
จากบ้านแม่สู่บ้านเมีย
โดย : วิฑูรย์ ทิพย์กองลาศ
![]()
“เที่ยวโทงเทง” คอลัมน์ท่องเที่ยวกับเรื่องเล่าจากสมุดบันทึกของ “วิฑูรย์ ทิพย์กองลาศ” ซึ่งได้แบกเป้เดินทางคนเดียวตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมา เป็นบันทึกการโดยสารขนส่งสาธารณะ การพบปะและบทสนทนากับผู้คน (ตลอดจนหมาแมว) พร้อมแนบข้อมูลทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมประจำเมือง แต่ละวันมักจบลงด้วยเบียร์เย็นๆ หรือวิสกี้ในบาร์ท้องถิ่น
สตรีน้ำใจงามประจำคาเฟ่ Gondola ผู้กรุณาโทรศัพท์ตามเจ้าของอพาร์เมนท์ให้เราเมื่อตอนบ่ายยิ้มร่าที่เห็นผมและโกรันเปิดประตูร้านเข้าไป เราโผล่มาช้ากว่าเวลานัดราวครึ่งชั่วโมง คาดว่ามีแขกรายอื่นอยากได้ที่นั่งทำเลดีหน้าทีวี แต่เธอน่าจะบอกพวกเขาไปว่ามีคนจองไว้แล้ว
เบียร์ยี่ห้อ Sarajevsko 2 ขวดเล็กมาวางพร้อมขนมขบเคี้ยวบริการฟรี มีทั้งถั่วและขนมปังอบกรอบหลายรูปทรงในถ้วยใบใหญ่ เข้ากันได้ดีกับเบียร์และฟุตบอลบนจอทีวี เราดื่มกันคนละ 3 ขวด ฟุตบอลก็จบลงด้วยผลการแข่งขันที่ผมต้องฉลองต่อ แต่โกรันขอผ่านเพราะง่วงหนัก ผมจึงขอซื้อขึ้นไปดื่มบนห้องพักที่อยู่อาคารเดียวกับคาเฟ่อีก 1 ขวด สตรีที่ทำงานอยู่เพียงคนเดียวในร้านขอให้นำขวดลงมาคืนพรุ่งนี้เช้า เบียร์ประจำเมืองซาราเยโวที่เราดื่มราคาขวดละ 3 KM หรือประมาณ 60 บาทเท่านั้น เงินทอน 4 KM ผมยื่นคืนให้เธอ เจ้าตัวแสดงอาการงงๆ ก่อนจะรับไว้ด้วยยิ้มแปลกๆ
เช้าวันรุ่งขึ้นผมนำขวดลงไปคืนทางด้านหลังร้าน ปรากฏว่าผู้ที่ดูแลร้านในเวลาเช้าตรู่นี้กลายเป็นผู้ชาย อาจเป็นพนักงานกะเช้า หรือไม่ก็สามีของเธอ ผมคืนขวดพร้อมกล่าวขอบคุณแล้วเดินออกทางด้านหน้าร้าน พอดีกับที่โกรันเดินจากลานจอดรถอ้อมมาถึง

ในย่านบาซาร์บาสซาซิยา (Bascarsija) กลิ่นไก่อบหอมลอยออกมาจากร้านอาหารตรงข้าม Brusa Bezitan (ตลาดแบบหลังคาปิดรูปโดม 6 โดม และได้แบ่งส่วนหนึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ของเมือง) ผมกล่อมจนโกรันคล้อยตามเปิดประตูร้านเข้าไป แต่หากไม่มีบูเร็ค ขนมปังอบชีสแบบแผ่นขายด้วย เขาก็อาจไม่ยินยอม เพราะนี่คือมื้อเช้าสุดโปรดของเขา
