
A MIND จิตอริยะ บทที่ 15 : สองจิต
โดย : ไข่เจียวหมูสับ
A MIND จิตอริยะ โดย ไข่เจียวหมูสับ กับเรื่องราวซึ่งเกิดจากความผิดพลาดของระบบสลับจิตที่นำมาทั้งการตามล่า บททดสอบทางศีลธรรมและความรักที่อาจเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา และนี่คือนวนิยายอีกหนึ่งเรื่องที่ได้รับเลือกจากโครงการช่องวันอ่านเอาปี 4 ที่จะถูกนำไปสร้างเป็นละครและเป็นนวนิยายที่เราอยากให้คุณได้อ่านออนไลน์บนเว็บไซต์ anowl.co
ความเจ็บปวดมันรวมตัวกันตรงแผ่นหลัง ขาสองข้างนั้นบิดผิดรูปไปหมดแต่กลับรู้สึกเพียงอาการชาเท่านั้น แม้ไม่ใช่หมอหรือพยาบาล แต่ก็พอทราบดีว่าโอกาสตายสูงลิบ
เรามาทำอะไร บาดเจ็บได้ยังไง…เราอยู่ที่ไหนกัน เธอได้แต่ถามตนเอง
เมื่อพยายามเงยหน้าเพ่งมองภาพตรงหน้าก็พบกับกำแพงทึบที่ยังก่อสร้างไม่เสร็จดี หญิงสาวผู้ใกล้ตายระลึกได้ทันทีว่าที่แห่งนี้คืออาคารร้างที่เป็นจุดเริ่มของความวุ่นวายนี้
ช่วยด้วย…ช่วย…วาววาที่เพิ่งได้สติพยายามเปล่งเสียงสุดชีวิต แต่เสียงที่ลอดออกมานั้นช่างเบาบางเกินกว่าที่ใครจะได้ยิน
เธอร้องอยู่อย่างนั้นอีกหลายนาที ก่อนจะหมดสติไปอีกครั้ง และไม่ช้าก็ฟื้นขึ้นมาร้องขอความช่วยเหลือต่อ
ยังตายไม่ได้ อุปกรณ์…ผู้ฟื้นสติ…
สมองของเธอใกล้จะหมดสภาพแล้ว แต่ก่อนที่ทุกอย่างจะจบ หูกลับแว่วถึงเสียงคนจำนวนหนึ่งที่กำลังวิ่งเข้ามาหา
“พบผู้บาดเจ็บ…ยืนยันพบผู้บาดเจ็บ…”
เสียงตะโกนนั่นทำให้วาววาใจชื้น มีคนมาช่วยแล้วสินะ
ปกป้อง ปักษ์ดนูลืมตาขึ้นมาในความมืดอันเงียบสงัด หันซ้ายขวาก็ไม่พบสิ่งใด มันมืดเกินกว่าจะมองเห็นมือที่ยื่นไปด้านหน้า และมืดกระทั่งว่าแทบจะลืมไปว่าตนเองคือใคร
แต่แล้วก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น ความมืดซึ่งกลืนกินบรรยากาศโดยรอบเริ่มเจือจางลง ด้านซ้ายเห็นใครคนหนึ่งเดินเข้ามาใกล้ ร่างสูง สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาว
“คุณปกป้อง เราไม่เคยเจอหน้ากันจริงๆ สักครั้งสินะ”
ธาดาร์ โพ้นวิไสย นั่นเอง ชายเจ้าของร่างที่มาพร้อมกับรอยยิ้มสดใส เขาแอบมองที่ตัวเอง และพบว่ากลับมาอยู่ในร่างที่ตายไปแล้วอีกครา
“ผมอยู่ที่ไหน” เสียงนั้นไร้ความกลัวและเกลียดชัง ไม่ต่างจากการถามตัวเองในกระจก
“ในจิตของเราสองคน” ธาดาร์ส่งสายตาอบอุ่นมาให้ ราวกับแทนคำขอบคุณ เขาไม่ทราบว่าด้วยเหตุผลใด ธาดาร์จึงต้องส่งความปลื้มปีติมาให้ขนาดนี้
