
บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 60 : ตัดปี้ มีอนาคต
โดย : ปราณประมูล
บุษบาลุยไฟ โดย ปราณประมูล เรื่องราวของ ลำจวน หญิงสาวผู้ต่อสู้กับค่านิยมทางสังคมในยุค ร.3 เธอลุกขึ้นทำสิ่งที่คนในห่วงเวลานั้นไม่ทำกัน หนทางจึงไม่ได้ราบรื่น หากเต็มไปด้วยอุปสรรคและถ้าไม่ใช่เพราะแรงรักแรงใจที่หนุ่มจีนคนนั้น คงยากที่บุษบาดอกนี้จะไปสู่จุดหมาย ‘บุษบาลุยไฟ’ นวนิยายเรื่องเยี่ยมที่อ่านเอานำมาให้อ่านออนไลน์
ท่านเจ้าคุณนักรบอาวุโส ผู้เป็นกำลังหลักดูแลดินแดนสยามฟากตะวันตกจนสุดปลายปักษ์ใต้ พิจารณาดูร่างภาพอันประณีตในแผ่นกระดาษขนาดใหญ่หลายแผ่นที่เสร็จสมบูรณ์ พร้อมจะเขียนลงบนผนังโบสถ์ระหว่างช่องหน้าต่างแต่ละช่อง ซึ่งวางเรียงกันตามลำดับบนยกพื้นศาลาวัด ประกอบด้วยภาพดอกไม้ แจกัน โต๊ะ เครื่องบูชา ของมงคลต่างๆ ซึ่งลงสีต้นแบบไว้งดงามสดใส
คณะผู้ติดตามท่าน ที่ล้วนหน่วยก้านสัดส่วนสันทัด แข็งแรง ผิวคร้ามคล้ำ ดูดุดันเด็ดขาดในแบบเดียวกับผู้เป็นนาย พากันยืนดู ก้าวๆ ถอยๆ เปลี่ยนทาง พิศใกล้ มองไกล สีหน้าแววตาอ่อนโยน ปลาบปลื้ม ชี้ชวนชื่นชมฝีมือของช่างเขียนจีนหนุ่มไปในทางเดียวกัน
คงแป๊ะสังเกตสังกาเห็น จึงยิ้มชอบใจอย่างยิ่ง
“ มั่งคั่ง ร่ำรวย ยศศักดิ์ อายุยืน อยู่เย็นเป็นสุข ทั้งดอกไม้ เครื่องโต๊ะ สิ่งเป็นมงคล ครบหมด ”
ท่านเจ้าคุณยิ้มยินดีปรีดา
“ สีสัน เส้นสายของเจ้าเด็กนี้ แปลกตา ไม่เหมือนผู้ใดขอรับ ”
คงแป๊ะอวย
“ ทอดพระเนตรแล้ว ต้องทรงโปรดอย่างยิ่งทีเดียว ”
เจ้าคุณคาดหวัง
“ เจ้าทำตัวอย่างสำเร็จออกมา ให้ทุกคนได้เห็นก่อนลงมือจริงได้ครบถ้วนเช่นนี้ ถูกใจข้าจริง ”
คงแป๊ะตบหลังไหล่เจ้าผมเปีย
“ งานแรกของกระผม ต้องให้ทุกท่านเห็นพ้องต้องกันก่อน กระผมเกรงจะทำผิดพลาด ”
หนุ่มจีนนอบน้อมถ่อมตน
“ ละเอียดรอบคอบดีแล้ว เจ้าฮุน ”
ผู้เป็นครูพยักรับรอง
“ ขอดูมือทั้งสองของเจ้าหน่อย ”
ท่านเจ้าคุณหันมา สั่งเสียงขึง
ฮุนหันไปมองหน้าคงแป๊ะ งงๆ แต่ก็ยื่นมือมาตรงหน้าอย่างว่าง่าย
ท่านเจ้าคุณชักดาบประจำตัวออกมาจากปลอกที่สะพายติดตัวเสมอ
ฮุนสะดุ้ง เกือบถอย
ลูกน้องท่านเจ้าคุณที่ล้วนพกดาบกันครบมือยังมองกันตื่นๆ ไม่ทราบว่าท่านจะทำกระไร
พลัน ท่านตวัดปลายดาบแหลมคม เข้าไปในเชือกข้อมือซ้ายฮุนที่ผูกปี้ ตวัดเบาๆ เชือกผูกปี้ที่ติดตัวชายหนุ่มตลอดมาหลายปี ก็ขาดออกร่วงลงพื้น
เจ้าคุณสุรเสนาเอาปลายดาบตวัดส่งปี้ให้ลอยขึ้น มือท่านคว้ารับว่องไง ยื่นชูมาตรงหน้าฮุน
“ เอ็งไม่ใช่กุลี ไม่ต้องผูกปี้ให้เจ้าสัวโตที่แสนใจกว้างต่อเจ้าต้องมาสิ้นเปลือง จ่ายอากรค่าแรงให้พระคลังทุกๆสามปีอีกแล้ว สิ่งนี้ เป็นเพียงของที่เอ็งจักเก็บไว้ดู เป็นที่จดจำรำลึก ”