ไก่อบครึ่งตัวของผมราคา 5 KM หรือแค่ 100 บาท เนื้อไก่นุ่มและฉ่ำ หอมเครื่องเทศ รสชาติเค็มๆ หวานๆ กินกับโยเกิร์ตเข้ากันดีมาก ผมสรุปเอาเองจากประสบการณ์ว่าไก่ที่ปรุงโดยมุสลิมและไก่แขกคือไก่ที่อร่อยที่สุดในโลก อย่างไก่ทันดูรีของอินเดียนั้นผมยกให้เป็นอันดับหนึ่ง ในเมืองไทยหากเป็นไก่ของมุสลิมโดยเฉพาะทางปักษ์ใต้ที่หมักเครื่องเทศเข้าเนื้อก็อร่อยไว้ใจได้ ไม่เหมือนไก่ทอดทั่วไปที่ทอดพอผ่านๆ แล้วไปหวังพึ่งปาฏิหาริย์ของน้ำจิ้มเอา เวลาขายจึงโฆษณาน้ำจิ้มแทนที่จะอวดไก่ทอด (ตอนที่แล้วที่ผมเขียนถึงเคบับนั้น ต้องขออภัยในความคลาดเคลื่อนของข้อมูลว่าเคบับต้นตำรับนั้นภายในห่อแผ่นแป้งจะเป็นเนื้อสับรูปทรงคล้ายไส้กรอกชิ้นเล็กๆ เพราะที่แท้นี่คือเคบับแบบฉบับบอสเนียฯ และเซอร์เบียครับ)
คนในร้านทั้งพนักงานและแขกโต๊ะอื่นมองมาที่เรา ผมไม่อาจเข้าใจความหมายได้ โกรันจ่ายเงินกับแคชเชียร์แล้วรีบเดินออกจากร้านไป สายตาของบรรดาเจ้าถิ่นคงไปกระตุกความขัดแย้งเซิร์บ-บอสนีแอกขึ้นในใจเขาอีก ผมขอน้ำเปล่ามาดื่ม 1 แก้ว แล้วกล่าวขอบคุณพร้อมรอยยิ้มสยาม แจกให้ไม่เฉพาะคนที่นำน้ำมาให้แต่หว่านไปยังแขกโต๊ะอื่นๆ ด้วย พวกเขายิ้มตอบและพยักหน้า จึงคิดว่าพวกเขาพร้อมเปิดใจรับกับทุกคนเพียงแต่รอดูท่าทีผู้มาเยือนก่อน หากมอบความเป็นมิตรให้ ผู้ได้รับย่อมยินดีและแสดงไมตรีกลับคืน
โกรันแวะร้านขนมหวาน เลือกซื้อเป็นชิ้นเล็กๆ ใส่กล่องใบใหญ่ 2 ใบ เพื่อฝากแม่ที่เมืองโบเลช สาธารณรัฐเซอร์เบีย และฝากลูกเมียที่เมืองเบรูน สาธารณรัฐเช็ก เปิดกล่องของแม่หยิบมากินหนึ่งชิ้น ยื่นให้ผมอีกชิ้นแต่ผมปฏิเสธเพราะรู้ว่าหวานสะท้านทรวง
เราเดินกลับมายังร้าน Gondola เพื่อซื้อกาแฟใส่แก้วกระดาษ ก่อนขึ้นรถออกเดินทางตอนประมาณ 11 โมง ใช้เวลา 2 ชั่วโมงนิดๆ ย้อนเส้นทางเดิมก็เข้าเขตเมืองวิเชกราด แม่น้ำดรีนาไหล่ล่องเป็นสีเขียวมรกตอยู่ด้านขวามือ ผ่านสะพานเมเหม็ดพาชาโซโคโลวิชอันเป็นตำนาน ข้ามสะพานสำหรับรถข้ามไปยังฝั่งตัวเมือง สำรวจวิเชกราดในความทรงจำด้วยสายตาขณะโกรันขับออกนอกเมืองสู่ด่านชายแดนบอสเนียฯ – เซอร์เบีย

ผ่านเมืองอูซิเซแล้วขึ้นมอเตอร์เวย์ ถนนเส้นนี้ได้รับเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำจากรัฐบาลจีนและสร้างโดยบริษัทของจีน ซึ่งในอีกไม่นานจะมีเส้นทางเชื่อมเบลเกรดกับทะเลเอเดรียติกในมอนเตเนโกร นับว่าได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย จีนนั้นนอกจากได้งานแล้วยังได้กระจายสินค้าไปยังประเทศในคาบสมุทรบอลข่าน ส่วนเซอร์เบียก็ยังขาดงบประมาณในการพัฒนาสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานอยู่พอสมควร และไม่เป็นที่รักใคร่จากกลุ่มประเทศสหภาพยุโรป หลายปีผ่านไปพวกเขาก็ยังไม่ได้เป็นสมาชิกเสียที ส่วนสหรัฐอเมริกานั้นอาจถึงขั้นไม่เผาผีกันก็ว่าได้ แต่เซอร์เบียไม่โดดเดี่ยวเพราะมีประเทศมหาอำนาจใหม่อย่างจีน รัสเซีย และอินเดีย ที่พร้อมคบหา