“ขอบคุณสำหรับความทรงจำอันแสนหวานที่คอยมอบให้นะครับ”
เขาร้องอ๋อ ซาบซึ้งกับคำขอบคุณอยู่ แต่ไม่มีเวลาจะสนใจแล้ว รู้สึกราวกับก่อนหน้านี้เจอเรื่องร้ายแรง
“อลิน ริช” ปกป้องตะโกนออกมา นึกออกแล้วว่าก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้น
พริบตานั้นธาดาร์เดินเข้ามาประชิดทันที แตะที่ไหล่อย่างแผ่วเบา เล่นเอาความพลุ่งพล่านทางอารมณ์ลดลงอย่างน่าตกใจ “ไม่ต้องรีบร้อน…เขาไม่เป็นภัยแล้ว แต่ว่า…เรากำลังเจอปัญหาใหม่”
“เกิดอะไรขึ้น” ปกป้องถามอย่างงุนงง
และเมื่อเขาได้ฟังคำตอบของธาดาร์ ความกลัวจับใจก็หวนกลับมาอีกครั้ง
โลกภายนอกนั้นเย็นสบายกว่าใต้อุโมงค์มาก ผมเองยังเผลอสูดอากาศบริสุทธิ์เสียเต็มปอด สมองเริ่มใช้งานได้เต็มที่อีกครั้ง ส่วนหนึ่งของจิตยังอยู่กับคุณปกป้องก็จริง แต่ก็พอจะมีแผนแล้ว
เราสองคนเดินขึ้นมายังริมทางเท้าของอาคารแห่งหนึ่งที่ยังสร้างไม่เสร็จ ไม่ทราบเหมือนกันว่าใครเป็นเจ้าของ แต่สังหรณ์ใจว่าคงไม่ใช่เรื่องดีหรอก
เวลาในตอนนี้คือสามทุ่มตรง มินเมืองบอกว่าเครื่องพร้อมแล้ว
“ที่เหลือคือการหาสถานที่เหมาะๆ”
ผมทำได้แค่พยักหน้ารับ จากนั้นจึงเดินเท้าไปอีกสักพักใหญ่ก็มาถึงเขตสาทรในสภาพครบสามสิบสอง ไร้ร่องรอยของตำรวจและฝ่ายปราบปราม พวกนั้นคงระวังคำขู่ของมินเมืองอยู่ การจราจรก็ไม่ติดขัด เรียกว่าถนนบล็อกนี้แทบจะไม่มีใครนอกจากผมกับมินเมือง
ที่ตั้งตระหง่านตรงริมถนน คือตึกสูงอันเป็นห้างสรรพสินค้าซึ่งกำลังจะเปิดในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ดาดฟ้าของที่แห่งนี้ถูกคาดการณ์ว่าจะเป็นจุดชมวิวสวยที่สุดแห่งหนึ่งทีเดียว แม้จะปิดไฟมืดเพราะยังปรับปรุงไม่เสร็จ แต่มองภายนอกก็โอ่อ่าและสวยงามเอาเรื่อง
มินเมืองยิ้มแล้วชี้ขึ้นไปด้านบน คงเลือกแล้วว่าที่แห่งนี้ดูดีเกินพอสำหรับการสร้างความบรรลัย
“เราแอบเข้าไปกันเถอะ”
ไม่ถึงห้านาทีก็หาทางเข้ามาด้านในได้ เราสองคนเดินขึ้นบันไดเลื่อนที่ปิดอยู่มาถึงชั้นแปด ซึ่งเป็นชั้นบนสุด มินเมืองกระแทกกลอนประตูทางออกสู่ดาดฟ้าด้วยเท้าขวา ไม่กี่ครั้งก็สำเร็จ ที่ง่ายคงเพราะยังเป็นกลอนชั่วคราวอยู่เลย คงไม่มีใครคิดหรอกว่าจะมีอาชญากรโทษประหารสองคนมาทำอะไรแบบนี้ในยามค่ำคืน
