
บ่วงวงกต บทที่ 14 : รายต่อไป
โดย : Cirrus Halo
![]()
“บ่วงวงกต” นิยายสยองขวัญลึกลับ โดย Cirrus Halo เรื่องราวกลุ่มเพื่อนที่เดินทางสู่จังหวัดเลยเพื่อเที่ยวงานผีตาโขน แต่กลับติดอยู่ในรีสอร์ทปริศนาและต้องเผชิญเหตุฆาตกรรมสุดหลอน อ่านได้ที่ อ่านเอา
ระหว่างทางธนันต์ยังสงสัยเรื่องที่อานนท์ออกไปจากรีสอร์ตไม่ได้ทั้งที่ยังไม่เคยกินดื่มอะไรจากที่นี่ ตรีสิทธิ์เหลือบมองเพื่อนก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบ
“ที่เขาออกไปไม่ได้ เพราะมีพวกเราไปด้วยไง”
“งั้นถ้าพวกเราไม่ได้ขึ้นรถเขา เขาก็ไม่ต้องถูกขังอยู่กับเราที่นี่สินะ”
“ถ้าพรุ่งนี้เรายังคิดจะติดรถเขาออกไป เขาก็ไปไหนไม่ได้อยู่ดี”
ธนันต์สีหน้าเครียดพลางหยิบถุงอาหารจากตลาดกลางคืนในมือขึ้นมาดูแล้วกล่าวกับตรีสิทธิ์
“ในระหว่างที่อยู่ที่นี่ เราต้องห้ามเขากินดื่มของของที่นี่เข้าไป ไม่งั้นต่อให้เราไม่ไปด้วย เขาก็จะถูกขังเช่นกัน”
“แล้วนี่เราจะไปหาเขาได้ที่ไหนล่ะ”
“เขาไปส่งของที่ห้องครัวของร้านกาแฟ เย็นป่านนี้เขายังไม่ได้กินข้าวเย็น ฉันว่าเขาก็น่าจะอยู่ที่ร้านกาแฟนั่นแหละ”
“แม่บ้านที่ชื่อแก้วตายไปแล้วไม่ใช่หรือ แล้วเขาส่งของกับใครล่ะ”
คำพูดของตรีสิทธิ์ทำให้ธนันต์รีบวิ่งพรวดพราดตรงไปยังร้านกาแฟ ในขณะที่ตรีสิทธิ์วิ่งตามไปเงียบๆ
ธนันต์เห็นก้องเป็นคนชงกาแฟก่อนจะเดินถือถ้วยกาแฟไปวางลงบนโต๊ะตรงหน้าดำรงซึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะใกล้เคาน์เตอร์ เขาถอนหายใจอย่างโล่งอก อย่างน้อยคนที่ออกมาต้อนรับก็ไม่ใช่คนตาย ธนันต์จะวิ่งเข้าไปห้ามไม่ให้ดำรงดื่มกาแฟแต่ตรีสิทธิ์หยุดเขาเอาไว้ ธนันต์เลิกคิ้วถามเพื่อนอย่างแปลกใจ
“แกจะปล่อยให้เขาดื่มหรือไง หรือว่าของนั่นเขาเพิ่งเอามาส่งก็เลยไม่มีผล”
“เขาอยากดื่มก็ให้ดื่มไปสิ หรือแกจะเดินเข้าไปบอกเขาตามตรงว่าคนที่กินดื่มของในรีสอร์ตจะถูกขังอยู่ที่นี่ แกคิดว่าเขาจะเชื่อมั้ยล่ะ”
“สรุปว่าแกอยากช่วยคุณดำรงจริงๆ หรือเปล่ากันแน่เนี่ย”
ธนันต์ไม่สนใจเพื่อน รีบเดินเข้าไปแกล้งปัดแก้วกาแฟจนมันกระเด็นหกเลอะเต็มพื้น ดำรงมองหน้าเขาอย่างงุนงง
“ทำอะไร”
