สาปไอยรา บทที่ 15 : สรรพคุณของดอกจำปี คือบำรุงหัวใจ

สาปไอยรา บทที่ 15 : สรรพคุณของดอกจำปี คือบำรุงหัวใจ

โดย : ต้นไผ่กวนอิมสีทอง

Loading

สาปไอยรา เรื่องราวของ สัตวแพทย์หนุ่มผู้ต้องคำสาปได้ใช้วิชาความรู้ที่ร่ำเรียนมาช่วยเหลือรักษาสัตว์ โดยหวังว่าผลบุญจะลบล้างคำสาปไปได้บ้าง แต่เจ้ากรรมนายเวรก็ไม่ได้ใจดี เพราะต้องมีความรักที่จริงใจเท่านั้นถึงจะช่วยได้! นวนิยายน่าอ่านโดย ต้นไผ่กวนอิมสีทอง ที่อ่านเอานำมาให้ทุกท่านได้อ่านใน anowl.co และเพจอ่านเอา

เช้าวันจันทร์อันแสนสดใส จารุมาสมาโรงเรียนแต่เช้าด้วยอารมณ์เบิกบาน วันนี้ไม่ใช่เวรของเธอที่ต้องรอรับเด็กนักเรียนหน้าโรงเรียน เธอจึงเข้าไปนั่งรอเด็กนักเรียนประจำชั้นของตนที่ห้องเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่สอง ไม่นานนักเด็กๆ ลูกศิษย์ของเธอก็ทยอยกันเข้ามา เมื่อเห็นเธอนั่งอยู่ก็เข้ามาไหว้ทักทายก่อนจะกลับไปนั่งเล่นกัน เพื่อรอเวลาเคารพธงชาติหน้าเสาธง

แต่มีเด็กคนหนึ่งนั้น ไหว้เธอเสร็จแล้วแต่ไม่ยอมไป

“สวัสดีครับครูมาส”

“สวัสดีจ้ะนะโม”

“ดอกจำปีหอมๆ ครับ พี่ช้างให้เอามาฝาก”

เด็กชายขันติธรรมยื่นกระทงใบตองเล็กๆ ขนาดฝ่ามือของเด็ก ที่ข้างในบรรจุดอกจำปีประมาณสองถึงสามดอกให้กับคุณครูคนสวย พร้อมกับข้อความที่คนเป็นลูกพี่ฝากมา

“หืม”

จารุมาสรับมาด้วยความแปลกใจ แต่ที่แก้มก็มีริ้วแดงเกิดขึ้นบางเบา ริมฝีปากเผยอรอยยิ้มอย่างอ่อนหวาน พลางคิดว่าเดี๋ยวนี้ผู้ชายเขาจีบผู้หญิงด้วยการให้ดอกจำปีแล้วหรือ ก็น่ารักดีไปอีกแบบ ก่อนจะยกดอกจำปีขึ้นอังใต้จมูก แล้วสูดกลิ่นหอมของดอกไม้ที่มีกลีบดอกสีขาวแคบเรียว

“หอมไหมครับ”

เด็กชายเอ่ยถามด้วยความสนใจใคร่รู้ เพราะภารกิจของเขายังไม่เสร็จ

“อืม…หอม”

“แบบนี้จะหอมกว่าครับ ครูจะได้กลิ่นหอมไปทั้งวันเลย”

ขันติธรรมเอ่ยบอกพลางหยิบดอกจำปีในกระทงใบตองจากมือของจารุมาสขึ้นมาหนึ่งดอก แล้วเดินเข้าไปใกล้คุณครูคนสวย แล้วหยิบปอยผมข้างๆ หูของจารุมาสขึ้นมาประมาณสองสามเส้น แล้วพันเข้ากับดอกจำปี ก่อนจะปล่อยให้มันคลอเคลียไปตามเส้นผมยาวสลวยของคุณครูคนสวย

“ขอบใจจ้ะ ว่าแต่นะโมรู้ได้ยังไงว่าต้องทำแบบนี้”

