สาปไอยรา บทที่ 3 : เห็นเธอเป็นผี รีบเดินหนีไปเลยทีเดียว

สาปไอยรา บทที่ 3 : เห็นเธอเป็นผี รีบเดินหนีไปเลยทีเดียว

โดย : ต้นไผ่กวนอิมสีทอง

Loading

สาปไอยรา เรื่องราวของ สัตวแพทย์หนุ่มผู้ต้องคำสาปได้ใช้วิชาความรู้ที่ร่ำเรียนมาช่วยเหลือรักษาสัตว์ โดยหวังว่าผลบุญจะลบล้างคำสาปไปได้บ้าง แต่เจ้ากรรมนายเวรก็ไม่ได้ใจดี เพราะต้องมีความรักที่จริงใจเท่านั้นถึงจะช่วยได้! นวนิยายน่าอ่านโดย ต้นไผ่กวนอิมสีทอง ที่อ่านเอานำมาให้ทุกท่านได้อ่านใน anowl.co และเพจอ่านเอา

 

รถบัสโดยสารขับเข้าไปจอดที่สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดเลยในเวลาใกล้เที่ยง จารุมาสลงจากรถพร้อมกับกระเป๋าเป้สะพายหลังใบใหญ่เพียง 1 ใบ แล้วรีบหาร้านอาหารเพื่อทานข้าวกลางวันประทังความหิว ก่อนจะต่อด้วยรถสองแถวหวานเย็นเน้นชมวิวไปยังอำเภอเชียงคาน ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่งหญิงสาวก็มาถึงที่หมายในช่วงเวลาบ่ายสองโมงพอดี

จารุมาสว่าจ้างรถสองแถวคันเดิมให้ไปส่งที่โรงเรียนบ้านด่านแก้ว โรงเรียนที่เธอจะต้องมาเป็นครูสอน ซึ่งอยู่ห่างจากตัวอำเภอเชียงคานไปอีกประมาณ 20 กิโลเมตร เจ้าของรถสองแถวก็ใจดีขับรถไปส่งเธอด้วยความเต็มใจ หญิงสาวเปลี่ยนจากนั่งด้านหลังมานั่งด้านหน้าข้างคนขับ เพราะเหลือเธอเป็นผู้โดยสารเพียงคนเดียว แล้วชวนคนขับคุยไปตลอดทาง ถนนหนทางแถวนี้ลาดยางหมดแล้ว สองข้างทางมีบ้านเรือนของชาวบ้านตลอดเส้นทาง บางช่วงเป็นป่าและภูเขาสูงชัน บรรยากาศดูเป็นชนบทมากกว่าบ้านที่โคราชของเธอเสียอีก

จนเมื่อมาถึงที่โรงเรียนบ้านด่านแก้ว จารุมาสก็รีบเข้าไปรายงานตัวกับผู้อำนวยการโรงเรียนก่อนทันที ท่านให้เธอสอนนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 พร้อมกับเป็นครูประจำชั้นด้วย โดยให้เริ่มต้นสอนเด็กนักเรียนเลยในวันพรุ่งนี้ แล้วให้ภารโรงของโรงเรียนพาเธอไปยังบ้านพักครูด้านหลังโรงเรียน

บ้านไม้หลังกะทัดรัดชั้นเดียวริมลำธาร มีใต้ถุนสูงดูแข็งแรงและปลอดภัยในระดับหนึ่ง ดูร่มรื่นและเงียบสงบ ซึ่งจารุมาสถูกใจมากกับบรรยากาศบ้านพักครู บริเวณรอบๆ บ้านมีร่องรอยการตัดหญ้าและตัดต้นไม้ไม่ให้รกจนเกินไป ดูน่าอยู่กว่าที่เธอเคยจินตนาการเอาไว้มากเลยทีเดียว

“ผอออให้ลุงมาทำความสะอาดและซ่อมแซมบ้านไว้ล่วงหน้าหลายวันแล้ว รับรองความแข็งแรงและปลอดภัยครับ”

