
มรดกมนตรา บทที่ 25 : สิ่งที่ถูกกำหนดไว้
โดย : วัชรนริศ
![]()
มรดกมนตรา ผลงานของ วัชรนริศ ที่อ่านเอานำมาให้อ่านออนไลน์ทาง anowl.co กับเรื่องราวของนักวิจัยสาวผู้ไม่เชื่อในสิ่งลี้ลับที่ได้รับคฤหาสน์โบราณกลางป่ากาญจนบุรีเป็นมรดกจากญาติที่ไม่เคยรู้จัก ทว่าคฤหาสน์หลังนี้กลับซ่อนคำสาป วิญญาณ และอดีตอันมืดมนที่รอการปลุกตื่น พร้อมการฟื้นคืนของ “อัคนีนาฏเทวี” อสูรสาวในตำนาน
ในยามดึกที่เงียบสงัด ชายหนุ่มสองคนที่อยู่ในอาการมึนเมากำลังเดินกลับบ้านของพวกเขาและต้องเดินผ่านบ้านของอสูรสาว พวกเขาพูดคุยหยอกล้อกันถึงเรื่องบ้านของอัคคีรัตน์ ชายหนุ่มที่เป็นหัวโจกได้พูดขึ้น
“เฮ้ย นี่เอ็งเห็นบ้านสวยๆ หลังนั้นไหม มันมีคนเขาลือกันนะเว้ย ว่าบ้านนี่นอกจากจะรวยมากแล้ว ยังมีผีด้วยนะเอ็ง”
“จะมีผีได้ยังไงวะ ก็ในเมื่อมีคนอยู่ไม่ใช่หรือ” ชายหนุ่มขี้เมาอีกคนได้พูดขึ้น
“มันไม่ใช่ผีธรรมดานะเว้ย แต่มันเป็นอสูรมีปีกกับปีศาจเสือ ชาวบ้านแถวนี้เขาลือกัน ว่าดึกๆ มักจะเห็นตัวอะไรไม่รู้ คล้ายๆ นกแต่มันใหญ่กว่านก บินไปบินมาแถวนั้น บางทีนะ ชาวบ้านก็เห็นเหมือน มีเสือโคร่งตัวใหญ่ มาเดินอยู่แถวๆ นี้ด้วย จนเขาคิดว่ามันต้องหลุดออกมาจากที่ไหนสักแห่ง แต่จริงๆ แล้วมันไม่ใช่ เพราะไอ้เสือผีนั้นบางทีก็จำแลงกายเป็นมนุษย์ได้” ชายหนุ่มหัวโจกเล่าไปพร้อมแสดงสีหน้าตาโตแลดูจริงจัง
“โอ้โฮ เล่าเป็นตุเป็นตะเลยนะเอ็ง สมัยนี้แล้วไฟฟ้าเข้าถึงแล้ว ไม่มีหรอกเรื่องพวกนี้” เพื่อนของเขาพูด
ในระหว่างที่ทั้งสองเดินผ่านและพูดคุยกันอยู่นั้น ปักษาดำก็บินอยู่เหนือพวกเขา ชายหนุ่มทั้งสองที่ได้ยินเสียงกระพือปีก จึงเงยหน้าขึ้นไปมองบนท้องฟ้า ทันใดนั้นปักษาดำที่อยู่ในร่างของอสูรนกยักษ์ก็บินโฉบลงมาด้วยความรวดเร็ว คาบตัวชายหนุ่มหัวโจกลอยกลับหายขึ้นไปบนท้องฟ้าในราตรี เสียงร้องโหยหวนและทรมานดังขึ้นไปทั่วบริเวณ
ส่วนชายหนุ่มขี้เมาอีกคนร้องอุทานตกใจสุดขีด เขารีบวิ่งหนีด้วยความกลัว ในระหว่างทางที่วิ่งไปก็ต้องสะดุด เพราะสมิงดำในร่างของมนุษย์มายืนขวางทางไว้ ทำให้ชายหนุ่มต้องผงะ สมิงดงที่ค่อยๆ เปลี่ยนร่างจากคนกลายเป็นเสือตัวใหญ่ รีบวิ่งมาพุงกัดเข้าที่คอของชายหนุ่มคนนั้นทันที
สมิงดงและปักษาดำกลับมาที่เทวาลัย อัคนีนาฏเทวีที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ของเธอได้พูดขึ้น
