
บ่วงวงกต บทที่ 2 : ตำนาน
โดย : Cirrus Halo
![]()
“บ่วงวงกต” นิยายสยองขวัญลึกลับ โดย Cirrus Halo เรื่องราวกลุ่มเพื่อนที่เดินทางสู่จังหวัดเลยเพื่อเที่ยวงานผีตาโขน แต่กลับติดอยู่ในรีสอร์ทปริศนาและต้องเผชิญเหตุฆาตกรรมสุดหลอน อ่านได้ที่ อ่านเอา
สิริเห็นท่าทีของเพื่อนกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งก็อดนึกสนใจเรื่องที่ธนันต์เคยเล่าก่อนหน้านี้ไม่ได้ เธอเดินไปกระทุ้งแขนแฟนหนุ่มก่อนกระชิบถาม
“นายบอกว่าครอบครัวของตรีสิทธิ์เป็นร่างทรงใช่มั้ย”
ธนันต์พยักหน้าตอบรับ “ใช่ แต่ครอบครัวของเขาอยู่ที่จังหวัดอื่น ฉันขอให้เขามาเพราะเธอเล่าเรื่องของจุรีให้ฟังไง”
“แล้วนายเคยเล่าเรื่องของธีระให้เขาฟังหรือเปล่า”
ธนันต์ส่ายหน้า “ไม่ ฉันตั้งใจให้ตรีสิทธิ์มาเห็นจุรีด้วยตัวเอง จะได้พิสูจน์ว่าความสามารถของมันเป็นของจริงหรือเปล่า แทบไม่อยากเชื่อเลย”
จุรียังคงไม่ละความพยายามแม้ว่าตรีสิทธิ์จะบ่ายเบี่ยง จนในที่สุดเขาก็เงยหน้าสบตากับทั้งจุรีและสิริพร้อมกันก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง
“ผมแค่ล้อเล่นน่ะครับ บางทีอาจจะเป็นผู้ชายคนอื่นก็ได้”
ทั้งสิริและจุรีต่างเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ธนันต์เห็นว่าตรีสิทธิ์เริ่มจะหยอกล้อเลยเถิดจึงได้ห้ามเขาไว้
“พอแล้ว แกจะทำให้จุรีเสียใจไปกันใหญ่”
“ขอโทษนะครับ” เขากล่าวกับจุรีเสียงแผ่ว “ไปทำบุญในวัดเสียหน่อยจะได้รู้สึกดีขึ้น ผมว่าการยึดติดกับอดีตเกินไปนั่นแหละที่เป็นผลร้ายกับคุณ”
“แต่ฉัน… ยังไม่…”
จุรีนึกคำพูดไม่ออกเมื่อรู้ว่าทั้งหมดที่ตรีสิทธิ์พูดเป็นแค่เรื่องล้อเล่น เมื่อตั้งสติมองดูชายแปลกหน้าที่ยืนอยู่ตรงหน้าได้ถนัดตา เธอก็ยกมือขึ้นปิดปาก นี่เธอกำลังเสียสติถึงขนาดพูดเรื่องส่วนตัวกับคนที่เพิ่งเจอกันเป็นครั้งแรกงั้นหรือ เธอกำลังคาดหวังอะไรจากเขากันแน่ เธอตั้งคำถามกับตนเอง
สิริเห็นสีหน้าของจุรีซีดเผือดก็เป็นกังวล ธนันต์จึงชี้ไปทางร้านกาแฟซึ่งมีโต๊ะและเก้าอี้พลาสติกว่างอยู่ ช่วงเช้าในวันธรรมดาแบบนี้ทำให้มีคนมาเที่ยวไม่มากนัก ธนันต์จึงให้สิริพาจุรีไปนั่งพักที่นั่น ส่วนเขาและตรีสิทธิ์เดินไปซื้อเครื่องดื่ม
“กาแฟเย็นใส่นมสามแก้วครับ” ธนันต์กล่าวกับเจ้าของร้านก่อนหันไปหาเพื่อน “แกอยากดื่มอะไรก็สั่งเองนะ”
“แกสั่งกาแฟเย็นแค่สองแก้วก็พอ” ตรีสิทธิ์ตอบก่อนหันไปบอกเจ้าของร้าน “ขอเปลี่ยนนิดนึงนะครับ กาแฟใส่นมสอง และกาแฟดำหวานน้อยสองครับ”
