
บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 71 : พ้น ไม่พ้น
โดย : ปราณประมูล
บุษบาลุยไฟ โดย ปราณประมูล เรื่องราวของ ลำจวน หญิงสาวผู้ต่อสู้กับค่านิยมทางสังคมในยุค ร.3 เธอลุกขึ้นทำสิ่งที่คนในห่วงเวลานั้นไม่ทำกัน หนทางจึงไม่ได้ราบรื่น หากเต็มไปด้วยอุปสรรคและถ้าไม่ใช่เพราะแรงรักแรงใจที่หนุ่มจีนคนนั้น คงยากที่บุษบาดอกนี้จะไปสู่จุดหมาย ‘บุษบาลุยไฟ’ นวนิยายเรื่องเยี่ยมที่อ่านเอานำมาให้อ่านออนไลน์
สามหนุ่มจีนพายเรือทวนน้ำจากบางคอแหลม ข้ามฟากไปเข้าคลองบางไส้ไก่ จ้ำอ้าวลัดเลาะขึ้นไปถึงคลองบางกอกใหญ่ แล้ววิ่งกันหน้าตั้งไปสู่ด้านหลังศาลเจ้าที่มีแสงตะเกียงสว่างเรืองรองออกมาจากส่วนที่พัก
“ สบายใจได้แล้วล่ะกง ”
แชปากคอสั่น
ไห่กระซิบ
“ อีกสักชั่วยาม.. เรือกำปั่นคงออกไปถึงปากน้ำแล้ว ”
“ พอพ้นสันดอนตรงปากน้ำ เข้าสู่น้ำลึกในอ่าว..ก็ไม่มีใครตามไปทำอะไรมันได้แล้ว..”
ทว่าเจ้าของแสงตะเกียงนั้นกลับเป็นอาเหมยโบตั๋น สตรีโคมเขียว กับบ่าวติดตาม ที่กำลังจัดที่หลับที่นอนให้กง
ทั้งสองฝ่ายต่างผงะ เมื่อเห็นกันและกัน
เหมยรักษาอาการนิ่งสงบ
“ ออกไปก่อน ”
เธอออกคำสั่งบริวาร ที่แตกตื่นจนตาลุกโพลง
“ ไปสิ รีบข้ามแม่น้ำไปจอดเรือ จัดน้ำร้อนน้ำชาให้เถ้าแก่จั๊วะก่อน อีมาถึงสองยาม ไม่เห็นโคมเรือ จะหาว่าอั๊วะไม่รักษาคำพูด บอกอีว่าอั๊วะแต่งตัวยังไม่แล้ว เดี๋ยวเพื่อนอาฮุนไปส่งอั๊วะเอง ”
“ อ่อๆ ”
เขาไม่วายมองแช ไห่ และซาน ราวกับอยากจะซักถามเรื่องราวให้ถี่ถ้วน แต่แล้ว ก็รีบผลุนผลันออกไปพร้อมตะเกียงใหญ่มีโคมกระจกที่ถือมา เหลือไว้แต่เพียงตะเกียงลานเล็กๆของกงบนโต๊ะกลม
แช ไห่ ซาน มองหารอบๆ
“ กงล่ะ? ”
แชเลิ่กลั่ก
“ กงอาบน้ำอยู่ อั๊วะต้มน้ำร้อนให้แกอาบ อากาศมันเย็นนัก แกไม่อาบมาหลายวันแล้ว ”
เหมยตอบ
สามคนงานอู่ต่อเรือมองหน้า เหมือนต่างโทษกันไปมาที่ไม่ดูตาม้าตาเรือให้ดีก่อน
เหมยจ้องคาดคั้น
“ ผู้ใด ขึ้นเรือกำปั่น..ไปไหน ออกปากน้ำ จะไปผ่านสันดอน..สู่อ่าวลึก? ”
ไห่จับมือสองเพื่อนเป็นเชิงปรามให้สงบคำ
“ ไม่มีอันใด เรือกำปั่นที่พวกอั๊วะเพิ่งทำเสร็จ กำลังจะไป..ออกทะเล ”
“ ออกทะเล..ไปเมืองจีนอย่างไรเล่า ”
ชานโพล่ง
เหมยส่ายหัว
“ เดือนนี้มีเรืออันใดไปเมืองจีนเล่า เมืองจีนเขาไปกันเดือนสี่เดือนห้า มีลมตะเภา..ช่วงนี้มันลมว่าว มีแต่เรือลงใต้ไปเมืองมลายูโน่น ”
ชานหน้าซีดขาว เห็นได้ในแสงสลัว
กงเดินเอาผ้าห่อหนาท่วมตัว กอด-อกหนาวสั่น ถือเทียนแสงน้อยออกมาจากห้องด้านใน
ทว่าสีหน้าแววตาผู้อาวุโสเจิดจ้า แน่วแน่ ไม่หวั่นไหว กล่าวเสียงสงบเรียบ
“ อาฮุนมันไปแล้ว เหมยรู้แล้วก็ช่วยกันสวดมนตร์ ให้มันโชคดีมีชัยด้วยก็แล้วกัน ”
