
หัวใจมังกร บทที่ 9 : ความรับผิดชอบ
โดย : สิรี กวีผล
![]()
หัวใจมังกร โดย สิรี กวีผล เรื่องของ ชายหนุ่มทายาทตระกูลจีน ถูกพรากคนรักและพรากชีวิตด้วยกระบี่ในอดีต ปาฏิหาริย์แห่งคำสาบานก่อนตายนำพาเขาและเธอกลับมาพบกัน ทว่าต่างภพชาติ ชายหนุ่มต้องเลือกระหว่างหน้าที่และครอบครัว หรือความรักที่เขารอคอยมานานนับร้อยปี อ่านเรื่องราวนี้ได้ทาง เพจอ่านเอา และ www.anowl.co
ผ้าแพรผืนใหญ่กำลังทำหน้าที่ห่อหุ้มร่างกายของชุนกับถิงถิง ทว่าผ้าแพรผืนนั้นกลับเยือกเย็นกว่าร่างกายที่กำยำล่ำสันของชุนที่กำลังกอดหญิงสาวไว้ใต้ผ้า ร่างกายทั้งคู่เปลือยเปล่าก่อนที่ชายหนุ่มจะค่อยๆ ลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว ถิงถิงค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาเห็นชุนไม่อยู่ก็รีบแต่งตัวออกจากห้องชุนไปอย่างเงียบเชียบ
ชุนนุ่งผ้าขาวม้าไว้อย่างหลวมๆ ออกมาจากห้องน้ำ เขาตรงไปที่เตียงนอนแต่ว่าเตียงนั้นกลับว่างเปล่า เสื้อผ้าของถิงถิงหายไปพร้อมกับร่างของคนที่เขารัก ชุนไม่รู้จะทำอย่างไรรีบแต่งเนื้อแต่งตัวตรงไปที่ห้องนอนของเฮียทันที เขาเคาะห้องอยู่หลายทีแต่กลับไม่มีเสียงตอบรับ จึงถึงวิสาสะผลักประตูห้องเข้าไป ชุนแปลกใจที่ห้องไม่ลงกลอน ที่โต๊ะทำงานว่างเปล่า ชุนเดินไปที่เตียงนอนก็ไม่พบ เขาเห็นหน้าต่างบานเล็กเปิดอยู่ ชุนชะโงกหน้าออกไปมองหาชางอยู่นานสองนานแต่ไม่พบ สายตาของชุนมองไปเห็นกระบี่เจ้าปัญหาที่วางอยู่บนแท่นบนโต๊ะทำงานของชาง เขาหยิบกระบี่ขึ้นมาดูใกล้ๆ
“ไม่เห็นเลือดเฮียติดอยู่เลยแหะ” ชุนพึมพำกับตัวเอง “เจ้ากระบี่เห็นเจ้านายของแกไหม เฮียอยู่ไหน” ชุนยังติดนิสัยขี้เล่นอยู่บางครั้ง ยามที่เขารู้สึกปลอดภัยและเป็นตัวของตัวเองได้จะมีแต่ชางเท่านั้นที่ได้เห็น ทั้งความอ่อนโยน แต่มั่นคง ความขี้เล่นแต่จริงใจ ชุนเป็นบุคคลที่มีเมตตาที่สุดในบ้านนี้แล้วในสายตาของชาง ไม่ทันไรที่ชุนพูดกับกระบี่จู่ๆ ก็มีแสงสว่างสีขาวนวลพุ่งออกมาจากกระบี่ในมือจนชุนถือไว้ใกล้ตัวไม่ไหว เขาวางกระบี่ลงบนโต๊ะทันที สายตาของเขาหรี่ลงมองแสงประหลาดที่พุ่งออกมา
“เฮ้ย…ย” ชางพุ่งออกมาจากกระบี่โถมทับตัวชุนจนทั้ง 2 เซล้มลงไปที่พื้น
“คุณกัญ” ชางค่อยๆ ลืมตาขึ้นมามองหน้าหญิงสาวตรงหน้าด้วยความเคยชิน ทว่าคนตรงหน้ากลับเป็นชุนน้องชายของเขาเอง ชุนเห็นพี่ชายจ้องมองมาด้วยแววตาเสน่หาก็ตกใจ
