ตรวนใบจาก บทที่ 27 : ตรวนจาก ตรวนใจ

ตรวนใบจาก บทที่ 27 : ตรวนจาก ตรวนใจ

โดย : ฉาย แสงเพชร

Loading

ตรวนใบจาก รางวัลรองชนะเลิศโครงการอ่านเอาก้าวแรกปี 5 โดย ฉาย แสงเพชร เกษตรกรจาก จ.ตราด ผู้ฝันอยากเป็นนักเขียนแนวท้องถิ่นที่ได้พลิกบทบาทจากงานเขียนเชิงวิชาการมาสู่การเขียนนวนิยายแนวแฟมิลี่ดราม่ากับเรื่องราวของอาชีพลอกใบจากและชีวิตที่เป็นปริศนาของคุณยายคนหนึ่ง เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ติดตามกันได้ในเว็บไซต์อ่านเอา

เมื่อทุกอย่างพร้อม ป้ากิมเหมยประคองยายสีไพลที่มีสีหน้าสดใสกว่าทุกวันออกมา แกจุดธูปแล้วนำธูปไปปักบนของเซ่นไหว้ในถาดอย่างละดอก จากนั้น แกบอกกล่าวให้ยายของแกรู้ว่า ตอนนี้ลูกสาวของแก กิมบ๊วย ตกลงจะไหว้ผีอยู่เป็นผัวเมียกับใบจาก ขอให้ยายรับรู้และดลบันดาลให้ชีวิตคู่นั้นราบรื่น

พอแกปักธูปที่เหลือตรงหน้ารูปถ่ายแล้ว แกหันหน้ามาผูกข้อมือรับขวัญให้สองบ่าวสาว โดยมีป้ากิมเหมยช่วยประคอง แกผูกข้อมือให้ ‘ใบจาก’ ก่อน

“แมะให้โอกาสเอ็งแล้ว ต่อไปนี้เป็นหน้าที่ของเอ็งที่จะพิสูจน์ตัวเอง ว่าจะเป็นผัว เป็นพ่อที่ดีได้หรือเปล่า ตราบใดที่รักกันมั่นคง ผีสางเทวดาก็จะอวยพรให้เอ็งอยู่เย็นเป็นสุข”

จากนั้น แกก็ผูกข้อมือให้ ‘กิมบ๊วย’ แกเอ่ยเสียงสั่นเครือ น้ำตารื้นเมื่อกล่าวอวยพร

“แม่คืนชีวิตให้เอ็งแล้วนะ บ๊วย ต่อไปนี้ เอ็งต้องตัดสินใจทุกเรื่องด้วยตัวเอง อย่าเอาแต่อารมณ์ ดูชีวิตของแมะเป็นตัวอย่าง อยู่ดีมีสุขกับสิ่งที่เอ็งเลือกนะลูกเอ๊ย”

แล้วน้ำตาของผู้ชราก็หลั่งริน เมื่อป้ากิมเหมยประคองแกออกมานั่งพักข้างๆ ให้เครือญาติคนอื่นๆ เข้าไปผูกข้อมืออวยพร แกมองภาพของ ‘กิมบ๊วย – ใบจาก’ ผ่านม่านน้ำตา ด้วยหัวใจที่โปร่งโล่งมากกว่าที่เคยเป็น สิ่งที่แกเคยเก็บงำไว้ในอก ความเสียใจที่แกต้องเก็บซ่อนจากผู้คน บัดนี้ มันได้ถูกปลดปล่อยออกมาอย่างสิ้นเชิง ไม่มีสิ่งที่ตกค้างในความรู้สึกอีกแล้ว

ต่อให้ต้องรับตรวนใบจากในบัดนี้ แกก็พร้อมแล้ว

 

