
A MIND จิตอริยะ บทที่ 7 : จุบจบที่เริ่มตั้งเค้า
โดย : ไข่เจียวหมูสับ
A MIND จิตอริยะ โดย ไข่เจียวหมูสับ กับเรื่องราวซึ่งเกิดจากความผิดพลาดของระบบสลับจิตที่นำมาทั้งการตามล่า บททดสอบทางศีลธรรมและความรักที่อาจเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา และนี่คือนวนิยายอีกหนึ่งเรื่องที่ได้รับเลือกจากโครงการช่องวันอ่านเอาปี 4 ที่จะถูกนำไปสร้างเป็นละครและเป็นนวนิยายที่เราอยากให้คุณได้อ่านออนไลน์บนเว็บไซต์ anowl.co
หลังจากที่ดักฟังสมาร์ตโฟนของปกป้องก็ผ่านไปเกินสิบหกชั่วโมงแล้ว ข้อความออนไลน์ในเครื่องปกป้องยังไม่มีอะไรผิดปกติ แถมเจ้าตัวเองก็แทบไม่ได้พูดคุยกับใครนอกจากเรื่องงาน หมวดพิศวัติที่ตามเรื่องมาตลอดทั้งวันเริ่มงุ่นง่าน คิดมาตลอดว่ามันจะโทรกะหนุงกะหนิงกับพิณเพลง แต่สรุปว่ากลายเป็นเหมือนคนบ้างานที่แบ่งธุระส่วนตัวออกอย่างเด็ดขาด
แม้จะอยากสำรวจแบบละเอียดตั้งแต่เมื่อคืน แต่เพราะมีงานเข้าด่วนจึงต้องรีบไปสะสาง เป็นเรื่องความคืบหน้าด้านเบาะแสของคนร้ายที่สังหารเจ้าปกป้อง ปักษ์ดนูเมื่อหลายเดือนก่อนนั่นเอง แต่สุดท้ายก็พลาด เพราะกว่าจะไปถึงที่ก็ไม่พบร่องรอยอะไรแล้ว
จากนั้นเขาใช้เวลาถึงช่วงเก้าโมงเช้าในการเคลียร์งานประจำ แต่ยังคอยฟังเสียงจากหูฟังบลูทูธอยู่ ในใจเริ่มคิดแล้วว่าคงสูญเปล่าแน่นอน
กระทั่งระบบแจ้งเตือนว่ามีข้อความส่งเข้ามายังเครื่องของปกป้อง เขารีบหยิบขึ้นมาเปิดดูทันที
ผู้ส่งคือพิณเพลง ข้อความนั้นเป็นคำเตือนเรื่องสุขภาพ ‘หากยังไม่ดีขึ้นก็ไปหาหมอนะคะ’ ตามด้วยสติ๊กเกอร์รูปแมวใส่ชุดพยาบาลดูน่าเอ็นดู
ไร้สาระที่สุด เขาชักหงุดหงิด แต่คิดอีกทีก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว ข้อเสนอจากอลินอาจจะจบลงเมื่อไรก็ได้ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ห้ามเลิกภารกิจนี้เด็ดขาด
ว่าแล้วก็ลองเปลี่ยนแนวทาง เขาเลือกเปิดประวัติการค้นหาในเบราเซอร์อินเทอร์เน็ตดู ก่อนจะพบว่าแทบไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับธาดาร์เลย ที่เห็นก็มีแค่สถานที่ท่องเที่ยว แนวทางปฏิบัติตัวอย่างสุภาพบุรุษ หรือพวกเสื้อผ้าแฟชั่น
แต่เมื่อเปิดไล่ดูประวัติไปถึงสามเดือนก่อนก็ต้องขมวดคิ้ว เพราะมีประวัติการค้นหานิยายที่ไม่เหมาะกับเจ้าตัวเลยสักนิดอยู่
