ตรวนใบจาก บทที่ 26 : ไหว้ผี

ตรวนใบจาก บทที่ 26 : ไหว้ผี

โดย : ฉาย แสงเพชร

Loading

ตรวนใบจาก รางวัลรองชนะเลิศโครงการอ่านเอาก้าวแรกปี 5 โดย ฉาย แสงเพชร เกษตรกรจาก จ.ตราด ผู้ฝันอยากเป็นนักเขียนแนวท้องถิ่นที่ได้พลิกบทบาทจากงานเขียนเชิงวิชาการมาสู่การเขียนนวนิยายแนวแฟมิลี่ดราม่ากับเรื่องราวของอาชีพลอกใบจากและชีวิตที่เป็นปริศนาของคุณยายคนหนึ่ง เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ติดตามกันได้ในเว็บไซต์อ่านเอา

โบตั๋นนิ่งฟังด้วยอาการสงบ ตอนนี้ยายเห็นเธอเป็นกิมบ๊วยอีกแล้ว และคำตอบที่ยายอยากได้ยินก็ต้องเป็นคำตอบของกิมบ๊วย ลูกสาวที่เคยเข้าใจแกผิด และจากความเข้าใจผิดลุกลามไปสู่ความตาย ความตายของคนรอบตัวที่ยายประสบมาทั้งหมด ความตายของกิมบ๊วยเป็นสิ่งที่กระทบกระเทือนใจยายมากที่สุด ถ้าเธอจะทำให้ยายรู้สึกว่ากิมบ๊วยอโหสิกรรมให้แกแล้ว แกคงจากไปด้วยความสงบได้เสียที

แล้วถ้าเธอเป็นกิมบ๊วยล่ะ เมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดของทุกคนที่พัวพันกันอยู่ จะอโหสิกรรมได้ไหม ในเมื่อความโกรธของกิมบ๊วยเป็นเพราะคิดว่าแม่ฆ่าพ่อ และฆ่าใบจากคนรักของเธอ เมื่อความจริงปรากฏออกมาว่าคุณยายไม่ได้ฆ่าทั้งสองคนนั้น และคุณยายต้องเผชิญกับความอึดอัดเพียงใดในชีวิตคู่กับตา ความเป็นจริงสิ่งเดียวที่เหลืออยู่ก็คือ คุณยายทำไปทั้งหมดเพราะความหวังดีต่อลูก เพียงแต่ว่าความหวังดีนั้น มันเกิดจากการมองเพียงมุมเดียว มองจากประสบการณ์ชีวิตของยายเท่านั้น จนลืมใส่ใจความรู้สึกของลูก ดังนั้น เธอจึงตัดสินใจพูดออกไปด้วยความรู้สึกที่คิดว่าควรจะเป็นความรู้สึกของกิมบ๊วย หากเธอคนนั้นมานั่งฟังอยู่ด้วย

“แม่คะ วันนั้น มันเป็นเพราะเราต่างใช้อารมณ์ เราไม่เคยคุยกันอย่างเปิดอกเลยสักครั้ง ถึงได้เข้าใจผิดไปใหญ่โต หนูไม่ถือโกรธแม่แล้วค่ะ ขอให้เราเลิกแล้วต่อกันแค่นี้เถอะ”

ใบหน้าชรานั้นปรากฏรอยยิ้ม แววตาที่ชราดูสดใสขึ้นมาก ราวกับเป็นแสงเทียนสุดท้ายที่เปล่งออกมาก่อนจะหมดลำเทียน ยายสีไพลหันไปทางชายหนุ่มที่อยู่ด้านหลังของโบตั๋น

“พ่อใบจากล่ะ ยังโกรธฉันอยู่ไหม”

ตอนแรกเธอคิดจะหันไปบอกจักรวาลให้สวมรอยเป็นใบจากเพื่อให้คุณยายสบายใจ แต่ดูเหมือนจักรวาลจะเป็นงานอยู่แล้ว เขาพูดออกมาเองโดยไม่ต้องนัดแนะกัน

“ไม่หรอกครับ ผมเข้าใจดีว่าสถานะของผมในตอนนั้นเป็นอย่างไร ผมเสียใจแค่ผมไม่มีโอกาสได้พิสูจน์ตัวเองให้เห็นว่าผมรักบ๊วยจริง”

