มรดกมนตรา บทที่ 23 : ผู้ถูกครอบงำ

มรดกมนตรา บทที่ 23 : ผู้ถูกครอบงำ

โดย : วัชรนริศ

Loading

มรดกมนตรา ผลงานของ วัชรนริศ ที่อ่านเอานำมาให้อ่านออนไลน์ทาง anowl.co กับเรื่องราวของนักวิจัยสาวผู้ไม่เชื่อในสิ่งลี้ลับที่ได้รับคฤหาสน์โบราณกลางป่ากาญจนบุรีเป็นมรดกจากญาติที่ไม่เคยรู้จัก ทว่าคฤหาสน์หลังนี้กลับซ่อนคำสาป วิญญาณ และอดีตอันมืดมนที่รอการปลุกตื่น พร้อมการฟื้นคืนของ “อัคนีนาฏเทวี” อสูรสาวในตำนาน

อัคนีนาฏเทวีได้กลับมาที่เทวาลัยของเธอด้วยสภาพอิดโรย เพราะพลังของตรีศูลสุริยะพิโรธทำให้เธออ่อนกำลังลงไปชั่วขณะ เธอค่อยๆ เดินมาที่บัลลังก์หินของเธอ นางสายใจในร่างของบุษบาเดินเข้ามาหาด้วยความตกใจ

“เกิดอะไรขึ้น ทำไมท่านถึง…”

สมิงดงได้พูดสวนขึ้นมาทันทีว่า “เจ้าอย่าเพิ่งถามอะไรมาก ในเวลานี้ท่านได้รับบาดเจ็บจากอาวุธของอมร” สมิงดงมองนายของมันด้วยความเป็นกังวล

เทวีที่นั่งอยู่บนบัลลังก์หินของเธอด้วยท่าทางที่อ่อนแรง ได้พูดขึ้นกับทั้งสามว่า

“ข้าไม่เคยรู้มาก่อนว่ากริชอาคมธรรมดาๆ ของมันจะมีวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่สถิตอยู่ภายในนั้น ข้าตั้งใจจะทำลายไอ้กริชบ้านั่น และก็จัดการไอ้อมรด้วย แต่ข้าไม่คิดเลยจริงๆ” เธอหายใจหอบและพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนล้า

เธอพูดต่อ “วันนี้ควรจะเป็นวันตายของมัน แต่ข้ากลับช่วยให้มันได้รับอาวุธที่ทรงพลังมากขึ้นกว่าเก่า” เธอกำมือด้วยความเจ็บใจ

“อีกไม่กี่วันจะเป็นคืนพระจันทร์เต็มดวงอีกครั้ง ปักษา สมิงดงเจ้าจงนำเลือดและวิญญาณของไอ้ผู้ชายใจบาปทั้งหลายมาสังเวยให้แก่ข้า ในเวลานี้ห้ามใครมารบกวนข้าเป็นอันขาด ข้าจะต้องเข้าสมาธิเพื่อรวมพลังของข้า และถ้าข้ากลับมาหายดีเมื่อไหร่ ก็จะถึงคราวของพวกมันอีกแน่”

เธอหันไปมองหน้าบุษบา “ระหว่างนี้เจ้าจงคอยจับตานางโฉมสุรางค์เอาไว้ให้ดีๆ หลังจากที่ข้าหายดีแล้ว มันจะเป็นเครื่องมือชิ้นสำคัญของข้า” เธอพูดด้วยแววตามีแผนการร้ายบางอย่าง

“แต่…เทวี ในเวลานี้ข้าเข้าใกล้มันไม่ได้เลย มันเหมือนมีอะไรบางอย่างที่คุ้มครองมันอยู่” บุษบาพูดด้วยท่าที่หวั่นใจ

อัคนีนาฏเทวีหันกลับมาและหลับตาลงเพื่อดูว่าโฉมสุรางค์มีอะไรอยู่กับตัว เมื่อเธอลืมตาขึ้นก็บอกว่า

