ดวงตาซีบีอู

ดวงตาซีบีอู

โดย : วิฑูรย์ ทิพย์กองลาศ

Loading

“เที่ยวโทงเทง” คอลัมน์ท่องเที่ยวกับเรื่องเล่าจากสมุดบันทึกของ “วิฑูรย์ ทิพย์กองลาศ” ซึ่งได้แบกเป้เดินทางคนเดียวตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมา เป็นบันทึกการโดยสารขนส่งสาธารณะ การพบปะและบทสนทนากับผู้คน (ตลอดจนหมาแมว) พร้อมแนบข้อมูลทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมประจำเมือง แต่ละวันมักจบลงด้วยเบียร์เย็นๆ หรือวิสกี้ในบาร์ท้องถิ่น

วันนี้ผมต้องลาบราชอฟโดยที่ไม่ได้ไปเยือน ‘โพยานา บราชอฟ’ (Poiana Brasov) สกีรีสอร์ตที่เป็นที่นิยมอย่างมากสำหรับชาวโรมาเนียและผู้ชื่นชอบการเล่นสกีจากประเทศใกล้เคียง อยู่ห่างจากตัวเมืองบราชอฟไปแค่ 12 กิโลเมตร และการเดินทางนั้นก็แสนง่ายดาย มีรถเมล์ผ่าน 2 สาย สกีรีสอร์ตแห่งนี้มีขนาดถึง 80 เฮกตาร์ และสโลปสำหรับให้นักสกีเคลื่อนที่สลาลม ยาวถึง 24 กิโลเมตร แม้ไม่ใช่หน้าหนาวแต่ก็ยังเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวจำนวนมากอยู่ดี เพราะมีเครื่องทำหิมะที่เรียกว่า Snow Cannon อยู่หลายเครื่อง

สายตาแห่งเมืองซีบีอูจับจ้องคุณอยู่ทุกก้าวย่าง

แมวอ้วนจูดี้ยังนอนหลับหนุนแขนอยู่ตอนผมตื่น และเมื่อหล่อนรู้สึกตัวก็ลุกจากเตียงของผมไปนอนต่ออีกเตียงที่ว่างอยู่ วันนี้ฝนไม่ตก อากาศแจ่มใส แต่ยังคงหนาวนิดหน่อย ผมรีบเดินออกจากที่พักเพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์ยามเช้า

ที่ประตูทางออกของโฮสเทล คู่รักชาวสวิสกำลังดื่มกาแฟและสูบบุหรี่ พวกเขาแต่งตัวและเก็บกระเป๋าพร้อมแล้วที่จะออกเดินทางไปยังสถานที่ใหม่ ผมถามพวกเขาว่าซื้อกาแฟที่ไหน ทำไมดูดีกว่าที่ผมซื้อเมื่อวาน แถวนี้หาร้านกาแฟที่เป็นร้านกาแฟจริงๆ และเปิดตอนเช้าไม่ได้เลย ฝ่ายหญิงอธิบายว่าเดินออกจากโฮสเทล เลี้ยวซ้าย แล้วให้เดินเข้าร้านที่สอง

เมืองเก่าซีบีอู ภูมิภาคเพนซิลเวเนีย ประเทศโรมาเนีย

ลุงเจ้าของร้านพูดภาษาอังกฤษได้ดีพอสมควร เดินออกจากเคาน์เตอร์มาหาผมที่ตู้กาแฟอัตโนมัติช่วยอธิบายว่าใช้งานอย่างไร ผมกด Long Espresso ซึ่งก็คือเอสเปรซโซที่น้ำเยอะกว่าปกติ ราคาแค่ 2 เล หรือประมาณ 16 บาท ในร้านมีขนมปังลูกเล็กๆ ที่ลุงเพิ่งอบใหม่ๆ แกแนะนำไส้แอปปริคอตและไส้ชีส ผมขอให้แกหยิบมาไส้ละ 3 ลูก ชั่งน้ำหนักเข็มแทบไม่กระดิก ราคาแค่ 2 เล เท่ากับกาแฟ

