
ตรวนใบจาก บทที่ 22 : กุญแจบ้านเดิม
โดย : ฉาย แสงเพชร
ตรวนใบจาก รางวัลรองชนะเลิศโครงการอ่านเอาก้าวแรกปี 5 โดย ฉาย แสงเพชร เกษตรกรจาก จ.ตราด ผู้ฝันอยากเป็นนักเขียนแนวท้องถิ่นที่ได้พลิกบทบาทจากงานเขียนเชิงวิชาการมาสู่การเขียนนวนิยายแนวแฟมิลี่ดราม่ากับเรื่องราวของอาชีพลอกใบจากและชีวิตที่เป็นปริศนาของคุณยายคนหนึ่ง เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ติดตามกันได้ในเว็บไซต์อ่านเอา
ทันทีที่ไขกุญแจที่เก่าคร่ำบ้านนั้น และผลักเปิดประตูบานเฟี้ยมที่เก่าและฝืดเข้าไป บานพับของไม้แต่ละแผ่นฝืดจนพับได้ยาก การดันประตูให้พับไปอยู่ที่ริมบานประตูด้านหนึ่งจึงเป็นหน้าที่ของจักรวาล ส่วนต้นกล้าผวาเข้าหามารดาทันทีที่ก้าวเท้าเข้าไปในบ้าน บ้านครึ่งไม้ครึ่งปูนที่ปิดสนิทไว้นานจนฝุ่นกระจาย ควรจะมีอากาศที่ร้อนอบอ้าวในหน้าร้อนช่วงต้นเดือนเมษายน แต่บ้านหลังนี้กลับมีบรรยากาศที่เย็นยะเยือก รู้สึกวูบวาบตามเนื้อตัวเป็นระยะๆ ราวกับมีพลังงานจากอีกมิติหนึ่งพุ่งมาสัมผัสเนื้อตัว
“แม่ บ้านนี้น่ากลัวจัง ต้องมีผีแน่ๆ เลยแม่”
“เหลวไหลน่าต้น กลัวอะไรกับเรื่องแค่นี้”
แสงไฟจากหลอดนีออนเก่าๆ สว่างขึ้นด้วยมือของจักรวาล ทำเอาทั้งลูกที่กลัวผีและแม่ที่ไม่กลัวผีสะดุ้งกันทั้งคู่ ในตัวบ้านชั้นล่าง มีห้องที่ปิดประตูไว้เฉยๆ 2 ห้อง คงเป็นห้องที่ป้ากิมเหมยเล่าว่า ป้ากับแม่และลุงเคยอยู่เมื่อตอนเด็กๆ ประตูอีกบานทางด้านหลังที่เปิดแง้มๆ อยู่ โบตั๋นเดินเข้าไปเปิดดู เป็นประตูที่เปิดไปสู่ครัวซึ่งชักออกไปเป็นห้องหลังคาชั้นเดียว ตรงกลางของครัวนั้นมีบ่อน้ำอยู่ ขณะที่เธอกำลังมองด้วยความสงสัย เสียงของจักรวาลดังขึ้นด้านหลัง
“ไม่แปลกหรอก สมัยที่ยังไม่มีน้ำประปา บ้านแถวนี้ขุดบ่อไว้ในครัวทั้งนั้นแหละ บ้านปู่ผมก็มี เอาไว้กินแล้วก็ใช้งานในครัว”
เมื่อเธอเหลือบมองไปทางซ้าย มีประตูห้องเล็กๆ ห้องหนึ่ง มีกุญแจคล้องอยู่ นี่คงเป็นห้องที่ป้ากิมเหมยบอกว่าเป็นห้องเลี้ยงผีแน่ๆ ความรู้สึกแรกที่เกิดขึ้นเมื่อเห็นห้องนี้คือความกลัว กลัวจนลังเลที่จะเปิดเข้าไป เธอเลยชวนจักรวาลขึ้นไปดูข้างบนก่อน ตั้งใจไว้ว่าจะมาดูห้องนี้เป็นห้องสุดท้าย
บันไดไม้นั้นลั่นเอี๊ยดอ๊าดตลอดเวลาที่สองแม่ลูกเดินขึ้นไป ยังดีที่จักรวาลเดินนำขึ้นไปก่อนและเปิดไฟไว้รอ ไม่อย่างนั้นก็คงน่ากลัวกว่านี้ พอก้าวพ้นบันไดขั้นสุดท้าย ต้นกล้าผวาวิ่งเข้าไปเกาะแขนจักรวาลแน่น
