บ่วงวงกต บทที่ 10 : จุดชมวิว

บ่วงวงกต บทที่ 10 : จุดชมวิว

โดย : Cirrus Halo

Loading

“บ่วงวงกต” นิยายสยองขวัญลึกลับ โดย Cirrus Halo เรื่องราวกลุ่มเพื่อนที่เดินทางสู่จังหวัดเลยเพื่อเที่ยวงานผีตาโขน แต่กลับติดอยู่ในรีสอร์ทปริศนาและต้องเผชิญเหตุฆาตกรรมสุดหลอน อ่านได้ที่ อ่านเอา

หลังจากจุรีและสิริกลับไปแล้ว ตรีสิทธิ์กับธนันต์ก็อยู่ตอบคำถามตำรวจอยู่นานก่อนที่ทั้งรถตำรวจและรถพยาบาลจะวิ่งออกจากรีสอร์ตไป เมื่อเห็นว่าเหตุการณ์กลับสู่ความสงบ ก้องก็เดินตรงขึ้นไปยังบ้านพักเจ้าของรีสอร์ต ตรีสิทธิ์มองเห็นกิ่งซึ่งยังคงยืนก้มหน้าก้มตาภายใต้ปอยผมสีดำยาวปรกหน้า เธอเดินตามก้องกลับเข้าบ้านพักไปอย่างเงียบเชียบ ตรีสิทธิ์ละสายตาจากหญิงสาวก่อนจะกลับบ้านพักพร้อมกับธนันต์

รีสอร์ตซึ่งเป็นสถานที่อันเลือนรางอยู่ในสายหมอกราวกับเมืองลับแลเช่นนี้ ตอนนี้กลับมีเรื่องฆาตกรรมเข้ามาให้ชวนขนลุกขนพองยิ่งขึ้นไปอีก แม้ว่าดวงอาทิตย์จะโผล่พ้นขอบฟ้าขึ้นมาพอให้เห็นแสงสว่างอันเบาบาง แต่ก็ไม่อาจขจัดความกลัวในใจของคนทั้งสี่ที่เพิ่งเข้าพักยังไม่ถึงสองวันเต็มได้เลย

จุรีและสิริตามกันออกจากบ้านพักหลังเล็กของตนเอง พวกเธอเดินย่างเท้าลงบนสะพานไม้ซึ่งส่งเสียงเสียดสีกันเล็กน้อยทอดยาวไปยังจุดชมวิวริมหน้าผา ในมือถือถ้วยกาแฟกันคนละใบ เป็นกาแฟสำเร็จรูปที่วางอยู่ในบ้านพักตั้งแต่วันแรกที่พวกเขามาถึง มันช่วยให้สดชื่นขึ้นได้หน่อยหลังจากงัวเงียมาตลอดทั้งเช้า ผิวหนังใต้ตาดำคล้ำเพราะต่างก็นอนกลิ้งไปกลิ้งมาทั้งคืน ฝืนข่มตาให้หลับอย่างไรก็ยังหลับไม่ลงอยู่ดี

ไม่นานนักตรีสิทธิ์และธนันต์ก็เดินมาสมทบจากสะพานไม้ที่เชื่อมต่อบ้านพักอีกทางหนึ่ง ขอบตาสีดำคล้ำกับถ้วยกาแฟในมือบ่งบอกว่าสภาพของพวกเขาก็ไม่ได้ต่างจากพวกเธอเท่าใดนัก สายตาของจุรีจับจ้องไปที่ตรีสิทธิ์ แววตาเต็มไปด้วยคำถามซึ่งแฝงไว้ด้วยความผูกพันอยู่ในที เธอยอมรับว่าสนใจเขาตั้งแต่แรกเพราะบุคลิกหลายส่วนทำให้เธอนึกถึงธีระแฟนหนุ่มที่ตายไปในอุบัติเหตุ เธอไม่เข้าใจว่าอะไรทำให้คนสองคนคล้ายกันได้มากขนาดนี้ แต่หลังจากได้คุยกับเขาหลายๆ ครั้ง ทำให้เธอเริ่มที่จะเปิดใจให้กับตรีสิทธิ์บ้างแล้ว

สิริหันไปเห็นจุรีจ้องมองตรีสิทธิ์จนเจ้าตัวเริ่มรู้สึกกระสับกระส่ายก็อดไม่ได้ที่จะกระทุ้งแขนก่อนกระซิบเบาๆ

“มีอะไรหรือเปล่า จ้องจนเขาอึดอัดจะแย่แล้ว”

จุรีได้สติเริ่มรู้ตัวแล้วว่ากำลังเสียมารยาท เธอละสายตาจากตรีสิทธิ์ก่อนหันมาตอบสิริ

“โทษที ฉันเหม่อไปหน่อย”

“ชอบเขาแล้วละสิ”