หญิงสาวใจหาย เข่าอ่อน พลันน้ำตาไหลออกมาไม่อาจกลั้น
ไม่กี่นาทีถัดมา ณ เรือนใหญ่แสงไฟสว่างจ้า ริมคลองบางยี่ขัน เจ้าคุณนครบาลกำมือแน่น รวมรวมสติ
“ เรือกำปั่น จักออกพ้นปากน้ำไม่เกินชั่วยาม..เช่นนั้น เพลานี้ ก็เหลืออีกไม่ทันครึ่งชั่วยามเท่านั้น ”
“ หากใช้ม้าเร็ว ห้อไปดักมันที่พระประแดงอาจจักทัน กว่าเรือมันจะอ้อมพ้นโค้งบ้านบางกระเจ้าไปได้ ”
หมื่นโชคเร่งเร้า
“ แต่เรือกำปั่น เขาว่ามันเร็วกว่าเรือสำเภานัก ”
เจ้าคุณอินทราดวงตาไหวระริก
“ กระผมไม่ยอมให้พวกอ้ายจีนอั้งยี่มันหยามดอกขอรับ ”
หมื่นเดชขึงขัง
“ พวกกระผมอาสาเอง หากไม่ทัน เอาตัวไอ้ฮุนกลับมาไม่ได้ กระผมยอมให้ท่านเจ้าคุณเฆี่ยนให้หลังขาดขอรับ ”
หมื่นรวยลุกขึ้น ก้าวนำออกไป ตามด้วยหมื่นโชค หมื่นเดช
ทิ้งคนจีน หญิงไม่ใช่ ชายไม่เชิง ซึ่งหมอบอยู่แต่แรก บัดนี้ คลานมาตรงหน้าเจ้าคุณนครบาล เงยหน้าขึ้น ทวง
ไม่ใช่ใคร บ่าวของสตรีโคมเขียว ที่เพิ่งออกมาจากศาลเจ้าเมื่อครู่นั่นเอง
“ เอ่อ.. กระผมขอรางวัลนำจับ..ห้าชั่ง..ขอรับ ”
ลำน้ำเจ้าพระยาโค้งกว้างอ้อมบางกระเจ้า ภายใต้จันทร์เสี้ยวขึ้นหกค่ำ ดวงดาวดารดาษเต็มท้องฟ้า ไร้เมฆบัง เรือกำปั่นใหญ่กินน้ำลึกแล่นสง่าผงาด แสงจากบนเรือกระจ่างเรืองรอง มองเห็นธงแดง มีตราช้างกลางกงจักรปลิวไสว ประกาศให้รู้ว่าเป็นเรือขนสินค้าหลวงแห่งราชอาณาจักรสยาม
ลมแรงช่วยส่งกำลังเรือให้แล่นฉิว
พวกลูกเรือนับสิบรวมกำลังดึงใบเรือให้หันรับลมจนสุดพลัง
กัปตันเลือดผสมอังกฤษ-มะละกาถือสัญชาติอังกฤษ คุมพังงาระมัดระวัง ให้เรือแล่นตาม
เรือฉลอมเสาเดียว ที่จุดไฟโคมกำลังสูง แล่นนำอยู่เบื้องหน้า ไม่ให้กำปั่นหันเหไปจากเส้นร่องน้ำลึกได้
“ ลมแรงเทียว กัปตัน ”
ทนายพดที่ยืนข้างกัปตันในห้องควบคุมเอ่ยอย่างอิ่มเอม
“ ลมดีกว่าที่คิด แลน้ำก็ขึ้นสูงพอ เรือคงไม่มีอันใดติดขัด ”
กัปตันหันมาให้กำลังใจ ทั้งกับตนเองด้วย
“ มีลุงขุนวิถีฯคุมเรือนำร่องอยู่นั่น จะต้องเกรงติดขัดอันใด ”
ทนายพดยิ้มย่องผ่องใส
เรือนำร่อง คือเรือที่แล่นนำทางเรือเดินทะเลขนาดใหญ่ กินน้ำลึก ให้แล่นตามร่องน้ำลึกในแม่น้ำ เพื่อช่วยไม่ให้เรือมีอันตราย หากติดหรือชนสันดอนหรือสันทรายใต้น้ำ ผู้ทำหน้าที่นำร่องเป็นผู้ชำนาญร่อง-น้ำลึกในแม่น้ำสายนั้น เรือใหญ่เดินสมุทรไม่ได้รับอนุญาตให้แล่นเข้า-ออกตามลำพังในแม่น้ำได้ หากไม่ใช้เรือนำร่องซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของกรมท่า อยู่ภายใต้กรมพระคลัง
ทนายพดกวาดตามองทัศนียภาพสองฟากลำน้ำที่เป็นสวน ป่าจาก ตะคุ่มทึมเทาซับซ้อน มีแสงไฟจากบ้านเรือนชุมชนลอดหว่างแนวไม้มาเพียงวับแวมเป็นหย่อมๆ ค่อยๆเคลื่อนผ่านไป