ดาดฟ้านั้นกินพื้นที่กว้างราวกับสวนสาธารณะ ต้นไม้ยังถูกนำมาปลูกไม่ครอบคลุม แต่ก็สวยงาม
มินเมืองพึมพำว่าตรงนี้ละเหมาะที่จะเริ่มกระบวนการ…
ผมเงยหน้าขึ้นด้านบนช้าๆ ท้องฟ้าช่างสวยงาม มันเป็นสีดำแดงที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว เป็นท้องฟ้าที่สื่อว่ากำลังจะเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นในไม่ช้า
ธาดาร์นิ่งไป ราวกับจิตใจล่องลอยและไม่ได้อยู่กับตัวเขาในเวลานี้ ก่อนที่วินาทีต่อมาจะเอียงคอเล็กน้อย แววตาเหมือนเพิ่งกลับมาจากที่ไกลแสนไกล และกล่าวกับปกป้องว่า “ทุกอย่างกำลังจะหายนะแล้วครับ”
“แล้วเราจะทำอย่างไรต่อไปดี” ปกป้องถามฆาตกรต่อเนื่องซึ่งบัดนี้เป็นความหวังเดียวของประเทศ
“ผมมีวิธีครับ” รอยยิ้มเผยออกอย่างเอ็นดู “ผมกับมินเมืองทำชั่วด้วยกันมามากมาย เราสองคนต่างรู้แนวกันดี น่าจะกินกันไม่ลง คนที่จะหยุดเขาจึงไม่ใช่ผม แต่เป็นคุณปกป้องครับ”
ปกป้องกลืนน้ำลายหนืดแม้จะเป็นแค่ร่างจิต “ผมทำไม่ได้หรอก มีหวังเราตายกันหมดแน่”
“ไม่หรอก” ธาดาร์ยังคงมั่นใจ “ถ้าคุณทำตามที่ผมบอก”
สีแดงเริ่มกลืนกินความมืดบนท้องฟ้า สายลมหนาวพัดผ่านร่างกายของทั้งสองคน มินเมืองใช้แววตาเชิงถามไถ่ส่งมายังปกป้อง
“เราเริ่มกันเลยดีไหม” มันหยิบสมาร์ตโฟนออกมา “ระบบพร้อมแล้ว ถ้ากดส่งไฟล์ตอนนี้ ทุกอย่างก็จบ ไม่มีที่ไหนที่ควรจะกดเท่าตรงนี้แล้ว”
พริบตานั้นปกป้องพุ่งเข้าใส่มินเมือง สายตาของชายตรงหน้านั้นมองไปทางอื่นอยู่ มือของเขาแหวกอากาศไปด้านหน้า เป้าหมายคือสมาร์ตโฟนที่มินเมืองกำไว้อยู่ข้างกาย
ระยะทางระหว่างห้านิ้วกับอุปกรณ์นั้นย่นลงอย่างรวดเร็ว หนึ่งเมตร ครึ่งเมตร สิบเซ็นติเมตร และเมื่อกลางฝ่ามือพุ่งไปแทบจะประชิดกับตัวเครื่อง มินเมืองก็เบี่ยงมือหลบทันที พร้อมร้องเบาๆ ว่า “โอ๊ะ”
ร่างของปกป้องเสียหลักและเซไปพิงระเบียงของตึกสูง
พลาดไปแล้ว เขาคิดในใจ แต่ทว่านั่นไม่ใช่เรื่องที่ควรแปลกใจหรอก
นั่นเพราะธาดาร์ได้บอกเรื่องนี้เอาไว้แล้ว
‘มินเมืองชอบเล่นสนุก คงไม่คิดจะฆ่าคุณปกป้องง่ายๆ แน่นอน เรื่องคว้ามือถือนั้น…คุณปกป้องอาจจะพลาดในครั้งแรก ไม่ต้องคิดมาก แค่แสดงความตกใจออกทางสีหน้าอย่างเดียว แต่ใจต้องนิ่งที่สุด มินเมืองจะประมาทและแกล้งยั่วปกป้องต่อไปเรื่อยๆ โดยไม่ยอมกดส่งไฟล์ออกไป’