ล่า เลือน รัก งั้นหรือ…ในข้อมูลพื้นฐานของปกป้องที่บันทึกในไดรฟ์บอกว่าชอบนิยายรักโรแมนติกนะ จู่ๆ มาเปลี่ยนแนวกลางคันงั้นรึ มันน่าสงสัย แต่จะเอามาโยงกับเรื่องธาดาร์ก็ดูจะอคติเกินไป เขาจึงพักเรื่องนี้ไว้ก่อน และเริ่มสำรวจต่อ กระทั่งพบสิ่งที่น่าตกใจกว่า
ในประวัติที่ย้อนไปไกลกว่านั้น ปกป้องเคยค้นหาคำว่า ‘กระบวนการจัดการความทรงจำของผู้ฟื้นสติ’
ใจพิศวัติเต้นระส่ำ มันยังมีหัวข้อค้นหาอื่นอีก เพียงแค่กดไล่ดูก็รู้แล้ว
‘กระบวนการเคลียริง’
‘กระบวนการ…’
ยังไม่ทันได้ดูต่อ หน้าจอก็ดับลงทันที เขาร้องลั่นออกมาราวกับถูกเชือด เล่นเอาเพื่อนร่วมงานนอกห้องถึงกับสะดุ้งแล้วรีบเปิดประตูเข้ามาดู
พิศวัติรู้สึกตัว รีบโบกมือไปว่าไม่มีอะไร แต่ความสงสัยกำลังแทรกเข้ามาในสมองอย่างยั้งไม่อยู่
มันเกิดเชี่ยอะไรขึ้นวะเนี่ย
ปกป้องก้าวไปตามทางเดินของอาคารการ์ด แอนด์ ลิงก์ กระจกมองข้างสะท้อนออกไปเห็นทิวทัศน์ของเมืองใหญ่
เมื่อสุดทางก็พบลิฟต์กระจก เขาเข้าไปด้านในและกดไปที่ชั้น ๑๕
ลิฟต์เคลื่อนตัวลงทันที ไม่นานก็มีเสียงอัตโนมัติแจ้งว่าถึงฝ่ายไอทีแล้ว ประตูกระจกเปิดออกอย่างเงียบเชียบ
เดินออกไปเล็กน้อยก็พบโซนทำงานที่จัดแบบสวนหย่อม มีพื้นที่สีเขียวยกระดับที่ขนาดสวนสาธารณะแถวนี้ยังอาย ปกป้องตรงไปที่โต๊ะทำงานของชายวัยสามสิบห้าผู้สวมเสื้อยืดวงดนตรีร็อกที่เขาไม่รู้จัก
“สวัสดีครับ พี่ยศ” ปกป้องยกมือไหว้ทักทายด้วยรอยยิ้ม
อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมามองด้วยแววตาสับสน คงเพราะไม่ค่อยได้คุยกันตั้งแต่ยังอยู่ในร่างของปกป้อง ยศเองก็เป็นหนึ่งในเพื่อนร่วมงานที่ถูกอิทธิพลความริษยาของปกปักษ์เล่นงาน คนที่ไม่อยากเสียตำแหน่งและราคาย่อมไม่อยากคุยกับเขา
แต่หากต้องขอให้เขาช่วยจริงๆ ก็คงต้องทำ
“มีอะไรให้ช่วยครับ” ยศถามด้วยท่าทางไม่มั่นใจ
ปกป้องหยิบสมาร์ตโฟนออกจากกระเป๋ากางเกง ยื่นให้ยศรับไป “ช่วงนี้มือถือแบตหมดเร็วมาก เป็นเครื่องประจำที่ใช้ทำงานด้วย รบกวนดูให้หน่อยครับ”
อีกฝ่ายพอเห็นเป็นเรื่องอุปกรณ์หรืออะไรน่าสงสัยมักจะแสดงความสนใจเป็นพิเศษ ครั้งนี้ก็เช่นกัน ยศรีบวางสมาร์ตโฟนของปกป้องลงและรื้อเก๊ะอันรกอย่างหนัก ไม่ช้าก็หยิบสายต่อสีประหลาดออกมา จากนั้นจึงหยิบอุปกรณ์ทรงเหลี่ยมที่ถูกกองเอกสารทับอยู่ เสียบสายไปมาสักพักก็มีหน้าจอของสมาร์ตโฟนปกป้องถูกฉายขึ้นที่จอแท็บเล็ตรุ่นเก่าของยศ
