
ตรวนใบจาก บทที่ 12 : คำลือที่บ้านเก่า
โดย : ฉาย แสงเพชร
ตรวนใบจาก รางวัลรองชนะเลิศโครงการอ่านเอาก้าวแรกปี 5 โดย ฉาย แสงเพชร เกษตรกรจาก จ.ตราด ผู้ฝันอยากเป็นนักเขียนแนวท้องถิ่นที่ได้พลิกบทบาทจากงานเขียนเชิงวิชาการมาสู่การเขียนนวนิยายแนวแฟมิลี่ดราม่ากับเรื่องราวของอาชีพลอกใบจากและชีวิตที่เป็นปริศนาของคุณยายคนหนึ่ง เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ติดตามกันได้ในเว็บไซต์อ่านเอา
หลังจากที่นั่งอยู่ในรถกันเงียบๆ มาร่วมชั่วโมง จักรวาลขับรถมาชะลอที่หน้าศาลเจ้าแห่งหนึ่ง เสียงของเขาตะโกนถามชายสูงอายุที่เดินอยู่แถวนั้นทันที
“ลุงๆ วันนี้ลุงจรอยู่หรือเปล่า”
ชายผู้นั้นหันมาทางคนเรียก “วันนี้ลุงจรอยู่บ้าน แกไม่ค่อยสบายมาสองวันแล้ว จักรมีธุระอะไรรึ”
จักรวาลถามทางไปบ้านของคนที่เขาเรียกว่าลุงจร และทักทายกับลุงคนนั้นอีกนิดหน่อย เขาก็ออกรถขับอย่างช้าๆ ลัดเลาะไปตามทางที่ชายผู้นั้นบอกมา
“ลุงจรนี่เป็นใคร” โบตั๋นอดถามไม่ได้
“ก็ลุงของคุณนั่นแหละ แกเป็นลูกพี่ลูกน้องกับป้าเหมย”
“ทำไมนายถึงรู้จักญาติของยายเยอะจัง”
“ก็บอกแล้ว ผมเรียนที่พลิ้วจนจบมอหก แล้วอีกอย่าง ตอนที่ยายสีไพลแกไม่เหลือใครเลย ลูกๆ แยกย้ายไปหมด ลุงเทียนกับป้าเหมยก็ฝากให้พ่อกับแม่ผมนี่แหละ ให้แวะเวียนมาดูยายแกบ้าง จนพ่อแม่ผมตาย ปู่กับย่าก็ช่วยดูแลให้ต่อ จนแกไม่ไหวแล้ว ลุงเทียนกับป้าเหมยถึงมาดูแลเอง”
“ป้าไม่พอใจอะไรยาย ถึงไม่มาเอง ก็อยู่ไม่ไกลนี่” โบตั๋นอดถามไม่ได้
“ปู้โถ่ สมัยนั้นไม่ได้ไปมาง่ายๆ อย่างตอนนี้นี่ ตอนนี้ขับรถแค่ไม่ถึงชั่วโมงดี แต่สมัยก่อน ขึ้นรถเมล์จากพลิ้วไปบ้านคลองมะยมเป็นวันเชียวนะ ถนนกว่าจะเป็นสี่เลนแบบนี้ ก็เมื่อสิบกว่าปีมานี่เอง”
“เหรอ แต่…เอ๊ะ อันที่จริง ยายก็น่าจะรู้จักนายตั้งแต่ตอนเด็กแล้วสิ ทำไมยังเรียกผิดอีกล่ะ”
“ผมไม่เคยมาหรอก สมัยนั้น ผมฟังเรื่องของแกที่เขาเล่าๆ กันมาแล้วไม่ชอบหน้าแกเท่าไหร่ ตอนพ่อแม่ไป ผมก็อยู่บ้านทุกที เอาละ ถึงแล้ว”
จักรวาลพูดพลางเลี้ยวรถเข้าไปจอดหน้าบ้านหลังหนึ่ง มีเสียงสุนัขพันทาง 2 ตัวออกมาเห่าต้อนรับ และเสียงไอโขลกๆ ของชายมีอายุ นั่นกระมัง เสียงของคนที่จักรวาลเรียกว่าลุงจร คนที่จะช่วยไขข้อข้องใจเกี่ยวกับยายสีไพลให้เธอ