คนเป็นภารโรงของโรงเรียนเอ่ยบอกกับคุณครูคนใหม่ตามที่ได้รับมอบหมายหน้าที่จากผู้อำนวยการโรงเรียน พลางพิจารณามองดูหญิงสาวร่างเล็กในชุดทะมัดทะแมง ที่มีสัมภาระมาเพียงกระเป๋าเป้ใบใหญ่ใบเดียวสะพายหลัง อีกทั้งยังหน้าตาสะสวยด้วยความเป็นห่วงและกังวลว่าจะอยู่ที่นี่คนเดียวได้หรือไม่

“ขอบคุณนะคะลุงสน”

จารุมาสเอ่ยขอบคุณพลางยิ้มรับกับความมีน้ำใจของลุงภารโรง

“นี่ครับกุญแจ มีอะไรให้ลุงช่วยเหลือก็เรียกใช้ได้นะครับ บ้านลุงเปิดร้านอาหารตามสั่งอยู่ข้างๆ โรงเรียนนี่เอง ส่วนตอนกลางวันลุงก็อยู่ที่โรงเรียน”

สนชี้มือไปทางด้านขวามือของโรงเรียนเพื่อบอกตำแหน่งบ้านของตนเองให้จารุมาสได้เห็น ก่อนจะส่งกุญแจบ้านให้คุณครูสาว

“ได้ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

หญิงสาวยื่นมือไปรับกุญแจบ้านจากมือของภารโรง พลางยิ้มแย้มแล้วเอ่ยขอบคุณอย่างจริงใจ

“อีกเรื่องหนึ่งครับ กลางคืนอาจจะมีช้างป่าลงมาเล่นน้ำในลำธารบ้าง ไม่ต้องกลัวไปนะครับ”

สนรีบเอ่ยเตือนเรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่ง เพราะฝั่งตรงข้ามลำธารที่มีน้ำไหลผ่านตลอดทั้งปีนั้นเป็นป่า ถัดจากป่าก็เป็นภูเขา จึงมีสัตว์ใหญ่ลงมากินน้ำเป็นประจำ แต่เท่าที่เขาสังเกตก็จะเป็นช้างป่าเสียเป็นส่วนใหญ่ กลัวคุณครูคนใหม่เห็นเข้าจะตกอกตกใจ จึงได้เอ่ยเตือนให้รู้ตัวไว้เสียก่อน

“มันไม่ทำอันตรายอะไรใช่ไหมคะ”

จารุมาสเอ่ยถามด้วยความหวาดเสียว ข่าวช้างทำร้ายคนก็มีให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง เธอจึงเริ่มรู้สึกหวาดหวั่นเสียแล้วสิ นี่เธอจะเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่หรือไม่

“ไม่ครับ ลุงอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เกิด ยังไม่เคยเกิดเรื่องแบบนั้นเลยครับ”

เมื่อได้ยินลุงภารโรงบอกแบบนั้น จารุมาสก็ค่อยสบายใจขึ้นหน่อย ก็คงจะจริงอย่างที่ลุงสนว่า เพราะข่าวที่เธอเคยเห็นจะเป็นช้างที่พวกควาญพาไปเร่ร่อนหากินในเมืองเสียมากกว่า ที่มีอาการดุร้ายทำร้ายควาญ หรือผู้ที่เข้าไปให้อาหารอย่างไม่ทันได้ระมัดระวัง ด้วยสภาพอากาศที่ร้อนและเต็มไปด้วยมลพิษ คงทำให้ช้างหงุดหงิดแล้วเกิดอาการดุร้ายได้

“สบายใจหน่อยค่ะ”

จารุมาสบอกยิ้มๆ แล้วขอตัวเข้าบ้านพัก เพื่อจัดการทำความสะอาดบ้านอีกครั้งให้พร้อมเข้าอยู่ โชคดีที่ลุงสนทิ้งอุปกรณ์ทำความสะอาดไว้ให้ด้วย การมาอยู่ที่นี่วันแรกจึงไม่ได้ขลุกขลักอะไรมากนัก