ฮุนพนมมือ ก้มกราบเท้าเจ้าคุณ และรับปี้นั้นมาถือไว้
“ เอ็งเป็นช่างหลวงภายใต้บังคับของข้าแล้วหนา ค่าแรง ค่าสิ่งของ เช่นสี ยางไม้ พู่กัน เอ็งก็เบิกที่ข้าด้วยชื่อของเอ็ง ไม่ใช่ของคุณหลวงเสนีย์บริรักษ์ท่านอีกต่อไปแล้ว ”
น้ำเสียงของท่านเปี่ยมเมตตา ดวงตาท่านกรุณาสงสาร
“ ผู้ใดจะมาไล่ตีไล่ฟัน หาว่าเป็นพวกจีนค้าฝิ่นไม่ได้อีกแล้ว หากใครมาก็กราบเรียนฟ้องร้องท่านเจ้าคุณท่าน เอ็งไปดูที่บานประตูซี มีตราคชสีห์ของท่านประกาศอยู่ จากนี้ เอ็งจักได้มีสังกัด มีนายคุ้มหัวกับเขาบ้าง ท่านเป็นนักรบรับใช้แผ่นดินมานักหนาไม่แพ้ใคร อย่าได้เกรงกลัวอำนาจอิทธิพลที่ไม่ถูกทำนองคลองธรรมอีกเลย ”
คงแป๊ะตบบ่าศิษย์รักเบาๆ
ฮุนปีติตื้นตัน มองเชือกกับปี้ในมือ แล้วเงยมองเจ้าคุณ น้ำตาเอ่อพร่าง กราบท่าน ณ แทบเท้า
สวนพลูฟากธนบุรีมีแต่ชาวจีนทั้งนั้นที่ปลูกพลูกินกับหมากขายกันเป็นล่ำเป็นสัน ค้างพลูล้วนๆเรียงรายบนคันดินสลับท้องร่อง ใช้โพงด้ามยาวโพงน้ำที่ขึ้นลงในท้องร่องราดรด ระดับน้ำขึ้นลงตามคลองบางกอกใหญ่ คลองด่าน คลองสำเหร่ คลองบางน้ำชน คลองวัดอินทร์ คลองบางสะแก ที่สานแผ่กันไปทั่วเป็นก้างปลา ทำให้ทำเลนั้นเป็นสวนเขียวงามอุดมสมบูรณ์
ชาวสวนนำพลูไปขายที่ตลาดท้องน้ำใกล้ๆ ทำให้ได้ชื่อว่าตลาดพลู ด้วยเรือที่แต่ละลำเต็มไปด้วยใบพลูห่อด้วยใบตองเขียวเต็มเรือ มีพ่อค้าแม่ขายจากแหล่งต่างๆมาจับจ่ายซื้อพลูไปขายต่อ
จีนแม่ จีนลูกสาวชาวสวน หาบใบพลูผ่านวัดบางยี่เรือ จะไปตลาด เลี้ยวมาที่พระอุโบสถอย่างตั้งใจ พากันแวะวางหาบไว้ข้างหน้า
แม่พยักให้ลูกสาวหยิบห่อใบบัวที่เตรียมมา ตัวเธอเดินลิ่วนำไป
ลูกสาวที่ยังไม่พ้นวัยเด็กหญิงอิดเอื้อนกระดากอายกระบิดกระบวนจนแม่ต้องกลับมาลากตัว
ที่มุมผนังข้างประตู บนนั่งร้าน ฮุนกำลังนั่งลงสีดอกบัวบนผนังที่ร่างแบบด้วยดินสอเบาๆเส้นบาง
ฮุนได้ยินเสียงคนใกล้ๆ หันมาเห็นสองแม่ลูก ดูท่าเหมือนมีกิจอันใดกับตน จึงยิ้มให้
แม่ยิ้มกว้าง ลูกสาวเอียงอายก้มหน้า แม่จึงสะกิดแรง
“ ดูสิ อาบ๊วย ท่านช่างหลวงเขียนดอกไม้ได้งามเหลือ ”
ลูกสาวจำต้องเงยดู แล้วสะเทิ้นเมิน ไม่มองมาทางฮุนเลย
“ งามยิ่ง ”
ทั้งสองพูดไทยไม่ชัดนัก
“ ท่านช่างหลวง วันนี้ อาบ๊วยทำฉ้ายท้าวโก้ย เอามาฝากท่านใต้เท้า
เธอหมายถึงขนมหัวผักกาด คือหัวไชเท้านั่นเอง
ฮุนรีบปีนลงมาจากนั่งร้าน มารับห่อขนม ซึ้งในน้ำใจ
“ เกรงใจจริงๆ จินกำเสี่ยๆ วันหลังไม่ต้องลำบากทำอะไรมาให้ดอก อาเจ้ มาดูรูปอย่างเดียวก็ได้ ”
“ ท่านช่างหลวง เปิดดูขนมสิจ๊ะ ”
“ อ้อๆ ”
ฮุนเปิดห่อใบบัวออก ในนั้นมีขนมแป้งผสมไชเท้าขูดนึ่งสีขาว ตัดเป็นชิ้นสี่เหลี่ยม โรยถั่วลิสงบด กับต้นหอมซอย
“ น่ากินมากจ้ะ ”
ชายหนุ่มกลืนน้ำลาย ยิ้มตาวาว
