ถ้ำอาถรรพ์ 2  : เหตุบังเอิญ ?

ถ้ำอาถรรพ์ 2  : เหตุบังเอิญ ?

โดย : จินต์ชญา

Loading

ไม่ใช่แค่ นิยายออนไลน์ เพียงอย่างเดียวที่มีให้อ่านได้ อ่านดี อ่านฟรี ที่อ่านเอา แต่เรามีเรื่องให้ อ่านออนไลน์ กันมากมาย เช่นเดียวกับคอลัมน์ คอลัมน์  ‘เรื่องผีที่ฉัน (อยาก) เล่า’ ของ ‘จินต์ชญา’ ซึ่งคราวนี้เล่าถึงเรื่องความลึกลับเหลือเชื่อของถ้ำ ซึ่งมักจะมีความเชื่อกันในหลายท้องถิ่นว่า มีความเกี่ยวพันกันกับพญานาค

…………………………………..

“เขาว่ากันว่าในพุทธศาสนา มันไม่มีเหตุบังเอิญ

ทุกอย่างเกิดเพราะ ‘กรรม’ อันเป็นเหตุเป็นปัจจัย  

กรรมตอนนี้ เกิดผลในอนาคต

กรรมในอดีต เกิดผลในปัจจุบัน”


เรื่องราวของทีมหมูป่าที่ได้รับการช่วยเหลือออกมาจากถ้ำหลวง ขุนน้ำ-นางนอนที่ดังไปทั่วโลก คงจะกลายเป็นประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งที่บันทึกไว้อย่างยาวนาน ไม่ใช่แค่ในประเทศไทย แต่เป็นเหตุการณ์ของโลก  ด้วยมีปัจจัยหลายสิ่งหลายอย่างที่คละเคล้ากันไป ทั้งความวิตกกังวล ความเศร้าโศกเสียใจ การประสานความร่วมมือระหว่างประเทศ จิตอาสาทำดีด้วยหัวใจ ความน่ารักไร้เดียงสา การใช้เทคนิคล้ำยุคในการช่วยเหลือ ความกล้าหาญ เสียสละ การเป็นผู้นำ การตัดสินใจ ความตลกขบขัน ความตื่นเต้นระทึกขวัญ สิ่งเหนือธรรมชาติฯลฯ เรียกว่าเป็นภาพยนตร์ได้เลย เพราะมีทุกอารมณ์อย่างครบถ้วน

ฉันคิดว่าสิ่งหนึ่งที่เราได้เรียนรู้จากเหตุการณ์นี้คือ การนำตัวเด็กออกจากถ้ำจนประสบความสำเร็จนั้น  เกิดจากการตัดสินใจเด็ดขาด การวางแผนงานที่รัดกุม ซ้อมกันก่อนเพื่อลดความผิดพลาดให้น้อยที่สุด มีการเปลี่ยนแผนทุกวันเพื่อรองรับสถานการณ์ ทีมกู้ภัยที่เก่งระดับโลก ประสบการณ์สูง มีเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ และความทุ่มเทเสียสละของทุกคน

ทว่า… ความเก่งอย่างเดียว อาจจะไม่ประสบความสำเร็จขนาดนี้ นั่นต้องบวกความ ‘เฮง’ เข้าไปด้วย

เมื่อหันกลับมาดูเรื่องราวตั้งแต่ต้นจนจบ ก็แปลกใจว่า สิ่งต่างๆ มันดูเหมือนบังเอิญหลายอย่างเกินไป เขาว่ากันว่าในพุทธศาสนา มันไม่มีเหตุบังเอิญ ทุกอย่างเกิดเพราะ ‘กรรม’ อันเป็นเหตุเป็นปัจจัย  กรรมตอนนี้ เกิดผลในอนาคต กรรมในอดีต เกิดผลในปัจจุบัน

เหตุการณ์นี้ มีหลายสิ่งที่บ่งชี้ถึงเหตุบังเอิญ เยอะเกินไป… จริงๆ…

อย่างแรก เด็กๆ และโค้ช ‘บังเอิญ’ เข้าไปในถ้ำ ทั้งๆ ที่ตั้งใจเข้าไปแค่ชั่วโมงเดียว ‘บังเอิญ’ ฝนตกหนัก น้ำไหลมาท่วมปากถ้ำ ‘บังเอิญ’ เด็กและโค้ช เคยเข้ามาแล้วลึกกว่านี้อีก  เลยไม่ตกใจ หาที่พักให้พ้นน้ำได้ที่เนินนมสาว