“พวกเจ้าทั้งสองคงอิ่มกันแล้วละสิ แต่อย่ากินคนแถวนี้มากจนเกินไปล่ะ เพราะมันจะทำให้ผิดสังเกตได้” ทั้งสองมองหน้าเธอและพยักหน้ารับ “อีกไม่นานข้าจะมีงานให้พวกเจ้าทำ”
“งานอะไรหรือเทวี” สมิงดงถามและเดินเข้ามาใกล้ๆ เธอ
“ข้ารู้มาว่า ตอนนี้มันมีคนที่พยายามตามสืบเรื่องการหายตัวไปของไอ้เอกภพอยู่ และตอนนี้มันก็พยายามไปตามสืบที่บ้านของคุณหญิงช่อผกา ข้าต้องการให้พวกเจ้าทั้งสองไปจัดการกับมัน”
ปักษาดำและสมิงดงพยักหน้า “มันเป็นใครหรือครับเทวี”
“มันเป็นตำรวจชื่อสหรัฐ อีกไม่นานมันจะมาหาข้าที่นี่ แต่ข้าคิดว่าข้ากับมันคงไม่ได้มีโอกาสเจอหน้ากันก่อนที่มันจะตายแล้วละ” เธอพูดและหัวเราะด้วยน้ำเสียงผยอง
อสูรรับใช้ทั้งสองของเธอหันมองหน้ากันและยิ้ม ทั้งสองจำแลงกายเป็นควันสีดำพุ่งกลับออกไปหวังจะตามไปกำจัดนายตำรวจหนุ่มยามราตรี
สหรัฐกำลังเดินกลับออกมาจากห้องทำงานของเขาและกำลังเดินกลับไปขึ้นรถ ในเวลานี้สมิงดงและปักษาดำที่แปลงกายเป็นควันสีดำได้พุ่งลอยมาถึงบริเวณไม่ไกลจากรถของเขา ทั้งสองจำแลงกายกลับมาเป็นมนุษย์ ในขณะที่สหรัฐกำลังจะขับรถออกไปจากสถานีตำรวจ ทั้งสองก็มายืนขวางไว้ด้วยแววตาที่พร้อมจะทำร้ายชายหนุ่ม เขาเบรกรถด้วยความตกใจและลดกระจกรถลง
เขายื่นหน้าออกไปและพูดไล่ทั้งสอง “คุณสองคนมายืนขวางทางเข้าออกรถแบบนี้ทำไมกันครับ รู้ไหมว่าที่นี้มันสถานที่ราชการ” ทั้งสองมองหน้าสหรัฐด้วยแววตาที่แดงราวกับจ้องจะมาเอาชีวิต แต่ทั้งสองก็ค่อยๆ เดินหลบรถให้ชายหนุ่มราวกับมีแผนการ
สหรัฐขับรถเลี้ยวออกจากที่ทำงานด้วยความสงสัย ในขณะที่กำลังขับออกไปเขาก็มองกระจกหลังรถเพื่อดูว่าทั้งสองเป็นใคร แต่กลับไม่พบใครที่ยืนอยู่ตรงนั้นแล้ว เขาเริ่มรู้สึกหวั่นใจถึงความผิดปกติบางอย่าง
เมื่อเขาขับรถเลี้ยวเข้ามาในซอยทางเข้าบ้าน ระหว่างทาง ก็พบกับปักษาดำและสมิงดงในร่างมนุษย์มายืนขวางทางรถเหมือนเดิม เขาจอดรถและเปิดไฟสูงนายตำรวจหนุ่มก็ต้องตกใจ เมื่อคนที่มายืนขวางรถเขากลับกลายเป็นชายสองคนที่เพิ่งพบกันไม่นาน เขารีบลงจากรถและตะโกนออกไปว่า “พวกคุณเป็นใครกันแน่ ตามผมมาทำไม”
ทั้งสองยืนนิ่งและไม่ตอบอะไร ทันใดนั้นทั้งสองก็ค่อยๆ กลายร่างกลับไปเป็นอสูรร้ายอีกครั้ง
