เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 2 : ไม่ใช่ใช่ไหม

เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 2 : ไม่ใช่ใช่ไหม

โดย : กุลวีร์

Loading

เทพารักษ์ภัสดา โดย กุลวีร์ นวนิยายสนุกๆ ที่อ่านเอานำมาให้อ่านใน www.anowl.co กับเรื่องราวของเทพารักษ์ผู้มีสัตย์ว่าจะรักเพียงหนึ่ง ต้องลงมาใช้ชีวิตเยี่ยงมนุษย์เพราะหญิงสาวผู้เปลี่ยนหัวใจเขาตลอดกาล ภารกิจพิชิตใจจึงเริ่มต้น ท่ามกลางความวุ่นวายของเพื่อนบ้าน และบททดสอบของความรักที่ไม่ใช่แค่เรื่องบนเตียง

“เพราะยาปลุกเสกน่ะรึ”

“คุณจะมาเสกอะไรล่ะ ยาปลุกเซ็กซ์ คุณไม่รู้จักหรือไง”

หล่อนแก้คำของเขา หลังจากเล่าเรื่องราวที่เผชิญในสถานบันเทิงจนพบกับเขาเมื่อคืนก่อน แล้วเอ่ยต่อ “ถ้าฉันไม่เผลอกินยานั่น ฉันคงไม่พาคุณมาทำอย่างนั้นในห้องนอนหรอกนะ”

แพรพิไลมักจะไปเที่ยวสถานเริงรมย์จำพวกผับบาร์เป็นประจำเพื่อปลดปล่อยอารมณ์จากการทำงานในค่ำคืนวันหยุดสุดสัปดาห์ หากครั้งล่าสุดได้กินยาปลุกเซ็กซ์โดยไม่รู้ตัวจากแก้วเหล้าที่ผู้ชายหน้าตาดีคนหนึ่งยื่นให้ แต่เคราะห์ดีที่หล่อนแอบได้ยินกลุ่มแก๊งพวกมันคุยกันตอนไปเข้าห้องน้ำ จึงรีบหนีออกมาโดยด่วน

เวธัสรู้ดีว่าไม่ใช่เพราะสิ่งนั้นจึงทำให้เจอกัน แค่ถึงเวลาสมควรที่เขาจะได้พบพาน

“ถือว่าคุณช่วยฉันไว้ก็อยู่บ้านฉันไปก่อนแล้วกัน แต่ต้องนอนที่โซฟานะ” แพรพิไลย้ำกับเขาอีกครั้ง หลังจากขอเก็บไปคิดใคร่ครวญถึงคำขอของเขาสักหนึ่งคืน

“ข้าต้องอยู่กับเจ้าที่นี่” เขาย้ำความตั้งใจ

“ฉันยอมให้คุณอยู่ที่นี่แล้วไง” หล่อนไม่รู้ว่าคิดถูกคิดผิด แต่ด้วยความเห็นใจและไม่อยากเป็นคนแล้งน้ำใจกับผู้ที่เคยช่วยเหลือกันเท่านั้นเอง “ถือว่าคุณมีบุญคุณกับฉัน ฉันตอบแทนโดยให้ที่อยู่กับคุณ แต่อย่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนให้ใครรู้เด็ดขาด เรารู้กันแค่สองคนก็พอ”

เวธัสจ้องมองคนที่มองกันไม่วางตา “ไม่มีความจริงแท้ใดจะถูกบิดเบือนไปได้”

“แล้วความจริงในตอนนี้ คือคุณจำไม่ได้ว่าเป็นใครมาจากไหน และคุณต้องอยู่ในบ้านฉัน” แพรพิไลแค่ให้อยู่เป็นการชั่วคราวจนกว่าบุคคลตรงหน้าจะมีที่ไป

เขายกมุมปากขึ้นเล็กน้อยด้วยความพอใจ เมื่อรับรู้ถึงความมีน้ำใจของหญิงสาวจึงได้อาศัยในบ้านหลังเดียวกันตามประสงค์

เวธัสยังไม่เผยความจริงเกี่ยวกับตัวเองให้หล่อนล่วงรู้ จนกว่าความปรารถนาแท้จริงจะบังเกิด

“ที่นี่ไม่มีของใช้ของผู้ชายเลยนะ คุณอยากได้อะไรบ้างล่ะ ฉันจะซื้อมาให้” หล่อนถามขึ้นอีก

“ข้าไม่รู้ แต่เจ้าอย่าลำบากเลย”

