
เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 1 : ขออยู่ที่นี่ได้ไหม
โดย : กุลวีร์
เทพารักษ์ภัสดา โดย กุลวีร์ นวนิยายสนุกๆ ที่อ่านเอานำมาให้อ่านใน www.anowl.co กับเรื่องราวของเทพารักษ์ผู้มีสัตย์ว่าจะรักเพียงหนึ่ง ต้องลงมาใช้ชีวิตเยี่ยงมนุษย์เพราะหญิงสาวผู้เปลี่ยนหัวใจเขาตลอดกาล ภารกิจพิชิตใจจึงเริ่มต้น ท่ามกลางความวุ่นวายของเพื่อนบ้าน และบททดสอบของความรักที่ไม่ใช่แค่เรื่องบนเตียง
“เมื่อคืนคุณทำอะไรฉัน”
“มีแต่เจ้าเท่านั้นที่ทำข้า”
เวธัสเอ่ยสวนทันควัน ขณะนั่งหันหลังให้คนถาม
แพรพิไลรู้สึกตัวในตอนเช้าก็มองเห็นเขานั่งห้อยขาอยู่ข้างเตียงโดยร่างกายท่อนบนไร้เสื้อผ้า
หล่อนรีบดันตัวลุกขึ้นนั่งพร้อมทั้งใช้ผ้าห่มคลุมกายซึ่งเปลือยเปล่า แล้วถอยห่างจากเขาให้มากที่สุด ก่อนจะตั้งคำถามนั้น พอได้ยินคำตอบก็เริ่มทบทวนความทรงจำ
เวธัสเฝ้ารอหญิงสาวให้ตื่นลืมตาเพื่อจะได้เจรจาพาทีถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
“เจ้าจำไม่ได้รึ มีแต่เจ้าที่ทำข้า ข้าแค่อยู่เฉยๆ” เขาเอ่ยขึ้นอีก พลางหันไปเผชิญหน้ากันเพื่อให้เห็นถึงบางสิ่งที่ยืนยันคำพูดของตน
หล่อนอ้าปากค้างทันทีที่เห็นชายหนุ่มในระยะไม่ถึงวา เนื่องจากใบหน้าแสนหล่อเหลาเต็มไปด้วยรอยลิปสติก เท่านั้นยังไม่พอ ลำคอตลอดจนแผงอกซึ่งเห็นแนวกล้ามเนื้อเด่นชัดก็เต็มไปด้วยร่องรอยของลิปสติกเช่นกัน อีกทั้งยังมีรอยจ้ำสีแดงคล้ำใกล้หัวนมอมชมพูทั้งสองข้าง
พอไล่สายตาลงมาตรงหน้าท้องของเขาก็มีรอยสีแดงของลิปสติกไม่ต่างกัน จนแพรพิไลเริ่มหน้าร้อนผ่าว ยามมองลงต่ำกว่านั้น แม้เขาเหมือนจะสวมโจงกระเบนสีขาวอยู่ก็ตาม
“เจ้าได้ยินข้ารึไม่” เวธัสเห็นหล่อนนั่งนิ่ง ไม่ยอมพูดจา
แพรพิไลทราบดีว่าพลาดท่าเสียทีให้แก่ผู้ชายตรงหน้า แต่จะโทษเขาก็ไม่เต็มปาก เพราะหล่อนเป็นผู้กระทำจนสุขสมและยังเป็นฝ่ายผิดเต็มประตูที่พาเขาเข้ามาในห้องนอน
ด้วยเหตุที่ชอบเที่ยวกลางคืนและสนุกกับการตอบรับไมตรีจากชายแปลกหน้าที่เจอในผับ จนเรื่องราวเลยเถิดไปไกลที่ได้ร่วมรักกับชายคนหนึ่งซึ่งเพิ่งเจอกันเป็นครั้งแรก
“ฉันไม่เป็นอะไร” หน้าหล่อนเริ่มแดง เมื่อนึกถึงหลายอย่างที่ลงมือทำกับเขาด้วยฤทธิ์ยาคอยกระตุ้นความต้องการทางเพศจนยับยั้งไว้ได้ยาก หากสิ่งที่เสียไปนั้นเอากลับคืนมาไม่ได้แล้ว จึงต้องปล่อยเลยตามเลย โดยเฉพาะเยื่อพรหมจรรย์และความบริสุทธิ์ที่รักษาไว้ไม่ให้พลาดพลั้งกับผู้ชายคนใดที่ไม่ใช่สามี “มันเสียไปแล้วคงทำให้เป็นเหมือนเดิมไม่ได้หรอก”