“มันมีสายสิญจน์ของแม่ชีคนหนึ่งที่เคยมอบให้ราตรีกับมันไว้ แต่เจ้าไม่ต้องเป็นกังวลไปสายใจ ในเมื่อแม่ของมันข้ายังสามารถกำจัดไปได้แล้วหนึ่งคน นับประสาอะไรกับโฉมสุรางค์”

เธอหันไปพูดกับข้ารับใช้เธอด้วยแววตาเย็นชา “ปักษา สมิงดง ข้ามีงานให้พวกเจ้าทำ”

ทั้งสองเดินมาคุกเข่าต่อหน้าเธอ “เทวีมีบัญชาสิ่งใดบอกพวกข้ามาได้เลย”

“ในคืนวันพรุ่งนี้เจ้าจงไปเล่นงานนางโฉมสุรางค์ แต่ไม่ต้องถึงกับให้มันตาย เพราะมันยังมีประโยชน์กับข้าอยู่ ข้าอยากรู้นักว่าไอ้สายสิญจน์แค่นั้นจะคุ้มครองมันไปได้นานแค่ไหน” ปักษาและสมิงดงหันมามองหน้ากันและยิ้มอย่างมีแผนการ

 

ณ สถานีตำรวจแห่งหนึ่งในพระนคร ได้รับข้อมูลการแจ้งความจากครอบครัวของนายเอกภพ ว่านายเอกภพได้หายตัวออกไปจากบ้านเป็นเวลาหลายวันแล้ว ในเวลานั้นทางหัวหน้าแผนกสืบสวนเรียกร้อยตำรวจเอกสหรัฐ ให้เข้ามาพูดคุยภายในห้องเกี่ยวกับคดีการหายตัวไปของนายเอกภพ

ภายในห้องประชุมเล็กๆ ที่มีเอกสารและแผนที่เกี่ยวกับคดีติดเต็มผนัง หัวหน้าแผนกสืบสวนนั่งรออยู่ที่โต๊ะ เขามองดูนาฬิกาข้อมือและเหลือบมองไปที่ประตู ก่อนที่ร้อยตำรวจเอกสหรัฐจะเคาะประตูและเปิดเข้ามา

“สหรัฐ นั่งก่อนสิ” หัวหน้าแผนกสืบสวนกล่าว

สหรัฐนั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามกับหัวหน้า “หัวหน้าเรียกผม มีอะไรหรือเปล่าครับ”

หัวหน้าแผนกสืบสวนยื่นแฟ้มเอกสารหนาให้กับสหรัฐ “นี่คือข้อมูลเกี่ยวกับการหายตัวไปของนายเอกภพ เขาหายตัวไปจากบ้านหลายวันแล้ว ครอบครัวของเขาเป็นห่วงมาก เราจำเป็นต้องเร่งสอบสวนและตามหาตัวเขาให้เจอโดยเร็วที่สุด”

สหรัฐเปิดแฟ้มและดูข้อมูล “นายเอกภพ อายุ 42 ปี ประวัติการทำงานเป็นนักธุรกิจชื่อดัง เขาหายตัวไปภายในช่วงเวลาค่ำของที่บ้าน ไม่มีใครพบเห็นเขาหลังจากนั้นเลย”

หัวหน้าแผนกสืบสวนพยักหน้า “ใช่ และทางครอบครัวของเขาบอกว่าเขาไม่มีปัญหาทางการเงินหรือปัญหาส่วนตัวอะไรที่น่าจะเป็นสาเหตุให้เขาหายตัวไป เราจำเป็นต้องค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมจากเพื่อนร่วมงานและคนรอบข้างของเขา”

สหรัฐพยักหน้า “ผมจะเริ่มต้นจากการสอบปากคำเพื่อนร่วมงานและคนที่เกี่ยวข้องกับนายเอกภพ รวมถึงตรวจสอบสถานที่ต่างๆ ที่เขาเคยไป”

“ดีมาก” หัวหน้าแผนกสืบสวนตอบ “และอย่าลืมว่าทุกๆ ชั่วโมงที่ผ่านไป อาจหมายถึงชีวิตของนายเอกภพ จงทำงานอย่างเต็มที่”

