
บ่วงวงกต บทที่ 17 : ข้อความจากคนตาย
โดย : Cirrus Halo
![]()
“บ่วงวงกต” นิยายสยองขวัญลึกลับ โดย Cirrus Halo เรื่องราวกลุ่มเพื่อนที่เดินทางสู่จังหวัดเลยเพื่อเที่ยวงานผีตาโขน แต่กลับติดอยู่ในรีสอร์ทปริศนาและต้องเผชิญเหตุฆาตกรรมสุดหลอน อ่านได้ที่ อ่านเอา
ขนตามแขนของสิริลุกตั้งชันพร้อมกันเมื่อนึกถึงใบหน้าบูดเบี้ยวเพราะความอึดอัดทรมานของวิญญาณป้าแก้วที่พยายามคลานไต่ขึ้นมาบนตัวเธอ รอยนิ้วมือทั้งสิบเป็นจ้ำสีแดงยังประทับอยู่ที่คอ เธอยกมือขึ้นกอดอกรู้สึกเย็นเยียบไปทั่วตัวก่อนจะยืนกรานเสียงแข็งราวกับต้องการโกหกตัวเอง
“ฉันอาจจะตาฝาดก็ได้”
“ตาฝาดพร้อมกันหมดหรือ ทั้งฉันทั้งธนันต์ก็เห็นถึงได้พยายามจะเข้าไปช่วยเธอนะ” จุรีตวาดเสียงแข็งทั้งเจ็บใจและเสียใจ “ฉันว่าคนจรจัดคนนั้นคงไม่ยอมยกโทษให้เธอ…”
จุรีหยุดพูดพลันยกมือขึ้นปิดปากเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นบางอย่างที่นอกหน้าต่างเบื้องหลังสิริ สิริเห็นอีกฝ่ายนิ่งเงียบสีหน้าซีดเผือดจึงหันมองตามสายตาของเพื่อน แล้วก็ต้องลุกพรวดขึ้นยืนทั้งที่ยังมีอาการจับไข้
ที่ริมขอบหน้าต่างมุมซ้ายล่างใกล้กับหัวเตียงจุดที่สิรินั่งพิงอยู่เมื่อครู่นั้น ปรากฏใบหน้าครึ่งหนึ่งของชายจรจัดผู้มีผมเผ้ารุงรัง ดวงตาสีขาวขุ่นของเขาเหลือบมองสิริและกลิ้งกลอกตามความเคลื่อนไหวของเธอ ไม่นานนักเขาก็ยกมือขึ้นเคาะกระจกหน้าต่างเป็นจังหวะติดๆ กัน
สิริแข้งขาอ่อนแรงทรุดลงนั่งกับพื้น ในขณะที่จุรียืนตกตะลึงทำอะไรไม่ถูก จนกระทั่งมือของชายจรจัดเริ่มงัดแงะขอบบานหน้าต่างที่ประกบปิดเอาไว้ พวกเธอได้ยินเสียงเล็บขูดครืดกับกระจกเป็นระยะส่งเสียงแหลมเล็กบาดแก้วหู จนเริ่มมีเลือดไหลซึมออกจากเล็บทั้งสิบและละเลงเละเทะอยู่เต็มกระจกหน้าต่าง ชายจรจัดไม่ได้สะทกสะท้านราวกับไม่เจ็บปวด เขายังคงพยายามแงะหน้าต่างเปิดต่อไป
ในที่สุดกลอนหน้าต่างก็เด้งคลายออก มือที่ขูดกระจกอยู่นั้นสามารถลากเปิดบานหน้าต่างออกจากกันได้แล้ว เขาเผยให้เห็นใบหน้าอีกครึ่งหนึ่งที่เปื้อนเปรอะรอยแสยะยิ้มแสดงความภาคภูมิใจ ก่อนจะแหวกเอาหัวผ่านทะลุช่องหน้าต่างเข้ามาในบ้านพัก เขาพยายามเบียดเอาร่างที่ผอมแห้งซึ่งห่อหุ้มด้วยเสื้อผ้าเก่าๆ ซอมซ่อผ่านช่องหน้าต่างแคบๆ เข้ามาด้วย