ผืนน้ำระยิบระยับสะท้อนแสงราวกำหยี่สีเข้มในลำน้ำที่ทอดโค้งไปไกลสุดตา
“ เอาล่ะ พ้นหัวโค้งข้างหน้าแล้ว น่าจะเพิ่มความเร็วได้มากขึ้น ”
“ แด็ทส์ ไรท์ ”
กัปตันหันไป ตะโกนสั่งกะลาสี
“ รับลมเต็มที่ เดินหน้าเต็มตัว ”
พวกกลาสีตะโกนต่อๆกันให้จังหวะ ขณะช่วยกันดึงใบเรือให้รับลมที่กรูมาแรงขึ้นๆเมื่อใกล้ปากน้ำ
“ เดินหน้าเต็มตัวๆๆๆๆ ”
บนเส้นทางตรงลัดตัดข้ามเรือกสวน ม้าเร็วสามตัวจากบางยี่ขัน ควบเต็มฝีเท้า เข้าใกล้
พระประแดงหรือนามโบราณว่านครเขื่อนขัณฑ์
บนป้อม ‘ แผลงไฟฟ้า ’ ซึ่งมีปืนใหญ่เหล็กตั้งสง่า เจ้าหน้าที่เวรเฝ้าป้อมสามนาย ยืนมองเรือที่กำลังเคลื่อนผ่าน
ป้อมแผลงไฟฟ้า สร้างขึ้นแต่ครั้งแผ่นดินที่สอง เพื่อป้องกันการรุกรานของข้าศึก บนฝั่งขวาของแม่น้ำ เป็นป้อมปราการแห่งหนึ่งของฐานทัพเมืองนครเขื่อนขันธ์ พร้อมกับป้อมมหาสังหาร ป้อมราหูจร ป้อมปีศาจสิง
ระหว่างป้อมฝั่งขวา และป้อมฝั่งซ้ายแม่น้ำ มีการขึงโซ่โดยใช้ซุงเป็นทุ่นกั้นขวางแม่น้ำเป็นระยะๆ เพื่อป้องกันเรือข้าศึกที่จะเข้ามารุกรานทางทะเล
เรือกำปั่นลำนั้น กางใบครบทุกเสาตึงขมึงรับลม ธงแดงตราช้างกลางวงกงจักร สะบัดในสายลมแรง ใต้แสงจันทร์เสี้ยว ลำเรือแหวกสายน้ำเป็นทาง ส่งคลื่นแรงเป็นสายด้านหลัง
หัวหมื่นนครบาลสามนาย สะพายดาบ ถือสาร วิ่งขึ้นมาตามบันไดป้อมซึ่งเป็นกำแพงสูงใหญ่หนา สร้างด้วยอิฐโบกปูน ปักโคมให้แสงสว่างเป็นระยะๆ
หมื่นโชควิ่งนำ หมวกนครบาลเพล่ไพล่เบี้ยวจวนหลุด เสื้อเปียกเหงื่อเป็นสายน้ำด้วยควบม้าด้วยความเร็วมาไกล ตะโกนปนหอบมาตลอดทาง
“ พวกท่านต้องบังคับให้หยุดเรือกำปั่นนั้น ก่อนจะออกปากน้ำไป! ”
“ นครบาลรือ? มีอันใด? ”
ทหารรักษาป้อมร้องออกไป
“ ท่านเจ้าคุณอินทรา ได้ความมาว่า ..มีโจรค้าฝิ่นอยู่ในเรือ ”
หมื่นเดชสำราก ขณะส่งหนังสือให้
ทว่าทหารกลับไม่รับไว้
“ เป็นไปไม่ได้ดอก ”
“ ส่งสัญญาณไปให้ป้อมข้างล่างรีบยกทุ่นขวางแม่น้ำขึ้น หยุดมันบัดเดี๋ยวนี้ ”
หมื่นรวยชักดาบออกมา
สามผู้พิทักษ์ป้อมกระจายตัวเรียงหน้ากระดาน มือแตะดาบ
ผู้เป็นหัวหน้ากล่าวเยือกเย็น พลางผายมือนำสายตา
“ทุ่นขวางแม่น้ำเขามีไว้ขวางทางข้าศึก ใช่ไว้ยกเล่นสุ่มสี่สุ่มห้า ดูธงแดงนั้นก่อน นั่นกำปั่นท่านเจ้าพระยาพระคลัง ต่อจากอู่เรือของหลวงสิทธิ์นายเวรผู้บุตร นำสินค้าของหลวงไปขายเมืองแขก แจ้งมาล่วงหน้าแล้ว ว่าจะออกเพลานี้ คนบนนั้นคือคนของหลวงสิทธิ์ฯทั้งสิ้น ไม่มีโจรเล็ดรอดขึ้นไปได้เด็ดขาด ”
สามนครบาลมองไป ขณะเรือกำปั่นอันเกรียงไกรกำลังแล่นห่างออกไปทุกทีๆ ในความมืดใต้จันทร์เสี้ยวชวนสลดหดหู่
