คนปล่อยหมา
โดย : ชุนเทียน
“ฝนตก แดดออก” คอลัมน์ที่รวมบทความที่เขียนถึงประสบการณ์ชีวิต ความคิด ความรู้สึกต่อเรื่องราวรอบตัวที่ชุนเทียนได้พบ…แม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ แต่ถ้ามองให้ดี คุณจะสัมผัสได้ถึงอากาศสบายๆ ในยามฝนโปรย และมีความสุขทุกครั้งที่เงยหน้ามองฟ้าเมื่อแดดออกในทุกวัน
หมาเลือกเจ้าของได้ไหม? หรือเจ้าของเป็นฝ่ายเลือกหมา? มันเป็นเรื่องที่ฉันสงสัยในตอนนี้จริงๆ นะ เหตุเพราะทำเลที่บ้านกลายเป็นแหล่งที่คนบางคนชอบเอาหมามาปล่อย…ให้ฉันเลี้ยง
จะว่ากิตติศัพท์การเลี้ยงสัตว์ของฉันมันถูกลือกระฉ่อนไปไกลในหมู่บ้านหรือเปล่าว่าฉันเลี้ยงหมา แมว อย่างดี อาจจัดว่าดีเกินกว่ามาตรฐานของชาวบ้านในระดับปกติหรือเปล่า? ในเรื่องของตายก็ฝัง ยังก็เลี้ยงนั่นแหละ เพราะฉันเลี้ยงและรักษาพวกมันไปเรื่อยจนกว่ามันจะตายแบบที่หมอหมดทางรักษา ถึงยอมเอามันกลับมาตายคามือที่บ้าน หรือไม่ก็อยู่เป็นเพื่อนตายไปกับมันที่ห้อง ICU ในโรงพยาบาลสัตว์ ฉันผ่านพวกมันมาไม่รู้กี่ตัวต่อกี่ตัว ก็ยัง…ไม่ชิน
ใช่ว่าจะเล่าเรื่องพวกนี้เพื่ออยากจะยกยอตัวเอง หรือเพื่อบ่นพวกไม่มีความรับผิดชอบ ผลักภาระปล่อยสัตว์ของตัวเองให้คนอื่นดูแล อาจจะด้วยข้ออ้างว่าเลี้ยงไม่ไหว หรือพวกอาสาพามาปล่อย ฯลฯ สุดแท้จะว่ากันไป ฉันแค่อยากให้คนที่คิดจะเอาสัตว์ที่อยู่ในความดูแลของพวกเขามาทิ้งให้นี่ ได้รู้ถึงความลำบากของสัตว์และคนดูแลหน้าใหม่ของพวกมันอย่างฉันบ้าง เรื่องของเรื่องคือ อยากให้พวกเขารู้สึกผิด แต่ดูเหมือนฉันจะตั้งความหวังผิดไปไกลโข เพราะประวัติศาสตร์มักซ้ำรอยเสมอ
บ้านฉันไม่เคยว่างเว้นมีสัตว์เป็นเพื่อนร่วมชายคา นับจากหมาที่มีมาตลอด ผ่านมือไปกว่าครึ่งร้อย แมวน้อยเป็นหลักสิบ ไม่อยากจะนับถึงจำนวนครั้งของการเสียน้ำตาไปกับการจากลาอีกไม่รู้เท่าไร มันไม่ชิน ไม่เคยชินชาที่จะรู้สึกถึงความเป็นอนิจจังเหล่านั้น ความทุกข์ขังอยู่ในใจร่ำไป ตราบใดที่ฉันยังไม่เคยเข็ดที่จะเลี้ยงสัตว์ไว้เป็นเพื่อนร่วมโลก จะว่าไป ความสุขที่มีพวกมันในชีวิตนี่สิ เป็นประเด็นสำคัญ พูดให้หรู ก็คือ ฉันมีชีวิตชีวาได้ ก็เพราะพวกมันทั้งหลายมาเติมชีวิตฉันให้เต็มเสมอมา
ไม่เคยคิดว่าพวกมันเป็นลูกเป็นเต้า แต่เป็นเพื่อนแท้ ใครที่เลี้ยงสัตว์อย่างไม่มีเงื่อนไขคงเข้าใจดี ฉันไม่เคยซื้อหรือหาพวกมันมาเป็นเพื่อน (แต่ก็ไม่ได้มีอคติกับคนที่ซื้อนะคะ) พาเหรดกันเข้ามาในชีวิตของฉันเอง ทีละตัว สองตัว บางทีเป็นฝูง เพราะฉันทำหมันไม่ทัน อันนี้หมายถึงหมาที่มีอยู่ในบ้านให้ดูแล (สมัยก่อนความเจริญยังเข้าไม่ถึงหมู่บ้าน ระบบการสื่อสารกับโลกภายนอกไม่สะดวกเหมือนยุคปัจจุบัน) กว่าฉันจะรู้จักบริการของกรมปศุสัตว์ ที่รับทำหมันฟรี หรือคลีนิคสัตว์แพทย์ที่ราคาย่อมเยา ก็นานโข
ฉันเคยมีหมาในความดูแลร่วมสามสิบตัว ในเวลาที่อายุน้อยนิด มีความคิดฝันว่าอยากมีหมาห้อมล้อมเป็นฝูง คงฟิน…พอเป็นจริง สยองขวัญกว่าที่คิดแฮะ!