“เฮียโผล่มาจากไหนเนี่ย” ชุนเจ็บก้นตัวเองมากที่ล้มกระแทกพื้น “แล้วคุณกัญคือใคร” ชุนมองหน้าเฮียตัวเองอย่างจับผิด
“เกิดอะไรขึ้นครับเฮีย” ซิงอีรีบวิ่งมาดู เห็นเฮียทั้ง 2 กอดกันกลมอยู่บนพื้น ชางรีบลุกขึ้นจากตัวชุน
“ไม่มีอะไร หกล้มนิดหน่อย ลื้อไม่ต้องห่วง” ชางโบกมือเป็นสัญญาณไม่ให้ซิงอีเข้ามา
“บอกมาเลยนะเฮีย นี่มันเกิดอะไรขึ้น” ชุนคาดคั้น
“แล้วลื้อมาทำไรในห้องเฮียแต่เช้า” ชางถามกลับ
ชางปล่อยให้ชุนนั่งรอในห้องระหว่างที่ตนเองรีบอาบน้ำแต่งตัว สภาพของเขาไม่ได้น่าดูเท่าไรนัก เสื้อผ้าของชางเปื่อยยุ่ยเหมือนเอาผ้าขี้ริ้วมามัดไว้ที่เอวเท่านั้นเอง ชางนึกคิดถึงเมืองที่เขาหายตัวเข้าไปอยู่ เขาอยู่ที่นั่น 3 วัน แต่ที่เขาอยู่กลับผ่านไปชั่วข้ามคืนไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น ทำให้เขาสบายใจได้อย่างหนึ่งที่เวลาของคุณกัญกับเขาต่างกันทำให้เขาไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ หรือหายตัวไปจากคนที่นี่ เพียงแค่ถ้าเขาอยากเจอหญิงสาวเร็วๆ ก็แค่เข้านอนเร็วขึ้นเท่านั้น
‘นอนแล้วหลับไปจะเจอคุณกัญไหมนะ’ ชางอมยิ้มคิดถึงหน้าหญิงสาว ฮัมเพลงในห้องน้ำอย่างอารมณ์ดีจนชุนที่นั่งอยู่ได้ยิน
“เฮียหายไปไหนมา” ชุนไม่รอช้า ตั้งคำถามทันทีที่พี่ชายของเขาแต่งตัวเสร็จ “อั๊วเข้ามาหาเฮียทั่วห้องไม่เจอ จู่ๆ ก็มีแสงประหลาดมาจากกระบี่แล้วเฮียก็โผล่มา”
“แล้วลื้อมีอะไรกับเฮียแต่เช้า” ชางจับสังเกตน้องชายตัวเอง รู้สึกได้ว่าน้องชายของตัวเองเปลี่ยนไป ดูกระวนกระวาย ร้อนรน
“ถ้าอั๊วบอกอะไรเฮีย เฮียจะช่วยอั๊ว ไม่โกรธอั๊วใช่ไหม” ชุนก้มหน้าก้มตาคล้ายกำลังสารภาพบาป
“อั๊วรักน้องหมวย” ชุนพูดเร็วๆ หน้าแดงก่ำ ทว่าชางหน้านิ่งไม่ได้ตื่นเต้นอะไรทั้งนั้น “อ้าว เฮียไม่ตกใจเลยเหรอ”
“เฮียรู้อยู่แล้ว ยังไงเฮียก็คงไม่แต่งงานกับน้องหมวย” ชางคิดถึงกัญญ์กุลณัช
“เฮียมีคนรักอยู่แล้วเหรอ ใครน่ะ อั๊วเคยเห็นหรือเปล่า”
“พอเลย เรื่องที่จะคุยกับเฮียแต่เช้ามีแค่นี้จริงเหรอ” ชางจับพิรุธน้องชายตัวเอง แล้วก็แม่นเสียด้วย
“เมื่อคืนอั๊วนอนกับน้องหมวย”
“ห๊า…” ชางตกใจมาก “ทำไมไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ ลื้อโตแล้วนะอาชุน ทำอะไรไม่รู้จักคิด แล้วน้องหมวยเป็นยังไงบ้าง เธอว่ายังไง”