และเป็นไปตามที่ว่า มินเมืองหัวเราะแล้วผิวปาก “อะไรเนี่ย คู่หูดูเปลี่ยนไปนะ ปกป้องขึ้นมาคุมแทนแล้วหรือ
ปกป้องตีสีหน้าหวาดกลัวและรีบวิ่งเข้าใส่ สองมือไขว่คว้าไปมา แต่ทางมินเมืองนั้นก็เบี่ยงตัวหลบอย่างคล่องแคล่ว เมื่อได้จังหวะก็ขัดขาปกป้องให้ล้มกลิ้งไปกับพื้น
“แหม เดาทางยากจังนะ แต่ธาดาร์ก็ยังเป็นธาดาร์อยู่ดีนั่นแหละ”
ปกป้องหงายหลังพร้อมหอบเหนื่อย พยายามจะลุกขึ้นแต่ถูกมินเมืองปักตีนลงที่กลางอก เขาร้องออกออกมาเสียงดัง และเจ็บปวดไปทั้งตัวเมื่อมินเมืองขยี้เท้าไปมา
แต่แค่นี้ยังไม่เจ็บเท่าที่คาดไว้ มินเมืองไม่คิดจะทำร้ายเขาจริงๆ ด้วย
“ไม่เอาน่า อย่าทำแบบนี้ดิ จะมาใจอ่อนอะไรเอาตอนนี้ อ้อ…” มินเมืองมองขึ้นฟ้า ทำท่าว่าเข้าใจอะไรบางอย่าง “คู่หูอยากเป็นคนพิเศษใช่ไหมล่ะ อยากเป็นแค่คนเดียวที่ฟื้นความทรงจำกลับมาได้ ไม่อยากให้พวกผู้ฟื้นสติรายอื่นเป็นแบบนายใช่ไหม”
แรงขยี้ลดลงแล้ว ปกป้องเริ่มได้ยินเสียงของธาดาร์ในหัว
“หากได้จังหวะให้เล่นงานไปที่หัวเข่าขวา ข้างที่กำลังเหยียบปกป้องอยู่นั่นละ มินเมืองเล่าว่าสมัยเด็กเคยบาดเจ็บที่ตรงนั้น”
“มันบาดเจ็บจริงหรือเปล่า” เขาระแวง
“น่าจะจริง มินเมืองไม่เคยโกหกผม อย่างน้อยก็ก่อนผมจะตาย แล้วอีกอย่างหนึ่งนะ…มีเรื่องให้คุณต้องเตรียมใจไว้”
“คู่หู” มินเมืองเรียกสติปกป้องกลับมา มันงอขาข้างที่เหยียบกลางอกลงเพื่อให้คุยได้ถนัดขึ้น “นายจะเป็นคนพิเศษเสมอนะ ถึงพวกนั้นจะฟื้นสติขึ้นมาก็พิเศษสู้นายไม่ได้หรอก ไม่ต้องห่วงนะ”
จังหวะนั้นปกป้องรีบทุบไปที่ข้างเข่าของมินเมืองอย่างสุดแรง ไม่สนแล้วว่าถูกมุมหรือไม่…และมันได้ผล มินเมืองร้องลั่น ยกขาออกพร้อมกับโน้มตัวลงไปกอด ส่วนสมาร์ตโฟนนั้นยังอยู่ในมือของมินเมือง
ปกป้องรีบชันตัวลุกขึ้น และเข้าไปแย่งสมาร์ตโฟนออกจากมือของมัน เรี่ยวแรงของวายร้ายน้อยลงไปอย่างน่าตกใจ และในวินาทีที่ปกป้องคว้าเป้าหมายมาได้ อีกฝ่ายก็หยิบปืนออกจากชุดเอี๊ยมและยิงเข้าที่กลางท้องของเขาอย่างรวดเร็ว
พริบตานั้นเองที่ภาพตรงหน้ากลับพร่าเบลอในทันใด
เสียงวิ้งในหูนั้นถูกกลบไปด้วยเสียงตะโกนเรียกของธาดาร์
“ปกป้องครับ ปกป้อง แข็งใจเอาไว้ก่อนครับ เรายังมีเรื่องต้องทำ”
แม้จะถูกบอกให้เตรียมใจไว้ว่าจะถูกยิง แต่ก็แทบจะสิ้นสติ หากธาดาร์ไม่คอยตะโกนเรียกจากภายในหัว คงช็อกตายไปแล้ว
