ขุนเขาแมกไม้ บทที่ 14 : ไอ้หน้าโง่อหังการ

ขุนเขาแมกไม้ บทที่ 14 : ไอ้หน้าโง่อหังการ

โดย :

Loading

“ขุนเขาแมกไม้” นวนิยายเรื่องเยี่ยมในชุดโหราศาสตร์ ผลงานเรื่องล่าสุดของ ’กฤษณา อโศกสิน‘ ศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์ประจำปีพุทธศักราช 2531 กับเรื่องราวของเดินดงและอิทธิพลของดาวเสาร์ที่มีต่อชีวิตของเขาได้ในอ่านเอา

“ทำไมถึงต้องเกลียดขนาดนั้นล่ะฮะ” ชายหนุ่มก็เลยถาม สลัดความเหนื่อยใจออกไป…อย่างคนเพิ่งรู้ว่า…เหนื่อยในหัวใจลึกๆ นี้มิใช่เหนื่อยเล่นๆ เนื่องด้วยเหนื่อยกว่าเหนื่อยกายร้อยเท่าพันทวี มิว่าเหนื่อยเรื่องงานหรือเรื่องคนที่เลื่อนไหลเข้ามาเกี่ยวข้อง

เก่งก็เลยรีบเดินไปรินน้ำใส่น้ำแข็งที่เก็บไว้ในกระติกหลังกระท่อม มาส่งให้ทั้งนายจัดและเดินดง ดื่มหมดแก้วแล้วจึงนึกขึ้นได้ นายจัดก็เลยตะโกนเรียกคนงานที่กำลังขุดดินเป็นแนวตั้งทั้งตรงไปและอ้อมเป็นวงเพื่อทำรั้วบ้าน รถกระบะขนาดย่อมเพิ่งขนไม้ไผ่มาวางกองไว้เต็มลาน เป็นไม้เคลือบยากันปลวกทั้งหมด

“เฮ้ย…ไงๆ วันนี้มึงต้องทำม้ายาวให้สองตัวนะ จะได้เอาไว้นั่งสบายๆ นี่…เห็นไหม ว่านายต้องอาศัยท้ายรถกระบะนั่งมากี่วันแล้ว”

“กำลังตอกอยู่ฮะ” เสียงหนึ่งในสองร้องรับเพราะตั้งแต่เช้า มือยังไม่ว่างจากการขุดหลุมขณะที่ทั้งลูกชายนายจังและเขาต่างก็ยังไม่มีที่นั่ง

รวมทั้งอีกฝ่ายก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่ายังไม่มีรายชื่อพืชที่จะนำมาลงดิน ก็เลยร้อง

“อ้าว…คุณก็ลืมหนังสือที่ว่าจะเอาไปถ่ายเอกสารให้ผมอีกละ”

“จริงด้วย” เดินดงงึมงำ หากก็มีนัยที่ตนเองรู้ดีว่าจะยังไม่อยากให้ ยังคงเก็บไว้ใต้หมอนนั่นเอง พอดีนายจัดก็หันไปสนใจเรื่องศาลพระภูมิ “แต่ก็ไม่เป็นไรมังฮะ…เดี๋ยวไปก็ได้…ร้านอยู่ไม่ไกลละมัง”

“ท่าทางดูเหมือนคุณจะหวงอยู่นะ”

“หวงฮะ” เขาก็เลยบอกตามตรง “เพราะไม้แต่ละต้นที่คิดจะปลูกนี่เป็นไม้มงคล หนึ่งในสามเล่มนี้เป็นเล่มที่ศิลปินแห่งชาติท่านหนึ่งที่ล่วงลับไปแล้วเขียนไว้ แม่ได้มาจากเพื่อนคนหนึ่งที่เคยเป็นลูกค้าเก่าแก่ ก็แค่ให้ยืมเพราะรู้ว่า จะมาทำเกษตรแถวนี้ เผื่ออยากปลูกอะไรที่แปลกออกไปจากที่เขาปลูกๆ กัน”

“ก็นี่แหละที่พ่ออยากรู้ว่ามีอะไรมั่ง” นายจัดว่า

“แถวนี้ปลูกอะไรกันมั่งฮะ…เราจะได้ไม่ปลูกซ้ำ”

“เขาก็ปลูกกันหลายอย่าง สุดแต่ใครจะอยากปลูกอะไร มัลเบอร์รีก็มี หม่อน ใบชา กาแฟ ตาล แตง มะพร้าว ก็สารพัด…เลือกปลูกเอาตามใจเท่าที่คิดว่าจะขายได้” อีกฝ่ายดูจะเป็น ‘นักเล่า’ ส่วนพ่อเขาเป็น ‘นักทำ’ จึงไม่มาปรากฏกาย

ทันใดนั้น เสียงมือถือก็ดังขึ้น

เดินดงเกือบจะยิ้มออกมาแล้วเมื่อคู่สนทนายกหู

“ว่าไงอีกล่ะ…”