หมื่นโชค หมื่นเดช หมื่นรวย มองสบตากัน ยอมรับชะตากรรม
ล่วงหลังสองยาม ที่เรือนแพริมคลองบางยี่ขัน ท่านเจ้าเรือนที่เดินเป็นเสือติดจั่นรอผลอยู่ เมื่อได้ทราบความ ก็ได้แต่ขบกรามแค้นใจ
“ หยุดเรือไม่ได้ เหตุใดจึงหยุดไม่ได้? ”
สามหัวหมื่นสุดกร่าง บัดนี้หมอบกระแตแทบเท้าผู้เป็นนาย
“ เพราะเป็นเรือ..ของเจ้าพระยาพระคลัง..ชักธงแดง นำสินค้าของหลวง..ไปขายเมืองแขก ”
“ บนเรือ ไม่มีพวกโจรค้าฝิ่น..ปะปนขึ้นไปได้แน่ ”
“ หรือไอ้สถุนที่มาแจ้งความมันโกหก ”
“ พวกกระผม..ขอยอมรับผิดเองขอรับ ท่านเจ้าคุณลงโทษเราเถิด ”
โชค เดช รวยน้ำตาคลอ
“ พวกมึงผิดอันใด กูต่างหาก ที่ผิด ..กูมันโง่..คิดผิด สำคัญผิด จึงต้องพ่ายแพ้แก่พวกมันเช่นนี้”
เจ้าคุณทรุดลงนั่งสิ้นเรี่ยวแรงบนผืนพรมหนาบนยกพื้น เรือนแพใหญ่กลับสงัดวังเวง เหมือนไร้วิญญาณแม้สักดวง
เรือกำปั่นสามเสา เหลือเท่าเรือเด็กเล่น เมื่อเคลื่อนออกสู่น้ำลึกในอ่าวสยาม ใต้จันทร์เสี้ยวและโค้งดาวเต็มครอบฟ้า เหนือท้องทะเลกว้างไกลสุดตา
กัปตันวางมือตามสบายบนพังงา เริ่มจิบกาแฟร้อนๆ ควันกรุ่น
ลูกเรือโหนเสาใบ ช่วยกันหันใบรับลมแรง ที่ดึงเรือให้พุ่งทะยานสู่ทิศใต้เต็มกำลัง
ทนายพด ที่ไปสวมเสื้อผ้าอย่างหนา มีหมวกสักหลาดคลุมกระหม่อมให้อุ่นพอ เดินกลับมาอยู่เป็นเพื่อน
“ กลางทะเลอย่างนี้ หนาวมาก ”
“ ดูเถิด คุณทนายหน้าหอ..”
กัปตันผายมือขึ้นฟ้า
“ ดวงดาวจัดวางเรียงตัวอยู่ในตำแหน่งเหมาะสม นับเป็น..คนสยามเรียกว่าอะไรหนอ เลิก เริก? ”
“ ฤกษ์ยามดี..กระมัง? ”
“ that’s right! ”
ทนายพดกวาดตาชมท้องฟ้า สูดลมหายใจเต็มปอดฉ่ำๆ
“ งามอัศจรรย์เหลือเกิน แต่ก็เคว้งคว้างอ้างว้างนัก ”
“ หืม ”
กัปตันงง
“ เวรี่วันเดอร์ฟูล บัทโลนลี่ ”
ทนายพดแปล
ลึกลงไปชั้นล่าง เฉียงไปทางด้านท้ายเรือ ที่ห้องเสบียงใต้บันไดครัว ในซอกมุมมืดมีละอองแสงดาวสีเทาเงินบางๆเป็นลำลอดผ่านเข้ามาทางช่องหน้าต่างเล็กๆที่เรียงเป็นแถว บนผนังเรือ
บนพื้นไม้กระดาน หีบ ห่อ กระสอบ เข่งผัก กระชุผลไม้ หีบฉำฉาหยาบๆ ใส่อาหารต่างๆวางเรียงเป็นระเบียบ
ทะลายมะพร้าวแก่ ไหของหมักดอง กรงสัตว์จำพวกไก่ เป็ด ห่าน อ่างขังปลาที่มีเชือกถักเป็นแหปิดปากไว้ พื้นเรือที่โคลงเอียงไปมาตามกระแสน้ำ ทำให้ของทรงกลม คือฟักแฟง กลิ้งจากกระชุออกมา พอเรือเอนไปข้างหนึ่ง ฟักแฟงกลิ้งไปปะทะผนังด้านข้าง พอเรือเทกลับ ฟักแฟงก็กลิ้งกลับ
หีบไม้ทึบใบหนึ่ง ที่ท้ายห้อง มีเสียงกุกๆกักๆ ฝาหีบค่อยๆขยับ แล้วก็ถูกดันให้เปิดเผยอขึ้น
นัยน์ตาคู่หนึ่งมองออกมา วาววับอยู่ในเงามืด กวาดมองข้างหน้า
ไม่มีใครอื่นอยู่ตรงนั้น เงียบ สงัด มีแต่เสียงคลื่นลม
พลันฝาหีบถูกดัน ตกดังตึง!