แม้จะเป็นสายนวัตกรรมเหมือนกัน แต่ยศนั้นเชี่ยวชาญในเรื่องออกแบบโปรแกรมและพัฒนาแอปพลิเคชันสำหรับอุปกรณ์จำพวกสมาร์ตโฟน ซึ่งเป็นส่วนที่ปกป้องไม่ถนัดนัก
“มีสปายแวร์กับพวกไวรัสแปลกๆ อยู่เต็มเลยนะครับ ได้เอาไปเชื่อมหรือกดโหลดอะไรน่าสงสัยมาหรือเปล่า”
เขาเอียงคอ “จำไม่ได้เลยครับ แต่น่าจะไม่มีนะ”
อีกฝ่ายทำท่าไม่เชื่อสักนิด แต่ก็ไม่ได้เถียงให้เสียเรื่อง “ขอเวลาสักสองชั่วโมงนะครับ แต่เบื้องต้นผมตัดระบบไว้ให้แล้ว เผื่อว่ามีการดักฟังหรือขโมยข้อมูล” ยศกล่าวอย่างสุภาพ แถมยังอธิบายให้เข้าใจง่าย นั่นคือสาเหตุที่เขาเลือกให้ยศมาช่วยเรื่องนี้
ปกป้องฝากเรื่องไว้แล้วเดินออกมาอย่างโล่งใจ
สังหรณ์ที่ได้รับจากธาดาร์และคำพูดของพิณเพลงช่วยยืนยันว่าเขาไม่ได้ระแวงไปเอง ตำรวจคนนั้นแกล้งโง่แน่นอน การหลอกให้เขาเขียนชื่อธาดาร์นั้นเป็นอะไรที่เดาทางง่ายเกินไป
อย่าลืมไปหาหมอนะคะ
ข้อความนั้นตัวพิณเพลงคงตั้งใจสื่อว่าหากมีอะไรผิดปกติให้รีบจัดการ และนั่นก็มีอยู่เรื่องเดียว
สมาร์ตโฟนนั้นแบตลงเร็วเกินปกติ หากเป็นคนทั่วก็คงแค่สงสัย แต่สำหรับเขามันคือเรื่องร้ายแรง แต่จะให้แก้ไขเองก็ไม่ไหว จึงต้องพึ่งพายศในวันนี้
และก็เป็นดังคาด นายตำรวจชื่อพิศวัติจงใจเล่นงานเขาจริงๆ จากนี้คงต้องระวังตัวให้มาก
เมื่อกลับมาทำงานสักพักก็มีเมลส่งเข้ามา ยศนั่นเอง
เรียบร้อย เอาออกหมดแล้วครับ
เขายิ้มออก แก้ปัญหาได้เปลาะหนึ่งแล้ว
แต่ว่าต่อจากนี้ยิ่งน่าห่วง ตำรวจเข้ามายุ่งเกี่ยวกับผู้ฟื้นสติอย่างเขาทำไม จะบอกว่ารู้เรื่องที่ความทรงจำกลับมาก็คงแปลก เพราะการจัดการเป็นหน้าที่ของพวกหน่วยปราบปรามไม่ใช่ตำรวจทั่วไป ถึงตัวเขาจะอยากถูกเคลียริงอยู่แล้ว แต่ต้องรอกระทั่งพิณเพลงนั้นพร้อมจะมีชีวิตอยู่คนเดียวให้ได้ก่อน
ก่อนวันนั้นจะมาถึงคงอีกพักหนึ่ง เวลานี้ตำรวจชื่อพิศวัติดูจะเป็นอุปสรรคร้ายแรง
จะกำจัดทิ้งดีไหม…ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องตายอยู่แล้ว ฆ่าอีกสักคนก็…ก็สนุกดี
เขารีบบ้องหูตัวเองทันทีเพื่อให้ได้สติ รู้ทันทีว่าความเป็นธาดาร์ในตัวเขานั้นต้องการแสดงบทบาท
อย่าให้มันออกมา อย่าให้ธาดาร์ออกมาเด็ดขาด เขาได้แต่พร่ำเตือนสติตัวเองเช่นนั้น
พิณเพลงนั่งมองภาพบนสมาร์ตโฟน ปกป้องกับเธอยืนยิ้มร่าเริงที่หน้าน้ำพุขนาดยักษ์ของสวนสนุก
เป็นหนึ่งวันที่แสนวิเศษ หากไม่นับไอ้เด็กเปรตและตำรวจนายนั้น
