สาปไอยรา บทที่ 17 : จับมือไว้แล้วไปด้วยกัน

สาปไอยรา บทที่ 17 : จับมือไว้แล้วไปด้วยกัน

โดย : ต้นไผ่กวนอิมสีทอง

Loading

สาปไอยรา เรื่องราวของ สัตวแพทย์หนุ่มผู้ต้องคำสาปได้ใช้วิชาความรู้ที่ร่ำเรียนมาช่วยเหลือรักษาสัตว์ โดยหวังว่าผลบุญจะลบล้างคำสาปไปได้บ้าง แต่เจ้ากรรมนายเวรก็ไม่ได้ใจดี เพราะต้องมีความรักที่จริงใจเท่านั้นถึงจะช่วยได้! นวนิยายน่าอ่านโดย ต้นไผ่กวนอิมสีทอง ที่อ่านเอานำมาให้ทุกท่านได้อ่านใน anowl.co และเพจอ่านเอา

 

หลังจากกลับออกมาจากวัดป่า ไอยราก็พาจารุมาสแวะเที่ยวที่สกายวอล์กเชียงคานตามที่เธอเอ่ยชวนก่อนหน้านี้ ชายหนุ่มจอดรถลงที่ลานจอดรถตรงพื้นที่ที่ทางสถานที่จัดเตรียมไว้ให้ แล้วพาเธอเดินไปซื้อตั๋วเพื่อขึ้นรถสองแถว และรับรองเท้าใส่เดินบนสกายวอล์ก ก่อนจะพาเธอเดินไปยังรถสองแถวที่จอดรอผู้โดยสารอยู่ใต้ร่มไม้

“คุณช้างน่าจะมาเที่ยวที่นี่บ่อยใช่ไหมคะ”

จารุมาสชวนคุย เมื่อขึ้นมานั่งบนรถสองแถวเรียบร้อยแล้ว ในมือถือถุงใส่รองเท้าผ้ากำมะหยี่สีแดงของตนเองไว้

“ไม่เลยครับ เคยมาแค่ครั้งเดียวตอนที่นี่เปิดให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆ”

ไอยรายิ้มตอบ เขาเองส่วนใหญ่ก็อยู่แต่ในปางช้าง จะออกมาข้างนอกทีก็ต้องมีธุระที่จำเป็นเท่านั้น

“น่าจะเปิดได้ไม่นานใช่ไหมคะ”

เพราะทุกอย่างยังดูใหม่ และนักท่องเที่ยวก็พลุกพล่าน

“ใช่ครับ เพิ่งเปิดเมื่อปีที่แล้วเอง”

เมื่อผู้โดยสารที่จะขึ้นไปเที่ยวที่สกายวอล์กขึ้นมาบนรถสองแถวเต็มคัน คนขับก็ออกรถทันที และขับขึ้นเขาที่ไม่ได้สูงชันมากนัก ถนนขึ้นไปบนนั้นเป็นถนนเลนสวน และเป็นถนนลาดยางมีต้นไม้ขึ้นสองข้างทางตลอดเส้นทาง จึงดูไม่ได้อันตรายมากนัก ระยะทางประมาณ 800 เมตร รถสองแถวก็จอดลงตรงข้างป้ายชื่อสถานที่ท่องเที่ยว จารุมาสลงจากรถตามไอยราที่เดินนำลงไปก่อน ได้ยินเสียงเจ้าหน้าที่ประกาศผ่านโทรโข่งให้นักท่องเที่ยวหยิบต้นหมากเบ็งแทนดอกไม้ธูปเทียนเพื่อใช้สักการะพระใหญ่ภูคกงิ้วที่ประดิษฐานอยู่ด้านหลังสกายวอล์ก

ชายหนุ่มและหญิงสาวจึงเดินไปหยุดลงตรงหน้าซุ้มต้นหมากเบ็งหรือบายศรีดอกไม้ ซึ่งมีลักษณะเป็นกรวยใบตองขนาดเหมาะมือประดับด้วยดอกพุดสีขาว มีหญิงชาวบ้านช่วยกันนั่งพับต้นหมากเบ็งอยู่ด้านหลังซุ้มหลายคน และช่วยกันเอ่ยบอกบรรดานักท่องเที่ยวให้หยิบต้นหมากเบ็งคนละคู่ และให้ทำบุญตามกำลังศรัทธา จารุมาสจึงหยิบเงินในกระเป๋าเป็นธนบัตรใบละยี่สิบบาทออกมาสองใบแล้วหย่อนใส่ตู้บริจาค ก่อนจะหยิบต้นหมากเบ็งออกมาหนึ่งคู่ แล้วถอยออกมาให้ไอยราได้หยิบบ้าง