“ อาบ๊วยทำเอง อาบ๊วยทำขนมเก่งหนา อายุสิบสองแล้ว งานอะไรๆ ก็ทำได้หมด ค้าขายก็เก่ง ปลูกผัก ปลูกใบพลูก็งามดี ”
“ ดีๆ ”
ฮุนชม มองบ๊วย เด็กหญิงสบตาเขาแล้วหลบตา ทรุดลงนั่งกอดเข่ากับพื้น
หญิงชาวสวนพลูเดินดูรูปที่ผนังข้างๆ ที่วาดเสร็จแล้ว ปล่อยให้ลูกสาวอยู่กับฮุน
ฮุนห่อขนมกลับ เอาไปวางที่ข้างๆย่ามตนที่โคนเสา
“ แม่..บอกว่า..ไม่เคยเห็นคนจีนไว้เปียคนไหนเป็นช่างหลวงเลย ท่านคือคนจีนหนุ่มที่ดีวิเศษกว่าผู้ใด เอ่อ..ท่านช่างหลวงมีเมียหรือยัง ”
เด็กหญิงเอ่ยเสียงแผ่วเบาเร็วปรื๋อ
เธอยังไม่ทันมีน้ำนวลของวัยแตกเนื้อสาวเลยสักนิด
“ ถึงมีแล้ว ก็ไม่สำคัญดอก..อาบ๊วยเป็นคนเจียมตัว ให้มันเป็นเมียบ่าวก็ได้จ้ะ ”
แม่รีบหันมาบอกแทนลูกสาว ฮุนพูดไม่ออก ได้แต่รักษาสีหน้าให้มีมารยาทและรักษาน้ำใจ
วิชาเยนทร์เกณฑ์ฝรั่งฝ่ายอังกฤษ | มุรหงิดแข็งขันเข้าบรรจบ |
สุรเหนเกณฑ์ชวาล้วนกล้ารบ | เข้าสมทบกับปิตันวิลันดา |
มลายูมูรตานเป็นนายทัพ | สมทบกับกองฝรั่งบั้งกล่า |
เป็นโยธีสี่หมู่ผู้ศักดา | ถือศัสตรากริชตรีกระบี่ยาว |
ลายมืองามสม่ำเสมอของลำจวน เขียนด้วยหมึกดำ เด่นกระจ่างบนกระดาษสมุดขาว ในแสงตะเกียงสว่างจ้า ฮุนเขียนรูปทหารสี่ชาติ จากเรื่องพระอภัยมณี ลงบนที่ว่างที่เว้นไว้ ในหนังสือที่คัดมาเป็นเล่มที่หก
กงอาบน้ำก่อนนอนเสร็จ เดินเช็ดเนื้อเช็ดตัวเข้ามาจากลานซักล้างด้านหลัง บ่นๆ
“ เขียนรูปที่โบสถ์มาทั้งวัน กลับมาไม่หลับนอน มานั่งหลังขดหลังแข็งเขียนรูปพวกนี้อีก..อาฮุน พักผ่อนร่างกายตัวเองบ้างเถิด ”
“ นี่แหล.. อั๊วะพักผ่อนอยู่ อั๊วะสนุก เพลิดเพลินเพียงใด กงไม่เห็นรือ? ”
กงเดินไป รินชารสขมเป็นยามาจิบ
ฮุนอ่านข้อความกลอนนั้นออกเสียงดังให้กงฟัง อย่างชัดถ้อยชัดคำเน้นๆ มีจังหวะและท่วงทำนองไพเราะ
กงชักสนใจ เดินมาดูใกล้ๆ
รูปทหารอังกฤษ ทหารชวา ทหารวิลันดา ทหารมลายู ยืนเรียงกัน ถืออาวุธ ดูพร้อมรบตามถ้อยความนั้น ฮุนลงสีเสร็จแล้ว กำลังลงมือตัดเส้น
“ พวกมันเป็นใครกัน? ”
“ ฝรั่งปังกลิมาวิชาเยนทร์ ยกพวกนานาชาติมารุมรบเมืองรมจักร แต่บัดเดี๋ยวก็จะถูกศรีสุวรรณอนุชาของพระอภัยมณี กับพี่สามพราหมณ์ ออกไปฆ่าตายหมด ”
เหมย ที่เดินถือห่อของกินมาถึง หยุดฟังในเงามืด
ฮุนเล่า ถ้อยคำ สำเนียงภาษาไทยของเขา คมชัดไพเราะฉะฉาน ราวกับภิกษุพระครูหนุ่มๆ ที่เล่าขานนิทานชาดกตามวัดวาอาราม
กงมองหน้าฮุน เพ่งพิศ ขรึม
“ อาฮุน ลื้ออ่านหนังสือไทย วางท่าผู้ดีไทย..เหมือนคุณชายน้อยท่านนั้นไม่มีผิด ”
เหมยผงะ เงียบกริบ
ฮุนยิ้มออกมา ดวงตาฉายแสงแพรวพราวระยับ
“ จริงรือ อั๊วะเหมือนคุณเฉกรือ? ”
“ นี่ลื้ออยู่ดึกดื่นค่อนคืน เพื่อเขียนรูปไป พลางคิดถึงคุณชายเฉกคนนี้ไป ใช่หรือไม่? ”
ฮุนตกใจ
“ กง..”