สหรัฐลุกขึ้นและเดินออกจากห้องประชุมพร้อมกับแฟ้มเอกสารในมือ เขามีความมุ่งมั่นที่จะค้นหาความจริงและช่วยเหลือนายเอกภพกลับบ้านอย่างปลอดภัย

ในขณะที่วุฒิเพื่อนของเอกภพกำลังนั่งทำงานอยู่ เลขาฯ ของวุฒิก็ได้มาเคาะประตูห้อง

“คุณวุฒิคะ มีตำรวจมาขอพบค่ะ”

วุฒิทำสีหน้าสงสัย “ให้เขาเข้ามาเลย”

นายตำรวจเปิดประตูเข้ามา “สวัสดีครับ ผมร้อยตำรวจเอกสหรัฐครับ ทางเรารับทราบข้อมูลมาว่า คุณเอกภพได้หายตัวไป และในคืนวันที่คุณเอกภพหายตัวไป ก็เป็นคืนเดียวกับที่คุณอยู่กับเขาด้วย เราจึงอยากขอพูดคุยกับคุณหน่อยครับ”

วุฒิมองด้วยสีหน้าตกใจ “ครับ เชิญคุณตำรวจนั่งก่อนครับ”

สหรัฐนั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามกับวุฒิ “ขอบคุณครับคุณวุฒิ ผมขอถามเกี่ยวกับคืนที่คุณเอกภพหายตัวไปหน่อยนะครับ”

วุฒิพยักหน้ารับ “ได้ครับคุณตำรวจ คืนที่เอกภพหายตัวไป ผมได้แวะไปส่งเขาที่บ้านหลังจากที่เรากลับมาจากศาลเจ้าแล้ว”

สหรัฐมองและถามต่อ “ก่อนหน้านั้นผมทราบข้อมูลมาจากทางโรงพยาบาลว่า คุณเอกภพได้เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลได้เพียงสองวัน ช่วงเย็นเขาก็รีบออกจากโรงพยาบาลไปพร้อมกับคุณ และพวกคุณไปศาลเจ้ากันต่อ ใช่ไหมครับ”

วุฒิพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ใช่ครับ วันนั้นพอผมทราบข่าวก็รีบไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาล แต่เขามีท่าทีแปลกๆ เขามีสีหน้ากังวลและไม่สบายใจ และก็พูดถึงอสูรร้ายปีศาจร้ายอะไรพวกนั้น ผมคิดว่ามันน่าจะเกิดจากความเครียด แต่เขาก็ยังคะยั้นคะยอขอให้ผมช่วยพาเขาไปพบเซียนเต๋า วันนั้นผมเลยต้องพาเขาไป พอไปถึงเซียนเต๋าได้พูดกับเอกภพเรื่องอสูรร้าย”

สหรัฐชะงักและอุทาน “อสูรร้ายหรือครับ”

วุฒิพูดต่อไป “ใช่ครับ เห็นเซียนเต๋าพูดว่าตัวเขากำลังมีเคราะห์ ตอนแรกผมเองก็ไม่ค่อยอยากจะเชื่อเท่าไหร่ แต่ก็อดคิดสงสัยไม่ได้ เพราะวันก่อนเกิดเหตุการณ์ ผมกับไอ้ภพเรายังไปทานข้าวพูดคุยปกติอยู่เลย แต่วันนั้นมีผู้หญิงคนหนึ่งเธอเดินเข้ามาชื่อคุณอัคคีรัตน์ ไอ้ภพแนะนำเธอให้ผมรู้จัก ผมยังคิดอยู่เลยว่าเธอเป็นผู้หญิงที่สวยมาก สวยจนรู้สึก…ผมก็บอกไม่ถูก เหมือนเธอมีความลับอะไรบางอย่าง ผมแค่รู้สึกนะครับ และวันนั้นไอ้ภพเขาก็ขอตัวผมไปส่งคุณอัคคีรัตน์”

สหรัฐฟังอย่างตั้งใจและค่อยจดข้อมูลต่างๆ “ขอบคุณมากนะครับคุณวุฒิ ผมต้องรู้ให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น และผู้หญิงที่ชื่ออัคคีรัตน์เธอมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ยังไงกันแน่”