“ฉันไปถามเพื่อนก็ได้ว่าผู้ชายต้องใช้ของจำเป็นอะไรบ้าง” แพรพิไลคาดว่าเขาคงเกรงใจกันจึงตัดปัญหา แล้วยื่นของในมือให้เขา “นี่เสื้อของฉัน ตัวใหญ่ที่สุดเท่าที่มีแล้ว เห็นคุณถอดเสื้อเป็นวันเป็นคืน มันไม่ดี เดี๋ยวจะไม่สบายได้”

ที่ไม่ดีคือหล่อนเอง ยามเห็นร่างเปลือยเปล่าท่อนบนของชายหนุ่มครั้งใด ใจก็สั่นไหวแปลกๆ

“ข้าขอน้อมรับน้ำใจเจ้า”

“ส่วนกางเกงที่คุณใส่อยู่ ก็ทนๆ ใส่ไปอีกวันแล้วกัน เดี๋ยวค่อยหาตัวใหม่มาให้”

“เจ้าไม่ต้องลำบาก อาภรณ์ของข้า ข้าหา…” เวธัสหยุดเอ่ยเพียงแค่นั้น ทั้งที่มีอำนาจเนรมิตอาภรณ์ทิพย์ชุดใหม่ได้ แต่ในเมื่อคิดจะทำตัวเยี่ยงมนุษย์ก็ต้องสวมเสื้อผ้าของมนุษย์

“ใส่เสื้อเสียทีสิ จะได้รู้ใส่ได้หรือไม่ได้” หล่อนไม่สนใจคำของเขาแม้แต่น้อย

เวธัสจ้องมองเสื้อคอกลมแขนสั้นสีชมพูหวานแหววในมือ ก่อนจะนำมาสวมใส่ร่างกายของตน

แพรพิไลหลุดขำออกมาเบาๆ ยามเห็นชายหนุ่มใส่เสื้อรัดติ้วจนเห็นมัดกล้ามเนื้อเด่นชัด โดยเฉพาะตรงแผงอก หัวไหล่ และต้นแขนทั้งสองข้าง

“คุณอดทนใส่ไปก่อนนะ ตอนเย็นที่ฉันกลับบ้าน จะลองหามาให้ใหม่” หล่อนพูดกลั้วหัวเราะ

หญิงสาวต้องตื่นแต่เช้ามืดเพื่อมาคุยกับเขา ก่อนจะออกไปทำงานตามเวลาปกติ

“เจ้าจะไปทำอะไรก็ไปทำเถอะ ข้าอยู่ได้”

แต่แพรพิไลยังคาใจกับคำพูดคำจาของเขา

“คุณคุยกับฉันเหมือนคนทั่วไปคุยกันหน่อยได้ไหม เลิกพูดข้าๆ เจ้าๆ สักทีเถอะ ฟังแล้วเหมือนเจ้านายพูดกับขี้ข้ายังไงก็ไม่รู้”

เวธัสไม่เข้าใจคำของหญิงสาว แค่นั่งส่งยิ้มน้อยๆ ให้ไป

หากหล่อนคิดไปไกล หรือเขาจะเป็นเจ้าชายมีเชื้อพระวงศ์ ปลอมตัวเป็นสามัญชนคนธรรมดาเพื่อเรียนรู้ชีวิตอีกด้านหนึ่ง

“ข้าไม่ได้เป็นอย่างที่เจ้าคิด” เขาส่ายศีรษะให้กับความคิดของหล่อนที่ล่วงรู้ได้จากการเป็นเทวดา แต่อำนาจที่เคยมีนั้นลดลงไปมาก ภายหลังเสพสมกับหล่อน

“ฉันคงเพ้อเจ้อไปเองแหละ คุณอย่าสนใจเลย” แพรพิไลหัวเราะกลบเกลื่อน แม้ไม่แน่ใจนักว่าเขาจะรู้จริงหรือไม่ว่ากำลังคิดเช่นไร แล้วลุกขึ้นยืน “ฉันไปทำงานก่อนนะ คุณยังจำอะไรไม่ได้ก็อยู่แต่ในบ้าน อย่าออกไปไหนล่ะ เผื่อจำทางกลับบ้านฉันไม่ถูก”

“ข้าไม่ไปไหนหรอก จะอยู่กับเจ้าที่นี่”

“พูดเป็นแต่ประโยคนั้นหรือไง ถ้าคุณจะอยู่ก็อยู่ไป แต่อย่าสร้างเรื่องเดือดร้อนให้ฉันก็พอ” หล่อนยังไม่ก้าวขาออกไป พูดย้ำอีกสักรอบ “ถือว่าคุณช่วยฉัน ฉันช่วยคุณ คนอย่างฉันก็ไม่ใช่จะใจร้ายปล่อยคุณไป ทั้งที่รู้ว่าคุณไม่มีที่ไป”