สหรัฐอยู่ในท่าทีตกใจ “อะไรกันวะ” เขาพูดจบและรีบคว้าปืนขึ้นมายิงใส่อสูรทั้งสองทันที แต่ลูกกระสุนกลับไม่ระคายผิวของพวกมันเลย ปักษาดำที่อยู่ในร่างอสูรบินพุ่งเข้าใส่สหรัฐจากด้านบน เขาจึงรีบกระโดดหลบข้างทางและยิงกระสุนไปที่พวกมันอีกครั้ง สมิงดงที่รอจังหวะจึงคำรามอย่างเสียงดังและกระโจนเข้าใส่ สหรัฐยิงใส่พวกมันอีกครั้ง แต่กลับไม่สามารถต้านทานอะไรได้เลย
เขาพยายามยิงใส่พวกมันและถอยหลังเพื่อที่จะกลับมาขึ้นรถ แต่ด้วยความว่องไวของสมิงดง มันกระโจนเข้าใส่และได้ใช้กรงเล็บของเสือสมิงข่วนเข้าไปที่หน้าอกของสหรัฐ ทำให้เขาร้องด้วยความเจ็บปวดและสะดุดล้มลง ในขณะนั้นเองก็มีรถยนต์คันสีดำที่ขับตามหลังมาหยุดจอด และผู้ที่ลงมาจากรถคันนั้นคือดอกเตอร์อมร เขาได้รีบลงมาช่วยพยุงตัวสหรัฐไว้ไปนั่งพิงใกล้ๆ กับรถของเขา
อมรรอจังหวะเวลานี้มานานแล้ว เขาเดินออกมาด้วยท่าทางที่ห้าวหาญ เขายืนหลับตาและผายมือขึ้น ทันใดนั้น ตรีศูลสุริยะพิโรธก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง เขายื่นมือออกไปในขณะที่ตรีศูลก็ส่องแสงสว่างไปทั่วบริเวณ ตรีศูลลอยขึ้นอยู่กลางอากาศ และพุ่งเข้าใส่ฟาดฟันอสูรร้ายทั้งสองด้วยความรวดเร็ว
สมิงดงและปักษาดำต่างตกใจและพยายามกระโจนหลบตรีศูล แต่ด้วยพลังที่แรงกล้าของตรีศูลทำให้สมิงดงและปักษาดำได้รับบาดเจ็บหนัก สมิงดงและปักษาดำพยายามใช้พลังของตนเองเข้าสู้กับตรีศูล แต่ก็ไม่สามารถต้านทานอำนาจของสิ่งนี้ได้ จนในที่สุดอสูรทั้งสองก็ได้จำแลงกายเป็นควันสีดำและพุ่งหนีลอยไปในความมืดอีกครั้ง
อมรเดินเข้าไปพยุงตัวสหรัฐ “คุณเป็นยังไงบ้างครับ” เขาถามด้วยความเป็นห่วง
“ขอบคุณมากนะครับ ถ้าไม่ได้คุณผมแย่แน่ๆ” สหรัฐค่อยๆ ยืนขึ้นด้วยท่าทีบาดเจ็บ
“แล้วเมื่อสักครู่นี้ทำไมคุณถึงไล่พวกมันไปได้ อาวุธนั้นคืออะไรกัน” สหรัฐพูดต่อด้วยความสงสัย
“เอาเป็นว่าผมไปส่งคุณทำแผลที่โรงพยาบาลก่อนดีกว่าครับ แล้วผมจะเล่าทั้งหมดให้คุณฟัง” อมรพูดและรีบพยุงตัวเขาเข้าไปนั่งในรถ
ภายในห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาล พยาบาลกำลังทำแผลให้กับสหรัฐ โดยมีอมรยืนดูอยู่ใกล้ๆ สหรัฐพูดขอบคุณพยาบาล และหันไปมองอมร “ขอบคุณมากนะครับคุณ…”
“ผมดอกเตอร์อมรครับ” เขาพูดและยิ้มด้วยความอบอุ่น
“ผมร้อยตำรวจเอกสหรัฐครับ เอ่อ…คุณอมรครับ เรื่องที่เกิดขึ้นมันคืออะไรหรือครับ แล้วคุณไปเจอผมได้ยังไง”
อมรมองด้วยแววตาจริงจัง “สิ่งที่ผมกำลังจะเล่าให้คุณฟังในเวลานี้ คุณอาจจะไม่เชื่อนะครับ แต่ทั้งหมดมันเกิดขึ้นจริง เจ้าอสูรสองตัวนั้นที่คุณพบมันเป็นโอปปาติกะ และเป็นผู้รับใช้ของอัคนีนาฏเทวี”