สมาร์ตโฟน ไฟล์…ใช่แล้ว ต้องกดยกเลิกการส่ง ปกป้องกดที่หน้าจออยู่หลายวินาทีจึงทำสำเร็จ ระบบถึงเตือนว่ายกเลิกขั้นตอนเตรียมการส่งแล้ว
มินเมืองเดินเข้ามาอย่างไม่รีบร้อน “เดี๋ยวพอคู่หูหมดลมแล้ว ฉันค่อยกดอีกรอบก็ได้” น้ำเสียงและสีหน้านั้นฟังออกว่าเสียใจอย่างหนักที่ต้องยิงเขา แต่แล้วมันก็หยุดเดิน
จากมุมมองของปกป้องที่กำลังนอนหงายรอความตาย เขาเห็นทุกอย่างชัดเจน
“โอ๊ะ!” มินเมืองส่งเสียงเบาๆ หน้าตาตกตะลึง มองลงที่กลางอก มันมีมีดเล่มหนึ่งเสียบแนวเฉียงทะลุเข้าไปถึงหัวใจ
มันเป็นมีดที่พิณเพลงแอบเหน็บไว้ที่กางเกงของปกป้องนั่นเอง ตั้งแต่ที่เธอกระตุกชายเสื้อเขาแรงๆ ตอนมินเมืองปรากฏตัวออกมาที่ตึกร้าง จากนั้นจึงดึงชายเสื้อเชิ้ตมาปิดไว้ อาศัยจังหวะที่มินเมืองพล่ามสลับกับง่วนในการอ่านข้อมูลของสมาร์ตโฟนอยู่ได้อย่างแนบเนียน
“Same old stuff…” มินเมืองหัวเราะอย่างพึงพอใจ ก่อนจะค่อยๆ ถอยหลังไปพิงกำแพงสีขาว แล้วไถลตัวนั่งลงกับพื้น ตาลอยไปไกลวูบหนึ่ง ก่อนจะเรียกสติกลับมาด้วยการส่ายหัวรัวๆ
ปกป้องมองอะไรไม่ชัดแล้ว ภาพนั้นเบลอไปหมด แต่ยังได้ยินเสียงธาดาร์ในหัวชัดเจน
“ขอบคุณมาก ที่เหลือผมจะจัดการเอง”
ปกป้องไม่ทันได้ตอบอะไร ภาพทุกอย่างก็มืดลง เป็นความมืดสนิทที่แสนจะคุ้นเคย
- READ บทส่งท้าย A MIND จิตอริยะ
- READ A MIND จิตอริยะ บทที่ 17 : บิดเบี้ยว
- READ A MIND จิตอริยะ บทที่ 16 : ความสัมพันธ์ที่ไร้คำร่ำลา
- READ A MIND จิตอริยะ บทที่ 15 : สองจิต
- READ A MIND จิตอริยะ บทที่ 14 : มินเมืองผู้ชั่วร้าย
- READ A MIND จิตอริยะ บทที่ 13 : การกลับมาของฆาตกร
- READ A MIND จิตอริยะ บทที่ 12 : สู่การหลบหนี
- READ A MIND จิตอริยะ บทที่ 11 : ความถี่ปริศนา
- READ A MIND จิตอริยะ บทที่ 10 : การเตรียมใจของปกป้อง
- READ A MIND จิตอริยะ บทที่ 9 : ช่องโหว่ของระบบ
- READ A MIND จิตอริยะ บทที่ 8 : สัญญาของดอกไม้ไฟ
- READ A MIND จิตอริยะ บทที่ 7 : จุบจบที่เริ่มตั้งเค้า
- READ A MIND จิตอริยะ บทที่ 6 : ความสุขที่โหยหา
- READ A MIND จิตอริยะ บทที่ 5 : พบกันอีกครั้ง
- READ A MIND จิตอริยะ บทที่ 4 : ผู้ฟื้นสติ
- READ A MIND จิตอริยะ บทที่ 3 : สำนึกสุดท้ายของปกป้อง
- READ A MIND จิตอริยะ บทที่ 2 : โครงการสลับจิต
- READ A MIND จิตอริยะ บทที่ 1 : วาระสุดท้ายของธาดาร์ โพ้นวิไสย