
ตรวนใบจาก บทที่ 6 : เรื่องเล่าของกิมเต้ง
โดย : ฉาย แสงเพชร
ตรวนใบจาก รางวัลรองชนะเลิศโครงการอ่านเอาก้าวแรกปี 5 โดย ฉาย แสงเพชร เกษตรกรจาก จ.ตราด ผู้ฝันอยากเป็นนักเขียนแนวท้องถิ่นที่ได้พลิกบทบาทจากงานเขียนเชิงวิชาการมาสู่การเขียนนวนิยายแนวแฟมิลี่ดราม่ากับเรื่องราวของอาชีพลอกใบจากและชีวิตที่เป็นปริศนาของคุณยายคนหนึ่ง เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ติดตามกันได้ในเว็บไซต์อ่านเอา
การสนทนาของป้าหลานในคืนนั้นมีอันต้องยุติลงแค่นั้น เมื่อยายสีไพลที่นอนนิ่งเหมือนคนไม่มีแรงมาทั้งวัน จู่ๆ ก็ผุดลุกขึ้นนั่ง อาละวาด ร้องตะโกนโวยวายลั่นบ้าน ไม่พอใจที่ป้ากิมเหมยเล่าว่าแกวางยาฆ่าสามีตัวเอง ป้ากิมเหมยเข้าไปปลอบก็ถูกผลักจนเกือบล้ม ป้ากิมเหมยนั้นร่ำๆ จะโทร.ตามลุงเทียนกับจักรให้มาช่วยแล้ว เธอเลยยอมสวมบทเป็นกิมบ๊วย บอกกับยายว่าป้ากิมเหมยเข้าใจผิดไปเองต่างหาก เพราะยังเด็กอยู่ ยายน่าจะเล่าความจริงให้ป้าฟัง เธอยังจำได้ติดตา กับภาพที่ยายร้องฮึ สะบัดหน้าอย่างคนงอน พูดกับเธอสั้นๆ ก่อนจะลงนอน หันหลังให้เธอ
“แกก็เหมือนกัน นังบ๊วย ไม่รู้ไม่เห็นแต่ทำเป็นรู้ดี รักเตี่ยกันนักก็ไปอยู่กับเตี่ยเลย ไป”
คืนนั้นเป็นอีกคืนหนึ่งที่โบตั๋นรู้สึกว่ายากจะข่มตาให้หลับ คำพูดของจักร เรื่องเล่าของป้ากิมเหมย ดูสอดคล้องกัน แต่คิดอีกที ที่สอดคล้องกันก็คงเพราะเขาฟังมาจากป้าของเขานั่นแหละ ไม่น่าจะได้รู้จากคนอื่น แต่คำพูดสั้นๆ ของยายที่พูดกับเธอยามที่ยายเข้าใจผิดว่าเธอเป็นกิมบ๊วย มันชวนให้เธอคิดต่าง น้ำเสียงของยายบ่งบอกถึงความเสียใจอย่างชัดแจ้ง ทำให้เธอหวนนึกถึงต้นกล้า ลูกชายตัวน้อยของเธอ ถ้าวันหนึ่งลูกชายมาชี้หน้าหาว่าเธอฆ่าคนตายโดยที่เธอไม่ได้ทำ เธอก็คงผิดหวัง เสียใจไม่ต่างไปจากนี้เช่นกัน
ที่จริง ยายเป็นคนแบบไหนกันแน่นะ แกรักลูก รักครอบครัวไหม หรือแกจะรักแต่ผลประโยชน์ของตัวเอง ในมุมของป้ากิมเหมย ยายดูเป็นผู้หญิงแข็งกระด้าง สนใจแต่เรื่องการทำมาหากิน บังคับให้ลูกเดินไปตามทางที่แกเองต้องการเท่านั้น ใจเด็ด ใจแข็ง แข็งเสียจนไม่มีน้ำตาให้ลูกที่ตายไป ที่ป้าเล่า ยายทำเหมือนป้าบ๊วยไม่ใช่ลูก แต่เสียงที่ยายเรียกหากิมบ๊วย กลับเหมือนเรียกหาลูกที่แสนรักแสนคิดถึง อะไรหนอ คือความจริงในใจของยาย อะไรคือสิ่งที่คนอื่นคิดไปเอง