จัตุรัส Piata Mare เมืองซีบีอู

ออกไปนั่งจิบกาแฟดูฝูงนกพิราบที่จัตุรัส Piata Unirii ขนมปังไส้แอปปริคอตอร่อย เข้ากับกาแฟดีมาก ส่วนไส้ชีสรู้สึกเฉยๆ จึงแบ่งให้นกพิราบไป เมื่อจัดการกับกาแฟและขนมจนหมดก็เดินสำรวจบ้านเรือนในย่านชเคอิอีกรอบ จนกระทั่งเจอหมาเห่าเข้าที่บ้านหลังหนึ่งจึงเดินกลับ ผ่านร้านเหล้าบรั่นดีพลัมที่แวะเมื่อคืน ลุงคนหนึ่งคาดว่าเป็นสามีของป้าเจ้าของร้านผู้รินบรั่นดีจากขวดใบยักษ์ชักชวนด้วยภาษาใบ้ให้เข้าไปดื่ม ผมตอบกลับด้วยภาษาใบ้เช่นกันว่า “ยังเช้าอยู่เลยลุงเอ๋ย”

เมื่ออาบน้ำ เก็บกระเป๋าเสร็จก็ลา ‘ดิอานา’ พนักงานต้อนรับผู้มีอัธยาศัยน่ารัก และจูดี้แมวอ้วนที่เช้านี้ดูท่าทางเหงาๆ และหมองๆ ผมเดินจากโฮสเทลระยะทาง 1.1 กิโลเมตรไปยังจัตุรัส Piata Sfatului ย่านเมืองเก่า แวะร้านเคเอฟซี กินไก่ทอดเป็นมื้อเที่ยง แล้วเดินไปที่จุดศูนย์รวมหรือชุมทางของป้ายรถเมล์ ขึ้นสาย 4 ไปยังสถานีรถไฟ

จัตุรัส Piata Mare เมืองซีบีอู

ผมยังไม่ได้จองตั๋ว เพียงแต่เช็กไว้ก่อนหน้านี้ว่าขบวนที่เดินทางไปเมือง Sibiu (ซีบีอู) มีเที่ยวบ่ายตรง โชคดีที่ยังมีที่ว่าง ซึ่งรถไฟในโรมาเนียมักจะมีที่ว่างเสมอ ราคาค่าตั๋ว 44.2 เล หรือประมาณ 360 บาท ที่นั่งของผมอยู่ในตู้ที่มีบาร์ เมื่อวางกระเป๋าเสร็จจึงย้ายไปนั่งที่บาร์ สั่ง Timisoreana มา 1 กระป๋อง (ขนาด 400 มิลลิลิตร) ในราคาแค่ 5 เล หรือประมาณ 40 บาทเท่านั้น ทำให้การนั่งชมทุ่งคาโนล่าเหลืองอร่ามและเทือกเขาคาร์เพเทียนผ่านกระจกใสเพลิดเพลินใจยิ่งนัก

จากสถานีบราชอฟถึงสถานีซีบีอูประมาณ 150 กิโลเมตร รถไฟใช้เวลาวิ่งราว 3 ชั่วโมง ผมเช็กเส้นทางจากสถานีรถไฟไปยังที่พักจากแผนที่กูเกิลในโทรศัพท์มือถือ ดูแล้วเดินง่ายแทบจะเป็นเส้นตรง และระยะทางเพียง 1 กิโลเมตรเท่านั้น

เมืองซีบีอูถือเป็นหนึ่งในเมืองของภูมิภาคทรานซิลเวเนีย ชาวเยอรมันแซ็กซอนได้เข้ามาตั้งรกรากและปกครองอยู่หลายศตวรรษนับตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 12 เช่นเดียวกับเมืองบราชอฟ มีความสำคัญทางการค้านับแต่คริสต์ศตวรรษที่ 14 ต่อจากนั้นภูมิภาคทรานซิลเวเนียซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแคว้นวัลลาเชียได้ตกอยู่ใต้อำนาจของผู้ครองนครจากจักรวรรดิออตโตมันอยู่ถึงราวสี่ร้อยปี และบางช่วงจักรวรรดิรัสเซียเข้ามามีอิทธิพล รวมถึงยังเคยเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี กระทั่งปี ค.ศ. 1920 จึงได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของประเทศโรมาเนีย

