ตรวนใบจาก บทที่ 20 : ลงบันไดสามขั้นเป็นคนอื่น

ตรวนใบจาก บทที่ 20 : ลงบันไดสามขั้นเป็นคนอื่น

โดย : ฉาย แสงเพชร

Loading

ตรวนใบจาก รางวัลรองชนะเลิศโครงการอ่านเอาก้าวแรกปี 5 โดย ฉาย แสงเพชร เกษตรกรจาก จ.ตราด ผู้ฝันอยากเป็นนักเขียนแนวท้องถิ่นที่ได้พลิกบทบาทจากงานเขียนเชิงวิชาการมาสู่การเขียนนวนิยายแนวแฟมิลี่ดราม่ากับเรื่องราวของอาชีพลอกใบจากและชีวิตที่เป็นปริศนาของคุณยายคนหนึ่ง เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ติดตามกันได้ในเว็บไซต์อ่านเอา

ไม่น่าเชื่อเลยว่าคุณยายสีไพลที่ชื่นชอบผู้ชายร่ำรวยเป็นชีวิตจิตใจจะร้องด่าออกมาทันทีที่ฟังเรื่องเล่าของโบตั๋นจบลง สีหน้าของคุณยายเปลี่ยนเป็นขึงขังทันทีที่หันมาพูดกับโบตั๋น

“จำไว้นังหนู ลูกน่ะ ยังไงก็เป็นลูก ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงความจริงข้อนี้ไปได้ ส่วนผัว แค่มันหันหลัง ลงบันไดสามขั้นก็เป็นคนอื่นไปแล้ว ผู้ชายที่ทำร้ายลูกตัวเองนี่ใช้ไม่ได้ ผู้หญิงที่ยอมให้ผัวทำร้ายลูกตัวเองนี่เลวยิ่งกว่า”

ป้ากิมเหมยกับจักรวาลหันมามองหน้ากันทันที ไม่อยากจะเชื่อหูว่านี่คือความคิดของผู้หญิงที่ใจแข็ง บีบบังคับลูกสารพัด จนไม่มีลูกคนไหนอยู่ด้วยได้ กลับเห็นว่าลูกสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด ป้ากิมเหมยถึงกับอดปากไม่อยู่

“แล้วแมะทำได้อย่างที่แมะพูดหรือเปล่า”

“ทำไมกูจะทำไม่ได้ มึงรู้ไหมล่ะ ว่ากูเลิกกับพ่อไอ้ทิ้งเพราะอะไร ก็เพราะมันกล้าเตะไอ้ทิ้งต่อหน้ากูไง”

“จริงหรือแมะ” ป้ากิมเหมยถึงกับตะลึงกับสิ่งที่ไม่เคยรู้มาก่อน

โบตั๋นได้โอกาสรีบซักต่อทันที “ยายเล่าเรื่องพ่อของลุงทิ้งให้ฟังได้ไหมคะ เขาแย่กว่าพ่อของต้นกล้าแค่ไหน”

“ได้”

 

บนเรือนหลังใหม่ที่สร้างเป็นเรือนหอมาร่วมสองปี สายฝนที่กระหน่ำหนักหน้ามรสุมยังไม่อาจไหลรั่วเข้ามาตามรอยแตกรอยชำรุดใดๆ ได้เลย หากแต่จิตใจของสาวแม่ลูกอ่อนที่ไกวเปลเห่กล่อมลูกชายวัยเกือบขวบตามลำพังกลับถูกกัดกร่อนด้วยความเปลี่ยวเหงาจนยากจะทานทน ก็เหมือนทุกวันที่ผ่านมา เขาไปอีกแล้ว ออกไปจากบ้านอีกแล้ว ไม่เคยคิดจะเป็นห่วงเป็นใยเมียและลูกน้อยที่เฝ้ารอการกลับของเขา ก็เพราะเหตุใดเล่า ถ้ามิใช่เพราะเขารักใคร่สิ่งที่เขาไปหายิ่งกว่าสิ่งใดทั้งหมดนั่นเอง

