ลูกไม้เกี่ยวรัก นิยายฟีลกู๊ด เล่มล่าสุดของ นวาภัส  ที่จะทำให้หัวใจเบิกบาน ใจฟูไปกับความน่ารักของเจ้าตัวเล็ก

ลูกไม้เกี่ยวรัก นิยายฟีลกู๊ด เล่มล่าสุดของ นวาภัส ที่จะทำให้หัวใจเบิกบาน ใจฟูไปกับความน่ารักของเจ้าตัวเล็ก

โดย : กิ่งสุรางค์ อนุภาษ

Loading

ผลงานลำดับถัดมาของ ‘นวาภัส’ คือนิยายฟีลกู๊ดเรื่อง ‘ลูกไม้เกี่ยวรัก’ ซึ่งอินเทรนด์ผู้หญิงยุคใหม่ที่อยากมีลูกแต่ไม่อยากมีสามี โดยลืมนึกถึงความรู้สึกของเด็กที่เกิดมาว่าอาจทำบางสิ่งสำคัญในชีวิตของเขาขาดหายไปหรือเปล่า

ลูกไม้เกี่ยวรัก ประเด็นหนักแต่ฟีลกู๊ด

เมื่อสาวเก่งอย่าง ดร.ปัณฑารีย์ อยากมีลูกไว้อุ้มชู แต่ไม่ของ้อผู้ชาย เธอจึงใช้วิธีซื้อน้ำเชื้อมาผสมเทียม จนได้ลูกชายแสนน่ารักมาฮีลใจ แต่ไม่นานก็งานเข้า เมื่อลูกชายสุดที่รักงอแงอยากมีพ่อ สาวแกร่งจึงหันไปคว้าคุณหมอสุดหล่อ รักแรกที่ทำให้เธอรู้จักคำว่าอกหักมาเป็นพ่อกำมะลอให้ลูก จนลูกชายกับพ่อเก๊ๆ ของเขาเกิดผูกพันกันขึ้นมา ความวายป่วงเกิดขึ้นเมื่อมีโอกาสเป็นไปได้ว่าน้องชายของคุณหมออาจเป็นเจ้าของน้ำเชื้อตัวจริง

แค่เล่าเรื่องย่อแบบคร่าวๆ ให้อ่านกัน หลายคนคงอยากติดตามแล้วว่า ความยุ่งเหยิงนี้จะดำเนินต่อไปและจบลงแบบไหน ซึ่งนักเขียนสาวอารมณ์ดีบอกว่าฮีลใจแน่นอน

“ด้วยความที่เรื่องแรกคือ เหมันต์ตะวันรอน เป็นพีเรียด เรื่องที่สองจึงอยากเปลี่ยนไปเขียนเรื่องปัจจุบัน ซึ่งน่าจะทำงานง่ายกว่าในเรื่องของข้อมูลและภาษา ตอนนั้นก็คิดไว้แล้วว่าอยากเขียนเรื่องของผู้หญิงเก่งที่อยากมีลูกโดยที่ไม่ต้องมีสามี ซึ่งเราจะเห็นตามข่าวว่าเดี๋ยวนี้ผู้หญิงจำนวนไม่น้อยรวมถึงสาวไทยที่ไปบินไปถึงเมืองนอกเพื่อซื้อน้ำเชื้อมาใส่เพราะอยากมีลูก แล้วก็สามารถเลือกได้ว่าต้องการ DNA แบบไหน อยากได้ลูกฉลาดเหมือนหมอ หล่อเหมือนดารา เล่นดนตรีเก่งเหมือนศิลปิน ก็สามารถเลือกช็อปได้ตามต้องการ

“โดยที่คิดว่าจะเลี้ยงเด็กคนเดียวได้อย่างสบายๆ ไม่ง้อผู้ชาย เพราะฉันเก่ง ฉันมีเงิน ฉันมีหน้าที่การงานที่ดี แต่พอเอาเข้าจริง กลับไม่ได้เป็นอย่างที่คิด เพราะเด็กก็มีชีวิตจิตใจ มีความโหยหาสิ่งที่ตัวเองขาด เลยคิดว่าประเด็นนี้น่าสนใจ จึงจับมาเขียนค่ะ”

นวาภัสได้เล่าถึงความน่าสนใจของนิยายเรื่องนี้ว่า “ลูกไม้เกี่ยวรัก เป็นนิยายฟีลกู๊ด ใช้ภาษาง่ายๆ อ่านสบายๆ ถึงจะรู้สึกว่าประเด็นมันหนัก แต่นักเขียนเล่าแบบโรแมนติกคอเมดี้ มีดรามานิดหน่อย ทำให้เรื่องไม่หนัก อ่านไปยิ้มไป ลุ้นไปว่าใครกันนะที่จะเป็นพ่อตัวจริงของเจ้าตัวเล็กในเรื่อง และคนอ่านจะได้อมยิ้มกับความแสบของนางเอก ความน่าหมั่นไส้ของพระเอก และความน่าเอ็นดูของเจ้าตัวเล็กที่มีคาแร็กเตอร์น่ารัก น่าหยิกค่ะ” และถึงแม้นิยายเรื่องนี้จะพูดถึงเรื่องราวในยุคปัจจุบัน เรื่องการใช้ภาษาหรือบริบทต่างๆ ในสังคมจึงไม่ใช่เรื่องที่ยากเกินไป แต่ถึงอย่างไร ก็มีส่วนที่ท้าทายนักเขียนอยู่ดี “สิ่งที่ยากก็คือเรื่องการแพทย์ การซื้อน้ำเชื้อมาผสมเทียม หรือทำเด็กหลอดแก้ว วิธีการต่างๆ เหล่านี้ ต้องหาข้อมูลทั้งในอินเทอร์เน็ต จากในข่าว และสอบถามจากผู้รู้ จากคนที่เคยมีประสบการณ์ตรง มีนะคะที่สาวไทยบินไปเมืองนอกเพื่อซื้อน้ำเชื้อมาใส่ นักเขียนได้ข้อมูลมาจากเพื่อนสนิทของเค้าเอง ใช้เวลาหาข้อมูลนานมาก และเรื่องอาชีพ สังคมของอาจารย์มหาวิทยาลัยก็ต้องสอบถามจากน้องที่ทำอาชีพนี้ และใช้ประสบการณ์ของน้องเขามาเป็นต้นแบบของนางเอกค่ะ”