สหรัฐอุทานด้วยความสงสัย “อัคนีนาฏเทวี”
อมรอธิบายเพิ่มต่อไปว่า “ใช่ครับ เธอคืออัคนีนาฏเทวี เธอเป็นผู้ที่มีพลังมนตรา และผมคิดว่าการที่คุณถูกเจ้าอสูรร้ายสองตนนั้นเล่นงานต้องไม่ใช่เรื่องบังเอิญ”
สหรัฐนึกถึงเรื่องของการหายตัวไปของเอกภพที่เขากำลังตามสืบอยู่ “หรือว่าจะมาจากคดีที่ผมกำลังตามสืบอยู่” เขาขมวดคิ้วและพึมพำกับตัวเอง
“คุณหมายถึงตอนนี้คุณกำลังสืบคดีอะไรบางอย่างอยู่หรือครับ” อมรถามเสริมด้วยแววตาสนใจ
“ใช่ครับ ผมกำลังตามหาตัวคนหายอยู่ ยิ่งผมตามสืบเรื่องนี้มากเท่าไหร่ก็รู้สึกว่าจะมีข้อมูลอะไรที่ดูไม่ชอบมาพากลมากขึ้น”
“คนหายที่ว่านี่ใครกันหรือครับ เผื่อผมจะรู้จัก” อมรพูดและเริ่มรู้สึกมีลางสังหรณ์
“คุณเอกภพครับ เขาเป็นนักธุรกิจชื่อดัง แต่ไม่นานมานี้ผมเพิ่งได้รับแฟ้มเอกสารข้อมูลการหายตัวของเขา และก็ได้รับคำสั่งให้ตามสืบเรื่องนี้”
อมรนึกถึงแขกในวันงานเครื่องเพชรการกุศลที่ผ่านมา เขาจำได้ว่า เอกภพที่สหรัฐพูดถึงจะต้องเป็นคนเดียวกับที่มาร่วมงานประมูลเครื่องเพชรในวันนั้นด้วยแน่ๆ เขาได้พูดเสริมขึ้น
“ผมว่าผมพอจะรู้จักคุณเอกภพ คนที่คุณกำลังตามหานะครับ” สหรัฐมองหน้าอมรด้วยความสนใจ
“ไม่กี่สัปดาห์ก่อน มีงานประมูลเครื่องเพชรเพื่อการกุศล ผมเหมือนจะเห็นเขาภายในงานกำลังยืนพูดคุยกับคุณหญิงช่อผกาอยู่ แล้วคุณได้ไปสอบถามข้อมูลจากคนใกล้ตัวของเขาหมดหรือยังครับ”
“ผมไปสืบถามข้อมูลจากคนรอบตัวของเขามาหมดแล้วละครับ และก็ไปขอพบคุณหญิงช่อผกาที่บ้านเธอด้วย แต่เธอเหมือนน่าจะยังไม่สะดวกให้เข้าพบ แต่มีอยู่คนหนึ่งที่ผมยังไม่ได้ไปสืบถามนะครับ”
อมรถามเริ่มรู้สึกสงสัยมากขึ้น “ใครหรือครับ”
“เธอชื่ออัคคีรัตน์ครับ”
อมรหันมาพูดด้วยท่าทีสงสัยอะไรบางอย่างในตัวเธอ “อะไรนะครับ อัคคีรัตน์หรือครับ” อมรถามย้ำ
“ครับ จากข้อมูลที่ผมได้รับมา เธอน่าจะเป็นคนสุดท้ายที่อยู่กับคุณเอกภพครับ”
“เอ่อ คุณสหรัฐครับ ต่อไปนี้ผมอยากให้คุณคอยระวังตัวด้วยนะครับ เพราะผมเชื่อว่าอีกไม่นานเจ้าอสูรจะต้องกลับมาเล่นงานคุณอีกเป็นแน่” อมรพูดปนคิดอะไรในใจ
ภายในเทวาลัยของอัคนีนาฏเทวี ควันสีดำที่พุ่งกลับเข้ามากลางห้องกลายร่างเป็นอสูรร้ายผู้รับใช้ของเธอ ทั้งสองล้มลงไปนั่งกองกันอยู่ที่พื้นด้วยอาการบาดเจ็บ