เสียงที่ตอบดังแว่วๆ ขณะที่อีกฝ่ายทำตาลุก

“จริงน่ะ…ถามมันซีว่า เอามาให้ทำไม” นายจัดร้องดัง มีทีท่าขึ้งโกรธ “แล้วพ่อไปไหน แม่ล่ะ”

เสียงอีกข้างจะตอบกลับมาว่ากระไรเขาไม่ได้ยินถนัด แต่คนเป็นพี่รีบขมีขมันลุกขึ้น หย่อนมือถือลงกระเป๋าเสื้อ หันมาบอกเขาว่า

“ผมขอกลับไปจัดการกะไอ้นักเลงนั่นสักหน่อย…มันนึกว่าพ่อมันใหญ่รึไง…เอ…ไร่ใครใครอยู่ได้ไหม”

“ใครน่ะคุณ”

แต่อีกฝ่ายไม่ตอบ หันไปทางจักรยานยนต์ ครั้นแล้วจึงโบกมือ

“เดี๋ยวมา…ถ้าไม่มาวันนี้ก็พรุ่งนี้…ว่าแต่ว่า…อย่าเพิ่งรำคาญ…คิดถูกแล้วที่จะมาปลูกอะไรที่นี่…ถ้ายังไงเดี๋ยวโทรมา…เฮ้ย…มึงรีบทำม้ายาวสองตัวให้เสร็จนะ…เรื่องขุดไว้ต่อพรุ่งนี้ ล้อมรั้วอีกตังหาก”

ประโยคท้ายหันไปทางคนงานทั้งคู่

 

เดินดงก็เลยขึ้นไปบนกระท่อม ดึงหนังสือ ‘พรรณไม้มงคล’ ออกมาเป็นเล่มแรก

ครั้นแล้วจึงพลิกหา เลือกเฉพาะที่เป็นไม้เล็กก่อนอื่นใด

“ปลูกไผ่ มะพร้าว กุ่ม ทางตะวันออก ความไข้จะไม่มี อยู่เย็นเป็นสุข

ปลูกยอ กับสารภี กันจัญไรทางทิศอาคเนย์หรือตะวันออกเฉียงใต้หรือทิศหรดี

ปลูกมะม่วง มะพลับ ทางทิศใต้จะร่ำรวย

ปลูกต้นชัยพฤกษ์ ราชพฤกษ์ สะเดา ขนุน พิกุล ป้องกันโทษร้ายต่างๆ ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้

ปลูกมะขาม มะยม ป้องกันถ้อยความผีร้ายมากรายกล้ำ ทิศประจิม ตะวันตก

ปลูกมะกรูด มะนาว จะสวัสดี ทิศตะวันตกเฉียงเหนือหรือพายัพ

ปลูกพุทรา หัวว่านต่างๆ ป้องกันอาคม เวทมนตร์ คนกระทำย่ำยี ทางทิศอุดรหรือทิศเหนือ

ปลูกทุเรียนแล้วขุดบ่อไว้ด้วย ทางทิศอีสานหรือตะวันออกเฉียงเหนือ

ถ้าจะให้อยู่สุขสำราญไม่มีภัย ก็ต้องปลูกไม้ผลก่อนไม้อย่างอื่น

ปลูกสารพัดดอกไม้ถวายพระ จะอยู่สำราญไม่มีภัยอันตราย

นี่ก็เป็นตำราที่ท่านว่าไว้ จะปลูกอะไรมั่งก็เลือกเอา…ปลูกง่าย ปลูกมาก ปลูกจนเป็นสินค้าได้นี่ จะดีสุด จริงไหมเก่ง…”

“เอาเลยพี่ เลือกเอาเลย เม็ดพันธุ์ก็พร้อมแล้ว คุณแม่ขนมาเพียบ จะเอาอะไรอย่างไหนก็มีทุกอย่าง…คนช่วยเพาะก็มีแล้ว…”

แม้กระนั้น เดินดงก็ยังรู้สึกว่าคล้ายมีสิ่งหนึ่งสิ่งใดหรือหลายสิ่งถ่วงลึกอยู่ในใจ

นั่นก็คือ เขาอาจจะต้องหาที่พึ่งพาทั้งๆ ที่มิปรารถนาจะพึ่งใคร

หากเพียงผ่านชั่วโมงนาทีไปไม่ทันเต็มสามวัน ก็เริ่มรู้แล้วว่า การมา ‘ตั้งตัว’ แบบนี้ถ้าไม่มีคนที่อยู่มาก่อนช่วยสอนงาน…ก็มิอาจจะลงหลักปักฐานได้รวดเร็ว