แต่ไม่เป็นไร ไม่มีปัญหาแน่นอน ปกป้องคงหาคนมาจัดการเรื่องนั้นแล้ว เขาคงทราบดีว่าวันนั้นเธอต้องการสื่ออะไร
การดักฟังโทรศัพท์เป็นเรื่องที่คาดเดาได้
เธอจำได้ว่าอากาศในห้องประชุมที่หมวดพิศวัติรออยู่ในวันนั้นเย็นเฉียบราวกับเปิดเครื่องปรับอากาศมานานแล้ว ทั้งที่ระหว่างเดินในตึกนั้นร้อนเอาการ และในช่วงที่ปกป้องเขียนรายละเอียดลงในรายงาน เธอก็ลองค้นชื่อของพิศวัติในเว็บไซต์สำหรับตรวจสอบของสำนักงานตำรวจ
ชื่อของพิศวัติถูกยืนยันว่าเป็นตำรวจจริง ยศก็ถูกต้อง แต่เขามีพื้นที่ปฏิบัติงานอยู่ท้องที่ A แถวอโศก ใกล้กับสถานที่ทำงานของเธอและปกป้องอย่างน่าสงสัย สวนสนุกนั้นอยู่เขตสายไหม จะบอกว่าเพิ่งถูกย้ายมาก็ดูจะบังเอิญเกินไปนิด
จำได้แม่นว่าธาดาร์ก็เคยเตือนเรื่องนี้ไว้
‘พิณเพลงเป็นคนสวย ต้องระวังตัวนะครับ สมัยนี้นวัตกรรมมันไปไกลมากๆ แล้ว มีทั้งดีและร้าย และบางอย่างก็อันตรายอย่างไม่น่าเชื่อ’ เสียงนั้นยังคงอยู่ในความทรงจำ และติดตรึงไม่ยอมจากไปไหน
ความสัมพันธ์ของเธอกับธาดาร์เป็นช่วงเวลาอันแสนพิเศษเรื่อยมา จากวันแรกที่เขาช่วยชีวิตเธอก็นับได้สองเดือนกับอีกสิบห้าวัน ธาดาร์นอกจากจะมอบชีวิตให้แล้ว ยังสอนวิธีเอาตัวรอดในสังคมให้อีก ทั้งการสังเกตสายตามุ่งร้ายของคนอื่น การเอาตัวรอดจากพวกสตอล์กเกอร์ ทั้งหมดเพื่อให้เธอใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขนั่นเอง
ทว่าในวันนั้นเอง จู่ๆ ชายหนุ่มก็เอ่ยคำร่ำลาอย่างกะทันหัน
เป็นช่วงเช้าที่สดใส พิณเพลงสวมชุดเสื้อกางเกงสีเขียวที่เพิ่งตัดใจซื้อมา ส่วนธาดาร์นั้นสวมเสื้อเชิ้ตขาวเช่นเดิม ทั้งสองพบกันที่ร้านอาหารญี่ปุ่นที่เพิ่งเปิดในซอยข้างศาลากลาง
ทว่าในขณะที่คีบซูชิเข้าปาก ตัวเขาซึ่งเงียบผิดวิสัยก็เอ่ยเสียงสั่นเครือ
“ผมกำลังจะออกจากเมืองนี้แล้วนะ วันนี้เราจะเจอกันเป็นครั้งสุดท้าย”
“อ๊ะ” นั่นคือคำเดียวที่เธอเอ่ยออกไป
“จากนี้ไป ถึงเราจะเจอกันก็คงจะแกล้งทำเป็นไม่รู้จัก”
พิณเพลงชาไปทั้งตัว ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น รู้สึกตัวอีกทีก็เดินออกจากร้านมาพร้อมกับธาดาร์แล้ว ในใจปั่นป่วนวุ่นวายราวกับเป็นวันสุดท้ายของชีวิต ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าตัวเองตื่นหรือฝันอยู่
สองขาก้าวมาถึงป้ายรถสองแถวอีกครั้ง ยังคงร้างไร้ผู้คนเช่นเคย เขายืนข้างเธอที่เหม่อลอยไร้จุดหมาย