“โถ่เฮีย มันเลยเถิดไป อั๊วกังวลใจอยู่นี่ไง ตื่นมาอาบน้ำเสร็จก็ไม่เจอน้องหมวยแล้วนะเฮีย ยังไม่ได้คุยอะไรกันเลย” ชางเครียดหนักกับเรื่องที่ชุนก่อ เขารู้ทันทีว่าป๊าต้องไม่พอใจอย่างมาก ยิ่งเรื่องนี้รู้ถึงหูคนอื่นจะยิ่งเป็นเรื่องใหญ่จะให้ใครรู้ไม่ได้ ชุนกลุ้มใจกลัวถิงถิงจะไม่คุยกับเขาอีก
โกดังแถวท่าเรือโปเส็ง มีกลุ่มคนงานจำนวนหนึ่งรวมตัวกันประท้วงเถ้าแก่เฉิงที่ไม่ยอมจ่ายเงินเดือนให้พวกเขาตามกำหนด รู้ไปถึงหูเฉิง เฉิงโกรธจัดเพราะเขานำเงินทั้งหมดนั้นให้จ้านไปจัดการแบ่งจ่ายคนงานทุกคน ชางกับชุนไปรับหน้าคนงานแทนเฉิง โดยมีเหลียงยืนกับสมุนของเขาเฝ้าอยู่ไกลๆ
“รุมกระทืบแม่งทั้งสองคนพี่น้องให้ตายไปเลย” เหลียงพูดขึ้น ภาพที่เหลียงเห็น มือไม้ของคนงานถึงเนื้อถึงตัวชางและชุนเหมือนกำลังจะมีเรื่อง ทว่าชางแก้ไขปัญหาได้โดยเร็ว เขาเรียนรู้ที่จะประนีประนอมมากกว่าแต่ก่อน มือของเขาไม่ล้วงเข้าไปหยิบกรรไกรขาเดียวขึ้นมาชี้หน้าคนงานอีก ชุนยืนมองเฮียของเขาอย่างภาคภูมิใจ
“ทุกคนไม่ต้องห่วง ใครที่ยังไม่ได้เงินมาเอาที่อั๊ว เรื่องนี้น่าจะมีการเข้าใจผิดกันยกใหญ่ พวกเราทำงานด้วยกันมานาน เถ้าแก่ไว้ใจทุกคนยังไง อยากให้ทุกคนไว้ใจเถ้าแก่เหมือนกัน ทุกคนมีภาระต้องใช้จ่าย อั๊วเข้าใจ และอั๊วก็จะไม่มีวันคดโกงคนที่ตั้งใจทำงานอย่างพวกลื้อแน่นอน” ชางพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น จริงใจ ทำเอาคนงานเหล่านั้นลดความโมโหลง เหลียงที่ดูอยู่ไกลๆ ไม่เข้าใจเหตุการณ์ที่สงบลงได้อย่างง่ายดาย เหลียงเริ่มหวั่นใจเพราะเขาเองที่เป็นคนเอาเงินทั้งหมดนั้นไปเล่นพนัน เล่นฝิ่น โดยที่จ้านไม่รู้
ตะวันยังไม่ตรงหัวสักเท่าไร เฉิงหอบพายุอารมณ์มาลงที่ประตูหน้าบ้านของจ้าน เสียงประตูพับเปิดดังโครมใหญ่ สมุนน้อยใหญ่รีบวิ่งมาดู เฉิงและลูกน้องเดินเข้ามาในบ้านอย่างไม่เกรงกลัวใครที่ไหน
“อาจ้าน” เฉิงตะโกนเรียกเสียงดัง
“บุกมาถึงบ้านอั๊วแต่เช้า มีอะไรหรือ” จ้านไม่ได้สะทกสะท้าน
“อั๊วให้ลื้อเอาเงินเดือนไปจ่ายคนงานที่โปเส็ง ทำไมคนงานถึงไม่ได้เงิน”
จ้านทำหน้าสงสัย
“ลื้อจะมาทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อนแบบนี้หรือ” เฉิงโมโหมาก
“อั๊วยกให้อาเหลียงจัดการเอง เดี๋ยวลูกชายอั๊วก็จ่ายตามกำหนดแหละน่า” จ้านเริ่มแถเพราะเขาเริ่มรู้แล้วว่าเหลียงต้องแอบเอาเงินที่ตนให้ไปทำอย่างอื่น “ไม่ต้องห่วงน่าเฮีย อั๊วจัดการได้อยู่แล้ว”