“มีสิ ทำไมจะไม่มี” แววตาของยายสีไพลดูอ่อนโยนลงยามเอ่ยคำนี้ “ตอนนี้ เธอทั้งสองคนกลับมาอีกครั้งแล้ว เวลาของแมะก็ใกล้จะหมดลงแล้ว ตอนนี้ แมะไม่ขัดขวางเราสองคนแล้วนะ ถ้าจะไหว้ผีกัน ยายก็อนุญาต ยิ่งไหว้ผีกันก่อนที่แมะจะตายก็ยิ่งดี แมะจะได้ทำในสิ่งที่แมะควรทำเสียที”

“แมะ” ป้ากิมเหมยเปล่งเสียงออกมาอย่างไม่เชื่อหู “แมะพูดจริงหรือ”

“จะพูดเล่นให้มันได้อะไรขึ้นมาล่ะ นังเหมย” ยายสีไพลเปล่งเสียงดุ แม้เสียงนั้นจะเบาเต็มที “แมะยึดมั่นกับความคิดของแมะมาชั่วชีวิต แล้วมันได้อะไร ไม่มีเลย ในบรรดาลูกทุกคน แมะเสียใจเรื่องกิมบ๊วยที่สุด แมะมัวแต่คิดว่าเพราะบ๊วยมันดื้อด้าน หลงผู้ชายหัวปักหัวปำ กว่าจะรู้ว่าที่แท้เป็นเพราะแมะไม่ดีเอง ทำชั่วให้ลูกเห็น ก็เมื่อบ๊วยจากแม่ไปแล้ว”

หางเสียงที่เจือสะอื้นของยายสีไพลทำให้ในห้องมีแต่ความเงียบ คราวนี้กลายเป็นโบตั๋นกับจักรวาลที่ต้องหันมามองหน้ากันเองด้วยอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออก คำว่าไหว้ผี สำหรับตระกูลของยาย ก็คือการแต่งงานนั่นเอง คนที่จะมาเป็นเขยต้องมาไหว้ผีของฝ่ายหญิง บอกกล่าวให้ผีของผู้หญิงรับรู้ว่าจะอยู่กินเป็นสามีภรรยา แล้วผูกข้อไม้ข้อมือกันโดยญาติผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่าย โดยที่ไม่ต้องมีพิธีสงฆ์ก็ได้ กิมเหมยที่ฟังอยู่ตลอด เข้าใจความรู้สึกของสองหนุ่มสาวดี เธอจึงพูดขึ้น

“แมะก็อย่าเร่งรัดสิ ไหว้ผีมันเรื่องใหญ่นะ ต้องปรึกษาญาติของทั้งสองฝ่ายก่อน คืนนี้แมะเหนื่อยมากแล้ว พรุ่งนี้คุยกันได้เรื่องอย่างไร ฉันจะมาบอกแมะนะ”

 

ช่วงกลางวันก็เป็นเช่นทุกวันที่ยายสีไพลมักจะอ่อนแรงและหลับเป็นส่วนใหญ่ ลุงกิมเต้งที่ป้ากิมเหมยโทร.ไปตามแต่เช้า กว่าจะมาถึงก็สายมากแล้ว เมื่อมาถึง กิมเต้งดูตื่นเต้นมากกับเรื่องราวที่โบตั๋นค้นพบและสิ่งที่ยายสีไพลพูดออกมา ตอนนี้ เหลือสิ่งเดียวที่ทั้งห้าคนจะต้องตกลงกันคือ จะทำอย่างไรกับคำขอสุดท้ายของยายสีไพลที่แกอยากเห็นกิมบ๊วยกับใบจากไหว้ผีกัน

“มันจะดีหรือครับที่จะให้ผมกับโบตั๋นมาไหว้ผีกัน เขามีลูกมีผัวแล้ว ใครเอาไปพูดก็จะไม่งามมังครับ” จักรวาลท้วง

“แต่ถ้ามันทำให้คนใกล้ตายสบายใจได้ มันไม่ดีหรือพ่อจักร ถ้าเราไม่หลอกตัวเอง ก็ต้องยอมรับกันได้แล้วนะว่าแมะคงอยู่กับเราอีกไม่นานแล้ว อะไรที่ทำให้แกได้ก็ทำเถอะ” ลุงกิมเต้งพูดรัวเร็ว