เนื่องด้วย ‘ความไม่รู้’ จะต้องเดินทางอีกยาวนานโดยไม่มีทางลัด

ดังนั้น เขาก็เลยนึกถึงเครื่องมือทำเกษตรที่ยังไม่มีแม้กระทั่งจอบเสียม

แม่คงลืมไป

หรือมิฉะนั้นก็นึกว่าท่านพระครูคงช่วยหาคนมาจัดการ ซึ่งท่านก็หามาให้แล้ว คือครอบครัวนี้พร้อมบริวารอีกสองสามคน เป็นบริวารที่มีน้ำจิตน้ำใจอันดี แต่ก็หาเพียงพอไม่

“เก่ง…ไงๆ เราก็ต้องหาซื้อพวกเครื่องมือทำไร่อีกหลายอย่างนะ…ยังไม่มีเลย…แล้วจะต้องให้เขามาทุกวันแบบนี้เหรอ”

“พี่ก็ยังไม่ได้คุยเป็นทางการกับคุณจังเลยนี่ฮะว่าจะเอายังไง”

“นั่นน่ะซี” ชายหนุ่มพึมพำ “หรือเขารอให้เราพูดก่อน”

“ก็ไม่เป็นไรหรอกฮะ…ช้านิดหน่อยก็ได้” เก่งเลยกลายเป็นคนที่ต้องใจเย็น เนื่องด้วย ‘เป็นงาน’

รู้ว่าไหนก่อนไหนหลัง

“พี่ก็นั่งพักมั่ง อ่านหนังสือไปก่อนก็ได้ เผื่อคิดอะไรออก จะได้รวบยอดบอกเขา”

“ดูเหมือนจะมีเรื่องน้องสาวตลอดเลย แกได้ยินไหม” เดินดงลดเสียงลง เกรงคนงานที่กำลังใช้ไม้วาวัดรั้วที่วันนี้นายจัดสั่งให้ทำจนเสร็จจะได้ยิน

“ช่างเขาปะไรล่ะพี่ก็” เก่งยิ้มๆ ยิ้มมีนัย พร้อมกับนึก ‘ทำเป็นไม่สน…ที่แท้ก็…เธ่อ…’ “ว่าแต่ว่า…ลองถามสองคนนี้ก็ได้ว่า ร้านขายเครื่องมือทำเกษตรอยู่ไหน…จะได้ไปดู…”

“คงหลายสตางค์ละ…แม่จะหงายหลังไหม”

“รวมๆ แล้วน่าจะเป็นแสน”

“ก็น่าน…น่ะ…เซ่…” เขาเลยลากเสียง…แกมตกใจ

“คือเราก็ต้องมีของเราเองไว้เหมือนกันพี่ จะได้ไม่ต้องจ้างเขาทุกเรื่อง…” คู่ใจบอกกล่าวเมื่อผจญกับความอ่อนหัดของนายจ้าง “ใครจะรู้…วันหน้าคุณพ่อคุณแม่คุณพี่มา อาจเห็นพี่นั่งขับรถไถไถแปลงมะกรูด มะนาวอยู่ก็ได้…”

“ไอ้บ้า” เขาก็เลยยกมือหงิกๆ ขึ้น

ค่อยยังชั่วที่ชีวิตยังมีที่ปรึกษา

“แกรู้มั้ย…ถ้าไม่มีแก ฉันก็ไม่มาให้เสียเอ็น…เนอร์…ยี่…หรอกเว้ย”

เก่งก็เลยหัวเราะขำ รีบแก้ห่อก๋วยเตี๋ยวผัดซีอิ๊วที่ซื้อมาสี่ห่อให้นายจ้างและตัวเองกินอย่างหิวจัด

ชายแบบเดินดงจะมีมากไหมก็ไม่รู้ในโลกนี้…เก่งกินพลางนึกในใจ…

มิน่า…สายตาของสาวใบจันจึงดูคล้ายเยาะหยันชอบกล

พอดีมือถือของเดินดงดัง เสียงนายจัดดังผ่านมา

“คุณดง…ผมขอตัวได้ไหมวันนี้…แต่ไม่ต้องห่วง ไอ้สองตัวนั่นเดี๋ยวมันก็จะจัดการล้อมรั้วให้เรียบร้อย ม้ายาวนั่งเล่นด้วย…เรื่องเล็กน่ะคุณ…ไม่ต้องห่วง…”

“คุณเองก็ไม่ต้องห่วงผมเหมือนกันฮะ…มีธุระอะไรก็เชิญนะ…ไม่รีบครับ”

“พอดีมีเรื่องไงคุณ…คือมีไอ้หน้าโง่มันอหังการเอาสร้อยทองดึกดำบรรพ์แผ่นเท่าฝ่ามือมาให้น้องจัน…”

“ก็ดีนี่ฮะ” ชายหนุ่มตอบอย่างเห็นเป็นเรื่องชวนหัว “น่าจะรับไว้”

“น้องผมมันมะโห เลยเขวี้ยงไปไหนแล้วไม่รู้…ไอ้หมอนั่นมันอาละวาดใหญ่…”

 

 

 

 



Don`t copy text!