วุฒิพยักหน้า “ครับ ผมยินดีช่วยเต็มที่ ถ้ามีอะไรเพิ่มเติมที่ผมช่วยได้ก็บอกมาเลยนะครับ”

สหรัฐยิ้มและยืนขึ้น “ขอบคุณมากครับคุณวุฒิ ถ้ามีข้อมูลเพิ่มเติมทางเราจะแจ้งให้ทราบครับ”

หลังจากการพูดคุยกับวุฒิ สหรัฐมีข้อมูลใหม่ที่สำคัญเกี่ยวกับอัคคีรัตน์ และอสูรร้ายที่เซียนเต๋าพูดถึง เขาตัดสินใจว่าจะต้องสืบหาข้อมูลเกี่ยวกับอัคคีรัตน์และความเชื่อมโยงระหว่างเธอกับการหายตัวไปของเอกภพต่อไป เพื่อไขปริศนาที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้ให้ได้

 

ในช่วงเวลาเย็น ณ คฤหาสน์วารีมรกต โฉมสุรางค์แต่งตัวสวยด้วยชุดเดรสสีแดงเพลิงที่เข้ากับรูปร่างของเธออย่างพอดี ฉีดน้ำหอมกลิ่นดอกกุหลาบอังกฤษในแบบที่เธอชอบ มาพร้อมกับรองเท้าส้นสูง เธอค่อยๆ เดินลงมาจากบันได บัวเด็กรับใช้ที่กำลังเดินเข้าเดินออกจากห้องอาหารเพื่อที่กำลังเตรียมตั้งโต๊ะก็มองเห็นโฉมสุรางค์ที่กำลังลงมา

“คุณโฉมสุรางค์จะไปไหนหรือคะ” บัวถามด้วยความสงสัย

โฉมสุรางค์ชำเลืองมองบัวด้วยสายตาเย่อหยิ่ง “เย็นนี้เธอไม่ต้องตั้งโต๊ะเผื่อฉันนะ เพราะฉันว่าจะออกไปหาอะไรดื่มแถวนี้ซะหน่อย แล้วคุณรวีอยู่ไหน เธอเห็นไหม”

บัวตอบด้วยท่าทางนอบน้อม “คุณรวีอยู่ในห้องนั่งเล่นกับคุณทิพย์ค่ะ”

โฉมสุรางค์มีท่าทางหงุดหงิดและถอนหายใจ “อะไรกันหนักหนา อยู่ใกล้กันตลอดเลย” แล้วเธอก็เดินเข้าไปภายในห้องนั่งเล่น

ชายหนุ่มและทิพย์ธิดาหันมองเธอ “คุณรวีคะ เย็นนี้เราไปดื่มด้วยกันนะคะ โฉมเบื่อน่ะค่ะ”

ชายหนุ่มทำท่าทางเกรงใจทิพย์ธิดา “เอ่อ…คุณโฉมครับ ผมว่าไว้วันหลังดีไหมครับ เย็นนี้เกรงว่าจะไม่เหมาะ เหมือนวันนี้คุณทิพย์ธิดาเธอเข้าครัวช่วยป้าแก้วทำอาหารฝรั่งไว้ให้คุณด้วยนะ”

โฉมสุรางค์ทำท่าทางหงุดหงิด “โอ๊ย มาทำอาหารฝรั่งอะไรกันวันนี้คะ ยังไม่อยากทานหรอกค่ะ รวีไปดื่มกับโฉมเถอะนะคะ โฉมเบื่อจะแย่อยู่แล้ว”

ทิพย์ธิดานั่งมองทั้งสองและยิ้มเล็กน้อย “คุณรวีไปกับเธอเถอะค่ะ เธออยู่ที่นี่หลายวันแล้วเดี๋ยวจะเบื่อเอานะคะ”

ชายหนุ่มหันไปสบตากับโฉมสุรางค์และยิ้มเล็กน้อย “คุณโฉมครับ ยังไงวันนี้ผมขออยู่ทานข้าวเป็นเพื่อนกับคุณทิพย์ก่อนนะครับ ไว้วันหลังนะครับ”