“ลุงจักร ผมกลัว ขออยู่กับลุงจักรนะ ผมไม่อยากเข้าไป”
ชั้นบนนี้มีห้อง 2 ห้อง ล็อกกุญแจไว้ทั้งคู่ ห้องใหญ่ห้องหนึ่ง ห้องเล็กห้องหนึ่ง ทั้งจักรวาลกับโบตั๋นคิดตรงกันว่าห้องใหญ่น่าจะเป็นห้องของยายสีไพล ห้องเล็กน่าจะเป็นห้องของกิมบ๊วย
“ตอนที่ป้ามารับยาย แกอยู่ห้องข้างบนนี่หรือคะ น่ากลัวตกบันไดจัง”
“ตอนมารับแก ผมมาด้วย แกนอนอยู่ห้องข้างล่างนะ ป้าเหมยบอกว่าเป็นห้องเก่าของแกตอนเด็กๆ ป้าแกว่ายายลงมาอยู่ห้องข้างล่างตั้งแต่แกอายุขึ้นเลขเจ็ดแล้วนั่นแหละ แข้งขาไม่ดี ขึ้นบันไดไม่ไหว ก็ทำใจหน่อยนะ ห้องพวกนี้ถูกปิดตายมากว่าสิบปีแล้ว คงจะสกปรกน่าดู”
ความที่เรื่องของกิมบ๊วยยังติดอยู่ในใจเธอมาก โบตั๋นตัดสินใจไขกุญแจห้องของกิมบ๊วยก่อน แต่พอประตูที่แสนฝืดนั้นเปิดออก เธอก็ต้องผิดหวัง ห้องนี้แทบจะเป็นห้องเปล่าๆ มีเครื่องเรือนทำจากไม้ที่เก่าคร่ำคร่าไม่กี่อย่าง เหมือนเป็นห้องเก็บของมากกว่าห้องที่เคยมีคนอยู่ จะลองไปค้นหาเบาะแสใดๆ เพิ่มก็รู้สึกเกรงใจฝุ่นหนาเตอะนั่นเหลือเกิน ถ้ามันจะเคยมีอยู่ ก็น่าจะถูกยายสีไพลเก็บกวาดจนเหี้ยนเตียนไปแล้วแต่ครั้งนั้นแน่ๆ คุณยายไม่น่าจะอยากให้ลูกๆ ที่เหลือรู้เรื่องที่แกทะเลาะกับลูกสาวคนนี้อยู่แล้ว สุดท้าย ความหวังของเธอจึงเหลืออยู่แค่ที่ห้องนอนเก่าของคุณยาย
ภายในห้องนอนของคุณยายสีไพล เมื่อเปิดไฟสว่าง ห้องนี้ถูกเก็บทำความสะอาดเรียบร้อยเช่นกัน คงทำก่อนที่คุณยายจะลงไปอยู่ห้องข้างล่าง ด้วยขนาดของห้องที่กว้าง เตียงขนาดใหญ่ ตู้เสื้อผ้ามีสองตู้ ห้องนี้จะต้องเป็นห้องที่คุณยายอยู่กับคุณตาเมื่อครั้งคุณตายังมีชีวิตอยู่แน่ๆ ตอนแรกเธอใจฝ่อ ข้าวของอย่างอื่นไม่เหลืออยู่เลย นอกจากเครื่องเรือนที่เป็นไม้ การมาที่นี่คงสูญเปล่าเสียแล้ว ขณะจะหันตัวกลับ เธอพลันนึกบางอย่างขึ้นมาได้ ก็ถ้าในห้องนี้ไม่มีอะไรแล้วคุณยายจะล็อกห้องไว้ทำไม เหมือนมีอะไรบางอย่างดลใจ เธอหันไปมองทางเตียงนอนของยายอีกครั้ง และสังเกตเห็นหีบไม้ใบหนึ่งซ่อนอยู่ใต้เตียง สีของไม้ค่อนข้างคล้ำ กลืนไปกับความมืดใต้เตียง ถ้าไม่สังเกตให้ดีก็จะมองผ่านเลยไป