เรื่องนี้แหละ ‘นวาภัส’ ของแทร่

“เรื่องนี้คือตัวตนของนวาภัสเลยค่ะ เราเป็นคนง่ายๆ ชอบสนุก ไม่ชอบอะไรที่เป็นพิธีรีตอง ดังนั้น เรื่องนี้ก็จะออกมาแบบนั้นค่ะ เขียนด้วยภาษาง่ายๆ มีหลากหลายอารมณ์ ทั้ง สนุก ขำ เศร้า น่าหมั่นไส้ และสอดแทรกเรื่องความสัมพันธ์ในครอบครัว ซึ่งสิ่งนี้จะได้เห็นในงานทุกเรื่องของนวาภัสแน่นอนค่ะ เพราะอยากให้เห็นว่า ครอบครัวคือพื้นฐานสำคัญที่สร้างเด็กคนหนึ่งให้เติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่แตกต่างกัน

นอกจากนี้ความสนุกและความท้าทายในการเขียนเรื่องนี้ยังอยู่ที่การจะทำอย่างไรให้คนอ่านรักตัวละครของเราด้วย เพราะตัวละครทั้งนางเอก พระเอก แม้แต่เจ้าตัวเล็ก เป็นตัวละครที่เป็นปัจจุบัน เราอยากทำให้ทุกตัวเป็นมนุษย์จริงๆ ที่มีความเทา เพราะในโลกแห่งความจริง ไม่มีมนุษย์คนไหนที่ดีสุดขั้วหรือชั่วสุดขีด จึงอยากให้ตัวละครของตัวเองเป็นแบบนั้น แต่ก็ไม่รู้ว่านักอ่านจะรู้สึกอย่างไรที่นางเอกเป็นถึงดอกเตอร์ บางทีก็ไม่ฉลาดกับเรื่องง่ายๆ หรือทำไมพระเอกถึงมีการตัดสินใจอะไรที่น่าอึดอัด ขัดใจ ไม่ได้ดั่งใจ ในฐานะนักเขียนก็ต้องมาลุ้นอีกว่า คนอ่านจะเข้าใจเรามั้ยนะ จะหยุมหัวเราหรือเปล่า (หัวเราะ) นี่แหละเป็นสิ่งที่ท้าทายมากค่ะ”

เริ่มเห็นลายเซ็นตัวเอง

พัฒนาการในการเขียนนิยายเรื่องที่สองที่นวาภัสเห็นคือเธอเขียนได้คล่องขึ้น ใช้ภาษาได้ลื่นไหลขึ้น “อาจเป็นเพราะว่าเป็นยุคปัจจุบันด้วยมั้งคะ ทำให้ใช้ภาษาได้ง่ายกว่า แต่สำหรับการเล่าเรื่อง ลำดับเรื่องก็ยังคงต้องมีการพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ ค่ะ ยังมีสิ่งที่ต้องปรับปรุงอีกมาก แต่เรื่องหนึ่งที่เห็นชัดคือ เริ่มเห็นลายเซ็นของตัวเอง และรู้แล้วว่าเราให้ความสำคัญกับอะไร เพราะได้สอดแทรกสิ่งนั้นเข้าไปในเรื่องโดยไม่รู้ตัว พอรู้ตัวอีกที สิ่งนั้นก็ไปอยู่ในเรื่องแล้ว และเป็นแก่นสำคัญของเรื่องด้วย นั่นก็คือเรื่องความสัมพันธ์ในครอบครัวค่ะ

“เนื่องจากนิยายเรื่อง ลูกไม้เกี่ยวรัก เป็นอีกเรื่องที่อยู่ในโครงการช่องวันอ่านเอา ปี ๔ ทำให้นักเขียนต้องทำงานแข่งกับเวลาที่กำหนด นักเขียนจึงถูกกดดันในหลายๆ ทาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือเรื่องของเวลา แต่กลับกลายเป็นการสร้างความประทับใจไม่รู้ลืมให้กับเธอ “เรื่องนี้เป็นการทำงานที่มีกำหนดระยะเวลาขีดเส้นเอาไว้ชัดเจน เราเขียนด้วยความกดดัน แต่กลับกลายเป็นเรื่องที่สะท้อนถึงตัวตนของตัวเองได้ดี ก็หวังว่านักอ่านจะชอบค่ะ

“ยังไงก็ขอฝาก ลูกไม้เกี่ยวรัก ด้วยนะคะ ย้ำอีกครั้งว่า เรื่องนี้เป็นนิยายฟีลกู๊ด คลายเครียด ที่จะทำให้หัวใจของคนอ่านเบิกบาน ใจฟูไปกับความน่ารัก น่าเอ็นดูของเจ้าตัวเล็ก มาเป็นกำลังใจให้โอโซนตามหาพ่อของเค้าให้เจอด้วยนะคะ”

Don`t copy text!