“ อั๊วะเห็นสายตาเวลาคุณเฉกกับลื้อมองดูกันแล้ว อาฮุน ลื้อสองคน..พัวพันกันลึกซึ้งแล้ว ใช่ไหม? ”
กงอัดอั้นใจ
“ไม่ใช่! กง ไม่ใช่! ”
เหมยก้าวออกมา ดวงตาเจ็บช้ำ
“ มิน่าเล่า ลื้อถึงไม่มีไมตรีตอบอั๊วะเลย ”
ทั้งฮุนและกงหันไป
เหมยสะอื้นอยู่ในอก
“ พวกคนที่ตลาดน้อยเขาก็ลือกันทั่ว ว่าลื้อไปไหนมาไหนกับคุณชายลูกหลานผู้ดีคนนั้นบ่อยๆ พวกที่ซ่องก็เคยเห็น มาเล่าให้อั๊วะฟัง นางหงส์ขายข้าวต้ม ก็พรรณนา ว่าคุณชายนั้นรูปงามอ่อนหวานเพียงไร ท้ายสุด ลื้อถึงกับยกพวกต่อยตีกับนครบาล เพื่อปกป้องคุณเฉกคนนั้น อั๊วะเองก็ได้เคยเห็นกับตาตัวเอง ว่าพวกลื้อใกล้ชิดสนิทสนมกันแค่ไหน ”
ฮุนตะกุกตะกัก
“ เหมย.. กง แต่.. ไม่ใช่อย่างที่ทุกคนเห็น ”
“ แต่ก่อน อั๊วะเคยข้องใจ เสียใจ ว่าทำไม ทั้งๆที่ชายทั้งเมืองแย่งกันจับจองตัวอั๊วะ ค่าตัวอั๊วะสูงส่งที่สุดในหมู่ผู้หญิงโคมเขียว แต่ลื้อ..หลบเลี่ยงบ่ายเบี่ยงอั๊วะอยู่คนเดียว ตีตัวออกหากจากอั๊วะ อั๊วะเคยนึก ว่าลื้อรังเกียจ แต่ที่ไหนได้ เพราะลื้อ..ลื้อมันไม่ชมบุบผาแต่กลับชมชอบไม้ป่าเดียวกัน ”
เหมยมองฮุน เสียใจ กงมองฮุน เสียดาย
ในแม่น้ำเจ้าพระยาหน้าแพคุณพุ่ม มีเรือสำเภาใหญ่กำลังเคลื่อนลำไปอืดอ่อยตามแรงกระแสน้ำ ยามลมสงัด เตรียมล่องไปจอดรอที่ปากน้ำ รอเวลาน้ำขึ้นสูงเย็น จึงจะข้ามสันดอนออกปากอ่าวสยามไปได้
ท่านอดีตอาลักษณ์ภู่กับพ่อพัดบุตรชาย เดินระวังฝีเท้าเข้าเรือนแพมา พอประจันหน้าทนายพด กับคนสนิทสองนายของพระเจ้าน้องยาเธอพระองค์เจ้าทินกร ที่นั่งเรียงเป็นพระอันดับกันเต็มห้องรับแขกด้านหน้า ก็ชงักไปเล็กน้อย คนของพระเจ้าน้องยาเธอฯ รีบไหว้กันพึ่บพั่บ
“ ท่านอาลักษณ์
ทั้งสองขานขึ้นเกือบจะพร้อมเพรียง
อาลักษณ์จึงรับไหว้ในฐานะผู้อาวุโสกว่า ก่อนจะนั่งลง
พัดรีบนั่งลงแอบหลังบิดา
ทนายพดพนมมือไหว้ตามเมื่อนึกออก
“ ท่านผู้นี้..? ”
คุณพุ่มหยุดเขียนจดหมายที่กำลังรีบเขียนอยู่ชั่วครู่ หันมาไหว้อดีตอาลักษณ์ และหันไปแนะนำทนายพด
“ ท่านอาลักษณ์ภู่..หลวงสุนทรโวหารเมื่อแผ่นดินก่อนอย่างไร..คุณทนายคงไม่ทันได้พบ..เพราะท่านบวชอยู่นาน ”
ทนายพดเพิ่งนึกออก
“ ทันครับ ทัน ได้พบที่วังท่าพระตรงนี้นี่แหล .. กระผมเคยติดตามนายน้อยไปเข้าเฝ้าพระองค์เจ้าสังข์ เพลานั้น พอดีท่านอาลักษณ์ครั้งเป็นพระภิกษุ..เข้าไปถวายงานทรงพระอักษรอันใดสักอย่าง ”
อาลักษณ์ผุ้มีชื่อเสียงยิ้มกว้าง
“ คุณทนาย..ของ..หลวงสิทธิ์นายเวรนี่เอง ”
“ ขอรับกระผม ”
ชายหนุ่มผู้โก้อย่างฝรั่งก้มศีรษะรับ
อดีตอาลักษณ์ฯเดา
“ นี่กำลังประชุมกัน..เรื่องงานวันเพ็ญเดือนสิบสองแน่ๆ ท่านทั้งสอง..”