อย่างน้อยที่เขาคาดไว้ก็มีส่วนถูกในเรื่องที่หล่อนเป็นคนมีเมตตากรุณา

เวธัสนั่งมองดูหญิงสาวผละห่างออกไปจนประตูบ้านปิดสนิท

ด้วยคำสัตย์ที่ตั้งมั่นไว้กับตนเอง จึงต้องทำให้หล่อนยอมรับเขาในฐานะสามีให้ได้ อีกทั้งยังต้องทำให้หล่อนรักกันจนหมดใจ นั่นคือความปรารถนาแท้จริงของเวธัสที่จะต้องเป็นผลสำเร็จในไม่ช้า

พอได้อยู่เพียงลำพัง เขาก็เดินสำรวจรอบตัวบ้านซึ่งมีอาณาบริเวณไม่กว้างนัก เพราะที่แห่งนี้เป็นทาวน์เฮาส์จึงมองเห็นบ้านเรือนสองชั้นรูปแบบเดียวกันซึ่งขนาบอยู่ชิดติดกันทั้งสองข้าง โดยมีกำแพงปูนสูงกว่าศีรษะเล็กน้อยเป็นสิ่งแบ่งเขตแดนของบ้านแต่ละหลัง

อย่างน้อย ตรงพื้นที่ด้านหน้าตัวบ้าน เขาได้เจอที่พักพิงซึ่งน่าจะคุ้นชินกว่าการอาศัยในบ้านเยี่ยงมนุษย์

อยู่ดีๆ เวธัสก็รับรู้ถึงการมีคนมาด้อมๆ มองๆ ตรงรั้วหน้าบ้าน จึงเดินไปดูใกล้ๆ

ตั้งแต่เขาพาหล่อนออกมาจากสถานที่แห่งนั้น บัดนี้ก็ยังไม่คลายอำนาจเพื่อให้มนุษย์ผู้อื่นมองเห็นกายทิพย์ของตนได้

“สุดหล่อ สุดหล่อก้ามปูคนนั้นน่ะ” เสียงเรียกจากหญิงวัยกลางคน

เวธัสทำหน้านิ่ง หยุดยืนตรงประตูเหล็กดัดเพื่อให้อีกฝ่ายเข้ามาหากัน

“นี่น้าบุษนะ เป็นเพื่อนบ้านของหนูแพร” บุษบงรีบแนะนำตัวเองเสร็จสรรพ “สุดหล่อเป็นใครล่ะ น้าไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนเลย เพิ่งมาอยู่กับหนูแพรใช่ไหม”

เขาทำเพียงพยักหน้าเป็นคำตอบ หากยังคงมีใบหน้าเรียบเฉย

“จะว่าเป็นพี่เป็นน้องก็ไม่น่าใช่ หน้าตาไม่เห็นเหมือนกันเลย” บุษบงยังพูดจ้อ โดยไม่สนใจท่าทีของเขา “น้าชอบมาคุยกับหนูแพรบ่อยๆ ตอนนี้คงไปทำงานแล้วละสิ”

เวธัสจ้องมองมนุษย์ที่พยายามทำตัวตีสนิทกัน

“สุดหล่อเป็นใครล่ะ อย่าบอกนะว่า…” บุษบงยกมือขึ้นปิดปาก ก่อนหลุดพูดเรื่องที่คิดออกไป

เขานึกถึงวาจาของหล่อนว่าอย่าบอกใครจึงเงียบปากไว้ ทั้งที่อยากสนับสนุนความคิดของอีกฝ่าย

บุษบงเอ่ยขึ้นอีก “ตั้งแต่หนูแพรมาเช่าบ้านหลังนี้ ก็มีผู้ชายหน้าเดิมๆ เดินเข้าๆ ออกๆ บ้านนี้บ่อยๆ แต่ไม่ใช่สุดหล่อนะ น้าจำหน้าได้”

เวธัสสนใจคำกล่าวนั้น จนอยากรู้ว่าชายผู้นั้นเกี่ยวข้องกับหล่อนเช่นไร

พอหวังว่าจะได้ยินคำตอบให้กระจ่างใจกลับกลายเป็นคำถาม

เมื่อบุษบงมีเวลาพินิจพิเคราะห์ท่าทีของเขาซึ่งคล้ายจะซ่อนความลับบางอย่างไว้ก็โพล่งออกไป

“น้าถามจริงๆ นะ อย่าว่าอย่างงั้นอย่างงี้เลย สุดหล่อไม่ใช่ชู้ของหนูแพรใช่ไหม”

 



Don`t copy text!