บันทึกญี่ปุ่นของสองตา : วัดหัวไชเท้า

บันทึกญี่ปุ่นของสองตา : วัดหัวไชเท้า

โดย : สองตา

Loading

อ่านสองตา คอลัมน์ที่ ‘สองตา’ เจ้าของเพจ “บันทึกของสองตา” จะพาคุณผู้อ่านเดินทางสู่โลกกว้างด้วยงบประมาณอันน้อยนิด เพราะเพียงแค่คลิกเดียวคุณก็จะได้ขึ้นเครื่องออนทัวร์อย่างเพลิดเพลินไปกับเรื่องราวต่างแดนที่เธอคนนี้ได้นำมาแบ่งปันให้ชาวอ่านเอาได้อ่านออนไลน์

ไปโตเกียวทุกครั้ง ฉันต้องหาเวลาเข้าวัด เข้าศาลเจ้า ไหว้พระขอพร ครั้งนี้ได้ไปรู้จักวัดและศาลเจ้า 3 แห่งที่มีความเป็นมาน่าสนใจ จึงอยากพาผู้อ่านไปรู้จัก

เริ่มต้นที่ไปวัดมัตสึจิยามะโชเด็น (Matsuchiyama Shoden) หรือวัดหัวไชเท้า อยู่ในย่านอาซากุสะ จะเดินจากวัดเซ็นโซจิไปตามถนนเลียบสวนสาธารณะสึมิดะ ประมาณ 15 นาทีก็ไม่ไกล หรืออยากได้ประสบการณ์นั่งรถลากให้ใช้บริการจากวัดเซ็นโซจิได้เลย แถมคนลากรถยังจะทำหน้าที่ไกด์ให้อีกด้วย

สำหรับฉันขอเดินค่ะ

วัดมัตสึจิยามะ โชเด็น เป็นวัดเก่าแก่ที่ตั้งอยู่บนเนิน ขึ้นชื่อว่าเป็นสถานที่ให้พลัง เสริมโชคลาภ ให้พรด้านความรัก ความสัมพันธ์ ความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน และเจริญรุ่งเรือง ในธุรกิจการค้า แต่เดิมวัดชื่อฮอนริวอิน (Honryuin) เป็นหนึ่งในวัดสาขาของวัดเซ็นโซจิ สังกัดนิกายโช-คันนอน ซึ่งเป็นนิกายย่อยของนิกายเทนได แต่ถึงแม้จะเป็นวัด แผ่นป้ายชื่อกลับมีคำว่า โชเท็น-กุ (Shoten-Gu) ที่แปลว่าศาลเจ้าโชเท็นติดอยู่ด้านหน้าของวิหารหลัก แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมโยงอันแนบแน่นระหว่างศาสนาพุทธและศาสนาชินโตที่ยังคงดำรงอยู่จนถึงปัจจุบัน

ประวัติความเป็นมาของมัตสึจิยามะ โชเด็นบันทึกไว้ว่า ในรัชสมัยจักรพรรดิซุยโกะ จู่ๆภูเขามัตสึจิ (Matsuchi) ได้ผุดขึ้นมาจากพื้นดิน พร้อมกับมีมังกรทองลงมาจากสวรรค์เอาตัวพันตัวไปรอบเพื่อปกป้องคุ้มครองเขาแห่งนี้ไว้

ในช่วงฤดูร้อน 6 ปีต่อมา ทั้งแผ่นดินเกิดประสบสบภัยแล้งรุนแรง พระโพธิสัตว์กวนอิม 11 พักตร์ ซึ่งเป็นอวตารหนึ่งของพระโพธิสัตว์กวนอิม ทรงเห็นความทุกข์ยากของประชาชน จึงเสด็จลงมาในร่างของไดโช-คังกิ-เท็นเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้คน และนี่คือที่มาของการสร้างพระโพธิสัตว์คังกิ-เท็น (Kangi-Ten) บนเขาลูกนี้