ไม่เคยมีเค้ามาก่อนเลยว่า บุญเพิ่ม สามีของหล่อน ผู้เป็นหนุ่มน้อยหน้าตาหล่อเหลา คารมคมคายคนนี้จะเป็นผีพนันไปได้เลย คนใกล้ตัวเขาไม่มีใครเป็น ในวัยหนุ่ม ยามที่เธอกับเขากำลังหลงเสน่ห์ในรสรัก เขาก็แค่คนที่ชอบไปดูตีไก่ กัดปลา หรือวงพนันตามงานศพเท่านั้น มาเริ่มริเป็นนักเล่นก็ตอนที่เธอท้องลูกคนนี้สักห้าหกเดือนเห็นจะได้ และยิ่งหนักข้อขึ้นทุกวัน จนวันนี้ ความสงบสุขในครอบครัวขึ้นกับโชคในวงพนันของเขา หากเขาเป็นฝ่ายได้ เขาก็เป็นสามีผู้แสนอบอุ่นดังที่เขาเคยสัญญา แต่ถ้าเขาเป็นฝ่ายเสียขึ้นมา เขาก็ไม่ต่างจากผีห่าขึ้นเรือนแม้แต่น้อย

ยังรักอยู่ไหม คำตอบก็คือรัก หากย้อนเวลากลับไปได้ เขาก็คือผู้ชายคนที่หล่อนรักมากที่สุด และยังไงก็จะเลือกเขา แต่จะทนได้ตลอดไปไหม แน่นอนว่าไม่ได้ หากเขายังเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ วันจากลาก็คงต้องมาถึงสักวัน น้ำตาของเธอรื้นเมื่อนึกถึงวาจาในกาลก่อน

“อยู่กับพี่สีไพลอาจไม่สมบูรณ์พร้อมเพราะพี่ไม่ร่ำรวยเหมือนใครเขา แต่สิ่งที่พี่มีให้สีไพลเสมอคือความรัก ต่อให้ต้องกัดก้อนเกลือกิน พี่ก็ไม่มีวันทอดทิ้งสีไพล”

ความรักที่มีให้เธอเสมอก็คือความรักที่ไม่อาจเทียบเท่ากับความรักที่มีให้กับโชคในวงพนัน เขาจะไม่ทอดทิ้งเธอ เว้นไว้แต่มีวงพนันให้เขาไปเล่น เธอควรจะยินดีไหมที่เขาไม่ได้ไปเจ้าชู้กับผู้หญิงอื่น ไม่คิดจะยกฐานะให้เธอเป็นเมียหลวง หรือบางทีอาจเป็นเพราะคนอื่นรู้เท่าทันผีพนันคนนี้ถึงไม่สนใจ มีแต่เธอที่ตาบอดเพราะความรัก หลงเห็นปีศาจเป็นเทพบุตร

เสียงเอะอะของเขาดังแว่วมาจากทางเดิน นี่คงจะกลับมาแล้ว เธอถอนใจดังเฮือก เมื่อยามที่เขาก้าวขึ้นเรือนมาครานี้ เขาจะเป็นใครกันนะ แต่ช่างเถอะ เธอเลือกที่จะพาลูกน้อยเข้าห้องนอน ไม่อยากเผชิญหน้ากับเขาให้รู้สึกอึดอัด ไม่อยากคิดว่าเธอจะทนอยู่กับเขาไปได้อีกนานแค่ไหน อยากให้มันเป็นแค่ฝันร้ายยามหลับ พอตื่นขึ้น เธอก็จะได้คนรักคนเดิมของเธอคืนมา แต่มันไม่เคยเป็นจริง

“ไปไหนวะ สีไพล ผัวมาแล้วไม่รู้จักมาดูดำดูดี ดวงก็ห่วย มีเมียก็ห่วย ซวยแท้ๆ”

เสียงเอะอะแบบนี้ไม่ต้องถามก็รู้เลยว่าได้หรือเสีย ลูกน้อยที่หลับไปแล้วผวาตื่นเพราะเสียงของพ่อ เธอจึงจำต้องลุกออกไปดู

“เอะอะอะไรพี่เพิ่ม ลูกนอนแล้ว เพิ่งจะหลับ”