ถนนเส้นนี้เพิ่งสร้างได้ไม่นานและยังไม่เชื่อมต่อไปจนถึงเมืองหลวง โกรันจึงต้องเลี้ยวออกที่เมืองชาชัก หรือที่ประมาณครึ่งทางก่อนถึงจุดหมาย ถนนส่วนใหญ่มีเพียง 2 เลนวิ่งสวนกัน หากต้องวิ่งตามรถบรรทุกหรือรถบัสที่ส่วนมากจำกัดความเร็วที่ 80 กม./ชม. หรือในเขตเมืองจะลดลงไปที่ 70 กม./ชม. เราก็ต้องวิ่งตามต้อยๆ ไปอย่างนั้น โอกาสจะแซงหาได้ยาก เพราะฝั่งที่สวนมาจำนวนรถก็ไม่น้อยเช่นกัน ยิ่งถ้าเป็นรถบรรทุกหรือรถบัสที่มีน้ำหนักเกิน 7.5 ตัน ก็ยิ่งจะต้องวิ่งช้าตามกฎหมายลงไปอีก เท่าที่สังเกตดูรถบรรทุกจากเยอรมนีจะมีจำนวนมากกว่ารถจากประเทศอื่น และไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเขาเข้มงวดในกฎเกณฑ์เหล่านี้แค่ไหน
โกรันมองหาร้านหมูย่างและแกะย่างแบบหมุนในเตากระจกสุญญากาศ เขาบอกว่าต้องเลือกร้านที่มีรถบรรทุกจอดอยู่เยอะๆ พวกนี้จะรู้ดีว่าร้านไหนอร่อยเพราะขับผ่านไปมาอยู่เป็นประจำ ร้านที่เราเข้าไปวันนี้มีเหลือเฉพาะหมูย่าง สั่งมา 1 กิโลกรัม ราคา 1 พันดินาร์ หรือประมาณ 350 บาท ขณะรอพนักงานแพ็กใส่ห่อก็สั่งกาแฟมาดื่มคนละแก้ว ส่วนแกะย่างเราไปซื้อได้ที่ร้านห่างออกไปอีกหลายกิโลเมตร ในราคากิโลกรัมละ 1,300 ดินาร์ หรือประมาณ 430 บาท โกรันวางไว้บนเบาะหลังรถทำให้กลิ่นหอมอบอวลไปทั้งคัน เร่งให้น้ำย่อยออกมาก่อนเวลาอันควร
ถึงบ้านแม่โกรันที่เนินเขาเมืองโบเลชในเวลาประมาณ 1 ทุ่ม โกรันแกะหมูย่างออกมากินกับอาหารอื่นๆ ที่แม่ของเขาทำรอไว้แล้ว ยอมรับว่าหมูย่างจากเมืองชาชักอร่อยจริงๆ หอมกลิ่นควัน และเนื้อนุ่มละมุนลิ้น แกะที่ยังอยู่ในห่อโกรันแช่ตู้เย็นเตรียมจะนำไปกินที่บ้านในสาธารณรัฐเช็ก แม่โกรันไม่นิยมกินเนื้อเป็นมื้อเย็น มีลุงโกรันมาร่วมโต๊ะด้วยเพราะบ้านอยู่ติดกัน แกกินแค่นิดเดียวแล้วก็เดินกลับบ้านไป ผมและโกรันจึงซัดเนื้อหมูจดหมด แถมด้วยอาหารจำพวกซุป, ผัก และขนมปัง นอกจากนี้แม่โกรันก็ยังหุงข้าวด้วยวิธีของแกไว้ต้อนรับผมเหมือนเดิม ทำให้เราอิ่ม ง่วง และเข้านอนอย่างรวดเร็ว วันต่อมาจึงตื่นตั้งแต่เช้าตรู่ได้ตามแผน
เสร็จจากมื้อเช้าที่มีไข่ ขนมปัง มะเขือฝานชุบแป้งทอด และกาแฟแบบตุรกีแล้วก็ลาแม่และลุงของโกรันออกเดินทางตั้งแต่ประมาณ 9 โมงเช้า แต่ออกมาจากหมู่บ้านได้ไม่เท่าไหร่โกรันก็แวะซูเปอร์มาร์เก็ตอีกจนได้ ชั้น 2 ของซูเปอร์มาร์เก็ตมีแผนกขายของที่นำเข้าจากจีนล้วนๆ โกรันคิดว่าจะเจอของฝากสำหรับลูกๆ (เพิ่มเติม) แต่ก็ผิดหวัง เมื่อลงมายังชั้นล่างก็คว้าตะกร้ามาช็อปปิ้ง และไม่น่าเชื่อว่าเขาจะเลือกซื้อไวน์อีกรอบ ก่อนนี้ที่เมืองวิเชกราด เขาก็ซื้อมาแล้ว 2 ชุด รวมกันน่าจะหกเจ็ดขวด ผมจึงถือโอกาสซื้อไวน์ขาวเป็นของขวัญวันเกิดให้เมียรักของเพื่อน 1 ขวด โกรันเองน่าจะบวกเข้าไปเพิ่มรวมเป็น 10 ขวดเห็นจะได้