“กาแฟดำหวานน้อยนี่สั่งให้ใครฟะ แกกับจุรีหรือ” ธนันต์ถามขึ้นอย่างสงสัย
“เชื่อสิ คุณจุรีชอบดื่มแบบเดียวกับฉัน”
ธนันต์ย่นคิ้วก่อนจะแย้งขึ้น “ไม่สิ ปกดิแกดื่มชาดำเย็นไม่ใช่เรอะ”
“ฮะ…” ตรีสิทธิ์เผลอกล่าวเบาๆ แล้วจึงเปลี่ยนเรื่อง “วันนี้อยากดื่มแบบนี้ไม่ได้หรือ”
“นี่แก อย่าบอกนะว่าจะจีบคุณจุรี เขาเพิ่งเจอเรื่องหนักๆ มา คงยังทำใจไม่ได้หรอก อย่าหวังอะไรมากนักล่ะ”
ตรีสิทธิ์พยักหน้าแทนคำตอบ เขารอรับเครื่องดื่มก่อนจะเดินตามหลังธนันต์มาเงียบๆ
ในขณะที่ธนันต์ยื่นแก้วกาแฟให้สิริ จุรีก็รับแก้วมาจากตรีสิทธิ์เช่นกัน หลังจากดื่มเข้าไปอึกหนึ่ง เธอก็เงยหน้ามองอีกฝ่ายด้วยความแปลกใจ ตรีสิทธิ์ไม่ได้ยืนรอให้เธอถามคำถาม เขาเดินไปคุยกับธนันต์อีกทางหนึ่ง จุรีนึกถึงคำเตือนของเขา บางทีมันอาจเป็นแค่การยึดติดจนคิดมากไปเองของเธอฝ่ายเดียวก็เป็นได้ เมื่อคิดได้แบบนั้นเธอก็เลิกล้มความตั้งใจที่จะยัดเยียดตัวตนของธีระให้กับตรีสิทธิ์
หลังจากหาของกินแบบง่ายๆ ให้พออิ่มท้องไปได้มื้อหนึ่ง ทั้งสี่คนก็เดินไปขึ้นบันไดเข้าสู่ตัววัด ภายในลานว่างมีการจัดพื้นที่ให้เป็นมุมถ่ายรูปร่วมกับหุ่นผีตาโขนซึ่งทำจากโครงไม้สานเป็นรูปร่าง โดยตกแต่งด้วยเศษผ้าและกระดาษสี ส่วนใบหน้าของหุ่นมักมีรูปคางยาว ปากกว้างและมีฟันแหลม จมูกยาวยืดเด่นออกมาให้ความรู้สึกตลกขบขันมากกว่าจะน่ากลัว
หลังจากถ่ายรูปตามซุ้มต่างๆ เสร็จแล้ว ธนันต์ก็เดินนำทุกคนเข้าไปสักการะพระพุทธรูปภายในพระอุโบสถ ก่อนจะนำทางไปยังพิพิธภัณฑ์ผีตาโขนที่อยู่อีกทางหนึ่ง ทางเดินขึ้นพิพิธภัณฑ์สร้างจากไม้จึงมีโทนสีน้ำตาลตัดกับกำแพงสีขาวล้วน ภายในจัดทำเป็นกระดานติดภาพและคำบรรยายที่กล่าวถึงความเป็นมา ตำนาน และประวัติศาสตร์ของชาวท้องถิ่นนี้ตลอดสี่ร้อยปีที่ผ่านมา รวมถึงคำอธิบายความเป็นมาของงานบุญประเพณีในเทศกาลผีตาโขนที่ทั้งสี่คนตั้งใจจะมาร่วมงานด้วย
สิริ จุรี และตรีสิทธิ์รวมกลุ่มเดินตามธนันต์พลางอ่านรายละเอียดบนกระดาน และมองดูหุ่นจำลองผีตาโขนที่วางประดับอยู่ตามจุดต่างๆ ธนันต์อธิบายคร่าวๆ ให้เพื่อนพอเข้าใจประเพณีบ้านเกิดของตน
“น่าเสียดายที่ยังไม่ได้แวะไปพระธาตุ ที่นั่นเป็นต้นกำเนิดตำนานของเจ้าพ่อกวนกับแม่นางเทียมที่ขบวนแห่ผีตาโขนจะต้องแวะไปสักการะก่อน”
“พวกเขาเป็นใครงั้นหรือ” สิริถามขึ้นอย่างสนใจ