ต่อมาในปีค.ศ. 857 ในรัชสมัยของจักรพรรดิมอนโตกุ จิกากุไดชิ เอ็นนิน ผู้ฟื้นฟูนิกายเทนได ได้แวะพักบนภูเขาแห่งนี้ระหว่างการเดินทางไปยังภาคตะวันออกของญี่ปุ่น ระหว่างนั้นท่านทำพิธีอาบน้ำมันเป็นเวลา 21 วันเพื่ออธิษฐานขอพรให้บ้านเมืองสงบสุข นอกจากอุทิศพระองค์ปฏิบัติตามพิธีกรรมทางศาสนาอย่างเคร่งครัดแล้ว พระองค์ยังทรงใช้เวลาแกะสลักรูปเจ้าแม่กวนอิม 11 พักตร์จากไม้จันทน์แดงขึ้นมา 1 องค์

นับตั้งแต่มีการก่อตั้งวัดมัตสึจิยามะ โชเด็นขึ้นมา วัดแห่งนี้ได้รับความเคารพนับถือจากชาวญี่ปุ่นตลอดมา และยังคงรักษาบรรยากาศทางจิตวิญญาณอันสูงส่งมาจนถึงทุกวันนี้

ส่วนชื่อเรียก‘วัดหัวไชเท้า’ น่าจะเกิดจากการนำหัวไชเท้ามาถวายแทนดอกไม้ (ดอกไม้ก็ยังถวายได้)

ปัจจุบันภายในวัดมีจุดให้ไหว้ขอพร 3 จุดคือ

เมื่อเดินขึ้นบันไดวัดมา ทางซ้ายมือมีศาลคังกิจิโซซง จุดนี้คุณพ่อแม่คุณแม่ที่กำลังเลี้ยงลูกจะมาไหว้ขอพร ให้ลูกเลี้ยงง่าย มีสุขภาพแข็งแรง เป็นเด็กดี ส่วนคู่แต่งงานที่อยากมีลูกจะมาขอลูกกัน

ทางขวามือมีรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมชุซเซะ คันนงตั้งอยู่บนฐานท่ามกลางต้นไม้ รูปปั้นสร้างขึ้นราวปี 1600 คำว่า ชุซเซะ หมายถึงการประสบความสำเร็จ จึงเป็นที่พึ่งทางใจของคนทำงานที่อยากเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง ประสบความสำเร็จในการงาน นักเรียนที่อยากสอบผ่าน มาไหว้ขอพร

จากนั้นก่อนจะขึ้นไปสักการะในวิหารหลักที่เปิดทุกวัน อย่าลืมซื้อหัวไชเท้าที่วางขายอยู่กับดอกไม้และธูป โดยหยอดตู้ทำบุญ 300 เยนแล้วเลือกหัวไชเท้าอวบอ้วนขนาดใหญ่ 1 หัวได้เลย

พอเดินขึ้นไปบนวิหาร ฉันกราบและถวายหัวไชเท้าแล้วถอยหลังมานั่งข้างประตู แล้วแหงนมองเพดาน ขื่อ คาน ของอุโบสถ ขอบอกว่าโครงสร้างสวยมากๆ มีไม้แกะสลักเป็นรูปมังกรลงสีทองตกแต่ง ส่วนเพดานแบ่งเป็น 3 ช่องตรงกลางเป็นรูปเขียนมังกร อีก 2 ช่องเป็นรูปเจ้าแม่กวนอิมร่ายรำ อำนวยพร แต่ในอุโบสถห้ามถ่ายรูปเลยไม่มีภาพให้ชม