“จัดการได้อะไร พวกคนงานมันรวมตัวกันหยุดงานประท้วง จนคิวเรือส่งของอั๊วเสียหายไม่ทันกำหนดเวลา ลื้อจะรับผิดชอบยังไง”
“เลยเวลานิดหน่อยจะเป็นอะไรไป บอกพวกมันไปว่าเกิดพายุ เรือเสียระหว่างทางก็ไม่มีปัญหาแล้ว โถ่เฮีย อะลุ้มอล่วยกันบ้าง ชีวิตจะเป็นเส้นตรงอะไรหนักหนา” จ้านไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไร เพราะเขาไม่ใช่คนที่ต้องรับผิดชอบภาระดูแลทุกคนในตระกูลฟู่อย่างเฉิง
“อย่าให้เรื่องนี้เกิดขึ้นอีก ไม่อย่างนั้นอั๊วจะถอดตำแหน่งลื้อให้ลูกอั๊วทำแทนทั้งหมด” เฉิงยื่นคำขาดก่อนจะเดินออกจากบ้านไปอย่างอารมณ์เสีย
เสียงตุ้บ เสียงผัวะ เสียงคล้ายคนโดนต่อยดังอยู่ภายในเรือนจ้าน จ้านอาละวาด ระเบิดอารมณ์ ต่อยหน้า และถีบลูกน้องที่ไม่ได้เรื่องของตนที่ปล่อยให้เฉิงเข้ามา แถมยังโดนดูถูกและจะยึดตำแหน่งตนเองอีก หลี่จิ้งเห็นท่าไม่ดีก็ไม่ค่อยอยากเข้าไปยุ่งแต่ยังไม่วายมีเสียงตะโกนก่นด่าให้ได้ยินเป็นระยะๆ ไม่นานนักตัวปัญหาที่ทำให้เขาโดนเฉิงด่าก็กลับมา
“ไอ้ลูกชั่ว” จ้านเดินเข้าไปตบหน้าเหลียง โดยที่เหลียงยังไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร
“อะไรกันเนี่ยป๊า”
“ยังมีหน้ามาถาม อั๊วให้ลื้อเอาเงินไปจ่ายพวกคนงาน ทำไมพวกมันไม่ได้เงิน ลื้อเอาเงินไปทำอะไรหมด” จ้านขึ้นเสียง เลือดขึ้นหน้า
“ป๊า ก็ยังไม่สิ้นเดือน อั๊วก็ยังไม่จ่าย นี่เพิ่งวันที่ 25 จะมาเอาอะไรตอนนี้”
จ้านสุดจะทนกับลูกชายตัวเอง ชี้นิ้วไปบนกะโหลกหนาๆ ของเหลียง “ลื้อทำงานมากี่ปี สมองมีไว้ทำไม หรือฝิ่นที่ลื้อติดมันทำลายสมองของลื้อไปหมด” เหลียงปัดมือของจ้านทิ้ง จ้านมองหน้าลูกชายตาแทบตาถลนออกมา
“เออ อั๊วเอาไปเล่นฝิ่นใครจะทำไม”
“วันก่อนไอ้สมุนของอั๊วมากระซิบว่าเห็นลื้อออกมาจากบ่อน ลื้อติดพนันด้วยใช่ไหม”
เหลียงที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาว ปากสั่น มือสั่น หน้าตาเลิ่กลั่กเหมือนคนทำผิดที่ถูกจับได้ เสียงฝ่ามือหนาๆ กระทบแก้มแดงของเหลียงจนหน้าหัน เลือดกบปากไหลเป็นทาง
“เพราะลื้อจะทำให้ครอบครัวเราชิบหาย ไอ้เฉิงมันจะยึดตำแหน่งอั๊วคืนไปให้ลูกของมัน ลื้อยังทำตัวเป็นกุ๊ย น้ำหน้าอย่างลื้อไม่มีวันจะได้เป็นผู้นำตระกูลฟู่หรอก ไอ้เหลียง” นิ้วของผู้เป็นพ่อชี้ไปตรงไปที่หน้าผากของเหลียงจนเหลียงหน้าหงาย ความแค้นลูกผู้ชายที่ถูกพ่อเหยียดหยามและความเกลียดชังเพิ่มพูนเต็มอยู่ในทุกอณูจิตใจของเขา