“แต่เมื่อราตรีที่ผ่านมา เจ้ากับข้า…”
“เมื่อคืนน่ะเหรอ ขอให้คิดว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นก็แล้วกัน” หญิงสาวรีบพูดแทรก เพราะหล่อนเองที่ไปยุ่งเกี่ยวกับเขาก่อน
“หากข้ามีคำสัตย์” เวธัสนึกถึงสัจจะที่ขอเสพสังวาสเพียงนางหนึ่งเดียวตลอดชั่วอายุขัย
หล่อนไม่ฟังคำของเขา “คุณกลับไปได้แล้ว”
เวธัสจ้องมองหญิงสาวที่เหมือนจะขับไล่ออกจากบ้าน ทว่าด้วยความปรารถนาหนึ่งซึ่งบังเกิดยามพบหล่อน จึงต้องอยู่ที่นี่ “ข้าไม่มีที่ไป”
“สงสัยคุณจะกินเหล้ามาก ยังจำอะไรไม่ค่อยได้ละสิ”
“ของไม่ดีพรรค์นั้น กินไปก็ไร้สติ ข้าไม่คิดก่อบาปให้ตัวเองหรอก”
“ถ้ายังกลับไม่ไหว คุณก็ไปนอนบนโซฟาชั้นล่าง นี่ห้องของฉัน ฉันจะขอพักอีกสักหน่อย”
แพรพิไลทำเป็นรู้ทันอีกฝ่ายที่มีทีท่าอยากจะสำเริงสำราญกันอีกหน แต่ครั้งเดียวก็เกินพอ
เขานั่งนิ่งเฉย ยามไม่สมปรารถนา
หล่อนชี้มือไปที่ประตู เมื่อชายหนุ่มยังดื้อดึงอยู่ในห้อง “นั่นทางออก คุณเดินลงบันได จะเห็นโซฟายาวตัวหนึ่ง คุณคงนอนได้ แล้วฉันจะลงไปคุยด้วยนะ”
เวธัสยินยอมลุกขึ้นยืน ก้าวขาออกจากห้องแต่โดยดี ก่อนจะปิดประตูก็มีเสียงถามจากคนบนเตียง
“เสื้อคุณล่ะ ทำไมไม่ใส่ไปด้วย”
เขามองอาภรณ์ของตนที่กองอยู่บนพื้นข้างเตียงซึ่งถูกผู้ตั้งคำถามฉีกขาดจนไม่เหลือชิ้นดี จึงมีอาภรณ์เพียงชิ้นเดียวซึ่งใช้สวมใส่แค่กายท่อนล่าง
เมื่อชายหนุ่มไม่ยอมตอบ หล่อนก็พูดขึ้นอีก “ถ้าคุณกลับไปไหวก็ไปเลยนะ ไม่ต้องรอฉัน”
แพรพิไลคาดว่าหลังจากแยกย้ายกันไปตามทางของใครของมัน เรื่องคงจะจบลงง่ายๆ ยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปาก
หากชีวิตหล่อนไม่อาจง่ายดายอย่างที่คิดไว้เสียแล้ว ตั้งแต่ได้มองเห็นเขา
หญิงสาวนอนต่ออีกสักพักใหญ่ก็ลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวโดยลืมเสียสนิทว่ามีชายหนุ่มอยู่ในบ้าน พอเดินลงมาชั้นล่างก็เห็นเขานั่งบนโซฟา
“คุณยังรอฉันอยู่อีกเหรอ”
เวธัสเงยหน้ามองหล่อนทันทีที่ได้ยินคำถามนั้น
“นานกว่านี้ ข้าก็เคยรอเจ้ามาแล้ว”
“ตกลงคุณมีอะไรจะพูดกับฉันอีกล่ะ” หล่อนทำเป็นหูทวนลม หลังจากหายงัวเงียและพักผ่อนเต็มที่คงพูดคุยกันได้รู้ความยิ่งขึ้น “แต่คุณไม่ต้องรับผิดชอบอะไรฉันหรอก”