“อ้อ เป็นหลานของสีไพลรึ”
ชายวัยร่วม 70 ปี ที่จักรวาลเรียกเขาว่าลุงจร หันมามองเธอด้วยสายตาพินิจพิเคราะห์ เมื่อจักรวาลแนะนำเธอให้เขารู้จัก น้ำเสียงของเขาดูห่างเหิน ไม่มีเค้าของความเอ็นดูลูกหลานที่เพิ่งพบหน้าเจืออยู่เลย จิตใต้สำนึกเตือนเธอว่าชายผู้นี้ไม่น่าจะถูกชะตากับยายของเธอสักเท่าใดนัก
“บอกก่อนว่าถ้าจะให้ลุงเล่า ลุงก็เล่าได้แต่เรื่องจริงที่ลุงเจอมาเท่านั้นนะ จะให้เล่าแบบเอาใจลูกหลานน่ะ ลุงเล่าไม่ได้หรอก”
“แบบที่เป็นเรื่องจริงนั่นแหละค่ะ ที่หนูอยากรู้”
ลุงจรหันมามองโบตั๋นด้วยแววตาประเมินอยู่ครู่ ก่อนจะออกปากเล่า
“ลุงน่ะชื่อกำจร เป็นลูกของกิมฮก พี่ชายของกิมเจ็ก กิมเจ็กก็คือตาของหนูนั่นแหละ ลุงก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าสองคนนั่นไปได้กันได้ยังไง ลุงจำความได้ก็เห็นเขาอยู่ด้วยกันแล้ว แต่ราบรื่นไหม ลุงไม่รู้ รู้แต่ยายหนูน่ะเค็มสะบัดยาด เงินทองหามาได้ก็เอาไปจุนเจือโคตรเหง้าตัวเอง กะญาติข้างผัวนี่สักบาทแทบไม่ให้กระเด็น ถ้าอาเจ็กไม่ตายไปก่อน ก็ไม่รู้จะอยู่กันได้ตลอดรอดฝั่งไหม”
“ลุงก็เคยโดนเหรอคะ”
“ลุงไม่โดนหรอก ตอนเด็กลุงก็อยู่กับเตี่ย พอเตี่ยตาย ก๋งก็พามาอยู่ด้วย ลุงก็โตขนาดออกจากโรงเรียนแล้วนะ ไม่เด็กแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้น ลุงเคยอยู่บ้านเดียวกับตายายของหนูไหม”
“อยู่กันเข้าไปได้ยังไง ม่ากับสีไพลไม่ถูกกันเลย อาเจ็กต้องแยกบ้านออกมาอยู่ต่างหาก ห่างจากบ้านก๋งไปไกลทีเดียว สมัยนั้น รอบบ้านอาเจ็กมีแต่ดงต้นคุย ไม่มีบ้านคนเยอะแบบตอนนี้หรอก เคยไปไหมล่ะ”
โบตั๋นส่ายหน้าโดยเร็ว ส่วนจักรวาลพยักหน้า ลุงกำจรมองคนทั้งคู่ยิ้มๆ ก่อนจะเล่าต่อไป
“ตอนที่ลุงมาอยู่กับก๋งน่ะ ตอนนั้นม่าไม่พอใจสีไพลมาก มีเรื่องทะเลาะกันบ่อย ด่าให้ลุงได้ยินอยู่ทุกวัน ประมาณว่างกสมบัติ จะฮุบไว้คนเดียว พออาเจ็กตาย ม่าก็ยิ่งเต้น หาว่าสีไพลเป็นคนกินผัว อีกไม่กี่ปี ทั้งก๋งทั้งม่าก็ตายหมด ลุงเลยไปอยู่กับลุงที่เป็นพี่ชายของแม่ ในเมืองจันทร์โน่น ไม่ได้มาสมาคมกะสีไพลอีก”