โฉมสุรางค์มีท่าทางเคืองชายหนุ่ม “ก็ได้ค่ะ แต่ครั้งหน้าห้ามปฏิเสธแล้วนะคะ” เธอกอดชายหนุ่มและเดินออกไปขึ้นรถ

รวีและทิพย์ธิดามองตามโฉมสุรางค์ที่เดินออกไป ในขณะที่โฉมสุรางค์เดินขึ้นรถไป บุษบาก็ยืนแอบดูอยู่ห่างๆ “คืนนี้จะเป็นคืนของแก”

วินัยคนขับรถจอดส่งโฉมสุรางค์บริเวณหน้าไนต์คลับแห่งหนึ่งในพระนคร “ลุงจอดอยู่แถวๆ นี้แหละ ฉันดื่มจนพอใจแล้วจะรีบกลับ” เธอมองค้อนและค่อยๆ ลุกออกจากรถไป

เธอเดินเข้าไปที่เคาน์เตอร์บาร์ภายในร้านและสั่งเครื่องดื่ม ในขณะที่จังหวะดนตรีเพลงสนุกสนานดังอยู่ตลอดและแสงไฟหลากหลายสีส่องแสงสลับกันไปมา เพิ่มความสนุกภายในร้าน ปักษาดำและสมิงดงในร่างของมนุษย์ก็เดินเข้ามาภายในร้านและรู้ว่าเป้าหมายในค่ำคืนนี้คือเธอ พวกเขาทั้งสองยืนแอบมองเธออยู่ไกลๆ รอจังหวะที่เธอกำลังจะลุกไปเข้าห้องน้ำ

ไม่นานเธอก็เดินออกจากเคาน์เตอร์ ปักษาดำทำทีเดินไปชนกับโฉมสุรางค์ “ขอโทษค่ะ” เธอพูดและหันไปสบตากับปักษาดำด้วยท่าทางมึนเมาเล็กน้อย

ปักษาดำยิ้มบางๆ และพยักหน้าเล็กน้อย เขาสังเกตเห็นแสงประกายความมึนเมาในดวงตาของโฉมสุรางค์ เขาถือโอกาสนี้ถามต่อ “คุณมาที่นี่คนเดียวเหรอครับ”

โฉมสุรางค์พยักหน้า “ใช่ค่ะ คู่หมั้นฉันเขาไม่สะดวก ฉันก็เลยออกมาคนเดียว”

ปักษาดำยิ้ม “งั้นคืนนี้ขอให้สนุกนะครับ”

โฉมสุรางค์ยิ้มตอบ “ขอบคุณค่ะ” แล้วเธอก็เดินต่อไปยังห้องน้ำ

สมิงดงที่ยืนอยู่ใกล้ๆ พยักหน้าให้ปักษาดำเป็นสัญญาณ ทั้งสองเริ่มเคลื่อนไหวตามแผนของพวกเขา พวกเขาเดินตามโฉมสุรางค์ไปยังห้องน้ำ เมื่อเธอเปิดประตูและเดินเข้าไป สมิงดงก็ขยับเข้ามาด้านหลังและจับประตูไม่ให้ใครเข้าไปได้

ขณะที่โฉมสุรางค์ล้างมือในห้องน้ำ ปักษาดำก็ปรากฏตัวที่ด้านหลังของเธอ “เรามีเรื่องต้องคุยกับคุณหน่อย”

โฉมสุรางค์หันมามองด้วยความตกใจ “คุณเป็นใคร มีอะไรกับฉัน”

ปักษาดำยิ้ม “อย่ากลัวเลยครับ แค่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น” เขากล่าวอย่างเย็นชา

โฉมสุรางค์พยายามถอยหลัง แต่สมิงดงยืนกั้นทางออกไว้ “พวกคุณต้องการอะไรจากฉัน”

ปักษาดำยิ้ม “แค่ข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับคนใกล้ตัวคุณเท่านั้น” เขาพูดและค่อยๆ เข้าใกล้โฉมสุรางค์

“พวกแกเป็นใคร อย่าทำอะไรฉันนะ ฉันจะร้องให้คนช่วย!” โฉมสุรางค์ตะโกนด้วยความตกใจ

ปักษาดำค่อยๆ เดินเข้ามาประชิดตัวเธอและค่อยๆ ใช้มือลูบไปที่แขนของเธอ “คุณนี่ท่าทางจะรสชาติดีอยู่นะครับ”

