A MIND จิตอริยะ บทที่ 1 : วาระสุดท้ายของธาดาร์ โพ้นวิไสย

A MIND จิตอริยะ บทที่ 1 : วาระสุดท้ายของธาดาร์ โพ้นวิไสย

โดย : ไข่เจียวหมูสับ

Loading

A MIND จิตอริยะ โดย ไข่เจียวหมูสับ กับเรื่องราวซึ่งเกิดจากความผิดพลาดของระบบสลับจิตที่นำมาทั้งการตามล่า บททดสอบทางศีลธรรมและความรักที่อาจเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา และนี่คือนวนิยายอีกหนึ่งเรื่องที่ได้รับเลือกจากโครงการช่องวันอ่านเอาปี 4 ที่จะถูกนำไปสร้างเป็นละครและเป็นนวนิยายที่เราอยากให้คุณได้อ่านออนไลน์บนเว็บไซต์ anowl.co

ผมวิ่งไปตามทางเดินลูกรังด้านหลังกลุ่มอาคารสีขาวที่เรียงรายสุดสายตา สายลมยามเช้าที่ตีสวนมายังใบหน้าและช่วงอกนั้นเย็นสบายดี

จากบริเวณนั้นเลยมาสักพักจึงเป็นถนนเส้นเล็กๆ ที่สองข้างทางเป็นทุ่งหญ้ารกทึบ แปลกจัง…ทั้งที่แสงอาทิตย์ก็ส่องถึง แต่ทำไมพวกมันกลับมีสีออกเหลืองกรอบกันนะ คิดแล้วก็ยิ้มออกมา ทั้งที่เป็นเวลาคับขันซึ่งต้องหาทางหนีแท้ๆ แต่ดันสลัดคำถามไร้สาระออกจากหัวไม่ได้เลย แถมเสียงโวยวายจากข้างหลังก็ยังอยู่ พวกนั้นคงไม่หยุดวิ่งตามหากยังจับผมไม่ได้ในวันนี้

หรือจะวิ่งเข้าไปในพงหญ้าข้างทางดีนะ ถึงจะบังตัวไม่มิด แต่ก็ทำให้อีกฝ่ายเจออุปสรรคได้พอควร ผมถนัดวิ่งในพงมากกว่าพวกเขาอยู่แล้ว

ทว่าผมก็ตัดสินใจไม่ทำเช่นนั้น…แต่เลือกที่จะวิ่งทางตรงไปเรื่อยๆ ราวกับกำลังหาเรื่องถูกจับเสียอย่างนั้น

‘นี่เราทำไปเพื่ออะไรกันนะ’ ผมถามตัวเองอย่างนั้น แต่ก็ไม่ได้คำตอบอะไรนอกเสียจากคำสั่งว่า วิ่งไปเถอะ จากนั้นจึงเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นอีก

อืม จะหันกลับไปแล้วเริ่มใช้อาวุธมีคมที่อยู่ในมือขวา หรือหยิบปืนกระบอกที่เหน็บไว้หลังกางเกงออกมายิงใส่สักนัดดี ไม่เอา ไม่ดีกว่า…

กลิ่นคาวเลือดลอยเข้ามาเยือนในจมูก แถมยังมีรสสนิมอยู่บนลิ้น คงเป็นเลือดของคนที่ผมเพิ่งฆ่าไป น่าจะเป็นนักศึกษาชายที่กำลังลากคนรักไปตบที่หลังอาคารเรียน หรือว่าเป็นพนักงานออฟฟิศกันนะ จำไม่ได้แล้ว ไม่ได้สนใจอะไรขนาดนั้น แต่ที่แน่ๆ คือตายสนิท และนั่นก็เป็นเหตุผลที่ผมกำลังถูกไล่ตามจับอยู่แบบนี้

…หนีพ้นแน่นอน เสียงเรียกจากด้านหลังห่างไกลออกไปเรื่อยๆ ครั้งนี้ก็คงหนีรอดอีกแล้ว…

น่าแปลกจริง ทั้งที่ควรจะโล่งใจเหมือนสมัยก่อน แต่ระยะหลังๆ มานี้ เมื่อหนีพ้นกลับรู้สึกปวดร้าวอยู่ภายในใจ เหมือนทรมานทั้งที่ร่างกายแข็งแรงเป็นปกติทุกอย่าง ภาพในอดีตเมื่อไม่กี่เดือนก่อนปรากฏขึ้นอย่างชัดเจนในห้วงคำนึง หญิงสาวผมแสกกลางหน้าตาน่ารักกำลังมองมาทางผมด้วยแววตางดงามจับใจ

งั้นหรือ…งั้นพอแค่นี้ละกัน

พอคิดเช่นนั้นก็จงใจลดฝีเท้าให้ช้าลง เสียงเรียกด้วยแรงอาฆาตจากด้านหลังเริ่มดังขึ้นมาอีก พวกนั้นตะโกนเรียกชื่อผมด้วยเสียงดังราวกับจะฆ่าให้ตาย แน่ละว่าหากถูกจับได้ก็ต้องตายสถานเดียว

สักพักผมก็แทบจะหยุดอยู่กับที่ อันที่จริงคือกำลังซอยเท้าเบาๆ ไม่ให้หัวใจช็อกกะทันหัน

จากนั้นจึงหยุดนิ่ง รอเวลาที่สมควรจะมาถึงตั้งนานแล้ว อา…แสงอาทิตย์ยามเช้าสวยจังเลย มันส่องมาจากสุดปลายถนนที่ทอดยาวไปแสนไกล ลมหอมๆ พัดมาจากไหนไม่รู้ช่วยให้เหงื่อแห้งลงเล็กน้อย

เมื่อเสียงตะโกนเริ่มชัดเจนจนถึงระดับแสบหูผมก็หันกลับไป พบกับชายสามคนในชุดสีกากีของตำรวจ สีหน้าแต่ละคนผสมกันด้วยความโกรธแค้นสลับกับงุนงง มีความตื่นเต้นแฝงอยู่เป็นส่วนเสริม

ผมยิ้มให้อย่างสดใส ทิ้งอาวุธทั้งหมดลงสู่พื้นดิน ในสมองนั้นโลดแล่นราวกับเพิ่งตื่นจากนิทราที่ยาวนาน

มาถึงช่วงเวลาสุดท้ายของปีศาจอย่างผมแล้วสินะ

 

 



Don`t copy text!