
เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 8 : ฝากด้วยนะ
โดย : กุลวีร์
เทพารักษ์ภัสดา โดย กุลวีร์ นวนิยายสนุกๆ ที่อ่านเอานำมาให้อ่านใน www.anowl.co กับเรื่องราวของเทพารักษ์ผู้มีสัตย์ว่าจะรักเพียงหนึ่ง ต้องลงมาใช้ชีวิตเยี่ยงมนุษย์เพราะหญิงสาวผู้เปลี่ยนหัวใจเขาตลอดกาล ภารกิจพิชิตใจจึงเริ่มต้น ท่ามกลางความวุ่นวายของเพื่อนบ้าน และบททดสอบของความรักที่ไม่ใช่แค่เรื่องบนเตียง
“คุณไปกินยาอะไรมา ทำไมถึงถามฉันแบบนั้น”
แม้ไม่อยากจะเสวนากับเขามากนักเพราะยังเคืองขุ่นไม่หาย แต่คำกล่าวจากปากเขาก็อดโพล่งออกไปไม่ได้
“ผมอยากรู้ ทำไมคุณถึงไม่ชอบคุณยายเอี่ยม” เวธัสต้องย้ำคำเดิม เมื่อหล่อนเข้ามาในบ้านหลังจากเลิกงาน
“แปลก วันนี้คุณพูดจาแปลกๆ ตกลงคุณไปกินอะไรจนผิดสำแดงมาหรือเปล่า เจ้าๆ ข้าๆ หายไปไหนแล้วล่ะ” ทั้งที่ฟังรื่นหูกว่าแต่ก่อน หล่อนก็ยังข้องใจอยู่ดี
“ไม่ชอบให้ผมพูดแบบนั้นไม่ใช่รึ”
“มันก็ดีที่คุณพูดแบบนี้ ฟังแล้วเหมือนเป็นคนชนชั้นเดียวกันหน่อย แต่ถ้ามันฝืนมาก หรือไม่คล่องปาก คุณก็พูดแบบเดิมเถอะ ฉันไม่ว่าอะไรหรอก”
“สิ่งใดที่คุณชอบ ผมพร้อมจะทำให้”
พอได้ฟังคำกล่าวของเขาก็สะกิดหัวใจชอบกล หล่อนจึงวกกลับไปคุยเรื่องเดิม “คุณอยากจะรู้ไปทำไมว่าทำไมฉันไม่ชอบยายเอี่ยม”
หลังจากเวธัสแก้ความเข้าใจผิด หญิงชราก็ขอตัวพักผ่อนตามเวลาปกติ จึงสิ้นสุดการเสวนากันโดยปริยาย จากนั้นมีหลายเรื่องราวค้างคาใจ จนเขาอยากได้ความกระจ่างสักเรื่องสองเรื่องก็ยังดี ด้วยเหตุนี้จำเป็นต้องหาบางคำตอบจากหล่อน
“เป็นเพื่อนบ้านกันแท้ๆ ทำไมไม่ดีต่อกันบ้าง”
“ถ้ายายเอี่ยมทำตัวดีกับฉันก่อน ฉันจะดีด้วยหรอกนะ” หล่อนหันมองไปทางบ้านของหญิงชรา “คุณยังไม่เคยเจอเหมือนที่ฉันเคยบอกให้รู้ คุณก็พูดแบบนั้นได้น่ะสิ”
แพรพิไลประสบปัญหาจากเพื่อนบ้านหลังนั้นตั้งแต่ย้ายเข้ามาอยู่จนถึงปัจจุบันซึ่งวันดีคืนดีจะก่อเรื่องรบกวนชีวิต หล่อนทนอยู่มาได้เกือบหนึ่งปี โดยไม่คิดเข้าไปพูดคุยกับเพื่อนบ้านเจ้าปัญหาและยังเคยเห็นหน้ากันแทบจะนับนิ้วในมือข้างเดียวได้
“คุณน่าจะรู้จักการให้ทาน” เขามีโอกาสสอนให้หญิงสาวสะสมบุญ “ถ้ามนุษย์รู้จักแบ่งปันหรือเป็นฝ่ายให้ก่อน คงจะดีกว่าที่คอยแต่จะรอรับแล้วค่อยตอบแทนเหมือนที่ได้มา”