“อ้อ นี่มึงเห็นลูกสำคัญกว่าผัวรึ กูนี่ที่ทำมาหาเลี้ยงมึง กลับมาเหนื่อยๆ รู้จักมาปรนนิบัติพัดวีกันบ้าง ไม่ใช่เอาแต่ไปกกลูก”

“ทำมาหาเลี้ยงหรือทำมาหาเล่นกันแน่” สีไพลอดปากไม่ได้อีกต่อไป “หามาได้เท่าไหร่ก็เอาไปลงบ่อนเช่ด ขืนรอเศษเงินเหลือจากบ่อน ฉันกับลูกคงอดตายก่อน”

“อีนี่วอน เดี๋ยวตบชั่ก” บุญเพิ่มยิ่งตะเบ็งเสียงลั่นบ้าน

“ก็ลองดูซี่” สีไพลจ้องกลับด้วยแววตาคมวาวราวแม่เสือ “มือตีนฉันก็มี ถ้าคิดว่าฉันจะนิ่งให้พี่ตบข้างเดียวก็เอาซี”

ไม่รู้ว่าเพราะแววตาของเธอที่ไม่ยอมเป็นเบี้ยล่างอีกต่อไป หรือเพราะเสียงร้องไห้จ้าของลูกชายที่ตกใจกลัวเสียงพ่อแม่ทะเลาะกัน ที่ทำให้เขาเปลี่ยนใจ เลิกคิดที่จะตบเธอ แต่กลับผลุนผลันเข้าไปในห้องหมายเล่นงานลูกชายแทน

“หุบปากเดี๋ยวนี้นะ ไอ้เด็กเวร เสือกแหกปากทำไม หนวกหู” สิ้นเสียง เขาใช้ฝ่ามือฟาดลงไปที่ร่างเด็กน้อยเต็มแรง จนร้องไห้ดังกว่าเดิม ตามมาด้วยเสียงดังพลั่ก สีไพลรีบคว้าของบนโต๊ะใกล้มือได้ ถลาตามเข้าไป เห็นลูกชายนอนกลิ้งร้องไห้จ้าบนเสื่อ เธอไม่รอช้า เข้าไปกระชากแขนสามีให้ออกห่างลูกทันที

“พี่เพิ่ม เตะลูกทำไม ลูกทำอะไรให้”

“เรื่องของกู มึงกล้าหือกับกูหรือ” บุญเพิ่มหันมาโวยวายกับเธอต่อตามวิสัยพาล หาที่ลงไม่ได้ แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นของที่อยู่ในมือของเธอเต็มตา

“อยากรู้ว่ากล้าหรือไม่กล้า ก็ลองดูสิ ถ้าฉันไม่กล้าแทงพี่ ก็อย่ามาเรียกว่าอีสีไพล”

เพราะมีดเล่มนั้น และท่าทางที่เหมือนแม่เสือหวงลูกของเธอ เขาจึงตัดสินใจลงจากเรือนไป ไม่อยากเอาเลือดเนื้อตัวเองมาเซ่นสังเวยคมมีดของเธอ และเพราะเขาลงจากเรือนไปในคืนนั้น เธอจึงรีบเก็บข้าวของ อุ้มลูกน้อยลงจากเรือน กลับมาที่บ้านของเพ่าะกับแมะ พอกันทีกับการใช้ชีวิตร่วมกับคนที่รักแต่เลี้ยงดูเธอให้ดีไม่ได้ พับเก็บความฝันที่เคยมีร่วมกันไว้เป็นอดีต ต่อไปนี้คือการใช้ชีวิตบนความเป็นจริง

 

“แล้วเขาไม่มาขอคืนดีกับยายหรือคะ”

“มา แต่ไม่มีวันหรอกที่จะโง่ กลับไปลงนรกเหมือนเดิม ที่แต่งงานใหม่กับเตี่ยเอ็งก็เพราะเหตุผลเดียว จะได้ไปให้พ้นจากมัน ไม่ได้รักหรอก ก็แค่เห็นว่าเขามีเงินพอจะดูแลเราได้ และไม่ใช่คนหนองชิ่ม แต่งแล้วจะได้พ้นไปอยู่ที่อื่นก็แค่นั้น”

 

 



Don`t copy text!