“ข้าจำถนนหนทางไม่ได้” เขาเริ่มทำตามความปรารถนา
“คุณพูดว่าอะไรนะ”
“ข้าไม่มีที่อยู่ ข้าไม่รู้จะไปไหน” เขาเน้นย้ำ
“คุณจำไม่ได้เหรอว่าบ้านคุณอยู่ไหน” หล่อนลงนั่งใกล้เขา
เวธัสเงียบปากจนหญิงสาวถามขึ้นอีก
“แล้วคุณจำได้ไหมว่าตัวคุณเป็นใคร ชื่ออะไร”
เขาแสร้งทำเป็นจำอะไรไม่ได้เลยเพื่อจะได้อยู่ที่บ้านหลังนี้
“อย่าบอกนะว่าคุณเป็นคนความจำเสื่อม” แพรพิไลแทบจะกุมขมับ “แล้วคุณเป็นตั้งแต่เมื่อไหร่ หรือเพิ่งเป็นตอนเราเจอกัน”
เวธัสยังนั่งส่ายศีรษะเป็นคำตอบ
“ฉันจะทำยังไงกับคุณดีล่ะทีนี้” หล่อนเดินไปมาพลางใช้ความคิด จนหยุดขาเมื่อได้ยินคำของเขา
“ข้าขออยู่กับเจ้าได้รึไม่”
แพรพิไลจ้องมองชายหนุ่มไม่วางตา ลงนั่งไม่ไกลจากตัวเขา “คุณว่าอะไรนะ”
“ข้าขออยู่กับเจ้าในที่แห่งนี้” เวธัสเอ่ยชัดถ้อยชัดคำ หวังเพียงคำขอนั้นเป็นหนทางที่จะนำพาให้สมปรารถนา
เรื่องเมื่อคืนไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่เท่าเรื่องที่เกิดขึ้นในขณะนี้สำหรับหล่อน
“คุณอยากอยู่กับฉันในบ้านหลังนี้”
เวธัสพยักหน้ายืนยันความต้องการ
หญิงสาวยังไม่ตกปากรับคำ พยายามหาทางออก
“คุณจำไม่ได้จริงๆ เหรอว่าชื่ออะไร สักนิดก็ยังดี”
เขาทำทีครุ่นคิด “ข้าชื่อเทพ…”
“สุเทพหรือเทพอะไร เทพดนัยมั้ย นึกให้ออกสิคุณ” หล่อนเอ่ยขัดด้วยความดีใจ จนเขาหยุดพูดเพียงแค่นั้น “แค่เทพสั้นๆ เหรอ มีต่ออีกไหมล่ะ”
เวธัสไม่ยอมบอกออกไปมากกว่านั้น ทั้งที่ทราบชื่อเสียงเรียงนามของตนเป็นอย่างดี
“คุณมีบัตรประชาชนหรือเปล่า นี่แหละจะได้รู้ว่าคุณเป็นใคร บ้านอยู่ไหน” หล่อนเพิ่งจะค้นพบทางออกของปัญหา
“คือสิ่งใด”
หญิงสาวไม่รอช้า วิ่งขึ้นไปหาบัตรประชาชนของตัวเองในห้องนอนเพื่อใช้เป็นตัวอย่างให้เขาเห็น
“บัตรแข็งๆ แบบนี้ คุณคงพกมานะ ต้องใช้ตอนเข้าผับไม่ใช่เหรอ”
“ข้าไม่เคยเข้าไป แค่มองเห็นความโสมมจากข้างนอกก็เกินพอแล้ว”
แพรพิไลไม่สนใจคำที่ได้ยิน “บัตรอาจอยู่ในกระเป๋าของคุณก็ได้ เดี๋ยวฉันขึ้นไปหาให้อีกทีนะ”
“ข้าไม่มีสิ่งนั้น” เขาเอ่ยรั้งไว้ ก่อนที่หล่อนจะวิ่งไปบนชั้นสองอีกครา
หญิงสาวถอนหายใจหนักหน่วง
“ถ้าคุณไม่มีบัตรประชาชน คุณคงเป็นคนต่างด้าวละสิ”
เวธัสนึกในใจ…ข้าเป็นคนต่างภพภูมิกับเจ้าต่างหาก
เมื่อหญิงสาวยังจมอยู่ในความคิด ไม่ยอมปริปาก เขาจึงเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจ
“ตกลงเจ้าจะให้ข้าพำนักอยู่ที่แห่งนี้ได้รึไม่”