เธอตรงไปลากหีบไม้ออกมาจากใต้เตียงทันที หีบใบนี้ดูเก่ามาก รอยต่อต่างๆ ดูหลวม เนื้อไม้บางส่วนผุเหมือนเคยถูกปลวกกินมาก่อน ช่องสำหรับล็อกกุญแจมีอยู่ แต่เนื้อไม้บริเวณนั้นยุ่ยจนเธอสามารถงัดให้เปิดออกได้ไม่อยาก ภายในเต็มไปด้วยรูปถ่ายขาวดำจำนวนมากที่ใส่กรอบไม้ไว้ กรอบแต่ละอันเก่าจนลอก บางอันตะปูที่ประกอบไว้ผุ จนแค่จับ ทั้งไม้และกระจกก็พร้อมจะแยกออกจากกัน ภาพถ่ายเหล่านั้นทั้งซีด ทั้งเลือน จนบางภาพก็ดูไม่ออกแล้วว่าเป็นภาพของใคร ภาพที่พอดูได้มีเพียงภาพหมู่ของครอบครัว เหมือนภาพถ่ายในงานศพ มีผู้ใหญ่ 4 คน เด็ก 3 คน เด็กคนหนึ่งเป็นวัยทารก ผู้หญิงร่างผอมบางคนหนึ่งอุ้มอยู่ คงเป็นลุงกิมเต้งกับยายสีไพล เด็กอีก 2 คน พอมองออกจากทรงผมว่าเป็นเด็กผู้หญิง คงจะเป็นป้าบ๊วยกับป้าเหมย งานศพนี้เป็นงานศพใครก็ไม่รู้ ใครสักคนที่ตายไปหลังจากพี่ชายคนโตของป้ากิมเหมยตายไปแล้ว จึงไม่ปรากฏในรูป ใบหน้าของอีก 3 คนที่เลือนไปเพราะภาพมีรอยปลวกกิน หนึ่งในนั้นคงเป็นคุณตาของเธอ
อีกภาพหนึ่ง พอมองออกว่าเป็นภาพถ่ายหน้าตรงของผู้ชาย ใส่เสื้อเชิ้ต ภาพใบหน้าเลอะเลือนไปด้วยรอยปลวก เห็นแต่กรอบโครงว่ามีเค้าหน้าเป็นทรงกลมคล้ายกับป้ากิมเหมย ด้านล่างของภาพมีเขียนวันชาตะ มรณะ และเนื่องจากผู้ชายคนนี้ตายปีเดียวกับที่แม่เธอเกิด ภาพนี้ต้องเป็นภาพติดในงานศพของตาแน่ๆ ภาพที่ทั้งป้ากิมเหมยและลุงกิมเต้งพูดตรงกันว่าเคยติดไว้ในบ้านตอนที่เป็นเด็ก ก่อนจะหายไป ที่จริงมันไม่ได้หายไปไหน คงเพราะถูกปลวกกิน คุณยายเลยปลดลงมาเก็บใส่หีบไว้จนถึงบัดนี้นั่นเอง
ด้านล่างของหีบ หลังจากยกรูปภาพในกรอบไม้นั้นขึ้นมาหมดแล้ว ยังมีกระดาษจำนวนมากที่เก็บไว้ มีรอยปลวกกินเสียหายไปมาก จนเธอคร้านจะหยิบขึ้นมาดู คุณยายเก็บเอกสารจนเป็นอาหารปลวกแบบนี้ ถ้ายายยังเก็บจดหมายลาตายของป้าบ๊วยไว้ ก็คงป่นไปหมดแล้ว เธอทยอยวางกรอบรูปภาพคืนลงในหีบ พอวางลงไปได้สักครึ่งหนึ่ง ถุงพลาสติกที่บรรจุของไว้หนักๆ ก็หล่นลงบนตัก ถุงพลาสติกที่ใส่กระดาษไว้ปึกหนึ่ง มีรอยลนไฟปิดปากถุงไว้ ทำให้รอดจากการเป็นอาหารโอชะของปลวกกระหายหิวไปได้ กระดาษพวกนี้สำคัญอย่างไร ยายถึงต้องเก็บไว้ดีอย่างนี้
เธอค่อยๆ ใช้กรรไกรอันเล็กๆ ในกระเป๋าถือตัดถุงพลาสติกออกด้วยความระมัดระวัง เมื่อเธอคลี่กระดาษออกดู เธอรู้สึกขนลุกซู่ไปทั่วร่าง นี่เป็นจดหมายที่เขียนถึงตาของเธอ มาจากคนที่เป็นแม่ของคุณตา คนที่ใครๆ ล้วนเล่าว่าไม่ชอบหน้ายายสีไพลเอามากๆ เนื้อความในจดหมายเขียนขึ้นหลังจากที่กิมฮก พี่ชายของคุณตาตายไปแล้ว เธอเลือกอ่านเฉพาะส่วนที่เกี่ยวข้องกับยายอย่างพินิจพิเคราะห์