“โทษทีครับ คือผมรีบร้อนเพราะมีธุระกับคุณก้องน่ะ” ธนันต์หันไปมองหน้าก้อง “ผมขอคุยกับคุณสักครู่ได้มั้ย”
ก้องเก็บของที่เคาน์เตอร์เสร็จแล้วจึงเงยหน้ากล่าวกับธนันต์
“มีอะไรหรือ”
“ผมเห็นผู้หญิงเดินออกจากบ้านพักของคุณเมื่อตอนกลางวันน่ะ เธอยืนหันหลังอยู่เลยไม่แน่ใจว่าเป็นคุณกิ่งหรือเปล่า”
“เป็นไปไม่ได้” ก้องตอบเสียงดังแทรกขึ้นทันควัน สีหน้าของเขาซีดเผือดท่าทางตกใจสุดขีด ไม่นานนักเขาก็ปรับสีหน้าเป็นปกติก่อนจะกล่าวกับอีกฝ่าย “คุณพาผมไปดูหน่อยว่าคุณเห็นเธอที่ไหน”
ธนันต์หันไปมองหน้าตรีสิทธิ์เป็นเชิงขอร้องให้ทำตามแผนเดิมคือเอาอาหารจากตลาดกลางคืนแบ่งให้ดำรง ตรีสิทธิ์ยืนมองเพื่อนพาก้องออกจากร้านกาแฟจนลับสายตาไปแล้วจึงเดินเข้าไปหาดำรงและเป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนา
“ที่นี่นอกจากร้านกาแฟแล้ว ยังมีจุดชมวิวข้างบนด้วย” ตรีสิทธิ์สังเกตเห็นซองบุหรี่ในกระเป๋าเสื้อของดำรงจึงบอกกับเขา “ขึ้นไปสูบบุหรี่ได้นะครับ”
“พอดีเลย กำลังอยากอยู่”
“ริมหน้าผาเวลานี้น่าจะอากาศดี เสียดายที่มีรั้วกั้น ถ้าข้ามรั้วไปได้ ลมจะยิ่งเย็นพอดีเลย”
“ไม่ต้องเยอะหรอก แค่เป็นที่โล่งแจ้งให้ยืนสูบบุหรี่ได้ก็พอ”
ดำรงกล่าวก่อนจะเดินหยิบซองบุหรี่มุ่งหน้าตรงไปยังจุดชมวิวริมหน้าผา
ผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ธนันต์ก็เดินกลับมายังร้านกาแฟ เขาหันซ้ายขวาเพื่อมองหาตัวดำรง แต่นอกจากตรีสิทธิ์แล้วก็ไม่มีใครอยู่ที่นี่ เขาจึงหันไปถามเพื่อนแทน
“แล้วคุณดำรงไปไหน”
“เขาบอกว่าจะขึ้นไปสูบบุหรี่ที่จุดชมวิว”
“อะไรนะ แล้วทำไมแกไม่ห้าม”
ธนันต์โวยวายก่อนเร่งฝีเท้าวิ่งขึ้นไปยังจุดชมวิวอย่างร้อนใจผิดกับท่าทีของตรีสิทธิ์ที่เหมือนจะไม่รู้ร้อนรู้หนาวนัก เขาเดินตามหลังเพื่อนไปอย่างใจเย็น และทันทีที่ก้าวขาขึ้นมาถึงลานว่าง พวกเขาก็ได้ยินเสียงดำรงตะโกนลั่น
“ช่วยด้วย”
ธนันต์กวาดสายตามองหาแต่ไม่เห็นแม้แต่เงาของดำรงอยู่ในพื้นที่ลานว่างเลย เมื่อลองตั้งใจฟังจึงพบว่าต้นเสียงอยู่ริมหน้าผา ธนันต์วิ่งตามเสียงเข้าไปใกล้รั้วเตี้ยๆ ที่กั้นขวางอยู่ เขามองเห็นมือทั้งสองข้างของดำรงกำลังเกาะติดขอบหน้าผาและใกล้จะลื่นหลุดเต็มที ในขณะที่ตรีสิทธิ์ที่เพิ่งขึ้นมา ทันได้เห็นเพื่อนกำลังปีนข้ามรั้วเตี้ยๆ ธนันต์นอนคว่ำก่อนยื่นมือไปจับแขนของอีกฝ่ายเอาไว้ได้