มีคนโทร. เข้ามือถือของธาดาร์ เขารับสายก่อนจะตอบด้วยเสียงคล้ายไม่พอใจ
“เออ ฉันไม่ลืม ‘สัญญา’ ของเราหรอก นายไม่ต้องกังวล”
‘ใครน่ะ คนรู้ใจของธาดาร์งั้นหรือ’ พิณเพลงอ้าปากจะถาม แต่กลับไม่อาจเค้นเสียงออกมา
“อีกสองวันเจอกันที่สาทร แค่นี้นะ” ธาดาร์กล่าวแล้ววางสาย พึมพำว่าต้องรีบแล้ว
เธอพยายามจะซักถามเหตุผล แต่ธาดาร์นิ่งเงียบ ก่อนจะพึมพำราวกับพูดให้ตนเองฟังว่า “ผมไม่อยากทำร้ายคุณ”
นั่นคือคำพูดสุดท้ายของธาดาร์ พิณเพลงแย้งอะไรไม่ออก ราวกับเวลานั้นสมองไม่ทำงานอีกต่อไป
ธาดาร์เดินหายไปหลังจากที่ส่งพิณเพลงขึ้นรถสองแถวแล้ว จากไปพร้อมหัวใจของเธอ
หลังจากนั้นพิณเพลงอดทนเรียนต่อจนจบ ก่อนจะย้ายมาที่กรุงเทพมหานครเพื่อเริ่มชีวิตใหม่ แต่ยังไม่อาจลืมเขาได้ และหวังสุดใจว่าจะได้พบกันสักวันหนึ่ง
สาทรที่เขาพูดถึงนั้น ใช่เขตสาทรของกรุงเทพฯ หรือเปล่านะ หรือจะเป็นสถานีรถไฟฟ้า ช่างเถอะ สังหรณ์ใจว่าอย่างไรก็ต้องได้พบกัน
และครั้งนี้พิณเพลงจะไม่ยอมให้เขาทิ้งเธอไปไหนอีก
หน้าจอสมาร์ตโฟนส่องแสงทำลายความสลัวของหัวเตียง มีข้อความส่งเข้ามา เป็นปกป้องนั่นเอง
ไปหาหมอเสร็จแล้ว คุยกันได้ตามปกติ
เธอยิ้มออกทันที รีบส่งสติกเกอร์ไปว่าโอเค
แต่ในใจยังเตือนว่ายังประมาทไม่ได้ ตำรวจคนนั้นไม่ธรรมดา น่าจะรับคำสั่งจากใครสักคนที่มุ่งร้ายต่อปกป้องและตัวเธอเอง
ต้องระวังให้หนัก ใช่แล้ว…เพราะเธอยังมี ‘เป้าหมายอันยิ่งใหญ่’ รออยู่ พิณเพลงย้ำกับตัวเองอีกครั้ง และปกป้องคือคนสำคัญต่อเป้าหมายนั้น
จะไม่ยอมให้พวกนั้นเอาตัวเขาไปเด็ดขาด พิณเพลงให้คำมั่นกับตนเอง
วาววายังคงสลัดเรื่องนั้นไม่หลุด และยังคงต้องการคำตอบ
แม้จะกลับไปที่ส่วนกลางไม่ได้แล้ว แถมผู้จัดการฝ่ายก็ไม่มีท่าทีจะส่งเรื่องให้ประธานโดยตรงตามที่เคยสัญญาไว้ ยิ่งถามก็ยิ่งบ่ายเบี่ยง แต่หญิงสาวยังเลือกจะใช้ห้องสมุดเพื่อหาข้อมูลที่ต้องการอยู่ โดยเธอกลับมาที่ไอเดียดั้งเดิมอีกครั้ง
แต่ก็ตามที่ทราบดีมาตลอด แกนหลักของโครงการคือการสลับจิต ไม่ใช่การสวมทับ จิตและความทรงจำทั้งหมดของฆาตกรจะถูกส่งไปยังร่างกายที่ตายแล้ว จากนั้นจึงสลายหายไป ชัดเจนเลยว่าไม่เหลือความเป็นฆาตกรไว้ในร่างของผู้ฟื้นสติเลย นอกจากกายภาพที่แข็งแรงเท่านั้น หากอิงตามทฤษฎีใหม่ก็เป็นการสลับวิญญาณไปด้วย ซึ่งวิญญาณของตัวแทนก็คงไปสู่ปรโลกแล้ว