ก่อนหน้านี้ โค้ชเอก ที่ ‘บังเอิญ’ เคยบวชเป็นสามเณรมานานถึง 10 ปี ‘บังเอิญ’ เคยพบครูบาบุญชุ่มที่ประเทศพม่า ช่วงเดือนตุลาคม ปี พ.ศ. 2560 มาแล้ว เลยได้ถ่ายทอดวิชาสมาธิให้กับน้องๆ ทีมหมูป่า เพื่อให้ประหยัดพลังงาน และไม่หิวมากนัก และ ‘บังเอิญ’ เด็กๆ รักและเชื่อฟังโค้ชมาก จึงรวมกันเป็นกลุ่มก้อน และไม่มีเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทกันเลย แชร์อาหาร ไฟฉายกันอย่างรู้รักสามัคคียิ่ง

ก่อนหน้านี้ ฮีโร่ถ้ำหลวง ริชาร์ด สแตนตัน นักดำน้ำในถ้ำที่เป็นหนึ่งในคนที่เก่งที่สุดในโลกชาวอังกฤษ ‘บังเอิญ’ พบกับพยาบาลสาวชาวไทย ที่ไปเที่ยวประเทศอังกฤษแล้วมีคนแนะนำให้รู้จัก พอต้องมีภารกิจช่วยทีมหมูป่า บินมาเมืองไทย ก็ให้ ‘บังเอิญ’ เธอเป็นคนจังหวัดเชียงราย แถวๆ ถ้ำพอดี พูดภาษาอังกฤษก็คล่อง เลยต้อง ‘บังเอิญ’ มาเป็นล่ามอาสาสมัครให้กับทีมกู้ภัยจนสนิทสนมกันดี ส่วนในอนาคตเรื่องราวจะโรแมนติกแบบในภาพยนตร์หรือเปล่าต้องรอติดตามตอนต่อไป

จอห์น โวลันเธน ฮีโร่นักดำน้ำอังกฤษอีกท่าน ก็ให้สัมภาษณ์ว่า การพบเด็กมัน ‘เหลือเชื่อมาก’ เพราะระดับน้ำสูงมาก เมื่อมีที่โผล่ให้หายใจ เขาก็จะโผล่หัวขึ้นมาเหนือน้ำ ‘บังเอิญ’ โผล่มาช่วงเนินนมสาวพอดี พอได้กลิ่นเด็ก เด็กก็ ‘บังเอิญ’ ได้ยินฝรั่งคุยกันเลยลงมาดู เลย ‘บังเอิญ’ พบกัน

การที่เป็นช่วงการแข่งขันฟุตบอลโลกพอดี เด็กที่หายก็ ‘บังเอิญ’ เป็นทีมฟุตบอล ทำให้เกิดกระแสสนใจเป็นวงกว้าง มีนักข่าวต่างประเทศบินเข้ามาทำข่าวเป็นจำนวนมาก ดังไปทั่วโลก

มีการเปิดตัวพระเอกของเรื่อง คือ ท่านอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ท่านณรงค์ศํกดิ์ โอสถธนากร ที่ ‘บังเอิญ’ ไม่ได้จบรัฐศาสตร์ สิงห์ดำ สิงห์แดงแบบใครๆ เขาทั้งกรม  แต่จบวิศวกรรมโยธา และ อีกนั่นแหละ ‘บังเอิญ’ จบปริญญาโทด้าน Geodetic Science and Surveying จากสหรัฐอเมริกาพอดี นับว่ารู้เรื่องภูมิศาสตร์ที่สุดคนหนึ่ง และสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษเพื่อประสานกับทีมนานาชาติได้เป็นอย่างดี และแม้ว่าคำสั่งย้ายจะออกมาแล้ว แต่ ‘บังเอิญ’ ราชกิจจานุเบกษายังไม่ออก แต่พอราชกิจจาฯ ออกมาระหว่างงาน จึงต้องดำเนินงานให้แล้วเสร็จ แล้วจึงย้ายไปเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยาตามคำสั่ง คาดว่าท่านผู้ว่าฯ ท่านนี้ มีสปอตไลต์ฉายถึงความเก่งกาจเป็นผู้นำอย่างถูกที่ถูกเวลา อนาคตน่าจะสดใสรุ่งเรืองทีเดียว