“ถ้าจะให้เทียบก็คงคล้ายๆ กับร่างทรงนั่นแหละ จริงๆ เชื่อกันว่าทั้งสองท่านเคยเป็นบุคคลที่ถูกขังอยู่ในพระธาตุ นายช่างไม่รู้จึงโบกปูนปิดทางเข้าออก พวกท่านก็เลยกลายเป็นวิญญาณคอยปกป้องพระธาตุน่ะ”
“แล้วขบวนผีตาโขนคืออะไร ทำไมต้องจัดขบวนแห่ด้วยล่ะ” จุรีพยายามอ่านรายละเอียดบนกระดาน แต่เธอไม่สะดวกที่จะยืนเพ่งมองจุดเดียวนานๆ จึงเลือกที่จะถามธนันต์แทน
“จริงๆ เป็นตำนานตอนพระพุทธเจ้าถือกำเนิดเป็นพระเวสสันดรน่ะ ตอนนั้นท่านกับพระนางมัทรีซึ่งเป็นอดีตภรรยากำลังเดินทางออกจากป่าเพื่อเข้าเมือง ภูตผีที่อยู่ในป่ารู้สึกอาลัยจึงปลอมตัวปะปนไปกับชาวบ้านเพื่อไปส่งท่านเข้าเมืองด้วย ก็เลยมีงานบุญจัดขึ้นในวันที่มีขบวนแห่ ว่ากันว่าขบวนแห่จะนำพาสิ่งอัปมงคลทั้งหลายไปกับภูตผีในตอนที่พวกเขากลับสู่โลกหลังความตาย”
“ฉันเข้าใจว่าขบวนผีตาโขนเกี่ยวกับพิธีขอฝนเสียอีก” สิริบ่นพึมพำ ซึ่งธนันต์ก็ตอบคำถามของเธอ
“มีความเชื่อท้องถิ่นที่บอกว่าขบวนแห่เป็นการบูชาผีบรรพบุรุษด้วย เพราะมีอำนาจเหนือธรรมชาติก็เลยบันดาลฝนได้ สังคมไทยเป็นสังคมเกษตรกรรมนี่นา แถมเทศกาลยังจัดใกล้กับช่วงฤดูทำนาด้วย”
เมื่อเดินผ่านห้องฉายภาพออกมาจึงได้พบกับร้านค้าขนาดย่อมที่มีจำหน่ายของที่ระลึกเกี่ยวกับผีตาโขนอย่างหน้ากากหรือเครื่องเขียนด้วย อีกทั้งยังมีมุมที่จัดวัสดุอุปกรณ์ให้ลองตกแต่งลงสีหน้ากากผีตาโขนด้วยตนเอง จุรีกับสิริสนใจที่จะลองใช้สมาธิกับงานศิลปะแบบนี้ ในขณะที่ตรีสิทธิ์กับธนันต์เลือกที่จะเดินดูข้อมูลสมุนไพรพื้นบ้านมากกว่า
หลังจากเดินออกจากพิพิธภัณฑ์ผีตาโขนแล้ว อากาศร้อนขึ้นจากช่วงเช้าอย่างรู้สึกได้เพราะดวงอาทิตย์ส่องแสงเจิดจ้าอยู่ในจุดที่เห็นเด่นชัด นาฬิกาบอกเวลาเกือบบ่ายสองโมงแล้ว ธนันต์ละสายตาจากนาฬิกาข้อมือก่อนตะโกนถามเพื่อนซึ่งเดินนำหน้าไปยังลานจอดรถ
“พวกเธอจะแวะร้านอาหารก่อนเข้าที่พักมั้ย มีร้านอาหารวิวแม่น้ำอยู่ใกล้แม่น้ำหมันด้วย”
“แม่น้ำชื่อแปลกดีนะ” สิริตั้งข้อสังเกตพลางเดินช้าลงนิดหนึ่ง ธนันต์จึงสาวเท้าไวๆ ไปเดินข้างๆ เธอ
“เป็นแม่น้ำที่ขบวนแห่ผีตาโขนต้องไปทำพิธีนิมนต์พระอุปคุตในวันแรก แล้วก็เป็นสถานที่ที่จะมีการทิ้งหน้ากากผีตาโขนในวันที่สอง เพื่อแสดงถึงการนำสิ่งอัปมงคลทั้งหลายออกไปจากชีวิต ถ้าไปร่วมขบวนแห่วันที่หนึ่งกับสอง ก็จะได้เห็นแม่น้ำที่ว่าด้วย”
“แต่ฉันเหนื่อยแล้วละ อยากรีบเข้าที่พักมากกว่า” จุรีแทรกขึ้น สีหน้าของเธอดูอ่อนล้าซึ่งสิริก็เข้าใจ เธอหวังว่าเพื่อนจะมีอารมณ์สนุกกับสถานที่ขึ้นมาบ้างหากได้ชมวิวผ่านบ้านพักของรีสอร์ต