ฉบับแรก ลงวันที่ก่อนฉบับอื่น
ตรุษจีนปีนี้ เจ็กต้องแวะมาบ้านแมะนะ ที่เคยคุยกันไว้คราวก่อน แมะมองไว้ให้แล้ว ชื่อสำเภา เป็นพวกเดียวกับแม่ลั้ง เมียไอ้เว้งนี่แหละ แมะนัดกับผู้ใหญ่ฝ่ายโน้นให้มาดูตัวกันแล้ว แมะอยากให้เจ็กรีบตัดสินใจให้แน่นอน ตอนนี้เตี่ยกำลังกลุ้มมาก ว่าจะให้ใครมารับช่วงต่อจากเฮียฮก รู้ไหม ถึงเจ็กจะเป็นพี่ แต่เจ็กเสียเปรียบไอ้เว้งที่แมะเป็นคนไทย เมียก็ยังเป็นคนป่าคนดงเข้าไปอีก แมะถึงอยากให้เจ็กแต่งเมียที่เป็นจีนอีกสักคน จะได้ไม่น้อยหน้าไอ้เว้ง
ฉบับต่อมา ลงวันที่ถัดจากฉบับแรกไม่นาน
นี่ตกลงเจ็กไปคุยกับสีไพลยังไง ไปบอกอย่างที่แมะสอนหรือเปล่า รู้ไหมนังชาติสำรองนั่นมันมาด่าแมะถึงบ้าน หาว่าแมะไปจุ้นจ้านกับครอบครัวมัน เจ็กต้องจัดการให้แมะ อย่าให้มันผยองแบบนี้อีก พอแต่งกะแม่สำเภาแล้ว เจ็กมาอยู่กับแม่สำเภาที่บ้านแมะนะ ไม่ต้องไปอยู่กับมัน ไม่ต้องให้มันมาเหยียบบ้านแมะ เลิกกับมันไปได้เลยยิ่งดี
ฉบับสุดท้าย ลงวันที่ไว้หลังสุด มีรอยยับยู่ยี่กว่าฉบับอื่น เหมือนเคยถูกขยำด้วยความโมโหมาก่อน
ได้ข่าวว่าเจ็กป่วย แมะใจไม่ดีเลย ตกลงเกลี้ยกล่อมนังสีไพลเรียบร้อยหรือยัง แมะกลัวจริงๆ ว่ามันจะฆ่าเจ็กเหมือนที่เคยฆ่าผัวเก่าของมัน อย่าไปไว้ใจมันมาก มันทำอะไรมาให้กินที่ต่างจากคนอื่นก็อย่ากิน มะรืนนี้ แมะจะแวะไปที่บ้านเจ็ก อยากจะไปรับเจ็กมาอยู่กับแมะจนกว่าอะไรๆ จะเรียบร้อย แมะใจไม่ดีเลย ลูกชายของแมะมีแค่เจ็กคนเดียวนะ ดูแลตัวเองให้ดีด้วย
นี่กระมัง ที่มาของคำว่าเมียใหม่ที่ลุงบุญทิ้งเคยแอบฟังผู้ใหญ่คุยกันมาแต่ตอนเด็ก ที่แท้ ภาพที่คนอื่นมองว่ายายสุขสบายขึ้นหลังจากแต่งกับตาก็เป็นแค่ภาพลวงตาที่คนอื่นคิดกันไปเอง ยายมีปัญหากับแม่ผัวอย่างมาก ถึงขั้นแม่ผัวเจ้ากี้เจ้าการจะหาเมียใหม่ให้ลูกชาย หมายจะเขี่ยยายเธอให้กระเด็น แล้วข้ออ้างที่ว่าตาต้องมีเมียเชื้อสายจีนจะได้เหมาะสมกับการสืบทอดกิจการค้าของครอบครัว มันเป็นธรรมเนียมจริงๆ ของสมัยนั้น หรือธรรมเนียมที่แม่ผัวยกขึ้นมาอ้างเพื่อกำจัดยายออกไปจากครอบครัวกันแน่ ยายต้องหวานอมขมกลืนเพียงใดกัน ที่จะประคองชีวิตคู่ครั้งที่สองนี่ไปให้ตลอดรอดฝั่ง การที่ยายยื้อไว้กับการที่ยายยอมปล่อยมือไปแต่แรก อะไรที่เจ็บกว่ากันกันแน่
