บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 38 : ถวิลทุกขวบค่ำเช้า หยุดได้ฉันใด

โดย : ปราณประมูล

Loading

บุษบาลุยไฟ โดย ปราณประมูล เรื่องราวของ ลำจวน หญิงสาวผู้ต่อสู้กับค่านิยมทางสังคมในยุค ร.3 เธอลุกขึ้นทำสิ่งที่คนในห่วงเวลานั้นไม่ทำกัน หนทางจึงไม่ได้ราบรื่น หากเต็มไปด้วยอุปสรรคและถ้าไม่ใช่เพราะแรงรักแรงใจที่หนุ่มจีนคนนั้น คงยากที่บุษบาดอกนี้จะไปสู่จุดหมาย ‘บุษบาลุยไฟ’ นวนิยายเรื่องเยี่ยมที่อ่านเอานำมาให้อ่านออนไลน์

กงไอแห้งๆโขลกๆ ทำให้หลานชายที่ยกหม้อดินใส่ยาต้มเข้ามาสีหน้าวิตก

“ กง ทำไมไอหนักกว่าเดิมอีก ”

“ ฝุ่นมันเยอะ ตั้งแต่เขาสร้างพระโต สร้างวิหารหลวงกัน พอเขาสร้างวิหารเสร็จเมื่อไร ฝุ่นน้อยลง ก็คงดีขึ้น ”

ฮุนรินยาใส่ถ้วยใบใหญ่ พลางพูดถ้อยความซ้ำซาก ที่พูดกี่ครั้ง กงก็ทำเป็นไม่ได้ยิน

“ กงก็หยุดทำงานที่อู่ได้แล้ว ท่านเจ้าสัวโตบอกว่าจะให้กงหยุดทำงานต่อสำเภา ไปช่วยดูแลวัดจะดีกว่า อีกหน่อยสำเภาจีนที่เข้ามาจอดทุกลำเขาต้องขึ้นมาไหว้พระโตกันทั้งนั้น คงคึกคักไม่น้อย กงน่าจะมีอะไรให้ทำมาก อาจจะมีทางค้าขายอะไรได้ ”

อากงพยายามไอให้เบาลง

“ จะเสร็จปีไหนไม่รู้ ”

“ น่าจะสร้างไม่ช้าดอก เดี๋ยวนี้เขาทำอะไรกันรวดเร็วว่องไว ”

“ หวังว่าวิหารพระโตเสร็จ อากงจะยังไม่เป็นไร ”

อากงรำพึง ดวงตาเปี่ยมความหวัง

“ ไม่สิ อากงจะเป็นไรไปได้ยังไงล่ะ กินยาๆๆ ”

ชายหนุ่มป้อนยาญาติร่วมโลกคนเดียวที่เขามี แอบซ่อนความกังวลไว้ใต้ยิ้มกว้างขวางร่าเริง

 

นับวัน คนป่วยของโอสถศาลายิ่งหนาแน่น มีทั้งจีน แขก ฝรั่ง ไทย นั่งรอหมอกันเต็มม้านั่งนอกชานแต่เช้าตรู่ ในห้องพักคนไข้ที่มีเตียงสำหรับคนไข้ในก็ไม่มีว่างเลย ฮุนจึงเลือกเวลาหลังเพล ที่ผู้คนจะซาลงบ้างแล้ว

ด้านหน้าทางเข้าห้อง มิสซิสเอมิลี่กำลังนั่งซักประวัติคนไข้คนสุดท้าย ที่เป็นคุณลุงอิสลามท่านหนึ่งอยู่ จดลงในสมุดทะเบียน

ในห้องตรวจ หมอแดน แบรดลีย์ หรือหมอปลัดเลย์ของทุกคน  กำลังทำแผลศีรษะแตกให้จีนหนุ่มคนนึง

ฮุนประคองกงเดินขึ้นบันไดมาอย่างช้าๆ พามานั่งรอที่ม้านั่ง ส่วนตัวเอง มายืนรอแจ้งอาการแก่มิสซิสเอมิลี่เป็นเบื้องต้น

มิสซิสเอมิลี่จดอาการคนป่วยเสร็จพอดี หลังพูดจาปลอบให้รอ ก็หันมาเห็นฮุน เธอมองหากง เมื่อพบ เธอก็ไหว้กง กงรีบไหว้ตอบ เธอเบิกตาโตอย่างห่วงใย

“ อากงยังไออยู่รือ?..”