คนสนิทพระเจ้าน้องยาเธอฯคนหนึ่งรีบบอก
“ กระผมกำลังรอหนังสือขอพระราชทานกราบบังคมทูลฯของคุณพุ่มน่ะขอรับ ”
“ คุณพุ่มจะทำหนังสือกราบบังคมทูลขอพระราชทานเรือ..มาใช้ในงานเล่นสักวาใช่หรือไม่? ”
อดีตอาลักษณ์ดักทาง
“ ตรงข้ามเลยค่ะ อิฉันเกรงพระราชหฤทัยของพระองค์ท่านจริงๆ ทรงมีพระราชประสงค์จะพระราชทานให้ยืมเรือที่จะใช้ แต่อิฉัน..มีเรือแล้ว ”
คุณพุ่มยิ้มในหน้า
“ อ้าว.. นี่ผมก็มาในฐานะข้าราชบริพารของทูลกระหม่อมเจ้าฟ้าฯวังฟากข้างโน้น จะมาเรียนว่า ทรงพระประสงค์จะพระราชทานเรือ..สำหรับคุณพุ่ม ”
อาลักษณ์ภู่บอกหน้าที่ แต่แล้ว ก็หันขวับมาที่ทนายพด
“ รือว่า..ที่คุณพุ่มมีเรือแล้ว เป็นเรืองามใหม่ๆของคุณหลวงสิทธิ์ฯ ”
“ มิได้ๆขอรับ คุณพุ่มก็ปฏิเสธเรือของนายกระผมเช่นกัน ”
ทนายพดรีบบอก
นางเต็ม นายหมาย ที่คอยนั่งเฝ้าเป็นประจักษ์พยานด้านหลัง มองหน้าและยิ้มให้กัน ภูมิใจที่นายหญิงเนื้อหอมนัก
“ อิฉันมีเรือแล้ว..ท่านเจ้าคุณพ่อของอิฉันเองจัดเรือลำใหญ่ใหม่เอี่ยมสวยงามให้มาใช้ในงานนี้ จึงต้องรีบเขียนหนังสือกราบบังคมทูลขอพระราชทานอภัย และขออภัยทุกท่านอย่างสูง..จริงๆนะคะ ”
คุณพุ่มยิ้มสุภาพทว่าภาคภูมิหยิ่งทรนง
รอจนท่านผู้มีเกียรติทั้งหลายกลับไปหมด ท่านอาลักษณ์จึงหยิบหนังสือหกเล่ม ออกจากย่ามที่พัดกอดไว้ ออกวางเรียงอวด ทั้งหมดนั้นคือหนังสือพระอภัยมณีลายมือลำจวน พร้อมภาพประกอบของฮุน
นางเต็ม นายหมาย ที่นั่งเฝ้าห่างออกไป ชะเง้อชะแง้ชม
คุณพุ่มพลิกดูอย่างเบามือ อึ้งไปนาน
“ หนังสือนิทานประกอบภาพวาดของนายฮุน ”
“ อ้ายเด็กคนนี้สำคัญนัก ต่อไปมันคงไม่ใช่คนเล็กน้อย เวลานี้ มันได้ตัดปี้เป็นช่างหลวงแล้ว ได้รับใช้เขียนวัดเขียนวาให้เสนาบดีทางกลาโหม นับว่ามิใช่ชั่วเลย ”
“ อ้อ..”
คุณพุ่มเหลียวมองสบตาบ่าวทั้งสอง
“ เออ.. หยามมันมิได้จริง ”
ท่านอาลักษณ์ชี้เน้น
“ ส่วนลายมืองามเป็นระเบียบอ่านง่ายนี้ เป็นของพ่อเฉก? ”
คุณพุ่มยิ้มพรางความอึดอัดใจไว้
“ ใช่ค่ะ..”
“ ทั้งลายมือแลลายเส้นสีสันของเด็กทั้งสองคนนี้ ดูเข้ากันดีมาก ต้องกล่าวว่าเป็นคู่บุญกันเทียว เหมือนหนังสือภาพสมัยโบราณ ที่ครูบาอาจารย์นักปราชญ์ท่านบันทึกเก็บไว้ตามวัด แลดูงามแลสนุกสนานมาก ”
ท่านครูกลอนหันไปสั่งบุตร
“ หนูพัดๆ เอาของเข้ามาถี..ลูก..”