จุรีและสิริไม่ได้รอให้เขาเข้ามาได้เต็มตัวเสียก่อน พวกเธอต่างพากันวิ่งหนีออกจากประตูบ้านพักเพื่อตรงไปยังลานจอดรถซึ่งมองเห็นธนันต์กำลังยืนคุยอยู่กับเจ้าหน้าที่กู้ภัยคนหนึ่งไกลออกไปที่ชั้นล่างของเนินเขา ส่วนเจ้าหน้าที่อีกคนหนึ่งนอนสลบไม่ได้สติอยู่ไม่ไกลจากรถกู้ภัย ในขณะที่มองดูหลังของสิริวิ่งนำไปไกลแล้ว จุรีกวาดสายตามองหาตรีสิทธิ์ ไฟที่ส่องสว่างบนบ้านพักเจ้าของรีสอร์ตดึงดูดสายตาของเธอ เธอคิดว่าเขาอาจอยู่ที่นั่นจึงวิ่งแยกขึ้นไปทางนั้นแทน
ทันทีที่เข้าใกล้หน้าบ้านพักเจ้าของรีสอร์ต จุรีกรีดร้องเมื่อเห็นธีระในร่างตรีสิทธิ์กำลังถือหินก้อนใหญ่จะทุ่มใส่หน้าผากของก้องที่นอนหงายขยับไปไหนไม่ได้อยู่บนพื้น บนร่างของก้องปรากฏเงาร่างโปร่งใสของกิ่งที่ก้มหน้าปล่อยให้เลือดไหลทะลักจากหน้าผากเทลงบนแก้มของก้องอย่างไม่ขาดสาย เขาพยายามดิ้นรนจะหนีแต่ถูกวิญญาณจับแขนทั้งสองข้างและนั่งทับขาเอาไว้ ท่าทางของกิ่งหวาดกลัวบางอย่างที่ห้อยคอของก้องไว้
ธีระเงยหน้าสบตากับจุรีเข้าพอดี เขารีบทิ้งหินลงด้านข้างเฉียดศีรษะของก้องไปนิดหนึ่ง ก้องถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก ในขณะที่จุรีวิ่งเข้ามาใกล้จุดที่ก้องนอนอยู่
“คุณตรีสิทธิ์ คุณคิดจะทำอะไร จะฆ่าคุณก้องหรือ”
ธีระนึกขึ้นได้ว่าจุรียังไม่รู้ว่าเขาคือธีระ จึงกล่าวตอบสั้นๆ น้ำเสียงเรียบ “เขาสมควรตาย”
“สมควรตายเรื่องอะไร แล้วทำไมคุณกิ่งถึงได้…”
“เจ้านี่ฆ่าพี่สาวตัวเอง มันติดยาและต้องการเงิน ก็เลยพลั้งมือฆ่าเธอ”
จุรีพอจะเข้าใจสถานการณ์แล้วว่าวิญญาณของกิ่งเข้ามาเกี่ยวข้องยังไง แต่เธอยังยืนกรานเสียงแข็ง “ถึงอย่างนั้นคุณก็ไม่มีสิทธิ์ทำร้ายเขา ปล่อยให้เป็นหน้าที่ตำรวจเถอะ”
“ถ้าเธอไม่ได้ตัวตายตัวแทน เธอจะฆ่าพวกเราแทน”
จุรีค่อยๆ ขยับเข้าใกล้ตรีสิทธิ์ เธอมองเห็นแสงสว่างสีเหลืองทองที่หน้าอกของก้อง เมื่อชำเลืองมองใกล้ๆ จึงสังเกตเห็นว่าเป็นสร้อยพระ จุรีพยายามเกลี้ยกล่อมตรีสิทธิ์
“ขอร้องละ ปล่อยเขาไปเถอะ”
น้ำเสียงจริงจังของจุรีทำให้ตรีสิทธิ์ไม่มีทางเลือกมากนัก เขาตัดสินใจคว้าสร้อยพระของก้องแล้วกระชากออก มือของเขามีควันขึ้น เขารีบขว้างสร้อยพระทิ้งไปเผยให้เห็นรอยไหม้สีแดงที่ฝ่ามือ วิญญาณของกิ่งถอยออกห่างจากก้องและธีระเพราะกลัวสร้อยพระ
ก้องรีบลุกขึ้นวิ่งหนีลงจากทางขึ้นบ้านพักตรงไปทางจุดชมวิว แต่แล้วขาของเขาก็แข็งขยับไม่ได้ เมื่อเงยหน้าขึ้นมองทางก็ปรากฏร่างของกิ่งอยู่ไกลออกไปราวหนึ่งเมตร เขาคิดจะหันหลังวิ่งหนีไปอีกทาง แต่กลับรู้สึกถึงมือเย็นเยียบที่แตะบนบ่าอย่างแผ่วเบา เมื่อหันมองไปทางมือนั้นจึงมองเห็นใบหน้าที่ชุ่มโชกไปด้วยเลือดโผล่ขึ้นมาข้างไหล่ของตน เธอกำลังจ้องตาเขาในระยะประชิด