“อั๊วจะทำให้พวกมันพินาศให้ป๊าดูก็แล้วกัน”
“เมื่อคืนลื้อหายไปไหนมา อาถิง”
เสียงจางหย่งดังไล่หลังถิงถิงมาหลังจากที่เธอกำลังแอบย่องเข้ามาในบ้าน เสียงพื้นไม้ที่เคยดังตามจังหวะการเหยียบย่ำ ปัจจุบันแทบกลายเป็นเสียงกระซิบ น้ำเสียงที่ไม่ปกติของป๊า เธอรับรู้ได้โดยไม่ต้องหันมามองตามเสียงด้านหลัง ภายในใจของเธอเต้นระรัวกลัวผู้เป็นพ่อจับผิดได้
“ทำไมป๊าตื่นเช้าจังวันนี้” เธอใจดีสู้เสือ
“ไม่ต้องมาทำเปลี่ยนเรื่อง ป๊าเป็นป๊าของลื้อ ลื้อโกหกนิดเดียว ทำไมป๊าจะจับไม่ได้” จางหย่งมองจ้องทะลุดวงตาเล็กๆ นั้นอย่างทะลุปรุโปร่ง เขารอฟังความจริงจากปากลูกสาวคนเดียวของเขา
น้ำใสๆ ค่อยๆ เอ่อล้นมาจากตาอย่างไม่ทราบสาเหตุ ตากลมใสบัดนี้มีน้ำคลอท้วมท้น ตาแดงๆ ของลูกสาวสุดที่รักค่อยๆ ผลิตน้ำตาขึ้นจนไม่สามารถกักเก็บหรือฝืนไม่ให้ไหลต่อไปได้อีก ถิงถิงโผเข้ากอดป๊าด้วยความรู้สึกผิด ทั้งต่อตนเอง ต่อป๊า ต่อวงศ์ตระกูล ที่สำคัญต่อผู้มีพระคุณอย่างเถ้าแก่เฉิง และเฮียชาง
“เรื่องนี้ต้องมีทางออก เราจะหาทางออกด้วยกันนะหมวยน้อยของป๊า” จางหย่งกอดปลอบลูกสาวของเธอ มือของเขาลูบหัวเธออย่างแผ่วเบา ทว่าใจของเขาหนักอึ้ง
“อั๊วขอโทษนะป๊า อั๊วไม่ดีเองที่ใจง่าย อั๊วทำผิดต่อทุกคน ทำผิดต่อป๊า” ถิงถิงรู้สึกผิดจนจางหย่งสัมผัสได้จากน้ำเสียงสะอื้น
“คนที่ต้องขอโทษไม่ใช่ลื้อหรอก อาถิง” จางหย่งปาดน้ำตาออกจากแก้มแดงน้อยๆ ทั้งสองข้าง “มีคนเขารีบมาขอโทษป๊าตั้งแต่เช้าแล้ว” จางหย่งเคลื่อนตัวออกเล็กน้อยเป็นช่องให้ถิงถิงมองตรงไปข้างหน้าที่โต๊ะรับแขกได้อย่างชัดเจน ชายหนุ่มนั่งหน้าเศร้าอยู่ในชุดผ้าแพรสีน้ำเงินนั่งสงบเสงี่ยมเรียบร้อยอยู่
“เฮียชุน” ถิงถิงตกใจมาก เธอพยายามเลี่ยงหน้าเขาตั้งแต่เช้าที่หนีออกมาโดยไม่บอก เธอออกไปศาลเจ้าเดินใช้ความคิด รวบรวมสติและเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างเขาและเธอ
“อาชุนมาคุกเข่า คำนับป๊าตั้งแต่เช้า ลื้อนั่นแหละไปไหนมา” จางหย่งพาลูกสาวไปนั่งที่เก้าอี้ใกล้ๆ เขารู้ดีว่าลูกสาวตนต้องไม่อยากพบหน้าชายหนุ่มผู้ซึ่งไปหลับนอนมาด้วยกันทั้งคืนเป็นแน่ แต่เขาจะไม่ยอมให้ลูกสาวของเธอหนีความจริงไปอย่างที่เขาเคยทำ ถิงถิงมองหน้าชุนสังเกตเห็นรอยแดงๆ ที่ขอบปากเล็กน้อย