พัดยกตั้งสมุดไทยต้นฉบับอีกหลายเล่มมาวาง
“ นี่กระผมเอามาจ้างให้พ่อเฉกคัดเพิ่มอีกสิบเล่ม กระผมอยากเห็น..นางเงือก สินสมุทร สุดสาคร ม้ามังกร ชีเปลือย ที่เป็นหนังสือลายมือพ่อเฉก และภาพวาดของนายฮุน จะมาทิ้งไว้ให้..แล้วนี่..หลานชายคุณไปไหนเสียเล่าขอรับ ”
ขณะนั้นเอง ลำจวนในรูปลักษณ์ข้าราชการหนุ่มสังกัดพระคลังมหาสมบัติกำลังก้มหน้าก้มตาคัดงานบัญชีกับโต๊ะนั่งพื้น แต่บรรดาข้าราชการชายร่วมห้องทำงาน สุมหัวเขียนเพลงยาวกันอยู่ด้านนึง
“ ยี่เอ๋ย ยี่สุ่น กลิ่นหอมกรุ่นฟุ้งมาแต่ไหนหนอ ”
สหายคนหนึ่งกล่าวกลอนวรรคแรก
“ แม่ดอกฟ้า มาลี สีชมพู ”
สหายอีกคนต่อวรรคสอง
ลำจวนนิ่วหน้า
“ เฮ้ย..ผิดแล้ว สีชมพู สระอู ไม่คล้องจองกับหนอ.สระออ ”
สหายรายที่สามกล่าวแก้ให้
“ โอ้ดอกฟ้า สีชมพู ดูลออ ”
“ เข้าทีๆ ”
พ่อนักเลงเพลงยาวคนแรกรีบก้มจด
“ ข้าเฝ้ารอ ให้โน้มกิ่ง ในมือชาย ”
หนุ่มอีกคน ตะโกนบอกมาจากหลังห้อง ทำให้สหายทุกคนหัวเราะเกรียว
ชื่น คนรับใช้หญิงกำลังรินชาให้คุณเฉกที่ง่วนกับงานอยู่ผู้เดียว นึกนิยมที่นายหนุ่มผู้นี้ไม่เคยเหลวไหลไปกับผู้ใดเลย
พอดีหนุ่มคนต้นคิด ชะเง้อมา
“ คุณเฉก..ว่าอย่างไรต่อดี? ”
“ หลานคุณพุ่ม บุษบาท่าเรือจ้าง ”
สหายคู่หูลงเสียงเหน็บ
“ มีอันใดจักชี้แนะไหม? ”
ลำจวนเฉกก็อดไม่ได้เสียด้วย เพราะทนฟังมาแต่ต้น
“ ในวันเพ็ญ เดือนสิบสอง ล่องประทีป เจ้ากรองกลีบ ยี่สุ่นน้อย ร้อยถวาย ”
พ่อหนุ่มหลังห้องตบเข่าฉาด
“ จริงซีคุณฟัก! ลองชวนแม่ยี่สุ่นมาชมงานลอยกระทงพระประทีปซี ถ้าหล่อนมา ก็หมายว่าหล่อนชอบคุณเช่นกัน ”
พ่อหนุ่มต้นเรื่องทำหน้าเพ้อ
“ โปรดมาลอย กระทงคู่ อยู่ข้างกาย ”
“ ลมหนาวกราย จะกอดแนบ แอบอกเอย ”
คนหลังห้อง ลุกขึ้นมาทำท่าร่ายรำกอดกล่อมตัวเองไปมา
เจ้าของเพลงยาวรีบจดท่ามกลางเสียงหัวเราะของพวกพ้อง
แต่เฉกไม่สนุกด้วย เอ่ยขัดคอจริงจัง
“ ผมว่า..เกี้ยวกันโต้งๆเช่นนี้ คุณยี่สุ่นเธอไม่มาด้วยดอก คงโกรธเคืองเสียมากกว่า หากคุณฟักอยากให้เธอมีไมตรีจริงๆ ก็ไม่ควรจะทะลึ่งตึงตังลามปามจนเกินงาม ”
หนุ่มๆมองหน้ากัน บางคนมีสีหน้าแสดงนัยยะแปลกๆ หัวเราะหึๆ
เป็นเวลาเดียวกับที่แพคุณพุ่ม อดีตอาลักษณ์แห่งราชสำนักเมื่อครั้งแผ่นดินกลางแสดงท่าทีขัดแย้ง
“ ให้ทำงานเป็นเสมียน คัดบาญชีต่างๆของกรมพระคลังมหาสมบัติ ภายใต้เจ้าคุณพ่อคุณ?!?! ”
“ ใช่ค่ะ! ท่านอาลักษณ์ก็บอกมิใช่รือ ว่าลายมือเจ้าเฉกมันงาม? ”
“ ก็ใช่ขอรับ แต่ไม่นึก ว่าจะให้ไปทางบาญน้ำบาญชีภาษีอากร ”
ฝ่ายบุรุษใคร่ครวญ
“ เจ้าเฉกเป็นคนละเอียดถี่ถ้วนไว้วางใจได้ค่ะ ”
คุณพุ่มย้ำหนักแน่น
“ นึกว่าคุณจะสนับสนุนให้เขียนกลอนสักวาเสภาเพลงยาวนิราศบทละครต่างๆ ”
“ เจ้าเฉกอายุน้อย มีเวลาอีกมากที่จะเรียนสิ่งต่างๆ ท่านอาลักษณ์คงเสียดาย..อยากได้มันไปเป็นศิษย์ล่ะสิ ”
เธอดักคอ
“ คุณไม่อยากให้หลานมาในเส้นทางนี้กระมัง? ”
อาลักษณ์ภู่ขัดใจ
“ นักกลอนก็ทำงานเป็นเสมียนได้ ดูแต่นายมี..ศิษย์เก่าคุณ ที่มาเป็นเสมียนมี..ซี เขียนกลอน เขียนหนังสือมามาก ทั้งเป็นช่างเขียนผนัง ก็ยังทำงานเดินนาเดินสวนเก็บภาษีผลหมากรากไม้รับเงินเดือนหลวงด้วย ทำทุกอย่างได้ดีหมด ”
“ ก็จริง..”