ผ่านกันมาได้ ทุกวันนี้ เหลือหมาในบ้านแค่ 2 ตัว แต่ก็ใช่ว่ากรรมฉันจะหมดแค่นี้
อย่างที่เล่าตั้งแต่ต้น มีคนเอาหมามาปล่อยที่ริมประตูรั้วข้างบ้านฉัน ตอนนั้นยังไม่ได้ติดตั้งกล้องวงจรปิด ความที่ประตูรั้วมีช่องว่างค่อนข้างกว้าง คนปล่อยหย่อนลูกหมาตัวย่อมๆ อายุราว 3 เดือน ทั้งหมด 3 ตัว ลูกหมาพันธุ์ทางพวกนั้น สบตาฉันอย่างงงๆ แกมหวาดในคราวแรก และในเวลาต่อมา
หลังจากพ้นกำหนดอยู่ในกรงเพื่อกักกันโรคติดต่อและทำวัคซีน หยดยาเห็บหมัดแล้ว ปล่อยอิสระเท่านั้นล่ะ ความบันเทิงควบบรรลัยเริ่มปรากฎ นิสัยของหมาวัยรุ่น มันไม่เคยอยู่นิ่ง วิ่งระเบิดระเบ้ออยู่ในสวนเป็นประจำ พากันควบกันไปกระโดดข้ามท้องร่องที่น้ำแห้งขอดเวลาหน้าแล้ง ย่ำดินโคลนเหลวเละที่ชายคลองและริมแม่น้ำขึ้นบันไดบ้านในฤดูฝน รองเท้าทั้งของคนในบ้านและแขกผู้มาเยือนไม่เคยครบคู่ เดือดร้อนต้องออกเงินซื้อชดใช้ให้เขาไปก็มี แต่ปัญหาเหล่านี้…เล็กจ้อยไปเลยเมื่อเทียบกับเวลาที่พวกมัน…ป่วย
เลี้ยงพวกมันมาเกือบปี ไอ้ตัวแรก “ฟ็อก” สีน้ำตาลแกมขาว หน้าเหมือนหมาป่าที่สุดในกลุ่ม เริ่มมีอาการซึมลง ไม่กินข้าว ชอบหลบไปนอนที่ชื้นๆ พาไป รพ.สัตว์ ช้าไป เพราะฉันไม่ว่างบ้าง คนขับรถไม่ว่างบ้าง กว่าจะไปถึงโรงพยาบาล กว่าจะได้ตรวจ กว่าจะได้รักษาโรคพยาธิเม็ดเลือด ปาไปเกือบค่อนวัน หมอบอกอาการหนัก ให้น้ำเกลือติดขาห้อยร่องแร่งกลับบ้าน มันก็อึดพอทน นอนให้น้ำเกลือมาในรถร่วมสามสิบกิโล พอกลับถึงบ้านปุ๊บ ใส่กรงปั๊บ สิ้นใจเลย น้ำเกลือในขวดยังพร่องไม่ถึงครึ่ง… รุ่งเช้าเอามันไปฝังในสวนที่มันชอบวิ่งเล่น
“แฟ้บ” สีขาวแกมน้ำตาล วิ่งมาดมเพื่อน ฉันหันไปไล่มันไม่ทัน ใจสังหรณ์ว่าจะติดกันไหมเนี่ย ผ่านไปวันเดียวเริ่มซึม ตามพวกไปอีกตัวในอีกอาทิตย์ต่อมา
“ฟอง” สีน้ำตาลเข้มเกือบทั้งตัวแกมขาวนิด นางหุ่นเพรียวลม ชอบวิ่งตะบึงตามพวกพ้องเสมอ ไม่เคยนำหน้าเขา วันหนึ่ง ไปทำอีท่าไหนไม่รู้ เห็นเดินขากะเผลก มีคนบอกว่ามันตกสะพานในร่องสวน ความที่มันเหลืออยู่ตัวเดียว ระยะหลังออกจะเหงา ไม่ค่อยวิ่งเล่นพร้อมกับขาที่กะเผลกหนักขึ้น พาไปหาหมอที่คลินิก เอ็กซเรย์ดูแล้ว กระดูกขาหัก หมอแจ้งว่าควรผ่าตัดใส่เหล็กดาม แล้วมันจะหายดี ก่อนหน้านั้นมันเคยรักษาโรคพยาธิเม็ดเลือดที่ติดมากับพวกพ้องไปแล้วเป็นอาทิตย์ มาคราวนี้ ผ่าตัดรักษาขา ก็อยู่อีกเกือบสามอาทิตย์ รวมแล้วมันแทบไม่ได้อยู่บ้านเป็นเดือน ครั้นกลับมาอยู่บ้าน ร่างกายหายเป็นปกติ กลายเป็นหมาที่โหยหาอิสระ ไม่เคยอยู่ติดบ้านสักวัน ถ้าไม่หิวเป็นไม่เสนอหน้า ยังดีที่เรียกหาแล้วมาให้เห็น แต่ก็นั่นแหละ วันที่เรียกแล้วมันไม่มาก็มาถึง