“ลุงรู้ไหมคะว่าทะเลาะกันเรื่องอะไร”
“พอเตี่ยตาย ก๋งกับม่าอยากให้อาเจ็กมาสืบทอดกิจการของเตี่ย เพราะก๋งมีลูกชายอยู่ไม่กี่คน แต่ก็มาไม่ได้ สีไพลนี่แหละขวาง จนอาเจ็กตาย สุดท้ายอาหลองก็เป็นคนเอาไปทำหมด”
“อาหลองนี่ใครหรือคะ”
“น้องสาวของตาของหนูนั่นแหละ คนสุดท้อง ศักดิ์ก็เป็นยายของหนูอีกคน เขาไปได้ผัวค้าขายเก่ง ตัวอาหลองเองก็คล่องมาแต่เด็ก ตอนนี้ก็ยังอยู่นะ ความจำยังดีอยู่ด้วย ถ้าไม่เชื่อลุงไปถามดูได้ บ้านอยู่ไม่ไกลจากบ้านสีไพลตอนนี้สักเท่าไหร่หรอก”
จักรวาลรีบสอบถามเส้นทางด้วยความสนใจ โบตั๋นอดขวางไม่ได้ว่านี่คงเพราะได้ยินเรื่องถูกใจ เรื่องที่ยายของเธอเป็นคนไม่ดีแน่ๆ ถึงยิ่งอยากจะพาเธอไปหาพยานที่จะสนับสนุนความคิดของตัวเองเพิ่ม และเพื่อความกระจ่างของเธอเอง จึงซักต่อในเรื่องที่เธอคาใจ
“ทำไมลุงถึงว่ายายเป็นคนกินผัวล่ะคะ”
“ไม่กินได้ไง มีผัวกี่คนก็ตายหมด” ลุงจรเสียงดังขึ้นมาทันที “ตอนที่เตี่ยตายแล้วลุงมาอยู่กับก๋งน่ะ ผัวเก่าของสีไพลเพิ่งตายไป ทั้งๆ ที่เลิกกันไปนานละนะ ไม่รู้ทำไมหวนมาเกาะแกะกันอีก ไม่นานก็ตาย แล้วจากนั้นมาอีกไม่กี่ปี อาเจ็กก็ตายไปอีกคน อย่างนี้หรือไม่กิน”
คงเพราะเห็นโบตั๋นทำหน้าฉงน ลุงจรเลยเล่าเพิ่มขึ้นอีก “รู้ไหมเล่า คนรุ่นนั้น เขาไม่ได้ว่าแค่กินผัวนะ เขาว่าสีไพลน่ะฆ่าผัวเลยทีเดียว ฆ่าผัวแรกเพราะคิดจะมาขอคืนดี ฆ่าผัวสองเพราะจะเอาสมบัติ ก๋งกับม่าช้ำใจตายก็เพราะสีไพล แต่งคนผิดเข้ามาคนเดียว ตายไปถึงสามคน สุดท้ายก็กรรมตามทัน อ้างว่าจะเอาสมบัติไว้ให้ลูก แล้วเป็นไง ลูกถ้าไม่ตายก็ทิ้งไปหมด สมน้ำหน้า”
โบตั๋นถึงกับสะอึกเมื่อได้ยินคำที่ลุงจรตำหนิยายของเธอ คำถามอื่นๆ ติดค้างอยู่ที่ริมฝีปาก ลุงคนนี้เกลียดยายของเธออย่างมาก ไม่มีทางที่จะมองยายของเธออย่างเป็นกลางได้ เรื่องกิมบ๊วยกับใบจากที่อยากถาม ก็คงไม่มีประโยชน์อะไร เขาไปอยู่ในเมืองหลังจากก๋งและม่าตาย ในขณะที่ป้ากิมเหมยบอกว่ายายไปรับบุญทิ้งมาอยู่ด้วยหลังจากก๋งกับม่าตายไปแล้ว ตอนนั้น กิมบ๊วยยังไม่ตาย เรื่องนี้ถ้าลุงจะรู้ ก็รู้เพราะคนอื่นเล่าให้ฟัง และก็คงจะฟังเฉพาะที่อยากจะฟัง คนที่เกลียดยายจนเข้ากระดูกดำ มีแต่จะฟังเฉพาะเรื่องที่คนตำหนิยายแน่นอน รู้คำตอบล่วงหน้าแล้ว ก็ไม่รู้จะถามไปทำไม เธอได้แต่นั่งเงียบ ปล่อยให้จักรวาลพูดคุยกับลุงจรอีกพัก เขาก็ชวนเธอกลับ บอกว่าจะพาโบตั๋นไปหาย่าหลอง แล้วก็พากันขึ้นรถขับออกมา