โฉมสุรางค์ทำท่าทางตกใจ “แกพูดอะไรของแก พวกแกมันเป็นพวกวิปริต ช่วยด้วย! ใครก็ได้ช่วยด้วย!” เธอตะโกนสุดเสียง ในเวลาเดียวกัน บริเวณด้านหน้าห้องน้ำก็มีคนที่พยายามจะเข้าห้องน้ำ ปักษาดำเริ่มเอามือจับและบีบที่แขนของเธอ เธอพยายามสลัดแขนออกสุดกำลัง ทันใดนั้นสายสิญจน์ที่อยู่บนข้อมือเธอก็ส่องแสงสว่างออกมาราวกับปกป้องเธอไว้ ทำให้ปักษาดำต้องเอาแขนขึ้นมาบังตาของตัวเองด้วยความตกใจ

หญิงสาวรู้ว่าสายสิญจน์บนแขนของเธอช่วยเธอไว้ เธอจึงพยายามวิ่งออกจากห้องน้ำ โดยที่ด้านหน้าห้องน้ำมีสมิงดงยืนขวางไว้อยู่ เธอพยายามสลัดแขนที่มีสายสิญจน์อยู่ใส่เข้าที่ตัวของสมิงดง ทำให้เขาต้องเดินหลบโดยทันที

โฉมสุรางค์รีบวิ่งออกจากห้องน้ำและหันมามองหาทางหนี สมิงดงและปักษาดำกำลังตามมาอย่างรวดเร็ว เธอพยายามหาที่หลบซ่อนและขอความช่วยเหลือจากผู้คนในร้าน ท่ามกลางความวุ่นวายนั้น โฉมสุรางค์วิ่งเข้าหาฝูงชนที่กำลังเต้นอยู่บนฟลอร์เต้นรำ

เธอตะโกนขอความช่วยเหลือ “ช่วยด้วย! ใครก็ได้ช่วยฉันด้วย!”

เสียงเพลงดังกลบเสียงตะโกนของเธอ ทำให้ผู้คนรอบข้างไม่ทันสังเกตเห็น ทันใดนั้นเอง เธอเห็นพนักงานรักษาความปลอดภัยของร้านเดินผ่านมา เธอรีบวิ่งไปหาพวกเขา “ช่วยด้วยค่ะ มีคนพยายามทำร้ายฉัน!”

พนักงานรักษาความปลอดภัยมองไปทางที่หญิงสาวชี้และเห็นปักษาดำและสมิงดงที่กำลังตามมา พวกเขารีบเข้าไปขวางทางทั้งสองและถามเสียงเข้ม “มีอะไรกันครับ”

ปักษาดำทำท่าทางเยือกเย็น “ไม่มีอะไร เราแค่ตามเพื่อนของเราที่เมาไปหน่อย” เขากล่าวพลางมองไปที่โฉมสุรางค์

แต่พนักงานรักษาความปลอดภัยไม่เชื่อ “คุณผู้หญิงนี้เป็นลูกค้าของเรา ถ้าคุณมีปัญหาอะไร เราจะแจ้งตำรวจให้เอง”

โฉมสุรางค์ได้โอกาสรีบถอยหลังออกมาและหาทางหนีออกจากร้าน เธอรู้ว่าคืนนี้เธอได้เจอกับบางสิ่งที่ไม่ใช่คนธรรมดาและต้องหาทางกลับบ้านให้เร็วที่สุด เธอรีบวิ่งกลับมาขึ้นรถโดยมีวินัยนั่งอยู่

“ลุงออกรถเลย รีบไปเดี๋ยวนี้” เธอพูดด้วยความตื่นกลัว

 