“คุณจะให้ฉันโยนขยะไปที่บ้านยายเอี่ยมไหมล่ะ เหมือนที่โยนมาบ้านฉัน ฉันทำได้นะ แต่ไม่อยากทำเท่านั้นเอง” แพรพิไลเคยคิดจะทำเช่นนั้นตั้งแต่หนแรกที่ได้เจอ หากไม่อยากสร้างปัญหาให้ใครเพื่อก่อปัญหาต่อไปไม่หยุดหย่อน จนสุดท้ายจึงยอมเป็นผู้ถูกกระทำเพียงฝ่ายเดียว
เวธัสพยายามหาวิธีให้หญิงสาวตระหนักถึงการให้ทานมากยิ่งขึ้น โดยเริ่มจากเพื่อนบ้านที่กินแหนงแคลงใจกัน ถ้าหล่อนทำสำเร็จ บางทีเพื่อนบ้านที่สร้างปัญหาอาจกลับใจจนอยู่ร่วมกันได้ด้วยดี
“ทานคือการให้ เรื่องง่ายๆ ที่มนุษย์พึงกระทำ โดยเฉพาะกับคนใกล้ตัว การให้หรือการเผื่อแผ่แบ่งปัน สามารถกระทำได้หลายอย่าง”
“ฉันรู้ ไม่ต้องมาสอนฉัน” หล่อนยกมือปิดปากเขา
ทันทีที่ริมฝีปากของเวธัสสัมผัสความอ่อนนุ่นจากมือหญิงสาว จิตใจค่อยๆ เผชิญความไม่สงบ จนเผลอยื่นริมฝีปากเล็กน้อยเพื่อให้แตะต้องฝ่ามือนั้น เป็นเหตุให้หล่อนรีบนำมือออกไป
“คุณจูบมือฉันทำไม”
“มือคุณมาใกล้ปากของผมเองต่างหาก” เขาบอกอย่างหน้าตาเฉย
แพรพิไลทั้งโกรธทั้งเขินอายกับการถูกฉวยโอกาสจากผู้ชายตรงหน้า แต่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย จนเขาเอ่ยขึ้นอีก
“ถ้าไม่ชอบ ทำไมต้องหน้าแดง”
“ใครชอบ ใครหน้าแดง” หล่อนโต้ตอบทันควัน “อย่ามาโมเมเข้าข้างตัวเองหน่อยเลย คุณคงเจ้าเล่ห์ไม่เบา แต่อย่าคิดมาใช้กับฉัน ฉันเตือนไว้ก่อน”
หล่อนหันหลังไปเตรียมอาหารที่ซื้อมาใส่จานคล้ายทำเป็นไม่สนใจกัน
เวธัสยกมุมปากขึ้นด้วยความเป็นสุข พอมีโอกาสก็หวังจะสานความสัมพันธ์ของเพื่อนบ้านที่เหมือนประสานได้ยาก
“การให้ทานถือเป็นการสร้างบุญ ช่วยลดความเห็นแก่ตัว ลดความคับแคบในใจของมนุษย์ คุณน่าจะเริ่มให้อะไรสักนิดสักหน่อยกับยายเอี่ยมบ้างก็ได้ อย่างอาหารที่ทำหรือของที่คนสูงวัยใช้ได้”
หากแพรพิไลยังมีอคติกับคนผู้นั้นจึงพูดเน้นแต่ละคำชัดเจน “ยายเอี่ยมไม่ใช่ญาติของฉัน”
“แต่เป็นมนุษย์ร่วมโลกเดียวกันและเป็นเพื่อนบ้านของคุณ” เขาต่อคำของหล่อน
“แล้วทำไมฉันจะต้องสนใจเรื่องที่คุณพูดด้วย”
“มนุษย์ควรมีเพื่อนบ้านไว้พึ่งพาอาศัยกัน โดยเฉพาะในยามจำเป็น คุณคงเห็นแล้ว วันที่เข้าไปช่วยคุณยายเอี่ยม ถ้าไม่ได้เพื่อนบ้านอย่างคุณ อาจแย่จนถึงฆาตแล้วก็ได้”
หล่อนยิ้มเยาะ “ดูคุณจะเป็นห่วงมากเหลือเกินนะ คงยังไม่เจอแบบที่ฉันเจอละสิ ฤทธิ์เดชของยายเอี่ยมไม่เบาเลย เดี๋ยวคุณคงรู้เอง”