วันรุ่งขึ้น ตอนสายๆ สิ่งที่โบตั๋นหวังมาตลอดทั้งคืนก็เป็นจริง ลุงกิมเต้ง ลูกชายอีกคนที่เหลืออยู่ของยายมาเยี่ยมแม่ของเขาบ้าง นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เจอหน้าลุงคนนี้ หลังจากที่ติดต่อกันทางโทรศัพท์หลายครั้ง ลุงกิมเต้งสอบถามถึงแม่ของเธอที่ตายจากไปอย่างกะทันหัน ส่วนป้ากิมเหมยเล่าเรื่องที่เธอเผชิญหน้ากับยายเมื่อคืนนี้ให้ฟัง พอได้ยินว่าโบตั๋นถูกเรียกเป็นกิมบ๊วย ลุงกิมเต้งทำหน้าแบบเหลือเชื่อ
“อะไรนี่ แมะพูดถึงเจ๊บ๊วยได้ยังไง แมะไม่เคยพูดถึงเลยนะตั้งแต่เจ๊บ๊วยตายไป เรียกเจ้าจักรตั้งแต่เห็นหน้าตอนแรกว่าใบจากก็แปลกแล้ว ยังมาเรียกโบตั๋นว่าเป็นเจ๊บ๊วยอีก”
“ยายเกลียดป้าบ๊วยมากหรือคะ”
“ไม่นะ ลุงคิดว่าเจ๊แกน่าจะเป็นลูกคนโปรดของแมะด้วยซ้ำ” พูดพลางเหลือบตามองพี่สาวซึ่งไม่ได้แสดงอาการคัดค้าน “ตอนเตี่ยตาย ลุงกับป้าเหมยยังเด็กกันมาก มีเจ๊บ๊วยนี่แหละที่โตพอจะช่วยงานแมะได้ ส่วนใหญ่ คนเลี้ยงหลิวก็เป็นเจ๊บ๊วย ตอนเจ๊ตาย หลิวยังนอนร้องไห้คิดถึงพี่สาวเป็นอาทิตย์”
“ที่จริงก็เป็นไปได้นะที่เจ๊บ๊วยจะไปอยู่กับหลิว เจ๊แกรักหลิวมาก เจ๊บ๊วยตายปีฉลู พอปีระกา หลิวก็หนีไปกรุงเทพหนูคงเกิดราวๆ ปีจอกระมัง”
โบตั๋นได้แต่ยิ้ม สำหรับคนรุ่นลุงและป้าที่โตมากับความเชื่อพวกนี้ นี่คงเป็นคำอธิบายที่ง่ายที่สุดสำหรับพวกเขา แต่สำหรับเธอที่จบปริญญาเอกสาขาเคมี นี่คงเป็นเรื่องยากที่เธอจะรีบเชื่อตามนี้ ที่เธอสนใจเรื่องของยาย น่าจะเป็นเพราะเธอเองก็มีปัญหาในครอบครัวอยู่ และอยากจะหาเหตุผลมาหักล้างความเชื่อของจักรวาลด้วย
“ลุงเล่าเรื่องของยายที่ลุงรู้มาให้ฟังได้ไหมคะ ลุงรู้อะไรที่ป้าไม่รู้บ้างหรือเปล่า เผื่อจะได้อธิบายพฤติกรรมของยายตอนนี้ได้มากขึ้น”
สำหรับกิมเต้ง ความทรงจำของเขานั้นต่างจากพี่สาวมากทีเดียว เขายังเด็กมากเกินไปตอนเตี่ยตาย เมื่อจำความได้ ครอบครัวของเขาจึงมีแมะ เตี่ยที่ตายไปแล้วเหลือแต่รูปใบเดียว พี่ชายต่างพ่อคนหนึ่ง และพี่น้องพ่อเดียวกันรวมเขาด้วยเป็นสี่คน ในความรู้สึกของเขา ครอบครัวแบบนี้ก็เพียงพอแล้ว เขาไม่ได้มีอคติกับแมะหรือพี่ชายต่างพ่อ ยิ่งเมื่อเขาเข้าโรงเรียนและมีแววว่าเรียนเก่ง สอบได้ที่หนึ่งที่สองตลอด แมะก็เป็นปลื้มกับเขามาก ปล่อยให้เขาทุ่มเทกับการเรียนเต็มที่ เขาจึงช่วยงานต่างๆ ในบ้านน้อยกว่าพี่ๆ ทั้งสามคน แมะมักพูดกับเขาเสมอเวลาที่ยืนต่อหน้ารูปของเตี่ย
“เต้งรู้ไหม เตี่ยน่ะอยากให้ลูกๆ เรียนสูงๆ ได้งานดีๆ บ้างสักคน เหมือนอย่างลูกพี่ลูกน้องของเตี่ย เสียดายที่เตี่ยตายไปก่อน ไม่อย่างนั้น เตี่ยต้องดีใจมากที่เต้งเรียนเก่งแบบนี้”
“จริงหรือแมะ” เด็กน้อยจ้องมองภาพเตี่ยด้วยแววตาเป็นประกาย “เต้งสัญญานะแมะ เต้งจะตั้งใจเรียน จะทำให้เตี่ยสมหวัง”
“ดีมาก เด็กดีของแมะ”