“งั้นเราแวะซื้อของกินแถวตลาดใกล้แม่น้ำก็ได้ แล้วค่อยกลับที่พัก” ธนันต์เสนอความคิดพลางหยิบมือถือขึ้นมากดสองสามที “ฉันจะแชร์สถานที่ให้ ขับรถไปเจอกันที่ลานจอดรถของตลาดก็แล้วกัน”
กล่าวจบธนันต์กับตรีสิทธิ์ก็เดินแยกไปที่รถมอเตอร์ไซค์ของตน จุรีเปิดประตูขึ้นรถพร้อมกับสิริก่อนจะเริ่มตั้งแผนที่จีพีเอสเพื่อมุ่งหน้าไปยังตลาดที่เป็นจุดหมาย
รถเก๋งของสิริวิ่งเข้ามาจอดที่ลานจอดรถในพื้นที่ของร้านค้าขนาดเล็กซึ่งเปิดติดๆ กันอยู่หลายร้าน มีทั้งร้านขายอาหาร เครื่องดื่ม เสื้อผ้าและของใช้ต่างๆ สิริเปิดประตูลงจากรถ แต่เธอเดินลงมาเพียงคนเดียวทำให้ธนันต์ที่เดินมาจากอีกทางหนึ่งถามขึ้นอย่างแปลกใจ
“แล้วเพื่อนของเธอไม่ลงมาด้วยกันหรือ”
“อาจจะต้องให้เวลาเธอหน่อย ดูเธอไม่มีกะจิตกะใจจะเที่ยวเลย”
“ขนาดฉันเป็นเพื่อนเจ้าธีระมันยังตกใจเลย ไม่คิดว่ามันจะเสียกะทันหันแบบนั้น เล่นเอาฉันเครียดไปตั้งหลายวัน จุรีกำลังจะแต่งงานก็คงยิ่งทำใจลำบากนั่นแหละ”
“ธีระก็เป็นเพื่อนฉันตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ฉันก็เสียใจเหมือนกัน ถึงได้พยายามปลอบใจจุรีไง”
“พวกเธอไปซื้อของเถอะ” ตรีสิทธิ์ซึ่งเดินตามหลังธนันต์มากล่าวแทรกขึ้น “เดี๋ยวฉันแวะซื้ออะไรหน่อย แล้วค่อยกลับมาเจอกันที่ลานจอดรถ”
ธนันต์มองตามหลังเพื่อนที่เดินหายเข้าไปในร้านขายขนมเจ้าหนึ่ง เขาพยักหน้าเบาๆ เหมือนพยายามทำความเข้าใจเพื่อน ในขณะที่สิริมองดูธนันต์ก่อนดึงความสนใจของเขามาที่เธอแทน
“ปล่อยเขาเถอะ เราไปเดินดูของกัน”

- READ บ่วงวงกต บทที่ 17 : ข้อความจากคนตาย
- READ บ่วงวงกต บทที่ 16 : บ่วง
- READ บ่วงวงกต บทที่ 15 : ร่องรอยของอดีต
- READ บ่วงวงกต บทที่ 14 : รายต่อไป
- READ บ่วงวงกต บทที่ 13 : ตัวตายตัวแทน
- READ บ่วงวงกต บทที่ 12 : โลกที่เปลี่ยนไป
- READ บ่วงวงกต บทที่ 11 : ทางวงกต
- READ บ่วงวงกต บทที่ 10 : จุดชมวิว
- READ บ่วงวงกต บทที่ 9 : เรื่องวิวาท
- READ บ่วงวงกต บทที่ 8 : ความไม่ลงรอย
- READ บ่วงวงกต บทที่ 7 : ตลาดกลางคืน
- READ บ่วงวงกต บทที่ 6 : วันแรกในรีสอร์ท
- READ บ่วงวงกต บทที่ 5 : เพื่อนบ้าน
- READ บ่วงวงกต บทที่ 4 : รีสอร์ทริมภู
- READ บ่วงวงกต บทที่ 3 : ในม่านหมอก
- READ บ่วงวงกต บทที่ 2 : ตำนาน
- READ บ่วงวงกต บทที่ 1 : ใกล้งานเทศกาล