ฮุนโผล่พรวดออกมา เหงื่อท่วม ผมที่ตัดยาวเสมอต้นคอเปียกชุ่มเหงื่อเช่นเดียวกับใบหน้าและเนื้อตัว ร่างสูงใหญ่ในเสื้อผ้าเช่นคนงานกุลีบนเรือก้าวออกมา มองรอบๆกระตือรือร้น
ชายหนุ่มสืบเท้าย่องไปแนบหน้าดูทางช่องหน้าต่างเล็ก มองออกไปยังโลกภายนอก เห็นทะเลคลื่นแรง ที่มีดาวดาดเต็มฟ้า กว้างสุดตา ไร้ขอบเขตใดๆ
“ เรือออกสู่ทะเลหลวงแล้ว คลื่นเป็นระลอกสูงทีเดียว ”
เขาหันมาเอ่ยเสียงเบาเต็มไปด้วยอารมณ์ตื่นเต้น
ศีรษะเล็กๆ โผล่ออกมา ผมยุ่งชุ่มเหงื่อ สวมชุดคนงานเช่นกัน ลุกขึ้นเกาะขอบหีบ หน้าซีด โงนเงน
“ ฉัน..ฉัน..”
หญิงสาวขยักขย้อน
“ ไม่..ไม่ไหวแล้ว..”
ฮุนรีบวิ่งกลับมาอุ้มประคองหญิงสาวออกมายืนภายนอก
ลำจวนผละวิ่งโซเซไปโผล่หัวออกจากช่องหน้าต่าง อาเจียนเป็นน้ำใสๆเพราะท้องว่าง ไม่มีอะไรเลยมาแต่กลางวัน
ฮุนลูบหัว ลูบหลังหญิงผู้เป็นทุกอย่าง อย่างถนอมรัก
ลำจวนคายของเหลวจนหมดแรง ซวนซบ-อกฮุนที่โอบกอดเธอไว้
สองร่างโทรมเหงื่อ หนาวสั่นเมื่อสายลมทะเลกรูแรงเข้ามา
ที่ใต้บันไดซึ่งทอดลงมาจากครัว
คนงานจีนสองนาย วางหม้อข้าวเล็กๆกับชามและตะเกียบให้ลำจวนและฮุนซึ่งเวลานี้มีผ้าห่มสักหลาดเก่าๆคลุมไหล่ นั่งขัดสมาธิกับพื้นเรือ
ทั้งสองดื่มน้ำชาร้อนๆ จากกาดินเผาอย่างหนาทนมือทนเท้า สองมือโอบอุ้มเอาไออุ่นจากถ้วยชา ท่ามกลางแสงลางสลัว ควันน้ำชา ลอยฟุ้งอยู่ในบรรยากาศ
“ กินข้าวก่อน หากจะถ่ายหนักเบา ก็ไปห้องเล็กตรงท้ายเรือ ลงไปทางบันไดนั้น แลอย่าขึ้นไปให้ใครเห็น ”
คนงานหนุ่มกระซิบ ยิ้มให้ฮุน
คนที่แก่กว่าบุ้ยใบ้ไปยังมุมห้อง ที่เอาเสื่อและหมอน มาวางกองไว้ให้
“ มีให้แค่เสื่อผืน หมอนใบ..เยี่ยงคราหล่าวเป่หล่าวโบ้หอบหิ้วข้า ครั้งมาจากเซี่ยเหมินนั่นแล ”
ลำจวนไหว้
“ เพียงนี้ก็ล้ำค่ายิ่ง พวกพี่เมตตากรุณานัก ”
ฮุนไหว้ตาม
“ บุญคุณล้นฟ้า ฉันมิลืมเลย หากมีโอกาส จักตอบแทนอย่างถึงที่สุด
คนงานหนุ่มมองอย่างนับถือ
“ หล่าวเป่หล่าวโบ้เรา ลัดเลาะเข้าไปตามแม่น้ำ และไปขึ้นบกกันที่บางกอก แต่พวกลู่ ไปต่อกันให้ถึงปลายแหลมเถิด ที่นั่นเป็นชุมทางของผู้คนจากทุกฟากฝั่ง ไม่มีใครรู้ว่าใครเป็นใคร มีงานมากมาย หากหนักเอาเบาสู้ ไม่เลือกงาน ไม่กลัวลำบาก ก็อาจสร้างเนื้อสร้างตัวจนเป็นเจ้าสัวกับเขาได้อยู่ ”
ดวงตาฮุนเป็นประกายด้วยความหวัง
ลำจวน เงยหน้าจากข้าวต้ม ที่ยกชามขึ้นซดอย่างหิวโหย ยิ้มให้ทุกคนอย่างดีใจราวกับเด็กๆ
ทันทีที่เจ้าคุณอินทราลืมตาขึ้นเมื่อย่ำรุ่ง ท่านก็ลุกนั่งผึง ความโกรธ แค้น เจ็บช้ำ พุ่งเข้ามาโจมตีทุกทิศทุกทาง
ที่ปลายตีน นางทัดนั่งตะคุ่มๆตาวาวเป็นนกเค้าแมว
“ ฟ้ายังไม่สาง ท่านเจ้าคุณอย่าลุกเลยเจ้าคะ เพิ่งเข้านอนได้ไม่กี่ชั่วยามตีเหล็ก ”
ขุนนางผู้ยิ่งใหญ่แผดเสียงห้าวแหบกึกก้องเรือน
“ อีทัด มึงมาเสนอหน้าอะไรแต่เช้า อีตัวดี ”
เจ้าคุณพรวดพราดยืน เปิดประตูผางออกไปยืนกลางหอ ตะโกนลั่น
“ ไอ้โชค! ไอ้เดช! ไอ้รวย! ”
มีเสียงผู้คนขยับตัวบนที่นอนจากห้องนั้นห้องนี้
เจ้าคุณตะเบ็งดังขึ้นอีก หาเกรงใจใครทั้งนั้น
“ ไอ้โชค! ไอ้เดช! ไอ้รวย! ”
พลัน ทั้งสามวิ่งหน้าตั้งตึงตังมา พากันนั่งลงพนมมือ ขานรับเสียงแตกพร่าคนละคำสองคำ
“ ขอรับกระผม!”