เมื่อทุกคนหันมามองทางเธอ โบตั๋นเอ่ยขึ้น “ถ้าจะทำเพื่อให้ยายสบายใจก็ไม่น่าจะมีผลอะไรนะคะ หนูอธิบายให้ต้นกล้าเข้าใจได้ ส่วนพี่…นั่นเขาคงไม่สนใจอยู่แล้ว” โบตั๋นหมายถึงสามีของเธอนั่นเอง

“เอาอย่างนี้สิ” ลุงเทียนที่นั่งฟังอยู่นานเอ่ยขึ้น “เราให้เป็นงานไหว้ผีของกิมบ๊วยกับใบจากไปซะ บอกใครๆ ว่ายายสีไพลเสียใจที่ทำให้กิมบ๊วยกับใบจากต้องตาย จนแกไปไหนไม่ได้ มันมีห่วง ก็เลยให้โบตั๋นกับจักรวาลมาเข้าพิธีแทนคนทั้งคู่ที่ตายไปแล้ว ยายสีไพลจะได้หมดห่วง”

“เคยมีคนทำกันหรือครับ” จักรวาลถาม

“มีสิ ตอนลุงเป็นหนุ่มเคยเห็นเขาทำกันนะ เป็นญาติๆ ของลุงนี่แหละ คนเป็นแม่ป่วยแต่ตายไม่ได้ เพราะมีลูกสาวคนนึงไปมีผัวแล้วไม่เคยกลับมาไหว้ผี เขาเลยต้องเอาลูกหลานคนอื่นมาสมมติเป็นสองคนนั้นแล้วไหว้ผีแทน แม่ถึงตายได้อย่างสงบ”

ทุกคนเห็นดีเห็นงามกับข้อเสนอของลุงเทียน กำหนดจะมีพิธีไหว้ผีสมมติในวันมะรืน โดยไม่ต้องมีพิธีสงฆ์แต่อย่างใด

 

โบตั๋นในชุดเสื้อแขนยาว นุ่งผ้าถุงผืนใหม่ของป้ากิมเหมยในฐานะกิมบ๊วย นั่งลงคู่กับจักรวาลในชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีเข้ม กางเกงจีนขายาวที่ดูใหม่เอี่ยมในฐานะของใบจาก ตรงหน้าของเธอเป็นโต๊ะตัวเตี้ย วางภาพวาดของยายของยายสีไพล ที่ลุงเทียนไปเอามาจากบ้านเก่าที่พลิ้ว ด้านหน้าของรูปมีขวดแก้วเล็กๆ จุดเทียนไว้ ชามใบหนึ่งใส่หมากพลู ถาดอีกใบหนึ่ง ใส่หมูสามชั้นต้ม 1 ชิ้น ไก่ต้ม 1 ตัว ปูต้ม 1 ตัว ไข่ต้ม 1 ฟอง กิมฮวยอั่งติ้วขนาดเล็ก 1 คู่ แก้วใส่น้ำ 1 แก้ว ผ้าขาว 1 ผืน สายสิญจน์สำหรับผูกข้อมือบ่าวสาว 1 ม้วน โบตั๋นเอ่ยถามเมื่อป้ากิมเหมยมาตรวจความครบถ้วนของของไหว้อีกครั้ง

“ตอนป้าไหว้ผีกับลุงเทียน ก็ทำพิธีแบบนี้ใช่ไหมคะ”

“ใช่ ยายสีไพลแกไม่ชอบให้มีพระสงฆ์ในพิธี แกว่าแต่งงานมันเรื่องของผี ไม่ใช่เรื่องของพระ ถ้ามีพระเข้ามาจะทำให้อยู่ไม่ยืด แกคงเอามาจากชีวิตของแกนั่นแหละ ป้าได้ยินมาว่าตอนแต่งกับพ่อลุงทิ้ง จัดงานใหญ่โต ทั้งทำบุญเลี้ยงพระ ทั้งไหว้ผี แล้วก็เลิกกัน ตอนแต่งกับเตี่ย เตี่ยแค่ไปไหว้ผีอย่างเดียว ไม่มีงานอะไร”

“ก็คงจริงอย่างยายว่านะป้า ตอนหนูแต่ง…กับเขา ก็จัดงานใหญ่โต ถือเคล็ดถือลางมากมาย สุดท้ายก็…เป็นอย่างที่เล่าให้ฟัง”

 



Don`t copy text!