เช้านั้นฉันเรียกมันมากินข้าว มันไม่มาก็ปล่อย นึกว่าคงไปเที่ยวเดี๋ยวคงกลับ พอสาย เพื่อนบ้านมาเรียกว่าหมาที่บ้านหรือเปล่ามันนอนตายอยู่กลางถนนเลยสะพานข้ามคลองหลังบ้านไปไม่ไกล ฟังแล้วใจหล่นอยู่ที่ตาตุ่ม แล้วก็ใช่ มันคงถึงที่แล้วจริงๆ มิไยที่ฉันจะขังมันไว้ในบ้านเท่าไร หากมีโอกาสมันเป็นต้องหนีออกไปจนต้องปล่อยตามใจ เออ…แกได้อิสระสมใจแล้วสินะ ขอให้ไปสู่ภพภูมิที่ดี
“อิ๋ง อิ๋ง” หมาพันธุ์ผสมชเนาว์เซอร์สีขาว (แน่นอนว่ามันเป็นหมาหลงมาจากไหนไม่รู้ มาเดินเพ่นพ่านแถวบ้านอยู่หลายวัน) เกิดชัก พาไปรักษาที่โรงพยาบาลสัตว์เจ้าประจำ หมอนัดดูอาการทุกเดือน ให้ยามากินสม่ำเสมอ หากเวลาที่มีส่วนใหญ่ฉันต้องดูแลแม่ อาการค่อนข้างวิกฤติในตอนนั้นทำให้แทบไม่ได้อยู่บ้าน อาการอิ๋ง อิ๋งเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ มันตายหลังจากแม่เสียไม่ถึงเดือน
วันที่แม่ตาย พี่เล่าว่ามีหมาหลงมาใหม่อีกตัว ไอ้ “ห้าว” ขนเกรียน ไทยพันธุ์ทางแท้ที่ห้าวสมชื่อ ไล่กัดคนไปหมด ไม่สนใครเป็นใคร ยกเว้นคนในบ้าน เดือดร้อนต้องล่ามโซ่ จำกัดบริเวณมัน ทั้งๆ ที่ฉันไม่เคยทำกับหมาในความดูแลมาก่อน แต่ก็ต้องทำ ดีที่มันยังเป็นหมาวัยหนุ่ม ไม่ค่อยป่วยบ่อย เป็นแต่ละที พาไปหาหมอลำบากเพราะเมารถ กว่าจะถึงมือหมอ ฉันแทบป่วยตามมันไปด้วย
ตอนนี้ บ้านฉันก็อยู่ในความสงบด้วยหมาเพียงสองตัว ก็ใช่ว่าปัญหาจะน้อยลง “จีจ้า” หมาใหญ่พันธุ์เยอรมันเชพเพิร์ด เกิดเดินไม่ได้ขึ้นมา พาไปหาหมอ เอ็กซเรย์แล้ว กระดูกสะโพกหลุด อ้อ จีจ้าก็มาเองนะคะ เจ้าของฟาร์มขนใส่กรงมาให้ฟรี นัยว่าประทับใจเห็นฉันเลี้ยงหมาเอาใจใส่ เลยวางใจให้ฉันเลี้ยงหมาเขาได้ เอ่อ… ฉันอยากจะบอกเขาว่า ฉันไม่ได้ขอและไม่ได้อยากได้ แต่พวกเขาไม่อยู่รอให้ฉันพูด เลี้ยงมันมาร่วม 9 ปี ปัญหาโรคภัยตามสายพันธุ์เริ่มปรากฎ นั่นแหละค่ะ ท่านผู้ชม ทุกวันนี้ ค่ายารักษามันแต่ละเดือน… และต้องเสียไปตลอดชีวิตของมันที่เหลือ ถ้าอยากให้มันเดินได้ปกติเหมือนเดิมไปนานๆ
ทั้งหมดที่เล่ามาเป็นเรื่องรองไปแล้วล่ะ…
เช้านี้ตอนตีสี่ ตะกร้าสีฟ้า (ดีที่ไม่ผูกโบว์ให้) ใส่ลูกหมาอ้วนผอมสองตัว สีน้ำตาลแกมดำ น่าจะพันธุ์ลูกครึ่งอะไรสักอย่าง ดูตาเม็ดก๋วยจี้ดำๆ น่าเอ็นดู ไอ้สีเกาลัดนั่นก็อ้วนฟูพุงป่อง ทั้งคู่หมัดเต็มตัว คุณว่า… คราวนี้ ฉันจะใจอ่อนอีกมั๊ย?