“ กูจักเขียนหนังสือให้มึงเอาไปคัดประทับตราแจกให้ถ้วนทั่ว นครบาลทุกหมู่เหล่า แขวงเขต ทุกย่าน ทุกตำบลหมู่บ้าน ทุกตลาด ทุกวัด ทุกชุมชน ให้จับตาดูไอ้พวกจีนทั้งหมดทั้งสิ้น อย่าให้พวกมันได้กระดิก ให้เข้มงวดกวดขัน ผู้ใดมีพฤติการณ์น่าระแวงสงสัย ให้รีบกำราบ ปราบปรามให้สิ้นซาก ไม่ต้องเกรงกลัวสิ่งใด ”
“ ขอรับกระผม ”
เสียงขานค่อยพร้อมเพรียง
“ ไอ้พวกนี้มันกำเริบเสิบสานนัก ไอ้เล้ง ไอ้เม้งแลพวกโรงฝิ่นรายเล็กรายน้อย ต่อไปนี้ พวกมึงทั้งหลายอย่าได้อยู่สุขกันเลย ”
ใบหน้าเจ้าคุณอินทราแดงก่ำ เส้นเลือดขมับเต้นถี่
นอกจากนางพัดและสามหัวหมื่น คนอื่นๆในเรือนนั้นต่างอกสั่นขวัญแขวนกันถ้วนหน้า
เมื่อตะวันขึ้นเต็มดวง เป็นเวลาที่เรือเต็มน่านน้ำสัญจรผ่านแพท่าพระไปตลาดท่าเตียนและใกล้เคียง
หนังสือสมุดไทยเรื่องพระอภัยมณี คัดด้วยลายมือลำจวน เขียนภาพประกอบลายเส้นและลงสีโดยฮุน เปิดอยู่ตรงหน้าคุณพุ่ม
ท่านภู่ที่มากับนายพัดบุตรชาย เป็นผู้คลี่ออกให้ดูทีละหน้าๆ
“ นายพุด ศิษย์คุณหลวงภักดีบริรักษ์ นำหนังสืองดงามล้ำค่าเหล่านี้ มาให้กระผมเมื่อหลายวันมาแล้ว นายพุดบอกว่าไอ้ฮุนมีเจตนามอบให้ผม เขาจึงนำมามอบให้ตามความประสงค์ของมัน ราวกับว่า..กระทำตามพินัยกรรมของผู้ล่วงลับกระนั้น ”
“ นางเมียคัด เจ้าผัววาด..จักมีหญิงสักกี่คนในอาณาจักรนี้ ที่ได้ฝากฝีมือร่วมกันกับชายที่รัก..ที่รักหล่อน..จนยอมทิ้งทุกสิ่ง แลยอมเสี่ยงชีวิตทุกอย่างเช่นนี้
คุณพุ่มแตะปลายนิ้วลงบนลายมือและรูปภาพเหล่านั้น ระมัดระวัง
“ นางบุษบาน้อยผู้นี้ มีวาสนากว่าหญิงทั่วไปนัก ”
เธอถอนใจใหญ่
คุณหลวงอาลักษณ์มองดูสตรีตรงหน้า
“ ธรรมดา..หญิงที่เก่งกล้าสามารถ มีลักษณะห้าวหาญเทียมชาย มักอาภัพรัก..”