จารุมาสถามยิ้มๆ อย่างแปลกใจ เด็กน้อยอย่างขันติธรรมไม่น่าจะรู้จักวิธีการติดดอกไม้บนผมให้เธอแบบนี้แน่นอน

“พี่ช้างสอนครับ ใช้ผมของป้าแขทำให้ดู”

เมื่อเช้าเลย ก่อนที่เขาจะมาโรงเรียน ไอยราได้เรียกเขาเข้าไปหาที่บ้านก่อน แล้วฝากกระทงดอกจำปีมาให้ครูมาส พร้อมกับสาธิตวิธีการติดดอกไม้บนเส้นผมของป้าแขไขให้เขาดู เพื่อที่จะให้เขาไปทำให้ครูมาสแทนตัวเองด้วย

“อ๋อ…ฝากขอบคุณพี่ช้างของนะโมด้วยนะ และฝากบอกว่า ดอกจำปีหอมมาก ครูมาสชอบ”

ฝากตั้งแต่เช้าไม่รู้ว่าตอนเย็นกลับบ้านไปเด็กน้อยจะลืมไหม แต่เอาเถอะเธอถือว่าได้บอกแล้ว

“ได้ครับ”

ขันติธรรมรับปากอย่างแข็งขัน ก่อนจะหันหลังวิ่งกลับไปเล่นกับเพื่อนๆ ในห้อง เพื่อรอเข้าแถวเคารพธงชาติตอนแปดโมงเช้า ปล่อยให้คุณครูคนสวยนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับกระทงดอกจำปีอยู่คนเดียว และเด็กๆ จะเห็นคุณครูยิ้มแบบนั้นตลอดทั้งวันเลยทีเดียว!

 

ตกดึกของคืนนั้นจารุมาสรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงเหมือนใครมาเล่นน้ำอยู่ที่ลำธาร จึงลุกออกจากที่นอนไปดูที่หน้าต่าง ภายใต้แสงจันทร์สลัวราง เธอเห็นพี่ช้างใหญ่กำลังยืนใช้งวงพ่นน้ำใส่ตัวเล่นอยู่กลางลำธาร เลยรีบลงจากบ้านพักไปหาแล้วร้องเรียกอย่างดีใจ

“พี่ช้างใหญ่”

ช้างพลายตัวนั้นเมื่อได้ยินเสียงเรียกของเธอก็เดินลุยน้ำเข้ามาหา จนกระทั่งเข้ามาใกล้ๆ ตัวของหญิงสาวก็ใช้งวงยื่นมาจับมือทักทาย

“สวัสดีค่ะ วันนี้มาสไม่มีอะไรมาให้พี่กินเลย อย่าว่ากันน้า…”

จารุมาสเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงอ้อนๆ ผสมความรู้สึกผิด ไว้วันไหนมีตลาดนัดที่วัดหน้าโรงเรียน เธอจะไม่ลืมซื้อกล้วยมาเก็บไว้เลย ส่วนกล้วยที่ซื้อมาครั้งที่แล้วก็หมดไปแล้ว

“…”

มันยกงวงขึ้นมาดมตรงหัวไหล่ของเธอ แล้วค่อยๆ ไต่ไล่ขึ้นไปตามแก้มและผม

“อุ้ย…หอมใช่ไหม”

หญิงสาวย่นคอหนีด้วยความจั๊กจี้ พลางเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าพี่ช้างใหญ่ใช้งวงดมตรงผมที่เธอยังคงติดดอกจำปีอยู่ตลอดเวลา ก็มันยังหอมอยู่เธอเลยไม่คิดจะเอาออก

“มีหนุ่มให้ดอกจำปีมาสแหละ”

จารุมาสบอกอย่างอวดๆ

“…”

พี่ช้างใหญ่เอางวงวางพาดไว้บนไหล่ของหญิงสาวข้างที่มีดอกจำปีติดผมอยู่

“แต่ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะได้อีกหรือเปล่า”

“…”

มันใช้งวงสะกิดหัวไหล่ของเธออย่างปลอบใจ

“มาสชอบเขาแหละพี่ช้างใหญ่”

หญิงสาวบอกอย่างเขินๆ ถ้าเป็นตอนกลางวันมันคงเห็นแก้มของเธอแดงแน่นอน

“แปร๊น!”