เขาจ้องมองหล่อนพร้อมทิ้งคำกล่าวไว้ให้ขบคิด ก่อนผละออกไป
“แล้วคุณไม่เห็นใจผู้เฒ่าผู้แก่ที่อยู่ในบ้านเพียงคนเดียวบ้างเหรอ จะเหงาสักแค่ไหน”
นับจากวันที่เขาพูดถึงหญิงชราก็ยังไม่ยอมหยุดปากเอ่ยถึงยามเจอหน้ากัน หากแพรพิไลต้องทำเป็นไม่ได้ยินบ้าง หรือเลี่ยงไปคุยเรื่องอื่นบ้างเพื่อไม่อยากนึกถึงเพื่อนบ้านซึ่งเป็นหัวข้อสนทนาของเขา
เวธัสยังไม่มีหนทางทำให้เพื่อนบ้านปรองดองกันได้ ดังนั้นคงมีแค่ตัวเขาเท่านั้นที่จะเป็นลู่ทางให้ผู้อาศัยในบ้านสองหลังได้พึ่งพากันในอนาคต เขาจึงไปเยือนบ้านหญิงชราอีกครั้ง เมื่อผ่านพ้นสองวันจากหนแรกที่เคยเข้าไป
ยายเอี่ยมให้การต้อนรับด้วยความยินดี พอมีชายหนุ่มมาพูดคุยกันก็ช่วยคลายเหงาได้บ้าง แม้ส่วนใหญ่คนสูงวัยจะเป็นผู้ครองบทสนทนาก็ตาม
เวธัสได้เรียนรู้การใช้ถ้อยคำในคำพูดคำจาของพวกมนุษย์มากขึ้น ทั้งที่ไม่ค่อยเข้าใจนักก็ยังตั้งใจรับฟังและลองพูดตามผู้สอนแบบไม่บ่ายเบี่ยง
พอใกล้เวลาที่หล่อนจะกลับถึงบ้าน เขาจำเป็นต้องกล่าวลาและขอตัวกลับ โดยไม่ลืมยกมือขึ้นไหว้หญิงชราตามที่เคยถูกสั่งสอน สำหรับมารยาทของผู้อ่อนวัยที่จะเข้าหาหรือลาจากผู้อาวุโส
เวธัสนึกขันในใจ เคยเห็นแต่มนุษย์กราบไหว้พวกเทวดาในชั้นเดียวกับตน จนตอนนี้เขาต้องมาไหว้มนุษย์เป็นการกลับคืน
หากยังไม่ทันที่จะเข้าไปในบ้านของหล่อน ก็ได้ยินเสียงเรียกขานจนต้องเหลียวมอง
“สุดหล่อ น้าขอคุยด้วยหน่อยสิ”
คนที่เคยเจอกันหนหนึ่งรีบสาวเท้ามาใกล้เขา
“น้าบุษเอง จำกันได้ไหม” อีกฝ่ายเอ่ยต่อด้วยเสียงค่อย
เวธัสพยักหน้าเป็นคำตอบ เพราะมักจะประหยัดถ้อยคำสำหรับมนุษย์ที่ไม่คุ้นเคยกัน
“น้าเห็นนะ ไปไหนมา” บุษบงยังชวนคุย “ถ้าหนูแพรรู้คงไม่ชอบแน่ๆ ที่สุดหล่อไปสุงสิงกับยายเอี่ยม”
ด้วยเหตุดังกล่าว เขาจึงต้องรีบกลับมารอเจอหน้าหล่อน
“แต่น้าไม่บอกหนูแพรหรอก ไม่ต้องกังวล” บุษบงพร่ำพูดเรื่อยไป แม้เขายังยืนมองด้วยสีหน้าเรียบนิ่งก็ตาม “สุดหล่อคงไม่รู้ละสิว่ายายเอี่ยมทำกับบ้านนี้ยังไงไว้บ้าง”
บ้านนี้ของบุษบงคือบ้านที่แพรพิไลเช่าอยู่ในปัจจุบัน
จากนั้นเขาก็ได้ยินวีรกรรมของเพื่อนบ้านอย่างยายเอี่ยมจากปากของคนตรงหน้าซึ่งไม่ต่างจากแพรพิไลที่เคยแจ้งให้ทราบ หากบุษบงยังทิ้งท้ายไว้ว่า