ค่ำคืนนี้ เสียงลากตรวนใบจากและเสียงร้องเรียกของยายของเธอดังมาอีกแล้ว เพียงแต่ยายสีไพลไม่คิดจะหลบเลี่ยงอีกต่อไป เป็นไปไม่ได้ที่จะหลบหนีหลบหน้าไปเรื่อยๆ เพราะถึงอย่างไร วันใดวันหนึ่งข้างหน้าเธอก็ต้องตายอยู่ดี ถึงวันนั้น เธอก็หมดสิทธิ์จะหลบหลีกอยู่แล้ว วันนี้หลังจากไหว้ผีเสร็จสิ้น พอกลับมานอนที่เตียงดังเดิม เธอรู้สึกตัวเบาสบายอย่างที่ไม่เคยเป็น เมื่อเสียงลากตรวนใบจากดังใกล้เข้ามาอีก เธอจึงตัดสินใจลุกขึ้น เดินตรงไปยังความมืดข้างหน้า ที่ที่มีเสียงตรวนใบจากดังแว่วมาโดยไร้ความหวาดกลัว

เดินไปได้ไม่ไกลเท่าใด เงาตะคุ่มๆ ของผู้หญิงคนหนึ่งยืนรอเธออยู่ เมื่อเข้าไปใกล้ ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ยายของเธอ แต่เป็นแม่ผัวตัวร้ายที่เป็นคู่ปรับกันมาตลอดจนตายจากกัน จนบัดนี้ แกก็ยังชี้หน้าด่าเธอไม่ต่างจากตอนงานศพเฮีย

“นังสีไพล นังฆาตกร แกไม่อายคนอื่นมั่งหรือไง เอาชีวิตลูกชายฉันคืนมา”

“แมะโทษฉันก็เพื่อกลบเกลื่อนความผิดของตัวเองเท่านั้นแหละ” สีไพลตอบโต้ด้วยคำที่ไม่เคยพูดเมื่อฝ่ายนั้นยังมีชีวิต “แมะน่าจะรู้ดีกว่าฉันว่าเฮียตายเพราะอะไร ในเมื่อแมะเป็นคนนำของพวกนั้นมาเอง ที่แท้เฮียก็ตายเพราะแมะ แมะที่ไม่เคยยุติธรรม กดขี่คนที่แมะเกลียดชังจนเขากลายเป็นศัตรู ไฟที่เผาบ้านแมะน่ะ แมะจุดขึ้นเอง ไม่ใช่ฉัน”

“นังสีไพล แกกล้า…กล้า…”

แม่ผัวของสีไพลเต้นเร่าๆ ด้วยความแค้นที่หาคำมาด่าไม่ได้ สุดท้ายเธอก็เลือนหายไป สีไพลเดินต่อมาอีกนิด ผู้ชายคนหนึ่งยืนรออยู่ กิมเจ็ก สามีคนที่เธอไม่ได้รัก แต่เลือกอยู่กับเขาเพราะเขาเลี้ยงดูเธอและลูกได้ เขายิ้มให้นิดหนึ่งเมื่อเห็นเธอ ก่อนสีหน้าของเขาจะเปลี่ยนเป็นเฉยเมยเหมือนเมื่อตอนที่ลูกชายคนโตตายจากไม่มีผิด

“เฮีย ฉันขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด ฉันทำทุกอย่างเพื่อปกป้องครอบครัวของเรา เพื่อลูกของเรา ถึงมันจะเป็นความเลว แต่ฉันทนที่จะเป็นคนดีแล้วเห็นลูกลำบากต่อหน้าต่อตาไม่ได้”

“เฮียเข้าใจ เฮียต่างหากที่ต้องขอโทษสีไพลที่เอาคำว่ารักมาผูกสีไพลไว้ ทั้งที่คนในครอบครัวของเฮียไม่ได้ดีกับเธอ ตอนนี้เฮียยอมรับแล้วว่าเฮียไม่เหมาะกับสีไพลเลย เฮียอ่อนแอเกินไป สีไพลเข้มแข็งเด็ดขาดจนบางทีเฮียก็กลัว เราจากกันด้วยดีตรงนี้เถอะนะ”