‘บังเอิญ’ ว่าพ่อของน้องหมูป่าคนหนึ่งเป็นลูกศิษย์ครูบาบุญชุ่ม  เลยนิมนต์มาทำพิธีหน้าถ้ำ ที่เกรียนคีย์บอร์ดที่ไม่เชื่อถือก็จะพูดจาไม่ดี ไม่เชื่อ ทั้งๆ ที่ครูบาท่านก็มาตามคำนิมนต์ ทำพิธีทางศาสนาตามธรรมดา นั่งสมาธิ ทำพิธีถอนขึด (สิ่งอัปมงคล) ตามความเชื่อของคนแถวนั้น แผ่เมตตา เปิดถ้ำ ในที่ที่ไม่ธรรมดาคือ ท่าน ‘บังเอิญ’ เป็นพระสายกรรมฐาน และ ‘บังเอิญ’ มีประสบการณ์ทำสมาธิในถ้ำอย่างช่ำชอง ท่านมาสามครั้ง และพูดว่า  “อีกสองวันจะเจอเด็ก… ปลอดภัยทุกคน” และก็ ‘บังเอิญ’ เป็นไปตามนั้นจริงๆ

ในการสัมภาษณ์นักดำน้ำฝรั่งที่มากู้ภัยในสารคดีของต่างประเทศ  หลายคนพูดถึงความลึกลับ ความศักดิ์สิทธิ์ของถ้ำด้วยความฉงนฉงาย เพราะหลายคนพูดว่า พวกเขาคิดว่าเด็กอาจจะต้องเสียชีวิตไปอย่างน้อย 3-4 คน  เขาไม่ได้คิดว่าทุกคนจะออกมาอย่างปลอดภัย เพราะการดำน้ำในถ้ำนั้นยากมาก ขนาดคนมีประสบการณ์ เรายังเสีย น.ต. สมาน กุนัน อดีตหน่วยซีลที่เก่งกาจ วีรบุรุษถ้ำหลวงไปหนึ่งคนอย่างน่าเศร้าสลดใจยิ่ง แต่ถ้าไม่มีปฎิบัติการกู้ภัย อาจจะต้องเสียเด็กไปทั้งหมด เพราะอากาศลดลงมาเหลือน้อย ฝนกำลังจะตกรอบใหญ่ และเด็กๆ เริ่มปอดอักเสบกันแล้ว แถมอาหารก็ไม่สามารถดำน้ำเอาเข้าไปได้ทุกวัน การนำเด็กออกมานั้น ยากมาก มีหลายสิ่งที่อาจจะเป็นปัญหา เช่น ถ้าน้ำเข้าหน้ากากได้ ไม่มีทางอื่นเลย นอกจากเสียชีวิตจากการขาดอากาศหายใจ โดยเฉพาะน้องคนสุดท้ายที่ตัวเล็กที่สุดจนหน้ากากและเวตสูท หรือชุดดำน้ำไม่พอดี การที่น้องๆ ทีมหมูป่า ‘บังเอิญ’ รอดชีวิตทั้งหมด ส่วนใหญ่ ฝรั่งมองเป็นเรื่องมหัศจรรย์

แถมยัง ‘บังเอิญ’ มีแพทย์ที่จบหลักสูตรมนุษย์กบและอื่นๆ อีกมากมาย จนใครๆ ให้ฉายาว่า มนุษย์ที่แกร่งที่สุดในปฐพี คือ พันโท นายแพทย์ ภาคย์ โลหารชุน และ ‘บังเอิญ’ มีวิสัญญีแพทย์ชาวออสเตรเลีย ที่ ‘บังเอิญ’ เป็นนักดำน้ำมีประสบการณ์กู้ชีพในถ้ำ เข้าไปช่วยในการกู้ภัยอีกด้วย คือ นายแพทย์ริชาร์ด แฮริส และ ‘บังเอิญ’ แผนการช่วยเด็กและโค้ชต้องอาศัยวิสัญญีแพทย์ฉีดยาให้ไม่รู้สึกตัว (แพทย์ดำน้ำกู้ภัยในถ้ำที่เก่งระดับโลกก็แปลกหายากสุดๆ แล้ว ดัน ‘บังเอิญ’ เป็นหมอดมยาอีกต่างหาก) ซึ่งพอช่วยเด็กออกมาได้ ‘บังเอิญ’ บิดาได้เสียชีวิตลงในวันเดียวกัน