ออกจากบ้านของลุงกำจร ลัดเลาะมาไม่ไกล จักรวาลชะลอรถหน้าบ้านหลังหนึ่งที่ปิดตาย ชี้ให้เธอดู บอกว่านี่คือบ้านเก่าของยายสีไพลที่อยู่มาตลอด ก่อนที่ป้ากิมเหมยจะมารับไปอยู่ด้วย จากบ้านหลังนี้ ถัดไปอีกซอยหนึ่งที่อยู่ฝั่งตรงข้าม เขาขับรถไปจอดที่หน้าร้านขายก๋วยเตี๋ยวและอาหารจานเดียว เขาชวนเธอแวะกินข้าวกันก่อน เพราะจะเพลแล้ว ส่วนบ้านย่าหลองของเขาอยู่หลังถัดจากร้านนี้ไปนั่นเอง
“ไม่เอาก๋วยเตี๋ยวหมูเลียงแล้วนะ เบื่อแล้ว ใครๆ ก็ชวนกินแต่ก๋วยเตี๋ยวนี่” โบตั๋นรีบออกปากเมื่อได้กลิ่นน้ำก๋วยเตี๋ยวหมูเลียงโชยมาจากหม้อก๋วยเตี๋ยว
“อ้าว มาจันทร์ มาตราดแล้วไม่กินหมูเลียง แล้วจะเรียกว่ามาเหรอ งั้นลองข้าวมันไก่ รับรองว่าไม่เหมือนของกรุงเทพ”
เธอเหลือบมองไก่ต้มที่แขวนอยู่ในตู้กระจก เหลือบมองหม้อใส่น้ำจิ้ม นึกไม่ออกว่ามันจะต่างไปได้อย่างไร แต่ก็ไม่อยากขัดใจเจ้าถิ่น เลยพยักหน้าตกลง
เมื่อข้าวมันไก่สองจานถูกวางลงตรงหน้า สิ่งที่ต่างไปคือไม่มีซีอิ๊วหวานๆ เสิร์ฟมาด้วย แต่กลับมีน้ำพริกเผาแทน จักรวาลรีบอธิบายทันที
“เห็นไหม ข้าวมันไก่ที่นี่ เขากินกับน้ำพริกเผาหวานๆ เข้ากันดีนะ เวลาไปกินที่อื่น ยังไงก็ไม่อร่อยเท่า รู้สึกว่ามันขาดรสชาติอะไรไป”
ไม่ทันที่จักรวาลจะได้เล่าถึงข้าวมันไก่เพิ่มเติม หญิงเจ้าของร้านอายุรุ่นราวคราวเดียวกับกิมเหมย เดินเข้ามาทัก บอกว่าคุ้นหน้า ใช่ลูกของคนนั้นคนนี้หรือไม่ พอเท้าความกันไปพักหนึ่ง ก็จำกันได้ว่าเคยรู้จักกันสมัยที่จักรวาลยังเป็นนักเรียน และยิ่งรู้ว่าเขามีศักดิ์เป็นหลานของย่าหลอง ก็ยิ่งพูดคุยด้วยอย่างสนิทสนม
“ป้าหลองนี่แกใจดีมากนะ เนี่ย ที่ตั้งร้านค้าขายมาได้ทุกวันนี้ แกก็ช่วยไว้เยอะ เมื่อก่อน แกตั้งร้านขายของชำอยู่ตรงที่ร้านนี่แหละ พ่อแม่ของป้ามาขอเช่าหน้าร้านแกขาย แค่รถเข็นเล็กๆ เองนะ ต่อมา แกแบ่งให้เช่าคูหานึง ถึงได้มีร้านกะเขา จนแกแก่ตัวลง ผัวแกตาย แกถึงให้ป้าเช่าทั้งหมด มาตอนหลังป้าขอซื้อ แกก็ขายให้ถูกๆ บอกว่าเห็นเป็นคนเก่าคนแก่ ช่วยเหลือพึ่งพากันมานาน”