ครูภู่รำพึง
“ กระผมว่าจะชวนเสมียนมีมาเล่นสักวาหน้าพระที่นั่งด้วยอีกคน ”
“ ดีค่ะ เวลานี้ท่านเอาเวลาไปเพลิดเพลินเขียนโบสถ์อยู่ ดึงมาทางนี้บ้าง คนคงอยากเห็น ”
พลัน ท่านอาลักษณ์ภู่เอ่ยวัตถุประสงค์สำคัญออกมา
“ แลอยากจะยืมตัว..พ่อเฉก มาลองเล่นเป็นตัวสียะตราสักตั้ง คุณจักขัดข้องหรือไม่? ”
คราวนี้คุณพุ่มนิ่งเงียบ เช่นเดียวกับนางเต็ม นายหมาย ที่หันมากลอกตาใส่กันอยู่
ส่วนที่ห้องทำงานในวังหลวง พวกเสมียนบัญชีหนุ่มทั้งกลุ่ม ช่วยกันอ่านทบทวนข้อความเพลงยาว ในกระดาษแผ่นน้อย ที่เขียนด้วยปากกาจุ่มหมึกน้ำเงินอ่อนสวยงาม
“ยี่เอ๋ย ยี่สุ่น กลิ่นหอมกรุ่น ฟุ้งมา แต่ไหนหนอ
โอ้ดอกฟ้า สีชมพู ดูลออ ข้าเฝ้ารอ ให้โน้มกิ่ง ในมือชาย
ในวันเพ็ญ เดือนสิบสอง ล่องประทีป เจ้ากรองกลีบ ยี่สุ่นน้อย ร้อยถวาย
โปรดมาลอย กระทงคู่ อยู่ข้างกาย ลมหนาวกราย จะกอดแนบ แอบอกเอย ”
คนหัวโจกเดินมายื่นกระดาษเพลงยาวแทบปะหน้าลำจวนเฉก
“ นี่อย่างไร..ไม่เห็นมีอันใดที่ทะลึ่งตึงตังตรงไหน! ”
สหายอีกคนทำตัวอย่างคอหอยกับลูกกระเดือก ปรี่เข้ามาสมทบ
“ คุณเฉก..คุณจะมารู้อะไรเกี่ยวแก่น้ำใจหญิง ในเมื่อคุณไม่สนใจสตรี ”
ทุกคนคิกๆ คักๆ กับข้อครหาใหญ่นั้น
ลำจวนเฉกอ่อนใจ ชื่นส่ายหน้า ยิ้มให้เป็นเชิงปลอบ
“ หากคุณอยากให้เธอรับรัก คุณก็ควรระวังกิริยาวาจาให้สุภาพ ยกย่องให้เกียรติเธอให้มาก แต่หากคุณฟักคิดเกี้ยวเอาแต่ตามสนุกคะนองก็ตามใจ แต่..ไม่มีสตรีใดชอบคนบุ่มบ่ามหยาบหยามดอก ”
“ คุณเฉก แม่ยี่สุ่นเขาหามีข้อแม้อันใดหนักหนาไม่ หากผมกราบเรียนให้เจ้าคุณพ่อไปสู่ขอวันใด.. เขาก็ต้องยอมอยู่แล้ว ”
นายคนชื่อฟักโอ่
“ ขืนไม่ยอม ก็คงอยู่เป็นสาวแก่ตายคาวัง ”
ลูกคู่เอ่ยรับ
สาวลำจวนที่ซ่อนอยู่ในตัวหนุ่มเฉก และชื่นสาวรับใช้ ต่างรู้สึกระคายหู
“ ระวังแม่ยี่สุ่นจะเขียนเพลงยาวมาด่าเอาก็แล้วกัน ”
“ ด่าซี ดี ผู้หญิงด่า แปลว่าผู้หญิงรัก ผู้หญิงให้จวัก แปลว่าผู้หญิงกวักมือให้ ”
หนุ่มเสมียนพระคลังฯเถียง
“ สาวชาววังนั่งกรองมาลัยดอกไม้ เรียนหนังสือพออ่านออกเขียนได้คิดเลขเป็นเท่านั้นแหล ไม่มีปัญญาเขียนกลอนด่าเราดอก ”
นายฟักกล่าว
“ น้อยไปซี ในวังเป็นแหล่งรวมวิชาขั้นสูง เจ้านายสตรีท่านเรียนหนังสือก็ให้ข้าหลวงเรียนด้วย ถึงขั้นเขียนละครกันมาแต่สมัยกรุงเก่า ละครอิเหนา ก็เอามาจากนิทานชวาที่เจ้านายสตรีในวังเขียนไว้ ”
เฉกเถียง
“ จริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ ”
สหายคู่หูมีสำเนียงหยาม
“ จริงซี ”
เฉกหน้าแดง
“ อย่างงานลอยพระประทีป ทำกระทงเป็นดอกโกมุท ท้าวศรีจุฬาลักษณ์ก็เป็นผู้เขียนบันทึกไว้ ตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัยโน่น ”
พวกหนุ่มๆ ลูกท่านหลานเธอทั้งนั้น พากันหัวเราะก๊าก
“ เรื่องตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์ คุณเฉกเชื่อรือ..ว่าสตรีเขียน ”
“ อ้าว ผู้ใดเขาก็รู้ ”
เฉกคอเป็นเอ็น
“ กระผมไม่อยากพูดไปดอก แต่เจ้าคุณพ่อผมเคยพูด..ว่าผู้หลักผู้ใหญ่เขาก็รู้กันอยู่ทั่วว่าผู้เขียนคือ.. ”
หนุ่มฟักทำอ้ำๆอึ้งๆ
“ คุณเฉกนี่เข้าข้างสตรีจริง สงสัยมีจิตใจฝักใฝ่อยากเป็นสตรี เพราะมีใจสิเนหาต่อบุรุษด้วยกันสินะ ”
“ ก็รู้ๆกันอยู่ ”
สหายร่วมงานสองสามคนที่เคยไปพบเฉกอยู่กับฮุนที่วัดมหาธาตุหัวเราะครืน
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 62 : นับถอยหลัง
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 61 : แรงขับ
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 60 : ตัดปี้ มีอนาคต
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 59 : ไม่เคยง่าย
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 58 : ปะทะ
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 57 : ท่องราตรี
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 56 : โล่งไปที
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 55 : มีเพื่อนเล่นไม่เหมือนกับเพื่อนตาย
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 54 : โลกนอกแพ
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 53 : ใกล้ชิด
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 52 : ไม่คลาดคลา
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 50 : อุปสรรคยังไม่สิ้น