ธุระของโกรันยังไม่หมด เขาขับเข้ากรุงเบลเกรดไปยังเขตที่เรียกว่า Novi Beograd หรือ “เบลเกรดเมืองใหม่” เพื่อนำของไปให้ยายวัยเกือบ 80 ปี หลานสาวของแกซึ่งทำงานเป็นลูกจ้างโกรันในร้านขายของที่ระลึกในกรุงปรากฝากของและเงินมาให้แกที่อาศัยอยู่ในแฟลตเพียงผู้เดียว เมื่อรับซองใส่เงินจากโกรันแกก็เอาเงินออกมานับ แล้วฝากโกรันไปคืนหลานครึ่งหนึ่ง บอกว่าเป็นของขวัญวันเกิด ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะมาถึงเมื่อไหร่

ก่อนถึงด่านชายแดนขาออกจากเซอร์เบียไม่ไกล มีจุดแวะพักรถ โกรันเอาแซนด์วิชที่แม่ทำไว้ให้เป็นมื้อเที่ยงออกมาแบ่งกับผมคนละ 2 ชิ้น ผมคืนเขาไป 1 ชิ้นเพราะเผลอกินขนมในรถมาก่อนหน้านี้ ระหว่างนี้มีรถป้ายทะเบียนเยอรมนีขับมาจอด เด็กวัยประมาณ 10 ขวบพูด “เฮลโล่” กับผม จึง “เฮลโล่” ตอบไปพร้อมรอยยิ้ม เขาเข้าไปยืนฉี่ที่ชายป่าข้างทางซึ่งมีตาขายขึงไว้ คงกั้นทั้งไม่ให้สัตว์ลงมาและคนเข้าไป เด็กเยอรมันฉี่เสร็จก็มาพูดว่า “บาย” แล้วเดินไปขึ้นรถ ผมก็ “บาย” ตอบ แถม “กู้ดลัค” ไปให้ด้วย ส่วนพ่อแม่ไม่ได้แสดงอาการอะไรแม้ผมจะยิ้มให้ ผมคิดว่าเด็กคงถูกสอนเรื่องการแสดงความเป็นมิตรมาจากโรงเรียนมากกว่าที่บ้าน
เราใช้เวลาที่ด่านฮอร์กอสของเซอร์เบียแค่แป๊บเดียวก็ได้รับตราประทับออกประเทศ แต่ที่ด่านชายแดนรอสเก ขาเข้าฮังการี เราต้องเข้าช่อง All Passports ไม่สามารถเข้าช่อง EU ได้ ไม่ใช่แค่ผมที่ไม่ได้เป็นชาว EU โกรันยังถือพาสปอร์ตเซอร์เบียไม่เปลี่ยนแปลงแม้อยู่ในเช็กมาแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 1992 รถติดยาวเป็นกิโล และแถวที่เราเข้าคิวอยู่ช้ากว่าแถวอื่นเป็นพิเศษ
หลายคนลุกออกจากรถและแสดงอาการหัวเสียถึงการทำงานอย่างเชื่องช้าของเจ้าหน้าที่ ผู้ชายบางคนถอดเสื้อ เดินและนั่งอาบแดดมันเสียเลย ผ่านไปนับชั่วโมง ช่อง All Passport ของเราเปิดเพิ่มอีก 1 ช่องติดๆ กัน โกรันถามความเห็นผมว่าควรไปเข้าช่องใหม่หรืออยู่ช่องเดิม ผมว่าให้เข้าช่องใหม่ โกรันลังเลและชักช้าจนรถจากด้านหลังวิ่งไปเข้าช่องใหม่ปิดทางเลี้ยวออกของเราไว้หมด