…ว่าแต่วิญญาณงั้นหรือ หากวิญญาณของฆาตกรไปสู่ปรโลกจริงหลังจากถูกสลับ แล้ววิญญาณของผู้ฟื้นสติที่ตายก็คงไปปรโลกก่อนหน้านั้นนานแล้ว จะบอกว่าสลับเสร็จแล้ววิญญาณของผู้ฟื้นสติจะถูกดึงกลับมาใส่ร่างของตัวแทนงั้นหรือ
วาววา เธอกำลังหลงทางอยู่ ช่างเรื่องวิญญาณไปก่อน ที่ต้องสนใจคือสาเหตุหรือตัวกระตุ้นให้ความทรงจำของฆาตกรกลับมาสิ
ทว่าคิดอย่างไรก็คิดไม่ตก
ไม่ใช่ว่าอยากเอาตัวเองไปเสี่ยง…แต่หากปล่อยไว้แบบนี้ เท่ากับว่าตนช่วยให้ฆาตกรมีสิทธิ์กลับมาอาละวาดได้อีกครั้ง และวาววาไม่ได้เรียนจบอย่างยากลำบากมาเพื่อสร้างปัญหาแก่ประเทศ
แต่ในที่สุดเธอก็ยอมแพ้ การคิดเองคนเดียวอย่างไรก็ไปได้ไม่ไกล จึงได้เปลี่ยนความคิดเสียใหม่
และทางรอดเดียวที่คิดออกในเวลานี้ คือการเข้าพบกับประธานวิริยะด้วยตนเอง
หนึ่งเดือนหลังจากทำอาหารให้ชิชาทาน อาการทั้งหมดมีแต่เลวร้ายลง
อลิน ริชนอนกกภรรยาอยู่บนเตียง ไฟในห้องมืดสนิท ตัวของเขาสั่นราวกับลูกนก ช่วงอกรู้สึกหนักอึ้ง ทรมานไปทั้งกายใจ
คริสตี้กอดเขาแน่นในอ้อมอก ใจของเธอสั่นระรัวเช่นกัน ไม่มีใครพูดอะไรออกมา แต่รับรู้ด้วยใจว่า เรื่องร้ายกำลังมาเยือนแล้ว ด้วยความสุขที่เพิ่งได้รับกลับมาอาจจะถูกพรากไปเมื่อไรก็ได้
อลิน ริชทราบดี นักวิจัยชื่อวาววานั้นพบว่ามีเหตุผิดปกติเกิดขึ้นกับผู้ฟื้นสติรายที่ ๔๖ และแม้เขาจะกันนักวิจัยคนนั้นออกไปแล้ว แต่ก็เป็นเพียงการเลื่อนเวลาหายนะออกไปเท่านั้น ปัญหาที่แท้จริงยังไม่ได้ถูกแก้ไข ระเบิดเวลานั้นฝังแน่นอยู่ในหัวของปกป้อง ปักษ์ดนู และฝังอยู่ในหัวของเขาเองด้วย
สิ่งแรกที่เปลี่ยนไปไม่ใช่เรื่องที่มีสาระ แค่เขาไม่ซักกางเกงยีนส์มาสองสัปดาห์แล้ว แน่ละว่าเพื่อนบางคนก็ทำแบบนั้น แต่ไม่ใช่กับอลิน ริช ผู้รักความสะอาด
แน่นอนว่าเขายังอาบน้ำเช้าเย็นและสระผมทุกวัน แต่กระนั้นเขาก็ไม่ซักกางเกงยีนมาสองสัปดาห์แล้ว รู้สึกว่าขี้เกียจ และชอบให้มันดูเขลอะๆ มากกว่า
มาสกปรกยามแก่งั้นหรือ ช่วงก่อนเขาเคยหัวเราะตัวเองที่เริ่มมีพฤติกรรมนี้
แต่เมื่อพบว่าตนสามารถทำอาหารได้ ความทรงจำสมัยอดีตก็ผุดขึ้นมา
เพื่อนคนหนึ่งชื่อเป้ เป็นชายหน้าคมในชุดพ่อครัวสีขาว กำลังเท้าสะเอวด่าเขาว่าซกมกเกินกว่าจะเป็นคนครัวได้
และอลินแน่ใจว่าเขาไม่มีเพื่อนชื่อนี้
จากนั้นความทรงจำก็ผุดขึ้นมาไม่หยุด ทั้งหมดล้วนชี้ชัดว่ามีบางอย่างโคตรจะผิดปกติในหัวของเขา