“เพราะเคยทำไว้ขนาดนั้น คนเช่าคนก่อนๆ ถึงอยู่กันไม่ได้จนต้องย้ายออกไป มีแต่หนูแพรนี่แหละที่อยู่ได้นานกว่าเพื่อน ไม่รู้ทนได้ยังไง ไม่เคยมีปากมีเสียงกันด้วยนะ อยู่เงียบๆ ให้ยายเอี่ยมทำตามใจชอบ น่าสงสารจริงๆ”
เวธัสพยายามค้นหาเจตนารมณ์ของบุษบง แต่ไม่พบสิ่งใด นอกจากทราบว่าเป็นคนช่างจำนรรจา
บุษบงยกมือป้องปาก พูดเบายิ่งกว่าเดิม “ถ้าเป็นน้านะ น้าไม่อยู่มาจนป่านนี้หรอก ไปหาบ้านอื่นอยู่ดีกว่า”
เขาคาดว่าได้รู้จักผู้ที่ถูกกล่าวถึงประมาณหนึ่งซึ่งยายเอี่ยมก็เป็นคนชราที่มีจิตใจดี ไม่น่าจะสร้างเรื่องเดือดร้อนให้ผู้อื่นได้
หรือใจมนุษย์จะยากแท้หยั่งถึง
เมื่อชายหนุ่มไม่มีคำใดโต้ตอบออกมาตั้งแต่แรกที่ได้เข้ามาคุยกัน บุษบงจึงขอตัวกลับหลังจากบรรลุวัตถุประสงค์ หากก่อนผละออกไปก็ยังกล่าวขึ้นอีกเสมือนไหว้วานเขา
“ฝากด้วยนะสุดหล่อ ลองพูดกับหนูแพรหน่อยสิ หาที่อยู่ใหม่ดีกว่า น้าเห็นใจหรอกนะ ไม่อยากให้เจอปัญหาเดิมๆ อีก อย่าทนอยู่บ้านหลังนี้เลย”
พอเวธัสกลับเข้าบ้านก็นั่งใคร่ครวญถึงหลายสิ่งที่เคยพานพบตลอดจนเรื่องที่ได้รับรู้ตั้งแต่อาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ เมื่อเห็นหล่อนเปิดประตูเข้ามาในบ้านก็ตั้งคำถามขึ้นทันที
“คนที่ชื่อน้าบุษเป็นใครรึ”
- READ เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 10 : บอกให้รู้ไว้ก่อน
- READ เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 9 : เหตุใดมันจึงร้อง
- READ เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 8 : ฝากด้วยนะ
- READ เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 7 : อย่างนั้นก็แย่เลย
- READ เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 6 : เชื่อสิ!
- READ เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 5 : ขอไปทำไม
- READ เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 4 : เลิกพูดเถอะ
- READ เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 3 : ดีหรือไม่ดี
- READ เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 2 : ไม่ใช่ใช่ไหม
- READ เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 1 : ขออยู่ที่นี่ได้ไหม
- READ เทพารักษ์ภัสดา : บทนำ