ธนันต์กำลังใช้แรงทั้งหมดที่มีดึงแขนของอีกฝ่ายเอาไว้ไม่ให้ลื่นหลุดออกจากหน้าผา แต่แล้วเขาก็รู้สึกได้ถึงผิวหนังเย็นเฉียบซึ่งไม่น่าจะมาจากมือของดำรง มันเป็นผิวหนังของมือประหลาดที่จับเข้าที่หลังมือของธนันต์แน่นก่อนบีบด้วยแรงที่ทำให้มือของเขาเจ็บปวดไปหมด ธนันต์เริ่มทนไม่ไหวแต่เขาก็กัดฟันดึงตัวอีกฝ่ายขึ้นมา จนกระทั่งดำรงใช้แขนสองข้างเท้าบนหน้าผาซึ่งพยุงลำตัวท่อนบนให้ขึ้นมาอยู่เหนือริมหน้าผาได้สำเร็จ
ธนันต์ดีใจกำลังจะช่วยดึงตัวดำรงขึ้นมาอีก ทว่าเขาชะงักตัวแข็งทื่อเสียก่อนเมื่อสายตาสะดุดเข้ากับร่างสีขาวซีดของหญิงสาวที่เกาะหลังดำรงขึ้นมาด้วย หนังศีรษะของเธอเปิดลอกออกเผยให้เห็นเนื้อสมองที่ยุบเสียหายไปเกือบครึ่ง ตาข้างหนึ่งหายไปเหลือแต่โพรงซึ่งมีหนอนชอนไชยั้วเยี้ย แขนสองข้างของเธอโอบรอบคอของดำรงเอาไว้แน่น เธอเงยหน้าแสยะยิ้มทำให้มือของธนันต์อ่อนแรงกะทันหัน เขาปล่อยมือทั้งที่ร่างของหญิงสาวกดทับน้ำหนักบนร่างของดำรงเอาไว้ ดำรงฝืนรับน้ำหนักไม่ไหวจนร่างของเขาร่วงหงายตกลงจากหน้าผา
ธนันต์ลุกขึ้นนั่งตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก เมื่อหันไปเห็นตรีสิทธิ์ที่กำลังยืนมองเหตุการณ์ทั้งหมดด้วยสีหน้าเรียบเฉยอยู่หลังรั้ว เขาก็ลุกขึ้นเดินจ้ำอ้าวตรงไปทางเพื่อนแล้วกระชากคอเสื้อของเขาก่อนถามน้ำเสียงเข้ม
“แกยืนดูอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไร ไม่เห็นหรือว่าเขากำลังจะตกหน้าผา ทำไมแกไม่เข้ามาช่วย”
ตรีสิทธิ์มองหน้าเพื่อนก่อนกล่าวอย่างไม่รู้สึกสะทกสะท้าน
“ต่อให้เข้าไปช่วยเขาก็ต้องตายอยู่ดี”
คำตอบของตรีสิทธิ์ทำให้ธนันต์ยิ่งมีน้ำโห เขาไม่ชอบใจความเฉยชาอย่างน่าแปลกประหลาดของเพื่อนเลย ตรีสิทธิ์ไม่เคยเป็นแบบนี้ในสถานการณ์ที่เกี่ยวพันกับชีวิตคน แม้ว่าจะไม่ใช่สถานการณ์ที่เจอกันได้บ่อยครั้งนักก็ตาม ตรีสิทธิ์มิได้ตอบโต้ทำให้เขายิ่งขึ้นเสียงคาดคั้น
“แกพูดแบบนี้ได้ยังไง”