เมื่อรถจอดถึงหน้าคฤหาสน์วารีมรกต เธอก็รีบร้อนเดินลงจากรถอย่างรวดเร็วด้วยท่าทีตื่นกลัวอะไรบางอย่าง เธอรีบขึ้นห้องนอนของเธอทันที แต่ภายในความมืดของห้องนอน จู่ๆ ปักษาดำและสมิงดงก็ค่อยก้าวออกมาจากมุมหนึ่งของห้อง หญิงสาวรู้สึกว่าเธอไม่ได้อยู่ภายในห้องนอนของเธอเพียงคนเดียว เธอมองไปที่มุมมืดในห้อง ปรากฏเป็นเงาดำของผู้ชายสองคนค่อยๆ เดินออกมาจากความมืด แสงไฟสลัวที่ถูกเปิดอยู่หัวเตียงทำให้เห็นใบหน้าของทั้งสองคน เธอตัวสั่นและร้องอุทาน

“พวกแกเป็นใครทำไมเข้ามาในนี้ได้ พวกแกตามฉันมาได้ยังไง” ปักษาดำและสมิงดงค่อยเดินเข้ามา แสงสลัวทำให้เธอมองเห็นใบหน้าของชายหนุ่มทั้งสองปรากฏเขี้ยวแหลมคม และมือที่กลายเป็นกรงเล็บของสัตว์ป่า เธอกรีดร้องด้วยความตกใจสุดขีด พยายามเปิดประตูและวิ่งหนีออกมานอกห้อง ในขณะที่เธอวิ่งหนีสุดชีวิต สายสิญจน์บนข้อมือเธอได้เกี่ยวกับมุมประตูและขาดออกโดยที่ไม่รู้ตัว

โฉมสุรางค์วิ่งออกจากห้องด้วยความตกใจ ร้องขอความช่วยเหลือเสียงดังไปทั่วคฤหาสน์ รวีและทิพย์ธิดาที่อยู่ในห้องนอนของตัวเองต่างได้ยินเสียงร้องของเธอ ก็รีบตามออกมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น

“คุณโฉม! เกิดอะไรขึ้น!” รวีถามเสียงดังด้วยความตกใจเมื่อเห็นโฉมสุรางค์วิ่งมาทางเขา

“รวีคะ! พวกมัน…พวกมันอยู่ในห้องของฉัน!” หญิงสาวพูดร้องด้วยความหวาดกลัว

ทิพย์ธิดาหันไปมองรวีและพูด “รีบไปดูในห้องกันก่อนเถอะค่ะ!” ชายหนุ่มพยักหน้าและวิ่งนำทิพย์ธิดาไปยังห้องของโฉมสุรางค์ เมื่อพวกเขาเปิดประตูเข้าไปก็พบว่าห้องว่างเปล่า ไม่มีใครอยู่ในห้อง แต่บรรยากาศในห้องนั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกหนาวเหน็บและอึมครึม โฉมสุรางค์ยังคงตัวสั่นและมองไปรอบๆ ด้วยความหวาดกลัว

“คุณโฉมครับ ไม่มีใครอยู่ในนี้แล้ว” ชายหนุ่มพูดเบาๆ เพื่อพยายามปลอบโยนเธอ

“แต่ว่า…พวกมันอยู่ที่นี่ ฉันเห็นพวกมัน! พวกมันมีเขี้ยวและกรงเล็บ!” โฉมสุรางค์พูดอย่างสับสนและตกใจ

ทิพย์ธิดาเข้ามาจับมือของโฉมสุรางค์และพูดอย่างอ่อนโยน “คุณอาจจะเหนื่อยและเครียดไปหน่อย คุณโฉมคะ เราเชื่อคุณนะคะ แต่ตอนนี้ไม่มีใครอยู่ในห้องแล้วจริงๆ”

โฉมสุรางค์พยักหน้าอย่างไม่ค่อยมั่นใจ “แต่ฉันรู้ว่าฉันเห็นอะไร”

“ยังไงคืนนี้ฉันจะให้บัวมานอนเป็นเพื่อนคุณนะคะ” ทิพย์ธิดามองโฉมสุรางค์ด้วยความเป็นห่วง

หลังจากที่รวีและทิพย์ธิดาออกจากห้องไป โฉมสุรางค์ก็ยังคงรู้สึกหวาดกลัว แต่เธอพยายามสงบสติอารมณ์และหาทางทำความเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนี้

 



Don`t copy text!