ซีบีอูตั้งอยู่ในแอ่งที่ราบ มีภูขา 3 ลูกอยู่รายรอบ มีสกีรีสอร์ต ‘พัลตินิส’ ที่ขึ้นชื่อ กลางเมืองมีแม่น้ำชิบิน ซึ่งเป็นลำน้ำสาขาของแม่น้ำโอลต์ไหลผ่าน อาคารบ้านเรือนสวยงามแปลกตาและมีเสน่ห์ ได้รับการคัดเลือกให้เป็นเมืองหลวงแห่งวัฒนธรรมของยุโรปในปี ค.ศ. 2007 อีกทั้งนิตยสาร ฟอร์บส์ จัดให้เป็นเมืองในอุดมคติที่น่าอยู่อันดับ 8 ของโลก ก่อนและระหว่างสงครามโลกครั้ง 2 พลเมืองส่วนใหญ่เป็นชาวเยอรมัน แต่เมื่อสงครามจบลงด้วยชัยชนะของฝ่ายสัมพันธมิตร ชาวเยอรมันกลายเป็นชนที่น่ารังเกียจ จำต้องอพยพย้ายถิ่นกลับไปเยอรมนีหรือไม่ก็หนีเข้าออสเตรีย แต่ใช้ว่าจะออกไปจนหมด หนึ่งในนั้นคือ ‘เคลาส์ โยฮันนิส’ ยังหลงเหลือมาเป็นนายกรัฐมนตรีของโรมาเนียคนปัจจุบัน (ณ ปี ค.ศ. 2017)

วิวจากที่พักของผู้เขียน

ทางเดินเข้าสู่ย่านเมืองเก่ามีความชันเล็กน้อย แต่กระเป๋าบนหลังที่หนักราว 10 กิโลกรัมไม่ได้ทำให้ปวดเมื่อยมากนัก และเมื่อถนนสายที่เดินมาจากสถานีรถไฟคือ Strada General Magheru สิ้นสุดลง ก็มีทางแยกเป็นสองสายที่เกือบจะขนานกัน ผมเดินต่อไปบนสาย Strada Avram Iancu นำไปสู่ Piata Mare หมายถึง ‘จัตุรัสใหญ่’ ซึ่งใหญ่สมชื่อ รูปปั้นของ ‘จอร์จี้ ลาซาร์’ นักการศึกษาผู้ยิ่งใหญ่ชาวโรมาเนียตั้งเด่นอยู่ที่มุมหนึ่ง มีโบสถ์โรมันคาธอลิกขนาดใหญ่อยู่ด้านขวามือ ถัดไปคือศาลาว่าการประจำเมือง มีสายน้ำพุพุ่งออกมาจากพื้นเรียบๆ ตรงกลางจัตุรัส บางครั้งน้ำก็มีสีสันต่างๆ คละกัน เป็นจุดโปรดของเด็กตัวเล็กๆ น้ำพุ่งขึ้นและหยุด เมื่อเด็กๆ สงสัยว่าน้ำหายไปไหนก็เดินเข้าไปดูใกล้ๆ น้ำก็จะพุ่งขึ้นมาอีก ทำเอาเปียกปอนและหัวเราะวี้ดว้าย ถือเป็นความสนุกสนานที่พ่อแม่ไม่ต้องลงทุนอะไร ยกเว้นว่าอาจต้องเตรียมเสื้อผ้ามาเปลี่ยนให้คุณลูกๆ

ผมตะลึงกับความใหญ่โตของจัตุรัสอยู่หลายนาที ก่อนจะเดินต่อ เลี้ยวขวาตรงศาลาว่าการฯ ที่มีศูนย์ข้อมูลท่องเที่ยวอยู่ด้านหน้า เดินไปบนถนน Strada Samuel Von Brukenthal ด้านซ้ายมือคือพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ Brukenthal ผ่านสี่แยกเล็กๆ ตรงไปสู่ถนน Strada Alexandru Odobescu  โรงเรียนมัธยมอยู่ขวามือ เลี้ยวขวาลงบันไดสู่ส่วนที่เรียกว่า Lower Town หรือ ‘เมืองต่ำ’ ซึ่งในอดีตเศรษฐกิจของเมืองส่วนนี้จะไม่ดีเท่า Upper Town