พอถึงตอนเย็น เด็กนักเรียนทยอยกลับบ้านกันไปหมดแล้ว จารุมาสเดินไปร้านอาหารตามสั่งของลุงสนที่อยู่ข้างโรงเรียนเพื่อหาอาหารเย็นทาน และได้คุยทำความสนิทสนมกับป้าแดงผู้เป็นภรรยาของลุงสนอีกด้วย คุยไปคุยมาเลยได้รู้ว่า จะมีตลาดนัดทุกเย็นวันอังคารกับวันศุกร์ในวัดฝั่งตรงข้ามโรงเรียน มีของมาขายให้กับชาวบ้านแถวนี้มากมาย เธอจึงตั้งใจไว้ว่าต้องออกมาสำรวจสถานที่รอบๆ นี้สักหน่อยแล้ว

คืนแรกจารุมาสนอนไม่ค่อยหลับเพราะรู้สึกแปลกที่แปลกทาง นอนกระสับกระส่ายพลิกตัวไปมาอยู่ภายในเต็นท์นอนหลังเล็กที่เธอเตรียมมา หญิงสาวกางเต็นท์นอนบนพื้นกลางบ้านแทนมุ้ง ใช้กระเป๋าเป้ที่ยังมีเสื้อผ้าอยู่แทนหมอนหนุน ใช้ผ้าเช็ดตัวแทนผ้าห่ม หลังจากนี้เธอคงต้องเข้าตลาดไปหาซื้อของใช้เข้าบ้านอีกหลายอย่างเลยทีเดียว โชคดีที่อากาศที่นี่เย็นสบาย มีลมพัดผ่านมาทางหน้าต่างตลอดเวลา เธอจึงนอนได้อย่างไม่รู้สึกร้อน ไม่ต้องมีเครื่องปรับอากาศก็อยู่ได้สบาย

เวลาจวนใกล้เที่ยงคืน ขณะที่เธอกำลังนอนนับแกะเพื่อสะกดจิตให้ตัวเองนอนหลับอยู่นั้น จารุมาสได้ยินเสียง “แปร๊น” อยู่ใกล้ๆ จนสะดุ้งลุกจากที่นอนขึ้นมานั่งอย่างตกใจ พลางคิดถึงคำเตือนของลุงสนที่ว่า จะมีช้างป่าลงมาเล่นน้ำที่ลำธาร นี่เธอจะเจอดีตั้งแต่คืนแรกเลยเชียวเหรอ

หญิงสาวเปิดเต็นท์ออกไปยืนดูที่หน้าต่างบ้านด้วยความอยากรู้อยากเห็น แล้วมองหาต้นเสียงที่เธอได้ยิน ภายใต้แสงจันทร์กระจ่างที่ยังไม่เต็มดวงดี เธอเห็นช้างพลายตัวหนึ่งยืนพิงต้นพญาเสือโคร่งที่ขึ้นอยู่ริมลำธารข้างๆ บ้านพักของเธอ ใบหูกวัดแกว่ง งวงห้อยลงและแกว่งไปมา งาสีขาวสองข้างงอนโค้งสวยสะท้อนแสงจันทร์ ส่วนหางก็กวัดแกว่งไล่แมลงหรือยุงไม่ให้มาตอมตัว เธอจับจ้องมองมันอยู่นาน อยากรู้ว่ามันจะอยู่ตรงนั้นอีกนานเท่าไร เธอคิดว่ามันกำลังอารมณ์ดี ไม่เช่นนั้นคงไม่มายืนทอดอารมณ์อยู่ตรงนั้นหรอก จนกระทั่งเหมือนมันรู้ตัวหันมาเห็นเธอเข้า

มันยกงวงขึ้นจนเห็นปากอ้ากว้าง แล้วส่งเสียง “แปร๊น” อีกครั้ง ก่อนจะขยับตัวแล้วเดินทวนน้ำย้อนขึ้นไปทางลำธาร นี่ช้างตัวนั้นเห็นเธอเป็นผีหรือไง รีบเดินส่ายก้นหนีไปเลยทีเดียว!

 



Don`t copy text!