ขณะที่ฉันนั่งอยู่มีชาวญี่ปุ่นมาสักการะไม่ขาด มุมหนึ่งมีชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งนั่งสมาธิ พอคนเริ่มซา ฉันเข้าไปกราบอีกครั้งเพื่อลา จึงได้สังเกตว่าวันนี้หัวไชเท้าที่วางถวายอยู่ตรงกลางนั้นหัวใหญ่และสวยมาก ฉันถามเจ้าหน้าที่ที่ขายเครื่องรางในวิหารว่า จากนี้หัวไหเท้าเหล่านี้จะไปไหน เขาบอกว่าหลังจากนี้หัวไชเท้าส่วนหนึ่งจะวางไว้หน้าอุโบสถให้คนมาทำบุญหยิบกลับบ้านได้ แต่ถ้าเป็นช่วงที่มีงานเทศกาลไดคงมัตสึริหรือเทศกาลหัวไชเท้า ซึ่งตรงกับวันที่ 7 มกราคมของทุกปี ทางวัดจะนำหัวไชเท้าที่ทุกคนนำมาถวายในตอนเช้าไปปรุงเป็นหัวไชเท้าต้มแล้วนำมาแจกให้ผู้มาร่วมงานได้กินในช่วงบ่าย ถือว่าเป็นของที่ได้รับมาจากเทพเจ้ากินแล้วจะช่วยให้มีร่างกายที่แข็งแรงและจิตใจที่แจ่มใส

ฉันลงจากวิหารเห็นซุ้มที่มีหัวไชเท้าจัดวางอยู่ พอเดินเข้าไปถ่ายรูปคุณลุงที่ดูแลยื่นถุงให้ บอกให้ฉันหยิบไปได้ แต่ฉันบอกว่าฉันเป็นนักท่องเที่ยวต้องไปอีกหลายที่ แต่ขอบคุณมาก คุณลุงก็พยักหน้าส่งยิ้มให้

ทีนี้ก็มาถึงข้อสันนิษฐานว่า ที่วัดให้ใช้หัวไชเท้าถวายเพราะมีความเชื่อว่าหัวไชเท้าเป็นตัวแทนของจิตใจที่ติดอยู่ในความไม่รู้ ซึ่งจะขับพิษแห่งความโกรธออกมา เมื่อเราถวายหัวไชเท้าแก่คังกิเท็น พิษนั้นก็จะถูกขับออกจากร่างกายและจิตวิญญาณของเรา ทำให้เรากลับมามีสุขภาพแข็งแรงทั้งร่างกายและจิตใจสามารถหาคู่ครองที่ดีได้ และใช้ชีวิตอย่างสงบสุขกับคู่ครองและสมาชิกในครอบครัว

ก่อนกลับฉันเดินรอบวิหารและเดินไปดูจุดต่างๆจนทั่ววัด เห็นมีหัวไชเท้าและถุงใส่ของปรากฏอยู่รอบวัดในรูปแบบต่างๆ ทั้งบนกระถางธูป โคมไฟ เรารู้ความหมายของหัวไชเท้าแล้ว แต่ถุงใส่ของนี่คืออะไร

คำตอบที่ได้จากคู่มือของวัด คือ ถุงใส่ของเป็นสัญลักษณ์ของสมบัติล้ำค่า เป็นตัวแทนของของขวัญแห่งความเจริญรุ่งเรืองในธุรกิจ และเป็นดั่งของขวัญที่ทุกคนได้รับจากการสวดมนต์นั่นเอง วัดจึงมีเครื่องรางเป็นรูปหัวไชเท้าและถุงของขวัญ แน่นอนว่าฉันซื้อกลับบ้านด้วย 1 ชุด

ช่างเป็นวัดเล็กๆแต่เรื่องราวใมากห้เรียนรู้มากมาย ดีใจที่ได้มาทำบุญที่นี่ และออกจากวัดด้วยความสบายใจ

 

หมายเหตุ : Matsuchiyama Shoden

7 Chome-4-1 Asakusa, Taito City, Tokyo 111-0032

เวลาทำการ : เปิดทุกวัน 06.00-16.30 น. (เช็คทางเว็บไซต์ www.matsuchiyama.jp ก่อนไปได้)

การเดินทาง : จากสถานี Asakusa ใช้ออกทางออก 6 หรือ 7 แล้วเดินตามกูเกิ้ลแมปไป

ความสะดวก : มีลิฟต์สำหรับผู้สูงวัยและ Monorail สำหรับผู้ใช้รถเข็น

Don`t copy text!