หลังจากนั้นจึงพากันเดินไปยังสถานที่ประดิษฐานของพระใหญ่ภูคกงิ้ว ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางลีลาประทานพรขนาดใหญ่ สูงกว่า 19 เมตร หล่อด้วยไฟเบอร์ผสมเรซิน ฐานขององค์พระพุทธรูปเต็มไปด้วยดอกธูปเทียนและบายศรีดอกไม้ ที่ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวนำมาวางสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคล

ไอยราและจารุมาสนั่งคุกเข่าลงและพนมมือตั้งจิตอธิษฐานขอพร เมื่อเสร็จแล้วก็วางบายศรีดอกไม้บนฐานขององค์พระพุทธรูปพร้อมกัน ก่อนจะเดินออกมาด้านหน้าของสกายวอล์กที่มีหุ่นผีตาโขนตั้งอยู่ด้านข้างทางเข้า ทั้งคู่หยุดเดินแล้วใส่รองเท้าที่รับมาจากเจ้าหน้าที่ตอนซื้อบัตรสวมทับรองเท้าของตน แล้วเดินเข้าพื้นที่สกายวอล์กไปพร้อมกัน

“ครูมาสกลัวความสูงหรือเปล่าครับ”

ชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง เมื่อเห็นหญิงสาวเดินช้าๆ และมองตรงไปข้างหน้าอย่างเดียว

“ก็…กลัวนิดหน่อยค่ะ”

เธอยังไม่เคยมาสถานที่แบบนี้ เลยไม่รู้ว่าตัวเองกลัวความสูงหรือเปล่า แต่เมื่อได้เข้ามาเดินที่นี่ตัวเธอเองก็รู้แล้วว่า เธอกลัวความสูง!

ไม่กล้ามองพื้นกระจกใต้เท้าที่มองเห็นไปถึงด้านล่างแม่น้ำเลยทีเดียว

“ขอโทษนะครับ”

ไอยราเอ่ยบอก ก่อนจะเอื้อมมือไปจับมือของหญิงสาวไว้ แล้วจูงมือเดินช้าๆ ไปเคียงข้างกัน เขาสัมผัสได้ถึงความชื้นจากเหงื่อที่ฝ่ามือของเธอ แบบนี้คงไม่ได้กลัวนิดหน่อยแล้วละ

“…”

จารุมาสยอมให้เขาจับจูงแต่โดยดี รู้สึกได้ถึงความปลอดภัยทันทีที่เขาจับมือ เธอเขินจนต้องเบนหน้าออกไปดูวิวด้านข้าง เพราะกลัวเขาจะเห็นแก้มที่เริ่มขึ้นริ้วสีแดงของเธอ

สกายวอล์กเชียงคาน ทางเดินทำด้วยพื้นกระจกใสยาว 100 เมตร กว้าง 2 เมตร สูงจากระดับแม่น้ำโขง 80 เมตรหรือเท่ากับตึกสูง 30 ชั้น มีจุดแวะชมวิว 3 จุด บรรยากาศโดยรอบมีแม่น้ำเหืองสายเล็กที่ไหลผ่านมาบรรจบกับแม่น้ำโขง เป็นแนวพรมแดนธรรมชาติกั้นระหว่าง สปป.ลาว กับประเทศไทย เกิดเป็นแม่น้ำสองสีที่สวยงาม

จารุมาสได้ยินเสียงตามสายบรรยายถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่เธอกำลังเดินอยู่นี้ จึงมองไปรอบๆ ไม่มองวิวใต้ฝ่าเท้าเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นเธอจะก้าวขาไม่ออก แล้วเธอก็เห็นแม่น้ำสองสายไหลมาบรรจบกันจริงๆ ช่างเป็นบรรยากาศและเป็นธรรมชาติที่สวยงามเหลือเกิน มองเห็นวิวทิวทัศน์ของภูเขาอยู่เบื้องหน้า จนอดที่จะเอ่ยชมออกมาไม่ได้