“ที่ร้านแกขายใบจากไหมคะ” โบตั๋นถามขึ้น
“ขายสิ ขายทุกอย่าง เมื่อก่อนเป็นร้านใหญ่ร้านหนึ่งของย่านนี้เลยนะ แกสืบทอดกิจการมาจากพ่อแม่ของแก ส่วนใบจากนี่ เขาว่าแกทำต่อจากพี่สะใภ้ของแก โอ๊ย พี่สะใภ้แกนี่ เขาว่าทั้งเค็มทั้งงก กิจการนี่ก็เป็นของผัวมาก่อน พอผัวตาย ก็ฮุบไว้คนเดียว แล้วตอนหลัง แกมีปัญหาเยอะแยะ ทะเลาะกะเขาไปทั่ว มีแต่คนไม่ชอบหน้า ค้าขายเลยไม่รุ่ง ไม่เหมือนป้าหลอง ใครๆ ก็รัก ร่ำรวยเท่าไหร่ก็ไม่ถือตัว”
โบตั๋นรู้สึกเหมือนข้าวจะติดคอขึ้นมาทันที เพราะเธอพอรู้จากลุงกำจรมาบ้างแล้ว พี่สะใภ้ของคนชื่อหลองคนนี้ คงไม่พ้นเป็นยายของเธอแน่นอน แต่ก็กลั้นใจถามไปให้รู้แน่
“พี่สะใภ้คนนั้นชื่อสีไพล ที่เคยอยู่บ้านตรงนั้นใช่ไหมคะ” โบตั๋นพูดพร้อมชี้มือไปทางบ้านหลังเก่าที่จักรวาลเพิ่งชี้ให้เธอดู
“ใช่เลยหนู” ป้าคนนั้นตอบรับทันที “แกทั้งดุ ทั้งเฮี้ยบ สารพัด เคยเกี่ยวข้องกับคดีฆ่าคนตายด้วยนะ ตอนนั้น ป้าเพิ่งมาขายของแถวนี้ไม่นาน มีพ่อแม่มาโวยวายกับคนที่ชื่อสีไพล หาว่าแกฆ่าลูกเขาตาย ถึงขั้นท้าให้พาตำรวจมาจับกันเชียวนะ แล้วรู้ไหม ก่อนที่ลูกสาวจะมารับตัวไปอยู่ด้วยไม่นานเลย แกโพกผ้าแดง คว้ามีดอีโต้ออกมารำป้อ ตะโกนว่าใครพาตำรวจมาจับแก แกจะฟันทิ้งให้หมด วันไหนไม่ออกมารำ ก็นอนคลุมโปงอยู่ในห้อง กลัวจะมีคนมาจับ เห็นไหมล่ะ ความลับไม่มีในโลก ทำผิดอะไรไว้ก็ปิดไม่มิด”
- READ ตรวนใบจาก บทที่ 12 : คำลือที่บ้านเก่า
- READ ตรวนใบจาก บทที่ 10 : ข้อสงสัยของโบตั๋น
- READ ตรวนใบจาก บทที่ 9 : ความรักของจักรวาล
- READ ตรวนใบจาก บทที่ 8 : เรื่องเล่าของจักรวาล
- READ ตรวนใบจาก บทที่ 7 : แตกร้าว
- READ ตรวนใบจาก บทที่ 6 : เรื่องเล่าของกิมเต้ง
- READ ตรวนใบจาก บทที่ 5 : ชีวิตคู่ของกิมเหมย
- READ ตรวนใบจาก บทที่ 4 : เรื่องเล่าของกิมเหมย
- READ ตรวนใบจาก บทที่ 3 : ผู้ชายคนใดชื่อใบจาก
- READ ตรวนใบจาก บทที่ 2 : ผู้หญิงคนใดชื่อกิมบ๊วย
- READ ตรวนใบจาก บทที่ 1 : ฤดูมรสุม
- READ ตรวนใบจาก บทนำ : ผู้ซ่อนกายในความมืด