ก้องร้องโวยวายออกมาในขณะที่กิ่งผลักเขาให้ล้มลงนอนคว่ำจนศีรษะไปปะทะเข้ากับหินก้อนใหญ่บนพื้นดิน เลือดไหลนองออกจากบาดแผลบนหน้าผากที่ยุบเข้าไป สภาพบาดแผลเหมือนของกิ่งไม่ผิดเพี้ยน ร่างของก้องนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น
จุรีเห็นสร้อยพระตกอยู่ไม่ห่างจากจุดที่เธอยืนอยู่จึงเก็บขึ้นมาใส่กระเป๋าเสื้อเอาไว้ เธอเห็นธีระในร่างตรีสิทธิ์กำลังลุกขึ้นยืนพลางใช้มืออีกข้างกุมบาดแผลไหม้บนฝ่ามือตนเอง สีหน้าของจุรีเปลี่ยนจากไม่พอใจเป็นสงสัย เธอเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายก่อนถามขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่ว
“มือของคุณเป็นอะไรหรือเปล่า”
“ไม่เป็นไรหรอก”
ธีระกล่าวแบบขอไปทีก่อนเดินเข้าบ้านพักโดยมีจุรีเดินตามข้างหลัง ทันทีที่เปิดประตูบ้านพักของก้อง จุรีก็ยกมือขึ้นปิดปากเพราะกลิ่นเหม็นเน่าที่ลอยคละคลุ้งอยู่ในอากาศเข้าปะทะจมูกของเธอจนแสบไปหมด แต่ธีระกลับเดินตรงไปทางแท่นบูชาอย่างไม่สะทกสะท้าน
ธีระมองเห็นแท่นบูชาได้ถนัดตา ห่อผ้าสีขาวที่วางอยู่บนพื้นด้านข้างก็เด่นสะดุดตาไม่แพ้กัน เลือดสีแดงที่เปื้อนเป็นแนวยาวนั้นแห้งเกรอะกรังไปแล้วทำให้อนุมานได้ว่าศพด้านในน่าจะตายมานานแล้ว ตรีสิทธิ์กวาดสายตามองหาสิ่งของบนแท่นบูชาจึงสังเกตเห็นไฟแช็ก เขาคว้ามันขึ้นมาแล้วลองจุดไฟดู ซึ่งมันยังใช้การได้ดีอยู่
จุรีมองดูการกระทำของตรีสิทธิ์และศพในห่อผ้าด้วยสีหน้าซีดเซียว เธอถามขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“คุณทำอะไรอยู่ นั่นคือศพใช่มั้ย”
“ศพของคุณกิ่ง”
“แล้วคุณจะเผาศพทำไม เรารอให้ตำรวจมาจัดการดีกว่า”
“ที่ผมจะเผาคือรูปปั้นอัปมงคลบนแท่นบูชา มันคือสาเหตุที่ทำให้วิญญาณคนตายถูกขังอยู่ที่นี่ รวมถึงวิญญาณคนจรจัดที่เป็นสามีของแม่ลูกที่กระโดดหน้าผาตายด้วย เขาคือคนที่ตัดหน้ารถของสิริทำให้พวกเราติดอยู่ที่นี่”
“คุณตรีสิทธิ์รู้จักคนจรจัดนั่นได้ยังไงคะ”
สีหน้าของจุรีเปลี่ยนจากหวาดกลัวเป็นสงสัย ดวงตาของเธอจ้องมองเขาอย่างต้องการคำตอบ แม้ว่าเธอจะพอรู้แล้วตั้งแต่เห็นเขามีบาดแผลไหม้บนมือเพราะจับสร้อยพระ
ธีระชะงักเบือนสายตาหนีจากจุรี เขาเริ่มหายใจไม่ทั่วท้องพยายามตอบเธอด้วยน้ำเสียงที่เป็นปกติ
“ตอนนี้ที่สำคัญกว่าคือทำลายรูปปั้นนี้ คุณกับธนันต์จะได้ไปจากที่นี่”
“แล้วคุณกับสิริล่ะ ทำไมไม่เห็นพูดถึงเลย”
“สิริเป็นต้นเหตุที่ทำให้เราต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ คุณจะไปสนใจเธอทำไม”