“สวยจังเลยค่ะ”

“ถ่ายรูปไหมครับ เดี๋ยวผมถ่ายให้”

ชายหนุ่มเสนอ เมื่อเห็นว่าเธอดูผ่อนคลายขึ้นแล้ว ไม่ได้กลัวเหมือนตอนแรก

“ไม่เอาค่ะ มาสกลัว ขอเดินไปแค่สุดทางก็พอแล้วค่ะ”

ถ้าถ่ายรูป เธอก็ต้องปล่อยมือจากเขา ไม่เอาหรอก จับมือกันไว้เธอรู้สึกปลอดภัยกว่า และกล้าพอที่จะเดินไปบนพื้นกระจกที่มองเห็นแม่น้ำโขงอยู่ด้านล่าง จึงรีบส่ายหน้าปฏิเสธ

ไอยรายิ้มรับคำปฏิเสธนั้นอย่างยินดี

หลังจากนั่งรถสองแถวที่บริการรับส่งนักท่องเที่ยวลงมาจากสกายวอล์กจนถึงลานจอดรถด้านล่าง ไอยราก็ชวนหญิงสาวทานอาหารกลางวันด้วยกันที่ร้านอาหารข้างศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ก่อนจะขับรถไปส่งหญิงสาวที่บ้านพักครู

จารุมาสเปิดประตูลงจากรถเมื่อรถกระบะสี่ประตูของไอยราจอดสนิทตรงหน้าบ้าน โดยมีชายหนุ่มลงจากรถตามมาด้วย เธอจึงหันกลับไปเอ่ยขอบคุณอีกครั้ง

“ขอบคุณนะคะที่พามาสไปทำบุญแล้วก็พาไปเที่ยวด้วย”

“ครับ”

ไอยรายิ้มรับคำขอบคุณพลางค่อยๆ หยิบของบางอย่างออกจากกระเป๋าเสื้อ ส่วนจารุมาสที่เห็นการกระทำของเขาก็เสมองไปทางอื่นเพื่อไม่ให้เสียมารยาทเกินไป เขายังไม่กลับขึ้นรถเธอเลยต้องยืนรอส่งเขาก่อน

“มันอาจจะเหี่ยวไปสักหน่อย เพราะผมเก็บตั้งแต่เช้า”

จารุมาสที่ได้ยินเสียงเขาเอ่ยพูดอย่างเขินๆ จึงรีบหันมาดูให้แน่ใจ แล้วต้องเบิกตาโตอย่างเหลือเชื่อเมื่อเขาเก็บดอกจำปีมาให้เธอด้วยตัวเอง ไม่ต้องผ่านเด็กชายขันติธรรมเหมือนทุกวัน

เธอยื่นมือออกไปรับดอกจำปีจากมือเขามาถือไว้ แล้วยกขึ้นดมใต้จมูกอย่างทะนุถนอม

“ถึงมันจะเหี่ยว แต่มันก็ยังหอมอยู่นะคะ ขอบคุณที่เก็บมาให้มาสทุกวันเลย”

“ผมดีใจที่ครูมาสชอบ”

ไอยรายิ้ม พลางเอ่ยบอกความรู้สึกที่เขามีอยู่ตอนนี้

“ใช่ค่ะ มาสชอบ”

เธอชอบเขา และหวังว่าเขาจะรู้ตัว

ไอยราหยิบดอกจำปีออกมาจากมือของหญิงสาว แล้วเขยิบเข้าไปชิดจารุมาส พลางถือวิสาสะหยิบเส้นผมข้างใบหูของเธอมาพันกับดอกจำปี เหมือนอย่างที่เธอทำทุกวันตามคำบอกของขันติธรรม

“ขอบคุณค่ะ”

เขินไม่ไหวแล้ว เธอเลยได้แต่ก้มหน้างุดยิ้มแก้มปริ แล้วเอ่ยขอบคุณเบาๆ

ไอยราขับรถกลับปางช้างด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ภายในใจปีติสุขเหลือเกินเมื่อนึกถึงท่าทางเขินอายอันน่ารักของจารุมาส และคำบอกชอบของเธอ มันทำให้เขามีความหวังเรืองรองที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง ในอีกไม่นานข้างหน้านี้ตามคำบอกของพระบุญแล้ว

 



Don`t copy text!