“อันที่จริง พวกหล่อนหาได้อาภัพไม่ แต่ชายที่ด้อยกว่าก็เกรงบารมีหากจักคิดทาบ ส่วนชายที่ยิ่งใหญ่ ก็หาได้อาจหาญพอที่จักมีหญิงที่โดดเด่นเทียมมาเคียงเป็นคู่แข่งขัน ”
นักกลอนหญิงแห่งยุคสมัยแย้ง
“ พวกผู้ชายนี่เองที่ช่างเบาปัญญานัก จึงพลาดรักที่ทรงค่าเหลือเกิน ”
ท่านอาลักษณ์ยอมรับ
“ เห็นจะมีแต่ชายชื่อพระอภัยมณี ที่ฉลาด..รักสตรีที่ยิ่งใหญ่องอาจสามารถ ทอดตาดูเรื่องราวนิทานตำนานทั้งหลาย ไม่เห็นสตรีในเรื่องใด ที่หาญกล้าเหมือนเหล่านางในพระอภัยมณี ที่แต่ละนางมิใช่ช้างเท้าหลัง นางกษัตริย์ก็ออกรบเยี่ยงสตรีมีฝีมือ แลหลักแหลมแพรวพราวทุกคน ”
คุณพุ่มมอง ยกย่อง
“ สตรีในพระอภัยมณีคือฝันของกระผม กระผมอยากให้เหล่าสตรีที่เก่งกาจมีจิตใจกว้างขวาง แต่สตรีเก่งกาจ มักจิตใจคับแคบ ไม่ยอมให้ผัวได้หายใจหายคอ ”
คุณพุ่มหัวเราะ ขันอีกฝ่าย ว่าช่างลดเลี้ยว
แม่เต็มที่นั่งจับตาอยู่ห่างๆค้อนควักขัดใจ
ทันใด ก็มีเสียงเรียกดังดุดันมาจากด้านหน้า
“ คุณพุ่ม อยู่หรือไม่? เรียนท่านทีว่ามีนครบาลมาพบ จะให้เข้าพบหรือไม่? ”
คุณพุ่มเดินอาดๆออกมาที่ชานระเบียงหน้าแพ
เจ้าคุณอินทราก้าวขึ้นมายืนตระหง่าน ตามด้วยเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่อีกสองนาย และหัวหมื่นทั้งสามประกบหลังเป็นแผง
นายหมายนั่งพนมมือแต้กับพื้น สีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ทันทีที่เห็นคุณพุ่ม นครบาลผู้ยิ่งใหญ่ก็จ้องหน้ามองตาตรงๆอย่างไม่เกรงใจ
สตรีเจ้าของแพพนมมือไหว้ ยิ้มละมุน
“ เอะอะเอ็ดตะโรราวกับขู่ตะคอกพวกจีนโรงฝิ่น จะมาจับอิฉันรือ จับข้อหาอันใด ช่วยว่ากล่าวให้ชัดเจนด้วย ”
เจ้าคุณรับไหว้ เย็นชา
“ ผู้ใดจักกล้าจับคุณพุ่ม สตรีผู้มีบารมีมากล้น กระผมมา..เพื่อถามคำถามสักข้อสองข้อ หวังใจว่าจะได้รับคำตอบที่ตรงไปตรงมา ”
“ ถามมาเลยณ.ตรงนี้ ดิฉันขอเสียมารยาทไม่เชิญท่านเจ้าคุณเข้าไปนั่ง เพราะดูท่า ว่าจะมาประเดี๋ยวเดียว เดี๋ยวก็ไป ”
“ อ้ายฮุนกับนางลำจวนลงเรือไปทางใต้ มีจุดหมายปลายทางที่ใด? ”
คุณพุ่มสบตาไม่หลบ
“ อันใดกัน อิฉันยังไม่ทราบด้วยซ้ำ ว่ามันขึ้นเรือรือขึ้นช้างขึ้นม้าใดๆ ไปข้างไหน..นี่เป็นความจริงรือคะ มันไปแต่เมื่อใด? ”
เจ้าคุณอินทราแสยะเยาะ
“ ก็คิดอยู่แล้ว ว่าคุณคงไม่บอก กระผมมันคนตัวเล็กตัวน้อย มิอาจสู้บารมีบรรดาคนใหญ่คนโตที่สมคบคิดกันมารุมรังแก แต่เพียงอยากมาฝากความให้ทราบกันไว้ ว่าใครทำกรรมอันใดไว้ ถึงเวลา..จักต้องชดใช้โดยทั่วหน้ากัน ”
“ นี่เจ้าคุณขู่อิฉันรือ? ”
ท่านภู่เดินออกมาสมทบ ตามด้วยนางเต็มและทองใบ
เจ้าคุณนครบาลเห็นอาลักษณ์เก่า ที่ใครๆก็รู้ดีว่าบัดนี้เป็นคนของเจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์ ก็แข็งใจยกมือไหว้
“ ไม่นึกเลย ว่าท่านอาลักษณ์.. จักพำนักอยู่ในแพนี้ด้วย ”
ครูกลอนใหญ่ไม่เห็นขัน
“ กระผมมิได้พำนักที่นี่ เจ้าคุณเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ ควรระมัดระวังคำพูดให้มาก ”
“ แหม..พวกนักกลอนนักกระวีเหล่านี้ ช่างคบหาสมาคมกันอย่างทั่วถึงถ้วนหน้าดีจริงๆ…กระผมว่ากระผมมาแต่เช้าแล้ว ยังมีคนเช้ากว่าผมจนได้..ขอประทานโทษด้วยก็แล้วกัน เช่นนั้น กระผมไม่รบกวนแล้ว ขอลา ”
ท่านเจ้าคุณหันหลังให้ นำเหล่าบริวารลงเรือไป
ท่านภู่มองคุณพุ่ม วิตกหนักอกยิ่ง
ทั้งสองเข้ามานั่งจิบชาสงบสติอารมณ์เป็นครู่ใหญ่ คุณพุ่มเคี้ยวหมากกร้วม
“ อย่า..ท่านอาลักษณ์มิต้องไปกราบบังคมทูลฝ่าพระบาทดอก อิฉันไม่ต้องการให้ผู้ใดมาคุ้มครอง”
“ ถ้าคุณกลับไปพักที่พระราชวังเดิม..”