เขาเป็นเด็กดีของแมะ อยู่ในครอบครัวที่อบอุ่นในความรู้สึกของเขามาจนถึงปีนั้น ปีที่เจ๊บ๊วยตาย และเป็นจุดเริ่มต้นของความร้อนระอุภายในบ้าน จนเขาเองก็หนีไม่พ้นในที่สุด
ถึงเขาจะไม่ได้มีอคติใดๆ กับพี่บุญทิ้ง แต่เพราะอายุที่ห่างกันมากร่วมสิบปี ทำให้เขาไม่สนิทสนมกับพี่ต่างพ่อคนนี้เลย ยิ่งกับใบจาก เพื่อนที่พี่บุญทิ้งพามาช่วยงานที่บ้านและมาสนิทสนมกับเจ๊บ๊วย เขายิ่งไม่ถูกชะตามากขึ้นไปอีก ในยามนั้น เขามีความรู้สึกว่าใบจากน่ะ ‘คนละชั้น’ กับพวกเขา เขาเป็นลูกเตี่ย ค้าขายจนมีที่ทางบ้านช่องเป็นของตัวเอง ส่วนใบจากเป็นแค่คนที่มีแต่ตัว ที่นาของตัวเองก็ไม่มี ได้แต่อาศัยรับจ้างเขาทำนา เกี่ยวข้าว ไม่มีงานนาให้ทำก็รับลอกใบจาก ไม่เหมาะสมสักนิดที่คิดจะมาจีบเจ๊บ๊วย เขาเองไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเขาได้ความคิดนี้มาจากใคร จากแมะที่ตั้งท่ากีดกันกิมบ๊วยกับใบจากแต่แรก หรือจากคนรอบตัวที่มักนินทาหนุ่มสาวคู่นี้ให้เขาได้ยินบ่อยๆ กันแน่
ในคืนที่เจ๊บ๊วยตาย เขาจุดตะเกียงทำการบ้านอยู่ในห้อง ไม่ว่าเสียงแมะกับเจ๊บ๊วยจะดังสักแค่ไหน ไม่ว่าเจ๊เหมยจะมาชวนเขาไปแอบฟังสักเท่าใด เขาไม่สนใจ ก็ระยะนี้ แมะด่าเจ๊บ๊วยบ่อยมาก ตั้งแต่แมะจะให้เจ๊บ๊วยหมั้นกับคนที่แมะเลือกแล้วเจ๊บ๊วยไม่ยอม ยิ่งช่วงนี้ พี่บุญทิ้งกับใบจากหายหน้าไปจากบ้าน เจ๊บ๊วยก็ยิ่งดูเครียดขึ้น เถียงกับแมะมากขึ้นกว่าเดิม แล้วคืนนี้จะทะเลาะกันอีกก็ไม่เห็นแปลกอะไร จนตอนบ่ายวันรุ่งขึ้น เขาถึงกับช็อกเมื่อรู้ว่าเจ๊บ๊วยกินยาตาย ไม่อยากเชื่อเลยว่าพี่สาวของเขาจากไปแล้ว
หลังจากงานศพเจ๊บ๊วยผ่านไปไม่นาน ข่าวการตายของใบจากก็มาถึง เขาว่ากันว่าใบจากเสียใจที่เจ๊บ๊วยจะถูกบังคับให้แต่งงานกับคนอื่น เลยกินเหล้าจนเมาพลาดตกน้ำตาย เขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับข่าวนี้ แต่พี่บุญทิ้งดูเปลี่ยนไปมาก เขามึนตึงกับแมะ ไม่สนใจที่แมะพร่ำบอกว่าเขาอายุครบบวชแล้ว น่าจะบวชให้แมะเสียที พี่บุญทิ้งหายหน้าไปพักนึง ก็พาผู้หญิงเข้าบ้าน บอกว่าเป็นเมียของเขา
“ไอ้ทิ้ง มึงทำอย่างนี้ หมายความว่าอย่างไร”
- READ ตรวนใบจาก บทที่ 7 : แตกร้าว
- READ ตรวนใบจาก บทที่ 6 : เรื่องเล่าของกิมเต้ง
- READ ตรวนใบจาก บทที่ 5 : ชีวิตคู่ของกิมเหมย
- READ ตรวนใบจาก บทที่ 4 : เรื่องเล่าของกิมเหมย
- READ ตรวนใบจาก บทที่ 3 : ผู้ชายคนใดชื่อใบจาก
- READ ตรวนใบจาก บทที่ 2 : ผู้หญิงคนใดชื่อกิมบ๊วย
- READ ตรวนใบจาก บทที่ 1 : ฤดูมรสุม
- READ ตรวนใบจาก บทนำ : ผู้ซ่อนกายในความมืด