เธอถามฮุนเป็นภาษาไทย จำอาการที่ชายหนุ่มเคยมาถามปรึกษาได้ ใส่ใจไม่ลืม

“ ไอมากขึ้นอีกครับ แหม่ม ตอนเช้าๆ ค่ำๆ ยิ่งเป็นหนัก ”

“ แล้วตัวฮุนเองเล่า ไม่เจอนาน สบายดีหรือ? ”

“ ไอม์ไฟน์  แต๊งกิ้ว แอนด์ยู? ”

เอมิลี่ยิ้มดีใจ ที่ฮุนจำสิ่งที่เรียนรู้ไปและใช้การได้ถูกต้องดีงาม

“ ไอม์ไฟน์ แต๊งกิ้ว ”

เธอตอบ

หมอแดน เดินออกมาส่งจีนหนุ่มที่ทำแผลเสร็จ เห็นฮุน ท่านก็ยิ้มยกมือทัก แล้วหันไป เรียกคนไข้คุณลุงแขกอิสลามให้เข้ามาตรวจก่อน

คุณลุงลุกขึ้นมาแล้วเซ  มิสซิสเอมิลี่จึงเข้าประคอง หมอเข้ามาช่วยอีกแรง ขณะพากันเดินผ่านไป หมอก็ก้มหัวให้กง

“ รอเดี๋ยวนะครับ อากง ฮุน..  เชิญครับ บังซัน ”

หมอแดนกับภรรยาพาลุงซันเดินเขยกๆเข้าห้องด้านในไป

อากงมองตาม สีหน้าหวาดหวั่นแทน  คงจะคิดถึงตัวเอง  ฮุนเห็นแล้วรีบจับมืออากงบีบ ให้กำลังใจ

เมื่อถึงตาของกง หมอใช้หูฟังเป็นหลอด ด้านที่แนบอกคนไข้เป็นแผ่นกลมๆแบนๆ ด้านที่หมอเอียงหูเข้าไปจ่อฟัง เป็นกรวยที่ปลายผายออก ครอบหูหมอพอดี

กงพยายามกลั้นไอ แต่กลั้นไม่ได้

ฮุนยิ้มกว้าง ให้กำลังใจ เพราะรู้ว่าลึกลงไปกงกลัวเครื่องมือหน้าตาชอบกลนั้น

เอมิลี่ยืนรอคอยฟังคำวินิจฉัยของหมอ

หมอตรวจเสร็จ ก็หันไปพูดภาษาแพทย์ซึ่งเป็นภาษาละตินกับเอมิลี่ แล้วแยกไปจดในสมุดของท่าน

มิสซิสเอมิลี่เข้ามาดูแลกงอย่างเอื้ออาทร

“ สวมเสื้อได้แล้วค่ะ อากง ”

ฮุนช่วยกงใส่เสื้อ ติดดุมที่ทำจากปมผ้า

หมอแดน บรัดเลย์จดบันทึกเสร็จ ก็หันมา ค่อยๆอธิบายกับกงอย่างถี่ถ้วน

“ อากงปอดไม่ดี เพราะทำงานอยู่กับไม้ ต้องสูดขี้เลื่อยเล็กๆเข้าไปมาก หรือเวลาทำใบเรือ ตัดผ้าใบ ก็มีเส้นใยเล็กๆที่เรามองไม่เห็นฟุ้งกระจายออกมา แลเพลานี้ ก็ยังมีฝุ่นจากงานปูนที่ลอยอยู่ทั่ว มันเข้าไปรบกวนปอดมาก หากทำได้ อากงไปอยู่ที่อื่นสักพักก็จะดี ”