สิริหยั่งเชิงเพื่อนแต่จุรีเอาแต่ทำหน้าเครียดไม่ตอบ ทำให้สิรินึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนนี้ขึ้นมาจึงบ่นเสียงดัง

“ไม่รู้ว่าตำรวจพูดอะไรบ้างนะ ไม่เห็นมีใครเล่าให้ฟังเลย มีใครทำอะไรผิดหรือเปล่า”

“ไม่น่ามีอะไรนะ ไม่งั้นคงมีคนโดนจับติดคุกแล้วละ” จุรีกล่าวเสริม

ธนันต์เห็นสองสาวยืนทำเป็นกระซิบกระซาบเสียงดังอยู่ข้างหลังก็อดไม่ได้ที่จะตะโกนเรียกเสียงดัง

“พวกฉันสองคนยังยืนอยู่ตรงนี้นะ จะนินทาก็ออกไปห่างๆ หน่อยดีมั้ยล่ะ”

“ก็จงใจให้ได้ยิน ถึงเรียกว่านินทาไม่ได้ไง” สิริตอบกลับพลางหัวเราะเบาๆ

“พวกฉันแค่เล่าเหตุการณ์ไปตามที่เห็น สองคนนั้นชื่อกฤติกับอานนท์ พวกเขาแทงกันตายเองน่ะ”

ธนันต์ตอบกลับทำให้จุรีรู้สึกถึงบรรยากาศที่กำลังจะขุ่นมัวอีกครั้ง เธอจึงกล่าวตัดบท

“ถ้าเรื่องผ่านไปด้วยดีก็ช่างเถอะ ฉันว่าเราชมวิวกันหน่อยดีกว่ามั้ย ที่นี่ขนาดหน้าฝนยังมีหมอกลงเลย”

จุรีชี้ไปยังรัศมีสีทองของดวงอาทิตย์ที่กำลังโผล่พ้นเส้นขอบฟ้าขึ้นมาเหนือทะเลหมอก เป็นภาพที่หาดูไม่ได้ในกรุงเทพฯ โดยเฉพาะในฤดูกาลนี้ ตรีสิทธิ์รีบกล่าวเสริม

“เดี๋ยววันพรุ่งนี้ก็ได้ไปร่วมขบวนแห่ผีตาโขนที่วัดแล้ว เพราะงั้นนี่เป็นช่วงเวลาสงบสุขที่หาได้ยาก”

คำพูดของตรีสิทธิ์ทำให้จุรียิ้มบาง นี่คือข้อแตกต่างระหว่างเขากับธีระ นิสัยของตรีสิทธิ์ดูจะรักความเป็นส่วนตัวมากกว่าธีระที่ชอบการพบปะสังสรรค์

ตรีสิทธิ์เห็นจุรียืนยิ้มอยู่คนเดียวก็หยิบพวงกุญแจไม้สลักชื่อเธอแกว่งใส่นิ้วยื่นให้ตรงหน้าหญิงสาว

“เมื่อวานตอนอยู่ในร้านขายของ ผมเห็นมันเหมาะจะเป็นของที่ระลึกถึงที่นี่ก็เลยซื้อมาให้คุณ”

จุรีรับมาพลางมองดูลวดลายผีตาโขนที่สลักอยู่บนป้ายไม้ มันดูแปลกตาและเป็นตัวแทนสถานที่ได้ดีอย่างที่เขาพูด

“ขอบคุณค่ะ”

ในขณะที่ทั้งสี่คนกำลังหันไปชมวิวพระอาทิตย์ยามเช้า หางตาของพวกเขาก็สะดุดเข้ากับเงาร่างมืดมนของคนสองคนที่กำลังยืนอยู่ในจุดชมวิวห่างจากพวกเขาไปประมาณเมตรครึ่ง ตรีสิทธิ์จำได้ว่าพวกเขาคือแม่ลูกที่พักอยู่ในบ้านพักเลยจากบ้านพักของพวกเขาไปสองสามหลัง ธนันต์ย่นคิ้วหันไปถามเพื่อน

“นี่ สองคนนั้นเป็นแขกที่มาพักใหม่หรือ”

สีหน้าของสิริก็แปลกใจไม่แพ้กัน เธอกล่าวตอบ “ไม่รู้สิ ฉันก็เพิ่งเห็นพวกเขาพร้อมนายนี่แหละ”

“ตอนพวกเธอไปข้างนอก ฉันก็ไม่เห็นแขกเข้าพักใหม่นะ หรือว่าเข้ามาตอนเราไปเที่ยวตลาดกัน” จุรีตั้งข้อสังเกต แต่คนที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกมากที่สุดเห็นจะเป็นตรีสิทธิ์ที่เพิ่งรู้ว่าไม่มีใครมองเห็นสองแม่ลูกนับตั้งแต่เข้ามาในรีสอร์ต