แล้วก็เป็นอย่างที่ผมคิด ช่องใหม่ผ่านสบายคล่องตัว ส่วนช่องเดิมของเราแทบไม่ขยับเขยื้อนเหมือนเดิม รวมเวลาแล้วเราเสียเวลาอยู่ในช่องนี้เกือบ 2 ชั่วโมง และอาจจะนานกว่านั้นหากเจ้าหน้าที่คนเดิมไม่เปลี่ยนเวรออกไปพัก โกรันชี้ให้ผมดู “นั่นไงไอ้อ้วนจอมแสบย้ายก้นออกไปแล้ว หวังว่ามันคงจะโดนเจ้านายเรียกไปทำโทษ” จากนั้นรถในแถวของเราก็เคลื่อนที่เหมือนแถวอื่นๆ ทันที หลังการมาของเจ้าหน้าที่คนใหม่

ผ่านฮังการี เข้าสู่ประเทศสโลวาเกีย โดยไม่มีรอยต่อเรื่องด่านชายแดน แม้จะเห็นด่านเก่าตั้งอยู่ก็เพียงแค่ให้ผู้เดินทางรับรู้ว่าบัดนี้ได้ผ่านไปยังอีกประเทศหนึ่งแล้วเท่านั้น จากสโลวาเกียก็เข้าสู่เช็ก บางครั้งระหว่างเส้นทางมีสะพานลอยแปลกๆ ส่วนถนนที่เราวิ่งไปก็ดูเหมือนจะเป็นอุโมงค์มากกว่า โกรันบอกว่าข้างบนคือทางสัตว์ผ่าน การตัดถนนผ่านป่าถือว่ารบกวนผู้อาศัยเดิม จึงต้องคงทางที่สัตว์ใช้สัญจรไว้ให้มากเท่าที่จะทำได้
กว่าจะถึงบ้านโกรันที่เมืองเบรูน ชานกรุงปราก ก็ปาเข้าไป 5 ทุ่ม สมาชิกในบ้านคลุมโปงนอนกันหมดแล้ว ก่อนนี้ที่ห้าง Tesco โกรันได้แวะซื้อของบางอย่างตามคำสั่งศรีภรรยา เพราะเธอจะจัดงานวันเกิดต้อนรับแขกในวันพรุ่งนี้ และเครื่องดื่มอย่างเบียร์ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ขาดไม่ได้ โกรันให้ผมเลือกใส่รถเข็นเอาตามใจชอบ
เบียร์หลายสิบยี่ห้อละลานตาอยู่ในอาณาจักรย่อมๆ หลายยี่ห้อผมไม่เคยได้ยินชื่อ ขวดขนาดครึ่งลิตรตกราคาขวดละยี่สิบกว่าบาทเท่านั้น ผมบรรจงหยิบทีละขวดลงรถเข็นอย่างอารมณ์ดี
ทันใดนั้นกลับรู้สึกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก เมื่อคิดถึงเพื่อนๆ ที่อาจกำลังซื้อเบียร์อยู่ที่เมืองไทย
- READ ดรีนา มิลยัสกา ซาราเยโว
- READ จากบ้านแม่สู่บ้านเมีย
- READ สงคราม สันติภาพ ซาราเยโว
- READ สะพานข้ามแม่น้ำ “ดรีนา” (2)
- READ สะพานข้ามแม่น้ำ “ดรีนา” (1)
- READ จาก “เมืองไม้” สู่ “เมืองหิน”
- READ เมืองไม้และรถไฟสายเลข 8
- READ บนเส้นทางสู่ “โมกราโกรา”
- READ กีฬา กาแฟ แก๊ส เกาะ
- READ เมืองขาวของชาวเซิร์บ
- READ โร้ดทริปสู่เซอร์เบีย
- READ วิสกี้ ซิการ์ บูดาเปสต์
- READ คอยเพื่อนที่บูดาเปสต์
- READ ปวดบาทาที่บูดาเปสต์
- READ ทิมิชัวรา – บูดาเปสต์
- READ จาก ‘ซีบีอู’ สู่ ‘ทิมิชัวรา’
- READ มื้อเช้าของนักเดินทางและสะพานคนลวง
- READ ดวงตาซีบีอู
- READ เสน่หา บราชอฟ
- READ รถไฟสายทรานซิลเวเนีย
- READ เชาเชสคูและบูคาเรสต์
- READ บูนา บูคาเรสต์
- READ ผู้ควบอาชาแห่งเมืองบราชอฟ