ฆาตกรที่สลับจิตกับอลิน เป็นพ่อครัวที่ถูกไล่ออกจากโรงแรม ด้วยความแค้นมันจึงกลับไปไล่ล่าฆ่าเพื่อนร่วมงานทั้งหมด และระหว่างหลบหนีก็สังหารผู้บริสุทธิ์ไปสองคน เพียงเพราะระแวงว่าจะเป็นสายจากตำรวจ
หนึ่งในเหยื่อของมันก็คือเขานั่นเอง
เมื่อถูกจับกุม ฆาตกรรายนี้ก็แกล้งทำเป็นป่วยทางจิตเพื่อให้ถูกส่งไปยังโรงพยาบาลจิตเวช แต่ภายหลังเมื่อมีการตรวจสอบโดยละเอียดก็พบว่ามันมีสภาพจิตที่ปกติ รับรู้ผิดชอบชั่วดีได้ แต่เป็นที่สันดานซึ่งชอบเข้าข้างตนเองและความคิดอันหวาดระแวงเกินควรต่างหากที่ก่อให้เกิดโศกนาฏกรรม
และมันกำลังจะกลับมาอีกครั้ง…
ทั้งสองกอดกันแน่นอยู่นานกระทั่งตัวเริ่มชา ในที่สุดก็มีคนเปิดปาก เป็นภรรยาของเขาเอง
“หากเราไม่บอกใคร ก็ไม่มีใครรู้ใช่ไหมคะ”
“พวกเขาจะรู้”
“คุณฉลาดจะตาย กะอีแค่กระบวนการทดสอบ ต้องผ่านไปได้อยู่แล้ว คุณเป็นผู้ออกแบบระบบเองด้วยซ้ำ นักวิจัยพวกนั้น…”
เขาตัวกระตุก นั่นเพราะมีบางอย่างที่ต้องบอกภรรยา
“ที่ผมกลัวไม่ใช่นักวิจัยกับเจ้าหน้าที่ของเรา…แต่องค์กรตรวจสอบส่วนกลางของประเทศกำลังจะเข้ามาที่ A MIND ในเดือนหน้า และพวกนั้นจะทำการตรวจสอบระบบรวมถึงผู้ฟื้นสติทั้งหมดอย่างละเอียด”
หา คริสตี้ร้องออกมา เผลอจิกเขาแน่น
ใช่แล้ว เป็นกฎบัดซบที่เอ็ดเวิร์ดตั้งขึ้น และลงนามสัญญาไว้กับทางนั้น ทุกหนึ่งปีจะมีแบบนี้ครั้งหนึ่ง และเวลานั้นใกล้มาถึงแล้ว
“ผมหลอกระบบภายในได้ แต่ไม่ใช่กับระบบตรวจสอบที่มาจากหน่วยงานอื่น ระบบที่ทางนั้นใช้ตรวจสอบจะเป็นแบบไหน ผมไม่มีทางรู้เลย
เพราะแม้ A MIND จะเป็นโครงการร่วมของรัฐกับเอกชน แต่นักวิจัยและเจ้าหน้าที่ระดับสูงเกินครึ่งก็เป็นของฝั่งเอกชน แถมยังเป็นบุคลากรที่ทดแทนไม่ได้ด้วย เอ็ดเวิร์ดจึงเสนอให้จัดตั้งองค์การตรวจสอบส่วนกลางซึ่งไม่ขึ้นตรงต่อใครขึ้นมา จากนั้นร่วมกับตัวแทนฝั่งรัฐบาลและประชาชนในการเลือกสมาชิกฝ่ายตรวจสอบขึ้นมา” อลินขนลุกเมื่อเอ่ยเรื่องนี้จากปาก
…ฝ่ายตรวจสอบนั้นเป็นเสมือนฝันร้ายของคนทำงานใน A MIND น่าสยองเทียบเท่ากับการเผชิญหน้ากับสรรพากรด้วยซ้ำ
“เพื่อความปลอดภัยยิ่งยวดตามวิสัยทัศน์อันเพ้อฝันนั่น ผมสร้างระบบภายในขององค์กร ส่วนเอ็ดเวิร์ดสร้างระบบพิเศษให้หน่วยงานรัฐเพื่อใช้ในการตรวจสอบ A MINDจากภายนอกอีกทีหนึ่ง มีแต่เอ็ดเวิร์ดกับสมาชิกฝ่ายนั้นที่รู้ว่ากระบวนการตรวจสอบมีรายละเอียดแบบไหนบ้าง”