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 49 : สัญชาตญาณแม่
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 48 : ผู้รับใช้รอบทิศ
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 51 : เส้นรัก
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 47 : กตเวทิตา
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 46 : ระทึก
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 45 : ฟ้อนแคน
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 44 : คืนร้อน
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 43 : กรณีชิงศิษย์
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 42 : พระอภัยมณีเป็นเหตุ
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 41 : แผนสูง
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 40 : เส้นทางสร้างทำ
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 39 : วุ่นวายข้างวัง
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 38 : ถวิลทุกขวบค่ำเช้า หยุดได้ฉันใด
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 37 : ขมิ้นกับปูน
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 36 : ดวงเดือนเคลื่อนคล้อย
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 35 : แมวกับหนู
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 34 : ที่วัดโพธิ์
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 33 : ก้าวไปไม่กลับหลัง
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 32 : พบศพ
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 31 : คุณชาย
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 30 : เกิดใหม่
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 29 : บนแพคุณพุ่ม
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 28 : รอด..หรือไม่รอด
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 27 : หนี
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 26 : ดิ้นรน
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 25 : หิ่งห้อยรือจะแข่งแสงจันทรา
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 24 : คงแป๊ะผู้พลั้งมือ
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 23 : สิ้นหวัง
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 22 : ดับฝัน
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 21 : ไม่ยอมพราก
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 20 : พบแล้ว
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 19 : อ่อยเหยื่อ
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 18 : รูปโฉมโนมพรรณหาผิดไม่
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 17 : พระรอด
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 16 : เกิดเหตุ
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 15 : สาวงาม
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 14 : นายฮุนผู้เป็นที่ต้องการ
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 13 : สตรีต้นแบบ
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 12 : ชะตากรรม
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 11 : ลงมือเขียนภาพ
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 10 : เส้นทางของลูกสาว
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 9 : การประชัน
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 8 : ทะเยอทะยาน
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 7 : ลำจวนกับฮุน
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 6 : น้อยกับนวล
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 5 : สองครู
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 4 : เด็กหนุ่มผมเปีย
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 3 : เด็กหญิงผู้อยู่นอกวง..ทุกวง
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 2 : หลวงพี่บุญลือ
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 1 : ลำจวน