แต่งตัวรึก็เหมือนหลุดออกมาจากนิตยสาร”

“เฮ้ย…ข้าชอบนะผู้หญิงแต่งตัวสวย เจริญหูเจริญตาออก” คมเดชแย้ง

“ก็อย่างที่ชาติมันว่า สวยๆ ดูมั่นอกมั่นใจปานนั้น ไหนจะอยู่เมืองนอกเมืองนามา คงเปลี่ยนคู่ควงเป็นว่าเล่น…ความเป็นกุลสตรีจะมีรึเปล่าก็ไม่รู้ อาจจะสวยแต่รูปจูบไม่หอมก็เป็นได้ ข้าว่าใครได้เป็นเมียคงต้องผูกคอตายวันละหลายรอบ…ข้าไม่เอาด้วยแล้วคนหนึ่ง…” ธงรบร่ายยาวโดยไม่ยั้งคิดในคำพูด และหวังให้คนที่หลบซ่อนอยู่เผยตัวออกมาโวยวายและด่าทอในสิ่งที่เขายกเมฆมาพูด ไม่ว่ามันจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ก็ตาม เพื่อที่เจตน์อาจจะเปลี่ยนใจเมื่อเห็นพฤติกรรมอีกด้านของหญิงสาว แต่น่าแปลกที่คนหลังประตูกลับไม่เคลื่อนไหวใดๆ หนำซ้ำทุกคำที่เขาพูดออกมามันกลับทำให้เขารู้สึกเกลียดตัวเองอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนที่พูดถ้อยคำเหล่านั้นออกมาโดยไม่คิดถึงหัวใจใคร จนคมเดชถึงกับร้องอุทาน

“โห…ข้าเพิ่งรู้นะว่าเอ็งปากจัดขนาดนี้ ความคิดเห็นแต่ละอย่างของเอ็งนี่…”

“เอ็งก็พูดเกินไปธง…เราเพิ่งจะเจอคุณขวัญเขาวันนี้ จะไปตัดสินเขาแบบนั้นได้ยังไง” เจตน์ปรามเพื่อน

“นี่…เอ็งดูไอ้เจตน์ไว้เป็นตัวอย่างเลยไอ้ธง คนเป็นพระเอกมันต้องพูดจาให้เกียรติกันแบบไอ้เจตน์นี่” คมเดชได้ทีสอนชายหนุ่ม

“เจตน์มันขอความคิดเห็น ข้าก็ให้ความเห็นข้าไป มันผิดตรงไหน” ชายหนุ่มตอบกลับอย่างไม่พอใจที่จู่ๆ ก็กลายเป็นตัวร้ายในสายตาทุกคน

“ช่างเถอะ…เอาเป็นว่าพวกเอ็งต้องช่วยข้า โดยเฉพาะเอ็งไอ้ธง เอ็งจะคิดยังไงก็เรื่องของเอ็ง แต่อย่าทำข้าเสียเรื่อง” เจตน์ชี้หน้าบอกธงรบอย่างคนที่พร้อมเอาเรื่อง และก่อนที่ธงรบจะอ้าปากโต้เถียงปฏิเสธ เสียงเล็กๆ ของคนที่เป็นประเด็นสนทนาถึงก็เดินเข้ามาขัดจังหวะ จนเขาต้องหมุนตัวกลับมาเผชิญหน้า

“มาแล้วค่ะ…กับแกล้มของพวกพี่ๆ เดี๋ยวพี่เทอดตามมานะคะ พอดีแกคุยอยู่กับพี่ชายขวัญ” ขวัญชีวาวางจานอาหารในมือตัวเองลงบนโต๊ะ

“อันนี้ยำวุ้นเส้น ขวัญปรุงเองทุกขั้นตอน กุลสตรีสุดๆ เป็นนักเรียนนอกที่เหลือเชื่อมาก” จิตรเลขาอธิบายและเน้นคำพูดในประโยคสุดท้ายจนชายหนุ่มทั้ง 3 หันมาสบตากันไปมาด้วยไม่แน่ใจว่าหญิงสาวทั้งคู่ได้ยินสิ่งที่พวกเขาคุยกันไปมากน้อยแค่ไหน ขณะที่ขวัญชีวาส่งรอยยิ้มหวานให้ทุกคน ต่างกันก็แค่เพียงรอยยิ้มนั้นเมื่อมันมาถึงเขามันไม่ได้ไปถึงดวงตาเหมือนที่อย่างที่เคยเห็น มันเต็มไปความเสียใจและความผิดหวัง จนทำให้เขาต้องเบือนหน้าหนีด้วยความรู้สึกผิด เพราะรู้อยู่แก่ใจว่าเธอได้ยินทุกคำที่เขาพูด

“วันนี้ขวัญต้องขอตัวลากลับก่อนนะคะ พี่ชายขวัญมารอได้สักพักแล้ว ไว้เจอกันวันถ่ายนะคะ” ขวัญชีวาตัดบทพร้อมยกมือไหว้ลาหนุ่มๆ ที่แก่วัยกว่าตัวเองตรงหน้า และเดินกลับเข้าไปในบ้านซึ่งผู้เป็นพี่ชายกำลังนั่งคุยอยู่กับเทอดด้านใน ด้วยความรู้สึกผิดหวังที่คาดหวังว่าการทำงานในกองถ่ายครั้งนี้ว่ามันจะต้องเต็มไปด้วยความเป็นมิตรที่ดีจากทุกคน โดยเฉพาะชายหนุ่มที่เธอรู้สึกประทับใจและชอบดวงตาคมคู่นั้นเมื่อยามมองสบมาที่เธอ

“พี่ชายขวัญเขาสนิทกับพี่เทอดไม่ใช่เหรอ อยู่ต่อก็ได้นี่ ไม่เห็นจะต้องรีบกลับเลย” ชาติทักขึ้นเมื่อขวัญชีวาคล้อยหลังไป

“คงไม่อยากได้ยินอะไรไม่ดีมั้งคะ” จิตรเลขาพูดพร้อมกวาดสายตามองหนุ่มๆ ตรงหน้าทีละคนด้วยรอยยิ้มเย็นจนคมเดชถึงกับร้องอุทานออกมา

“ฉิบหายแล้วไหมล่ะ…ไอ้ธง”

 



Don`t copy text!