ยิ่งพูดก็ยิ่งสิ้นหวัง ตามหลักแล้วความทรงจำของฆาตกรไม่ควรจะกลับมา แต่อลินมั่นใจว่ามันกำลังอยู่ในสมองเขา แพร่เชื้อขยายลุกลามราวกับเชื้อโรค แต่เมื่อมันครอบครองทั่วทุกหลืบสมองแล้วจะส่งผลอย่างไรตามมาเล่า เขาจะกลายเป็นฆาตกรงั้นหรือ มันจะยึดร่างนี้กลับคืน หรือแค่จดจำเรื่องราวของมันได้เท่านั้น
เขาผวากอดภรรยาแน่นอีกครั้ง กลัว…กลัวสุดใจ ภาพของลูกสาวที่บ่นว่าหิวข้าวยังคงตราตรึง
จะไม่ยอมเสียลูกไป จะไม่แยกจากไปอีก ไม่เอา ไม่เอาแล้ว
ไม่มีทางเลือกอีกต่อไป เขาผุดลุกขึ้นจากอ้อมกอดของภรรยา บอกตัวเองว่าต้องทำอะไรสักอย่าง
ในความมืด สองมือของอลินควานหาที่ชั้นวางข้างหัวเตียง ครู่หนึ่งจึงหยิบถูกสมาร์ตโฟนของตน เขากดโทร.ด้วยมือสั่นเทา
“สวัสดีครับคุณอลิน มีเรื่องอะไรหรือ โทรมาเสียดึกเลย” เสียงนั้นดูมั่นใจ แสดงถึงความภาคภูมิใจในตนเอง เป็นน้ำเสียงที่พบได้บ่อยจากปากของนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จแล้ว
อลินเกลียดเสียงแบบนั้นและไม่เคยเชื่อใจมันสักนิด แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว นอกจากต้องเปิดเผยความฉิบหายที่ตนกำลังประสบให้อีกฝ่ายฟัง
“วิริยะ…ผมกำลังมีปัญหา เรื่องที่เรากลัวมันเริ่มขึ้นแล้ว”
- READ บทส่งท้าย A MIND จิตอริยะ
- READ A MIND จิตอริยะ บทที่ 17 : บิดเบี้ยว
- READ A MIND จิตอริยะ บทที่ 16 : ความสัมพันธ์ที่ไร้คำร่ำลา
- READ A MIND จิตอริยะ บทที่ 15 : สองจิต
- READ A MIND จิตอริยะ บทที่ 14 : มินเมืองผู้ชั่วร้าย
- READ A MIND จิตอริยะ บทที่ 13 : การกลับมาของฆาตกร
- READ A MIND จิตอริยะ บทที่ 12 : สู่การหลบหนี
- READ A MIND จิตอริยะ บทที่ 11 : ความถี่ปริศนา
- READ A MIND จิตอริยะ บทที่ 10 : การเตรียมใจของปกป้อง
- READ A MIND จิตอริยะ บทที่ 9 : ช่องโหว่ของระบบ
- READ A MIND จิตอริยะ บทที่ 8 : สัญญาของดอกไม้ไฟ
- READ A MIND จิตอริยะ บทที่ 7 : จุบจบที่เริ่มตั้งเค้า
- READ A MIND จิตอริยะ บทที่ 6 : ความสุขที่โหยหา
- READ A MIND จิตอริยะ บทที่ 5 : พบกันอีกครั้ง
- READ A MIND จิตอริยะ บทที่ 4 : ผู้ฟื้นสติ
- READ A MIND จิตอริยะ บทที่ 3 : สำนึกสุดท้ายของปกป้อง
- READ A MIND จิตอริยะ บทที่ 2 : โครงการสลับจิต
- READ A MIND จิตอริยะ บทที่ 1 : วาระสุดท้ายของธาดาร์ โพ้นวิไสย