“ค่ะเฮีย เฮียไปตามทางของเฮียเถอะ ฉันก็จะไปตามทางของฉัน”

แล้วร่างของกิมเจ็กก็เลือนหายไปในความมืด ส่วนยายสีไพลยังคงเดินไปข้างหน้าอย่างไม่ลังเล ทางเดินในความมืดไปสิ้นสุดที่ห้องห้องหนึ่ง ห้องเดิมที่เธอเคยล็อกแม่กุญแจไว้ด้วยมือตัวเอง แม่กุญแจเลื่อนหลุดลงมาเองอีกเช่นเคย เธอผลักประตูเข้าไปทุกครั้งเพื่อจะพบภาพเดิม ภาพของลูกสาวของเธอ ทอดร่างนอนนิ่งอยู่แบบเดิม เพียงแต่คืนนี้ เธอจ้องดวงตาไร้แววที่เหลือกลานนั้นอย่างสงบ ไม่ได้กรีดร้องอย่างที่เคยเป็น สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นแล้ว ผ่านไปแล้ว ยึดไว้ก็เท่านั้น ภาพตอนที่เธอผูกข้อมือ ให้ศีลให้พรแก่คนที่เธอเห็นว่าเป็นกิมบ๊วยกับใบจากเมื่อตอนเย็นนั้น ปรากฏซ้อนทับขึ้นมา นี่ถึงจะเป็นภาพที่เธอควรจดจำไว้ในหัวใจตลอดกาล

“กิมบ๊วย แมะให้อภัยลูกแล้ว ลูกก็อภัยให้แมะแล้วไม่ใช่หรือ แมะไม่ได้ต้องการให้ลูกตาย ถ้าวันนั้น แมะยอมฟังลูกสักนิด ก็คงไม่จบแบบนี้”

คราวนี้ ภาพของกิมบ๊วยเลือนหายไป กลายเป็นภาพยายของเธอยืนถือตรวนใบจากที่ยาวจรดพื้นรอเธออยู่ รอยยิ้มของยายไม่ต่างจากตอนที่ยายยังมีชีวิต

“ยายบอกเอ็งแล้ว สีไพล เมื่อเอ็งใช้วิชาสาปใบจากของยาย พอเอ็งตาย เอ็งต้องมารับตรวนใบจากไปจากยาย เอ็งพร้อมหรือยัง”

สีไพลยื่นมือไปข้างหน้าอย่างไม่ลังเล ด้วยความเด็ดเดี่ยวเหมือนในวัยสาว

“พร้อมแล้วยาย ส่งมาเถอะ”

“เอ็งไม่มีคำว่าเสียใจแน่นะ” ยายกล่าวย้ำอีกครั้ง

“แน่” สีไพลย้ำคำอย่างหนักแน่น

ยายยิ้มให้เธอด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่นเหมือนคราวที่ยังมีชีวิต ก่อนจะพาดตรวนใบจากนั้นพับรอบข้อมือเธอ สีไพลยังยืนนิ่งอย่างไม่สะทกสะท้าน ฉับพลัน เปลวไฟลุกพรึ่บขึ้น เผาตรวนใบจากเหล่านั้นจนไหม้ไฟไปหมด แม้แต่เถ้าธุลีที่เกิดขึ้นก็ปลิวหายลับไป ภาพของยายที่ยิ้มละไมตรงหน้าพลันซีดจางลงไปเรื่อยๆ ก่อนจะหายวับไปกับตา

เบื้องหน้า มีแสงสว่างโพลงเป็นจุดขาวสว่างเห็นได้ชัดในความมืด สีไพลไม่มีสิ่งเป็นห่วงอยู่ข้างหลัง ไม่มีสิ่งที่หวาดกลัวอยู่ข้างหน้า เธอก้าวเดินต่อไป ต่อให้จุดหมายปลายทางนั้นเป็นชีวิตใหม่ เธอก็ไม่ลังเล

 



Don`t copy text!