ท่านภู่เสนอ
“ อย่าได้หวัง ”
นางเต็ม นายหมายมองหน้ากัน แล้วต่างพนมมือ
“ ขอประทานโทษ ที่บ่าวบังอาจสอดแทรก แต่..ท่านเจ้าคุณอินทราน่ากลัวเหลือเกิน อิฉันไม่อยากให้คุณอยู่ที่แพนี่ ”
“ มิเช่นนั้น ก็ขึ้นไปอยู่เรือนใหญ่ของท่านเจ้าคุณพ่อคุณเถิด กระผมผู้เดียว มิอาจสู้พวกนครบาลทั้งนั้นได้แน่ ”
“ เอ็งกลัวรือ อ้ายหมาย ให้มันรู้ไป ว่าคนเช่นนี้จักกล้าทำอันใดแก่ข้า ”
นายหญิงเริ่มขึ้นเอ็งขึ้นข้า
“ กระผมกลัวดีกว่ากระผมกล้า หากกระผมกล้าแล้วเป็นสาเหตุให้คุณมีภัย กระผมยอมขี้ขลาดตาขาวดีกว่า ”
ข้าเก่าเต่าเลี้ยงจวนจะร้องไห้
“ นายหมายพูดถูก ปมาโท มจฺจุโน ปทํ ความประมาท เป็นทางแห่งความตายหนาคุณ..”
คุณพุ่มนิ่ง เคี้ยวหมากไปเงียบๆ หาตอบคำไม่
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 71 : พ้น ไม่พ้น
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 70 : พสุธาจะอาศัย
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 69 : ประสายาก
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 68 : ความรักของคนนอกขอบ
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 67 : หมดทางย้อนกลับ
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 66 : ฉุดกลางน้ำ
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 65 : ผลแห่งการละเล่นคะนอง
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 64 : เกินควบคุม
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 63 : สักวาหน้าพระที่นั่ง
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 62 : นับถอยหลัง
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 61 : แรงขับ
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 60 : ตัดปี้ มีอนาคต
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 59 : ไม่เคยง่าย
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 58 : ปะทะ
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 57 : ท่องราตรี
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 56 : โล่งไปที
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 55 : มีเพื่อนเล่นไม่เหมือนกับเพื่อนตาย
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 54 : โลกนอกแพ
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 53 : ใกล้ชิด
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 52 : ไม่คลาดคลา
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 50 : อุปสรรคยังไม่สิ้น
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 49 : สัญชาตญาณแม่
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 48 : ผู้รับใช้รอบทิศ
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 51 : เส้นรัก
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 47 : กตเวทิตา
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 46 : ระทึก
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 45 : ฟ้อนแคน
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 44 : คืนร้อน
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 43 : กรณีชิงศิษย์
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 42 : พระอภัยมณีเป็นเหตุ
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 41 : แผนสูง
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 40 : เส้นทางสร้างทำ
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 39 : วุ่นวายข้างวัง
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 38 : ถวิลทุกขวบค่ำเช้า หยุดได้ฉันใด
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 37 : ขมิ้นกับปูน
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 36 : ดวงเดือนเคลื่อนคล้อย
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 35 : แมวกับหนู
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 34 : ที่วัดโพธิ์
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 33 : ก้าวไปไม่กลับหลัง
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 32 : พบศพ
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 31 : คุณชาย
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 30 : เกิดใหม่
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 29 : บนแพคุณพุ่ม
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 28 : รอด..หรือไม่รอด
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 27 : หนี
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 26 : ดิ้นรน
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 25 : หิ่งห้อยรือจะแข่งแสงจันทรา
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 24 : คงแป๊ะผู้พลั้งมือ
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 23 : สิ้นหวัง
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 22 : ดับฝัน
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 21 : ไม่ยอมพราก
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 20 : พบแล้ว
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 19 : อ่อยเหยื่อ
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 18 : รูปโฉมโนมพรรณหาผิดไม่
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 17 : พระรอด
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 16 : เกิดเหตุ
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 15 : สาวงาม
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 14 : นายฮุนผู้เป็นที่ต้องการ
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 13 : สตรีต้นแบบ
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 12 : ชะตากรรม
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 11 : ลงมือเขียนภาพ
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 10 : เส้นทางของลูกสาว
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 9 : การประชัน
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 8 : ทะเยอทะยาน
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 7 : ลำจวนกับฮุน
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 6 : น้อยกับนวล
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 5 : สองครู
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 4 : เด็กหนุ่มผมเปีย
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 3 : เด็กหญิงผู้อยู่นอกวง..ทุกวง
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 2 : หลวงพี่บุญลือ
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 1 : ลำจวน