“เฮียไปโดนอะไรมา” เธอลืมตัวเป็นห่วงคนรัก ชุนยิ้มแก้มปริจับมือถิงถิงที่ยื่นมา โดยลืมตัวว่ามีจางหย่งนั่งอยู่ด้วย เสียงกระแอมในลำคอหนาๆ ดังขึ้นเตือนให้รู้ว่าเสียงนี้กำลังจะสร้างรอยแดงนั้นให้อีกครั้งถ้าไม่ปล่อยมือ
“เฮียสมควรโดนมากกว่านี้ เฮียลบหลู่เกียรติของน้องหมวย เฮียต้องการรับผิดชอบทุกอย่างที่เฮียได้ทำลงไป ทั้งต่อหน้าและลับหลัง” ชุนพูดอย่างจริงใจ จนจางหย่งรู้สึกได้ว่าชุนรักลูกสาวของเขาจริงๆ ที่กล้าเดินเข้ามาสารภาพความจริงกับเขาอย่างลูกผู้ชาย และชุนนี่แหละคือคนที่จางหย่งอยากให้ดูแลลูกสาวของเขา บัดนี้เขาได้นับถือน้ำใจของชุนไปเรียบร้อย เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แต่ชุนพยายามแก้ไขลดความใหญ่ของเรื่องที่เขาก่อให้เล็กลง
“อั๊วจะไปคุยกับอาม้าเองครับ อาแปะ” จางหย่งพยักหน้ารับ
“คนที่เปลี่ยนใจได้ยากที่สุดคงเป็นเถ้าแก่สินะ” สิ้นคำจางหย่งทุกคนแทบจะถอนหายใจพร้อมกัน
“แล้วเฮียชางล่ะ เฮียชุน อั๊วจะทำยังไง” ถิงถิงกังวล
“ไม่ต้องห่วงครับ เฮียชางมีคนที่เขารักอยู่แล้ว แล้วพี่ชายเฮียก็รู้ด้วยว่าเฮียรักน้องหมวย” ชุนชี้มาที่ตัวเองพร้อมยืดอกรับอย่างภาคภูมิใจ จางหย่งมองหน้าทั้ง 2 คนแล้วถอนหายใจ
หนึ่งวันพันเหตุการณ์ของพี่น้องตระกูลฟู่กำลังจะผ่านพ้นไป แสงอาทิตย์ยามเย็นสลัวเสียเหลือเกิน ไอแดดแทบจะไม่หลงเหลืออยู่บนโลกใบนี้อีกแล้ว ความมืดในยามราตรีและแสงนวลเบาตากำลังจะขึ้นมาทดแทนแสงอาทิตย์ ไหใบเขื่องจับถนัดมือนอนกลิ้งอยู่ไม่ไกลตัวชายหนุ่มอย่างเหลียงที่นั่งหัวทิ่มตัวแดง หน้าแดง พูดจาไม่รู้เรื่องเอะอะโวยวายไปทั่วแถบนั้น
“อั๊วจะประจานพวกแม่งให้หมด ส่ำส่อนกันทั้งตระกูล” เสียงเมามายไร้สติ ก่นด่าออกมาดังไปทั้งตรอกยาพี้ ตรอกที่ขึ้นชื่อเรื่องซื้อขายฝิ่นก่อนรัฐบาลจะออกกฎหมายเข้มงวด เป็นตรอกแห่งความสว่างไสวในยามค่ำคืน ร้านรวงเริ่มตั้งไห ตั้งโถยาดองกันแน่นขนัด เหลียงแทบจะเป็นคนเดียวใน ‘ร้านเดินตรง’ ที่นั่งดื่มเหล้าอาละวาดจนไม่มีใครกล้าเข้าร้าน “เถ้าแก่ อั๊วเหมาร้านคืนนี้ ใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์เหยียบเข้ามา”
ยังไม่ทันขาดคำมีชาย 2-3 คนก้าวขาเข้ามาในร้าน หลังจากสิ้นเสียงเหลียง ไหใบถนัดมือลอยละลิ่วปลิวผ่านหน้าชายเหล่านั้นไปชนกำแพงแตกละเอียด ชายเหล่านั้นพากันวิ่งหนีกระเจิง เสียงหัวเราะสะใจดังออกมาจากในร้าน ผิดกลับเจ้าของร้านที่ยืนเหงื่อตกไม่รู้จะทำยังไง