เรื่องความเชื่อส่วนบุคคล หมอภาคย์ยังเปิดเผยว่าก่อนเข้าถ้ำ ได้คิดถึงพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ รัขกาลที่ 9 เพื่อขอพระบารมีปกเกล้าฯ  รู้สึกว่า ทรงไม่ได้ไปไหน ทรงอยู่ด้วยตลอด ตอนแรก วางแผนออกจากถ้ำหกคนก่อน แต่ ‘บังเอิญ’ มีเหตุให้อุปกรณ์ไม่พร้อม และออกมาเป็นทีละ 4 คน ‘บังเอิญ’ ว่าหมออยู่ในถ้ำ 9 วัน ออกวันสุดท้าย ‘บังเอิญ’ ออกมา 9 คนพอดี คือ เด็ก 3 คน โค้ช และหมอกับหน่วยซีลอีก 3 คน และหมอยังเล่าว่า ‘น้องบิว’ เห็นในหลวง รัชกาลที่ 9 ทรงจูงมือเด็กๆ 3 คนขึ้นเฮลิคอปเตอร์ด้วย

เรื่องสุดท้าย คือพอช่วยเด็กออกมาหมด และทีมหน่วยซีลที่อยู่กับเด็กทั้งหมดรวมทั้งคุณหมอภาคย์ ออกมาหมด ‘บังเอิญ’ ปั๊มน้ำเสียพอดี ระดับน้ำขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว จนหน่วยกู้ภัยไม่มีเวลาเก็บของ ต้องรีบเอาชีวิตรอดออกมาทั้งหมด จบภารกิจอย่างตื่นเต้น แบบสไตล์ภาพยนตร์ฮอลลีวูดผจญภัยต่างๆ อาทิ  ทูม เรเดอร์ ที่ตอนจบสุสานต้องพังลงหมด ทุกคนวิ่งหนีออกมาสู่อิสระ มีเอนด์เครดิตขึ้นพร้อมเพลง

แต่เหนือความบังเอิญใดๆ สิ่งที่ทำให้การช่วยเหลือน้องๆ ทั้ง 13 คนนั้น คือการที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงห่วงใย และทรงติดตามปฏิบัติการช่วยเหลือทีมหมูป่าและโค้ชอย่างใกล้ชิด อย่าลืมว่า เด็กๆ ทั้งหมด ‘บังเอิญ’ อายุใกล้เคียงกับพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ พระราชโอรสพอดี ทำให้ท่านผู้ว่าฯ มี ‘แบ็ก’ ที่แข็งแกร่ง มีอุปกรณ์พระราชทานที่ ‘เนรมิต’ เข้ามาอย่างทันเวลา มี ‘จิตอาสา’ ที่มาร่วมกันทำงานอย่างไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อยทุกคน ทุกภาคส่วน จนหน่วยกู้ภัยและนักข่าวต่างประเทศประทับใจกันไปตามๆ กัน อีกทั้งท่านนายกรัฐมนตรี รองนายกฯ รมต. มหาดไทย ผบ.ทบ. ผบ.ทร. ผบ.ตร. ฯลฯ บัญชาการอยู่หมด แต่ทุกคนเลือกที่จะโลว์โพรไฟล์ ไม่พูด ไม่ออกมาแถลงข่าวให้สับสน ยกให้พ่อเมืองเชียงรายเป็นคนบริหารจัดการ และให้ข่าวพร้อมด้วยทหาร ตำรวจ กรมทรัพยากรธรรมชาติฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระดับภาค ระดับพื้นที่เท่านั้น  

นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณและพระปรีชาสามารถอย่างล้นพ้น

และในความบังเอิญหลายๆ ประการ…

ความร่วมแรงร่วมใจนี้… มิใช่เรื่องบังเอิญ…

Don`t copy text!