เทวีที่นั่งอยู่บนบัลลังก์หินของเธอลุกขึ้นมองด้วยความตกใจ “นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมพวกเจ้าถึงบาดเจ็บกลับมาขนาดนี้”
ปักษาดำเงยหน้าขึ้นมามองเธอ “เทวี ไอ้ดอกเตอร์อมรนั่นอีกแล้ว มันมาช่วยไอ้ตำรวจคนนั้นไว้”
“ใช่ครับเทวี ไอ้อมรมันใช้ตรีศูลของมันเล่นงานพวกข้า พลังของมันมากเหลือเกินจนพวกข้าต้านทานมันไว้ไม่อยู่”
อัคนีนาฏเทวีรู้สึกโมโหที่อมรมาขัดขวางเอาไว้ “ไอ้อมรอีกแล้วหรือ ดูเหมือนมันกับข้าคงจะอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้”
เธอพูดจบก็ผายมือออกมา และหลับตาท่องมนตราของเธอ ไม่นานก็ปรากฏขวดยาอมฤตขนาดเล็กบนมือของเธอ
“พวกเจ้ารับนี่ไป และไปรักษาตัวให้หายดีกันก่อน เห็นทีว่าข้าจะปล่อยให้อมรมีชีวิตนานไป ข้าคงต้องลงมือเองอีกครั้ง” เธอพูดและคิดแผนบางอย่าง

- READ มรดกมนตรา บทที่ 25 : สิ่งที่ถูกกำหนดไว้
- READ มรดกมนตรา บทที่ 24 : เงื่อนงำในรอยเลือด
- READ มรดกมนตรา บทที่ 23 : ผู้ถูกครอบงำ
- READ มรดกมนตรา บทที่ 22 : ความลับของกริชอาคม
- READ มรดกมนตรา บทที่ 21 : เลือดบุรุษบนแท่นบูชา
- READ มรดกมนตรา บทที่ 20 : มนตร์ร้อยเล่ห์เทวีเลือด
- READ มรดกมนตรา บทที่ 19 : ราคาของความอยากได้
- READ มรดกมนตรา บทที่ 18 : กลิ่นแห่งความตาย
- READ มรดกมนตรา บทที่ 17 : รอยยิ้มของซาตาน
- READ มรดกมนตรา บทที่ 16 : ซินแสของเอกภพ
- READ มรดกมนตรา บทที่ 15 : สังเวยรัก…แด่นางพญา
- READ มรดกมนตรา บทที่ 14 : เสียงกระซิบจากแผลเก่า
- READ มรดกมนตรา บทที่ 13 : การตื่นขึ้นของกริชอาคม
- READ มรดกมนตรา บทที่ 12 : การเผชิญหน้าที่ฟ้าลิขิตไว้
- READ มรดกมนตรา บทที่ 11 : นางฟ้าในคราบอสรพิษ
- READ มรดกมนตรา บทที่ 10 : เงาร้ายในร่างเธอ
- READ มรดกมนตรา บทที่ 9 : ใต้หน้ากากนางพญา
- READ มรดกมนตรา บทที่ 8 : ไฟสุมทรวง
- READ มรดกมนตรา บทที่ 7 : จอมเวทย์ผู้ศักดิ์สิทธิ์
- READ มรดกมนตรา บทที่ 6 : อดีตของวิญญาณร้าย
- READ มรดกมนตรา บทที่ 5 : นางอสูรคืนชีพ
- READ มรดกมนตรา บทที่ 4 : วิญญาณบาปผู้คร่ำครวญ
- READ มรดกมนตรา บทที่ 3 : ปลดปล่อยเทวีมนตรา
- READ มรดกมนตรา บทที่ 2 : การพบกันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
- READ มรดกมนตรา บทที่ 1 : การมาถึงของหญิงสาว
- READ มรดกมนตรา : บทนำ