“เธอเป็นเพื่อนฉันนะ”
“แต่เธอทรยศคุณ จ้างชายจรจัดนั่นมาทำร้ายคุณกับผม ทำไมถึงอยากให้เธอออกไปได้ล่ะ”
“ทำร้ายคุณกับผมหรือ” จุรีทวนคำจงใจเน้นสรรพนามที่เขาเรียกก่อนจะถามอย่างตรงไปตรงมา “คนที่ถูกทำร้ายพร้อมกับฉันก็คือคุณธีระ… สรุปว่าเป็นคุณใช่มั้ย”
ธีระกระอักกระอ่วนใจที่จะตอบ แต่ท่าทางของจุรีบ่งบอกว่าเธอแน่ใจแล้วถึงได้ถาม เขาจึงจำใจยอมรับ
“ใช่ ผมเอง”
“ตั้งแต่เมื่อไร…” จุรีกล่าวตอบเสียงสั่นเครือ นัยน์ตาของเธอชุ่มฉ่ำสะท้อนแววผูกพันอยู่ในที “คุณอยู่ในร่างคุณตรีสิทธิ์ตั้งแต่เมื่อไร”
“ตอนที่แอบเห็นรูปปั้นนี่ วันนี้เอง”
จุรีพยักหน้ารับรู้ อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้ถูกหลอกตั้งแต่มาถึงจังหวัดเลย เมื่อแน่ใจแล้วว่าคนที่อยู่ตรงหน้าคือคนที่เธอโหยหามาตลอด เธอก็มีคำถามมากมายที่ค้างคาใจหลังจากได้คุยกับสิริ
“สิริบอกฉันเรื่องที่คุณเคยคบกับเธอ เธอถึงได้เจ็บแค้นถึงขนาดจ้างคนจรจัดมาสั่งสอนคุณ”
“มันเป็นเรื่องตั้งแต่สมัยมหาลัย แต่ผมเลิกกับเธอแล้วตั้งแต่มาคบกับคุณ ผมไม่เคยให้ความหวังอะไรเธอเลย”
“แล้วทำไมเธอถึงผูกใจเจ็บขนาดนั้น พวกคุณเลิกกันนานแค่ไหน คุณถึงมาคบกับฉัน”
ท่าทางอึกอักของธีระทำให้จุรีพอเดาได้ เมื่อมานึกย้อนกลับไปถึงได้สังเกตว่าสิริมักนัดพบเธอหลังเลิกงาน และทุกครั้งก็จะถามถึงธีระด้วย เธอสูดหายใจลึกถามคำถามที่ลำบากใจที่สุด
“คุณแน่ใจนะว่าหลังจากคบกับฉันแล้ว คุณไม่เคยมีอะไรกับสิริ”
ธีระยังคงนิ่งเงียบ เขาไม่กล้าสบตาเธอด้วยซ้ำ จุรีพยายามกลั้นน้ำตาที่กำลังเอ่อล้นอยู่ในดวงตาซึ่งมันก็กลั้นไม่อยู่แล้ว เธอหลบหน้าเขาหันไปปาดน้ำตาออก ความจริงไม่เคยปรานีใครเลย
- READ บ่วงวงกต บทที่ 17 : ข้อความจากคนตาย
- READ บ่วงวงกต บทที่ 16 : บ่วง
- READ บ่วงวงกต บทที่ 15 : ร่องรอยของอดีต
- READ บ่วงวงกต บทที่ 14 : รายต่อไป
- READ บ่วงวงกต บทที่ 13 : ตัวตายตัวแทน
- READ บ่วงวงกต บทที่ 12 : โลกที่เปลี่ยนไป
- READ บ่วงวงกต บทที่ 11 : ทางวงกต
- READ บ่วงวงกต บทที่ 10 : จุดชมวิว
- READ บ่วงวงกต บทที่ 9 : เรื่องวิวาท
- READ บ่วงวงกต บทที่ 8 : ความไม่ลงรอย
- READ บ่วงวงกต บทที่ 7 : ตลาดกลางคืน
- READ บ่วงวงกต บทที่ 6 : วันแรกในรีสอร์ท
- READ บ่วงวงกต บทที่ 5 : เพื่อนบ้าน
- READ บ่วงวงกต บทที่ 4 : รีสอร์ทริมภู
- READ บ่วงวงกต บทที่ 3 : ในม่านหมอก
- READ บ่วงวงกต บทที่ 2 : ตำนาน
- READ บ่วงวงกต บทที่ 1 : ใกล้งานเทศกาล