“แกก็แค่ไม่อยากยอมรับความจริงเท่านั้น แกจะสู้กับสิ่งที่มองไม่เห็นได้ยังไง” ตรีสิทธิ์ชี้ไปที่หน้าผา “วิญญาณลูกของผู้หญิงคนนั้นถูกปล่อยเป็นอิสระจากรีสอร์ตแล้ว เพราะคนที่ชื่อดำรงกลายเป็นตัวแทนเฝ้าหน้าผา แล้วแกคิดว่าจะช่วยเขาจากเธอที่ทำเพื่อลูกตัวเอง ได้อีกกี่ครั้งงั้นหรือ”
ธนันต์ปล่อยมือจากคอเสื้อของตรีสิทธิ์ก่อนกล่าวเพราะรู้สึกผิด “แต่ที่เขาต้องติดอยู่ที่นี่ก็เพราะพวกเรานะ ถ้าเราไม่ขอติดรถเขาละก็…”
“เราก็ถูกบางอย่างทำให้ติดอยู่ในรีสอร์ตเหมือนกัน สาเหตุมันไม่ได้มาจากเรา”
ธนันต์จ้องตาเพื่อนแข็งกร้าว ทั้งที่ในใจก็อยากคิดแบบเดียวกัน เขากล่าวกับตรีสิทธิ์
“เรื่องผีสางฉันไม่เก่งเท่าแก ฉันไม่เถียงหรอก แต่อย่างน้อยในฐานะมนุษย์ แกต้องมีจิตสำนึกบ้าง”
“จิตสำนึกหรือ” ตรีสิทธิ์หัวเราะในลำคอ “แกลองไปถามคนที่ทำให้เราหลงมาเจอรีสอร์ตนี้ดูสิ เพราะกรรมที่เขาทำเอาไว้ ทำให้เราต้องถูกขังอยู่แบบนี้ไง”
“หมายความว่ายังไง นี่แกพูดถึงใครเนี่ย”
“ฉันไม่อยากกล่าวหาใครหรอก เพราะมันก็ยังเป็นแค่ความสงสัยของฉันเอง” ตรีสิทธิ์สงบอารมณ์ลงก่อนจะกล่าวต่อไป “แต่ถ้าไม่ใช่คนที่ก่อกรรมหนักจนถูกเจ้ากรรมนายเวรตามมาเอาคืน หรือคนที่ดวงตกจริงๆ ไม่มีทางถูกพาเข้ามาในสถานที่แบบนี้โดยบังเอิญได้หรอก”
“นี่แกพูดเรื่องเดียวกันกับฉันอยู่หรือเปล่า”
ตรีสิทธิ์สูดหายใจลึกก่อนจ้องมองอีกฝ่ายสีหน้าจริงจัง เขากล่าวน้ำเสียงหนักแน่น
“ฉันจงใจให้เขากลายเป็นตัวตายตัวแทนของพวกเรา”

- READ บ่วงวงกต บทที่ 17 : ข้อความจากคนตาย
- READ บ่วงวงกต บทที่ 16 : บ่วง
- READ บ่วงวงกต บทที่ 15 : ร่องรอยของอดีต
- READ บ่วงวงกต บทที่ 14 : รายต่อไป
- READ บ่วงวงกต บทที่ 13 : ตัวตายตัวแทน
- READ บ่วงวงกต บทที่ 12 : โลกที่เปลี่ยนไป
- READ บ่วงวงกต บทที่ 11 : ทางวงกต
- READ บ่วงวงกต บทที่ 10 : จุดชมวิว
- READ บ่วงวงกต บทที่ 9 : เรื่องวิวาท
- READ บ่วงวงกต บทที่ 8 : ความไม่ลงรอย
- READ บ่วงวงกต บทที่ 7 : ตลาดกลางคืน
- READ บ่วงวงกต บทที่ 6 : วันแรกในรีสอร์ท
- READ บ่วงวงกต บทที่ 5 : เพื่อนบ้าน
- READ บ่วงวงกต บทที่ 4 : รีสอร์ทริมภู
- READ บ่วงวงกต บทที่ 3 : ในม่านหมอก
- READ บ่วงวงกต บทที่ 2 : ตำนาน
- READ บ่วงวงกต บทที่ 1 : ใกล้งานเทศกาล