พี่ช้างใหญ่ชูงวงขึ้นแล้วร้องเสียงหลง ก่อนจะหันหลังกลับแล้วเดินส่ายก้นทวนน้ำหนีเธอไปทันที

“อ้าว…เดินหนีมาสทำไม”

จารุมาสร้องถามแต่ไม่มีสัญญาณตอบกลับ มันยังคงตั้งใจเดินต่อไปไม่หันหลังกลับมามองเธอเลยด้วยซ้ำ ถ้าเธอบอกชอบพี่ช้างใหญ่แล้วมันเดินหนียังพอเข้าใจได้ว่าเขิน แต่นี่เธอบอกชอบไอยราให้มันฟัง มันจะเดินหนีเธอทำไมกันไม่เข้าใจเลย!

เช้าวันถัดมาจารุมาสก็ได้ดอกจำปีจากมือของนะโมลูกศิษย์ของเธออีกครั้ง และได้ทุกวันหลังจากนั้นอีกเช่นกัน โดยเธอเอาดอกจำปีติดที่ผมและมีอารมณ์ดีทุกวัน จนเพื่อนครูในโรงเรียนด้วยกันเอ่ยแซวว่าเธอมีความรักหรือเปล่า ถึงได้หน้าตาสดใสและยิ้มแย้มตลอดทั้งวัน จารุมาสได้แต่ยิ้มหวานให้ไม่ได้ตอบอะไรแล้วเปลี่ยนเรื่องไปคุยเรื่องอื่นเสีย เพราะกลัวว่าจะเป็นการคิดไปเองฝ่ายเดียว

พอถึงวันหยุดวันเสาร์ จารุมาสนัดกับไอยราไว้ว่าจะไปทำบุญที่วัดป่าด้วยกัน เธอจึงแต่งตัวรออยู่ที่บ้านพักครูแต่เช้า พอไอยรามาถึงในเวลาแปดโมงตรง หญิงสาวก็ปิดประตูบ้านพร้อมล็อกเสร็จสรรพ แล้วเดินลงบันไดไปที่รถกระบะสี่ประตูของชายหนุ่มทันที พลางเอ่ยทักทายชายหนุ่มที่เปิดกระจกด้านคนนั่งลงให้เห็นหน้าเธออย่างยิ้มแย้ม

“สวัสดีค่ะ”

“ครับ ขึ้นรถเลยครับ”

ไอยราเอ่ยบอกพลางปลดล็อกประตูรถยนต์ให้หญิงสาวเปิดเข้ามานั่งคู่กับเขาได้อย่างสะดวก พอเธอขึ้นนั่งเรียบร้อยเขาก็ขับรถออกจากบ้านพักครูมุ่งตรงไปยังวัดป่าสาครที่พระบุญจำวัดอยู่ จารุมาสนั่งมองทางด้านข้างของเธอไปเงียบๆ เมื่อเห็นป้ายทางไปสถานที่ท่องเที่ยวที่ชื่อว่า สกายวอล์กเชียงคาน เธอก็เอ่ยชวนเขาขึ้นมาอย่างค่อนข้างเกรงใจ

“ขากลับเราแวะสกายวอล์กหน่อยได้ไหมคะ”

ก่อนที่เธอจะมาเป็นครูที่นี่ หญิงสาวได้ค้นหาสถานที่ท่องเที่ยวของเชียงคานมาก่อน และที่ที่เธอเอ่ยชวนชายหนุ่มก็เป็นอีกสถานที่หนึ่ง ที่เธอต้องมาให้เห็นกับตาสักครั้งว่ามันจะสวยงามมากแค่ไหน

“ได้สิครับ ผมกะว่าจะชวนอยู่แล้ว”

ชายหนุ่มเอ่ยตอบยิ้มๆ ไม่คิดว่าเธอจะมีใจตรงกัน จารุมาสก็ยิ้มตอบอย่างพึงพอใจเช่นกัน

 



Don`t copy text!