ไม่มีจดหมายที่ตาของเธอเขียนตอบไปเก็บไว้ด้วยกัน ทำให้เธอไม่รู้เลยว่าตาคิดอย่างไร ระหว่างเมียกับแม่ ตาจะเลือกใคร แต่ดูจากน้ำเสียงในจดหมาย ดูเหมือนตาของเธอจะยอมตามที่แม่ของตัวต้องการ แม้ยายจะไม่ยอม ทำไมตาถึงเป็นผู้ชายแบบนี้ ในขณะที่ยายเข้มแข็งทุกอย่าง เพื่อประคับประคองครอบครัวไว้ ตากลับอ่อนแอ ยอมให้จูงจมูกง่ายๆ ผู้ชายแบบนี้ แม่ผัวก็แบบนี้ ไม่เห็นน่าทนอยู่เลย ที่ยายต้องอดทน ก็คงเพราะสมัยนั้น ชีวิตคู่กับตาเป็นทางเดียวที่ยายและลูกๆ จะได้มีชีวิตที่ดี แล้วถ้าเป็นยุคนี้ล่ะ ถ้ายายมีอาชีพเลี้ยงตัวเองได้ ไม่ต้องพึ่งตา ตอนจบของเรื่องนี้จะเป็นแบบเดิมไหม
โบตั๋นเก็บของทุกอย่างในห้องนั้นเข้าที่เดิม ยกเว้นจดหมาย 3 ฉบับนั้น เธอสอดมันกลับคืนในถุงพลาสติกใบเดิม ใส่ลงในกระเป๋าถือ ก่อนจะออกจากห้องมา
ตอนนี้ เหลือเพียงห้องเดียวที่เธอจะต้องเข้าไปดู ห้องที่ป้ากิมเหมยเรียกว่าห้องเลี้ยงผี
- READ ตรวนใบจาก บทที่ 24 : เรื่องเล่าของยายสีไพล
- READ ตรวนใบจาก บทที่ 23 : ห้องเลี้ยงผี
- READ ตรวนใบจาก บทที่ 22 : กุญแจบ้านเดิม
- READ ตรวนใบจาก บทที่ 21 : ค่ำคืนนั้น
- READ ตรวนใบจาก บทที่ 20 : ลงบันไดสามขั้นเป็นคนอื่น
- READ ตรวนใบจาก บทที่ 19 : ความคับแค้นของโบตั๋น
- READ ตรวนใบจาก บทที่ 18 : กลับมาก่อน...กิมบ๊วย
- READ ตรวนใบจาก บทที่ 17 : ลูกแม่!
- READ ตรวนใบจาก บทที่ 16 : ความตายของใบจาก
- READ ตรวนใบจาก บทที่ 15 : ความตายของบุญเพิ่ม
- READ ตรวนใบจาก บทที่ 14 : ใบจากในรอยจำ
- READ ตรวนใบจาก บทที่ 13 : เรื่องเล่าของฉลอง
- READ ตรวนใบจาก บทที่ 12 : คำลือที่บ้านเก่า
- READ ตรวนใบจาก บทที่ 11 : ความเสียใจของสีไพล
- READ ตรวนใบจาก บทที่ 10 : ข้อสงสัยของโบตั๋น
- READ ตรวนใบจาก บทที่ 9 : ความรักของจักรวาล
- READ ตรวนใบจาก บทที่ 8 : เรื่องเล่าของจักรวาล
- READ ตรวนใบจาก บทที่ 7 : แตกร้าว
- READ ตรวนใบจาก บทที่ 6 : เรื่องเล่าของกิมเต้ง
- READ ตรวนใบจาก บทที่ 5 : ชีวิตคู่ของกิมเหมย
- READ ตรวนใบจาก บทที่ 4 : เรื่องเล่าของกิมเหมย
- READ ตรวนใบจาก บทที่ 3 : ผู้ชายคนใดชื่อใบจาก
- READ ตรวนใบจาก บทที่ 2 : ผู้หญิงคนใดชื่อกิมบ๊วย
- READ ตรวนใบจาก บทที่ 1 : ฤดูมรสุม
- READ ตรวนใบจาก บทนำ : ผู้ซ่อนกายในความมืด