เห็นป้าย Smart Hostel ที่หน้าประตูบ้านเก่าหลังหนึ่ง ผมกดกริ่ง ประตูเปิดออกโดยมีผู้ควบคุมกลไกอยู่ไกลออกไปราว 40 เมตร ด้านขวามือเป็นห้องพักส่วนหนึ่งของ Smart Hostel เช่นกัน แต่รีเซ็ปชั่นอยู่อีกฝั่ง ต้องข้ามสะพานเหล็กยาวประมาณ 5 เมตรไป มีประตูอีกชั้นแต่ไม่ได้ล็อก เมื่อเปิดไปก็เจอพนักงานต้อนรับทักทาย เขาชื่อมัทธิอัส เกย์หนุ่มชาวสเปน บอกผมว่าไปเมืองไทยหลายครั้งแล้ว ชื่นชอบมาก

ผมจองห้องพักแบบห้องรวม 8 เตียงไว้ขณะอยู่บนรถไฟ ในราคา 52 เล หรือประมาณ 420 บาท มัทธิอัสบอกว่าบ้านพักหลังนี้สร้างขึ้นตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 14 ปรับปรุงตกแต่งมาแล้วหลายครั้งโดยคงโครงสร้างไว้เหมือนเดิม โดยเฉพาะช่องหน้าต่างด้านล่างของหลังคาที่ดูเหมือนลูกตาคน หลังคาหนึ่งๆ จะมีลูกตาแบบนี้ประมาณ 3 ลูกตา และมีลักษณะแบบนี้เกือบทั้งเมือง เวลาเดินไปไหนมาไหนเหมือนมีสายตาประจำเมืองจับจ้องมองผู้มาเยือนอยู่ตลอดเวลา

ผมเก็บกระเป๋าเป้ใบใหญ่ในตู้ล็อกเกอร์แล้วเดินออกไปสำรวจเมือง เดินกลับขึ้นไปยังส่วน Upper Town ผ่านโรงเรียนมัธยม เลี้ยวซ้ายเข้าถนน ชื่อ Piata Albert Huet สู่ Piata Mica หมายถึง ‘จัตุรัสเล็ก’ แม้ว่าจะไม่ได้มีลักษณะเป็นจัตุรัสสักเท่าไหร่ก็ตาม เจอคณะนักดนตรีเครื่องเป่ารุ่นใหญ่บรรเลงเพลง ผู้คนยืนฟัง มุงดู บ้างถ่ายวิดีโอ เมื่อจบเพลงผมก็เดินต่อไปกลางจัตุรัส มีร้านอาหารที่ตั้งโต๊ะกางร่มออกมาด้านนอกหลายร้าน สังเกตดูเป็นร้านอาหารอิตาเลียนเสียเป็นส่วนมาก และนั่นคู่รักชาวสวิสคู่เดียวกับเมื่อเช้าที่โฮสเทลในเมืองบราชอฟเดินยิ้มมาแต่ไกล เราทักทายกัน ผมแซวว่า “เมืองถัดไปอย่าให้เจออีกนะ” ทั้งคู่หัวเราะร่วน

จากจัตุรัสเล็ก (พิอาตา มิกา) ผมเดินทะลุไปยังจัตุรัสใหญ่ (พิอาตา มาเร) เดินเข้าสู่ถนนคนเดินที่ชื่อ Nicolae Balchescu (นิโคไล บัลเชสคู) ซึ่งเป็นชื่อของนักข่าว นักประวัติศาสตร์ นายทหาร และผู้นำการปฏิวัติวัลเลเชียน ปี 1848 เป็นการปฏิวัติขับไล่จักรวรรดิรัสเซียผู้ปกครองขณะนั้น ทั้งนี้วัลเลเชียคือดินแดนในอดีตก่อนจะมาเป็นส่วนหนึ่งของประเทศโรมาเนีย ตั้งอยู่ระหว่างด้านเหนือของแม่น้ำดานูบตอนล่างและด้านใต้ของเทือกเขาคาร์เพเทียน