“ว่าไงเถ้าแก่ วันนี้มีอะไรให้อั๊วดื่มบ้าง” ชุนเดินยิ้มมายืนทักเถ้าแก่ที่หน้าเคร่งเครียดหลบอยู่มุมร้าน
เถ้าแก่เห็นหน้าชุนก็ดีใจที่มีคนมาช่วยเอาเฮียตนเองกลับบ้าน
“อาชุนมาก็ดีเลย ช่วยอั๊วหน่อยสิ”
“เดี๋ยวคุยกันสิเถ้าแก่ อั๊วอยากหาอะไรดื่มฉลองหน่อย” ชุนอารมณ์ดีกำลังจะเดินเข้าร้าน เจอเถ้าแก่คว้าแขนไว้อย่างรวดเร็ว
“อั๊วให้อาชุนกินฟรีทั้งร้านเลย แต่ช่วยเอาอาเหลียงกลับบ้านไปก่อนนะ อั๊วขอร้องละอาชุน” ชุนไม่เข้าใจชะโงกหน้าเข้าไปในร้านเห็นเฮียเหลียงนั่งดื่มเหล้า เมามายไม่ได้สติ บ่นพึมพำเสียงดังฟังไม่ได้ความ
“สบายมากเถ้าแก่ แต่กินฟรีแน่นะ” เถ้าแก่รีบพยักหน้ารับ ดันหลังชุนให้รีบเข้าไปจัดการ ขณะที่ชุนกำลังจะก้าวเข้าไปในร้าน เหลียงหันมาเห็น
“อั๊วบอกแล้วใช่ไหม ร้านนี้อั๊วเหมา ใครหน้าไหนก็เข้ามาไม่ได้” ไหที่กำลังกระดกเหล้าเข้าปากหยดสุดท้ายกลืนลงคอเรียบร้อย มือของเขากระชับคอไหแน่นพร้อมเหวี่ยงแขนไปด้านหลังเต็มที่ แต่แล้วก็ต้องชะงักไป
“อั๊วเองเฮีย เฮียเมาละกลับบ้านเถอะ อั๊วไปส่ง” ถึงแม้เหลียงจะชอบทำร้ายหรือแกล้งชุน แต่ชุนก็ยังคงให้ความเคารพเขาอยู่เสมอ ด้วยเหตุผลเดียวที่เขาให้อภัยเพราะเฮียชางของเขาขอไว้เท่านั้น ไหในมือปาลงพื้นอย่างรุนแรงจนแตกเป็นเสี่ยงๆ เสียงหัวเราะของเหลียงดังกว่าเสียงแตกของไหนั้นหลายพันเท่า รอยยิ้มสะใจเกิดขึ้นชัดเจนไปถึงแววตา
“นี่ไงตัวละครเอก น้องชายสุดที่รักแย่งเมียพี่ชายตัวเอง ลื้อว่าละครคณะนี้จะเล่นได้ไหม ไอ้ชุน” มือหนาๆ ตบบ่าชุนเบาๆ อย่างมีเล่ห์นัย สีหน้าแววตาชุนเริ่มไม่สู้ดี “ลื้ออย่าคิดนะว่าอั๊วไม่รู้ เรื่องลื้อรักอาถิง” เสียงกระซิบที่แผ่วเบากลับดังกึกก้องอยู่เต็มหูของเขาในเวลานี้ สมองของเขาอื้ออึงอย่างหาทางออกไม่ได้ คนที่ไม่ควรจะรู้เรื่องความสัมพันธ์นี้ที่สุดคือเหลียง แต่กลับกลายเป็นเหลียงที่รู้เรื่องนี้คนแรก

- READ หัวใจมังกร บทที่ 9 : ความรับผิดชอบ
- READ หัวใจมังกร บทที่ 8 : โลกใบใหม่
- READ หัวใจมังกร บทที่ 7 : แนะนำตัว
- READ หัวใจมังกร บทที่ 6 : รอยบิ่น
- READ หัวใจมังกร บทที่ 5 : โชคชะตา
- READ หัวใจมังกร บทที่ 4 : ดอกโบตั๋น
- READ หัวใจมังกร บทที่ 3 : พายุอารมณ์
- READ หัวใจมังกร บทที่ 2 : ตระกูลฟู่
- READ หัวใจมังกร บทที่ 1 : คนแปลกหน้า