ยังไม่ทันที่ตรีสิทธิ์จะเอ่ยปากอะไร แม่ลูกคู่นั้นปีนข้ามระเบียงไม้เตี้ยๆ ซึ่งสร้างไว้เพื่อกั้นอาณาเขตอย่างง่ายๆ เท่านั้น ตอนนี้ปลายเท้าของทั้งคู่อยู่ชิดริมขอบหน้าผา ลมแรงพัดผ่านทั้งคู่จนเสื้อผ้าหน้าผมปลิวสะบัดหมิ่นเหม่จะตกลงไปเมื่อใดก็ได้ ธนันต์กับตรีสิทธิ์ไม่รอช้ารีบวิ่งเข้าไปเพื่อหยุดทั้งคู่ไม่ให้กระโดดลงไป

แต่ทันใดศีรษะของแม่ลูกนั้นค่อยๆ หันบิดผิดรูปกลับมามองตามการเคลื่อนไหวของทั้งคู่อย่างเงียบเชียบ แต่ดวงตาที่จ้องมองมากลับขุ่นมัว มีแต่ตาขาวไร้ลูกนัยน์ตาดำ ทำให้ธนันต์และตรีสิทธิ์หยุดฝีเท้าโดยสัญชาตญาณไม่อาจจะก้าวขาต่อไปยังจุดที่แม่ลูกยืนอยู่ได้

จังหวะนั้นเองที่สองแม่ลูกกระโดดลงจากหน้าผาร่วงดิ่งลงสู่หุบเหวใต้ทะเลหมอกไร้ก้นเบื้องล่าง ร่างของทั้งสองหายวับไปในชั่วพริบตาเดียว เสียงหวีดร้องโหยหวนดังก้องไปทั่วหุบเขาให้ความรู้สึกเย็นยะเยือกสะท้านไปทั่วร่างกายผู้ที่พบเห็น ทั้งสี่คนได้แต่ยืนตะลึงเหมือนภาพตรงหน้าว่างเปล่าไปชั่วขณะหนึ่ง ไม่นานนักตรีสิทธิ์ก็รีบหยิบโทรศัพท์เพื่อเรียกรถฉุกเฉินและตำรวจ โดยลืมไปว่าโทรศัพท์ใช้การไม่ได้

เมื่อได้สติจุรีและสิริต่างก็หวีดร้องเสียงดังลั่นด้วยความตกใจ ตรีสิทธิ์กับธนันต์พาพวกเธอไปนั่งพักบนม้านั่งก่อนจะชวนกันวิ่งไปแจ้งเรื่องกับก้องซึ่งเป็นเจ้าของรีสอร์ต เขาน่าจะอยู่ที่เรือนประชาสัมพันธ์ซึ่งเป็นที่เดียวที่มีโทรศัพท์ใช้งานได้อยู่ด้วย

หลังจากก้องได้ยินตรีสิทธิ์กับธนันต์เล่าเรื่องสองแม่ลูก เขาก็นิ่งเงียบพลางส่ายหน้ามองอีกฝ่ายเหมือนไม่รู้ร้อนรู้หนาว เขาสะบัดมือไล่ก่อนจะกล่าวกับทั้งคู่

“ถ้าว่างมากก็ออกไปเดินเที่ยวข้างนอกเถอะครับ”

ธนันต์ยกมือขึ้นกอดอกมองหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่พอใจ “หมายความว่าไงครับ เรื่องเกิดขึ้นในรีสอร์ตคุณนะ”

“ผมไม่รู้หรอกว่าคุณได้ยินเรื่องสองแม่ลูกมาจากไหน แต่สองคนนั้นกระโดดหน้าผาจุดที่คุณบอกตั้งแต่ก่อนพวกคุณจะเข้ามาพักที่นี่เสียอีก ตำรวจมาเก็บหลักฐานเรียบร้อยแล้ว จะสร้างความวุ่นวายทำไมนักหนาเล่า”

“กระโดดหน้าผาตายไปแล้วหรือครับ” ตรีสิทธิ์กล่าวย้ำ

“คนแม่น่ะถูกผู้ชายหลอกให้เป็นเมียน้อยเขา เมียหลวงก็เลยไปอาละวาดจนเธอถูกไล่ออกจากงาน เธอก็เลยพาลูกมาพักอยู่ที่นี่แต่เงินเก็บก็มีไม่มาก อยู่ๆ ก็เลยคิดสั้น แถมมาโดดหน้าผาในรีสอร์ตเราเนี่ย”

ตรีสิทธิ์ได้ยินก็ชะงักก้าวถอยหลัง พลันนึกถึงจุรีกับสิริที่ยังนั่งรออยู่ที่บริเวณจุดชมวิว เขากับธนันต์รีบวิ่งกลับไปเพื่อพาสิริและจุรีออกมาให้พ้นจากสถานที่ผีสิงนั้น

 



Don`t copy text!