ถนนนิโคไล บัลเชสคู นี้มีร้านอาหารที่หลากหลาย ร้านขายของที่ระลึก ร้านขายเสื้อผ้า รองเท้า และอื่นๆ มากมาย นักท่องเที่ยวเดินกันขวักไขว่ ระยะทางยาวเกือบ 1 กิโลเมตร เมื่อสุดถนนผมเลี้ยวซ้ายเข้า Strada Cetatii มีกำแพงเมืองเก่าและสวนสาธารณะตั้งอยู่ เวลาเกินสองทุ่มแล้วแต่ฟ้ายังไม่มืด ผมรู้สึกปวดส้นเท้าคงเพราะเดินเยอะเกินไปจึงเดินกลับที่พักโดยไม่ลืมแวะซื้อเบียร์ 1 กระป๋องและขนมขบเคี้ยวที่มินิมาร์ตตรงข้ามโรงเรียนมัธยม

เมืองเก่าซีบีอู ภูมิภาคเพนซิลเวเนีย ประเทศโรมาเนีย

ที่ห้องนั่งเล่นของ Smart Hostel ผมเจอฝรั่งคนหนึ่ง ชื่อ ‘ฌอน’ เขาตัวเล็กยิ่งกว่าคนไทยทั่วไปเสียอีก พูดภาษาไทยได้ดีมาก เพราะอยู่เมืองไทยมาได้ 7 ปีแล้ว สอนภาษาอังกฤษอยู่ที่โรงเรียนอัสสัมชัญ เป็นคนยิ้มแย้ม อัธยาศัยดี ก่อนที่จะสอนหนังสือในกรุงเทพฯ ได้ไปใช้ชีวิตในจังหวัดบุรีรัมย์มาก่อน 1 ปี บอกว่ากินอาหารไทยได้ทุกอย่าง โดยเฉพาะอาหารอีสาน ที่สุกๆ ดิบๆ ก็ไม่เกี่ยง

คุยกันสักพัก ฌอนไปกินข้าวกับกลุ่มแขกที่พักอยู่ด้วยกันในโฮสเทลแห่งนี้ ซึ่งพวกเขาคุ้นเคยกันแล้ว ระหว่างนั่งจิบเบียร์คุยกับมัทธิอัสเกย์หนุ่มรีเซ็ปชั่น ก็มีหญิงสาวคนหนึ่งเข้ามาคุยด้วย เธอชื่อ ‘วาชา’ สายเลือดอินเดียแท้ๆ พ่อแม่เกิดที่รัฐทมิฬนาฑู แต่ได้ย้ายไปตั้งรกรากที่สหรัฐฯ ตั้งแต่เธอยังไม่เกิด นอกจากหน้าตาที่เป็นอินเดียแล้ว กริยาท่าทางทุกอย่างผมมองเห็นเธอเป็นชาวตะวันตกทุกกระเบียด ขณะนี้วาชาทำงานด้านแฟชั่นอยู่ที่กรุงลอนดอน เธอมีอารมณ์ขัน และเป็นมิตรอย่างมาก

เบียร์หมดกระป๋อง ผมจึงไปอาบน้ำ และเตรียมเข้านอนเพราะรู้สึกเพลีย มีหนุ่มนักปั่นจักรยานชาวเยอรมันตัวใหญ่เปิดประตูเข้ามา เมื่อทำความรู้จักกันแล้วเขาเล่าให้ฟังว่าวางแผนจะปั่นจักรยาน 4 เดือนให้ทั่วยุโรปกลาง โดนใช้แผนที่แผ่นใหญ่นำทาง ไม่ใช้จีพีเอส หรือแผนที่กูเกิล พรุ่งนี้เช้าเขาจะออกเดินทางต่อ เป้าหมายต่อไปคือกรุงบูคาเรสต์ จากนั้นจะไปประเทศบัลแกเรีย แล้วมุ่งสู่ประเทศแถบชายทะเลอะเดรียติก เลาะขึ้นไปเรื่อยๆ ก่อนที่จะเข้าอิตาลี ต่อไปยังฝรั่งเศส แล้วกลับเยอรมนี

เขาเล่าไปก็ใช้มีดเฉือนก้อนชีสออกมาเป็นแผ่นบางๆ กินทีละชิ้น บางทีก็หยิบขนมปังขึ้นมากินคู่กัน กินอิ่มแล้วหนุ่มนักปั่นก็หลับลงบนเตียงเยื้องๆ กับผม

โดยที่ยังใส่ชุดปั่นจักรยาน

 

Don`t copy text!