“ ไปอยู่บางคอแหลมไหม กง? ”

ฮุนคิดๆ

“ ไม่เอา ”

กงสวนทันควัน

“ ไม่ใช่ที่อู่เจ้าคุณท่านนะ มีที่น่าอยู่ริมแม่น้ำเลย ใกล้คลองที่ติดป่าจาก คนงานเขาเริ่มบุกเบิกไปสร้างหมู่บ้านกันเยอะแยะ ”

“ ไม่ ”

หมอแดน และภรรยามองหน้ากัน แล้วหันมายิ้มเอ็นดู

“ ก็แค่ไปพักฟื้นไม่กี่เพลาเท่านั้น เชื่อซี เพียงได้อยู่ในที่อากาศสะอาด แกก็จะดีขึ้นทันตา แลกินอาหาร กินยาจีนที่เชื่อกันว่าบำรุงปอด ก็จะช่วยได้อีกทาง ”

กงยังคงเมินหน้า

“ แต๊งกิ้วขอรับ คุณหมอ ”

ฮุนรีบบอก

“ แตงกิ้วๆๆ ”

กงรีบหันมาพูดตามอย่างรวดเร็วถี่ยิบ อย่างอยากจะรีบกลับบ้านเต็มที  ทำให้คุณหมอและภรรยาหัวเราะออกมา

 

เมื่อเดินกลับบ้านมาด้วยกัน ฮุนก็ยังพยายามกล่อมผู้ชรา

“ กง..ไปอยู่แถวๆบ้านครูคงแป๊ะก็ได้  เอาไหม มีสวนที่บางบำหรุ คนเขาจะให้เช่าทำ ”

“ ลื้อนี่พูดไม่รู้เรื่อง อั๊วะรับปากท่านเจ้าสัวโตแล้ว ว่าจะช่วยท่านดูแลวัดพระโต จะให้ไปอยู่ที่อื่นได้ยังไง ”

กงชักอารมณ์เสีย ทำให้ฝ่ายหลานต้องหัวเราะเรี่ยๆเพลียใจ

พอดีจีนหนุ่มผมเปียสามคน แต่งกายสุภาพเรียบร้อย เดินสวนทางมา

ทั้งสามเห็นฮุน ต่างดีใจเป็นที่สุด

“ ไอหยา  อาฮุนๆๆ”

“ อาแช  อาไห่  อาซาน..นี่ กงอั๊วะ ”

ฮุนทักทุกคนเอะอะ ทั้งสามรีบคารวะกงแบบจีนกันอย่างเรียบร้อย

กงยิ้มแย้ม ยกมือรับการคารวะ ยังไออยู่เบาๆ

“ ไหนว่าไปวาดรูปตามโบสถ์ มาทำอะไรแถวนี้? ”

อาแชตบบ่าฮุนป้าบๆ

“ แล้วพวกลื้อล่ะ มาทำอะไร

“ มาหาคุณทนายพดที่บ้านท่านเจ้าพระยาฯ  มาเอาเงินจะไปจ่ายภาษีผูกปี้ที่พระคลังหลวง หน้าพระบรมมหาราชวัง ตรงท่าน้ำ ”

ซานบอก

“เออ พวกลื้อยังไม่เคยไปเสียค่าผูกปี้กันเลยนี่ ”

ฮุนเห็นใจพวกจีนมากันใหม่ๆ ที่ยัง  ‘ บ้านนอก ’ อยู่มาก

“ ใช่ๆ ลื้อคุ้นเคยดี..  ช่วยพาพวกเราไปหน่อย นี่คุณทนายพดให้เงินมาแล้ว คนละ1บาท สองสลึง ”

แชล้วงถุงเงินออกมาอวด

“ ดีจริง  มาๆ  ไปขึ้นเรือข้ามฟากกันตรงท่าเรือหน้าวัดนี่แล ”

“ โชคดีจริงๆ ได้พบลื้อ ไม่เช่นนั้นพวกเราคงทำอันใดเงอะงะผิดๆถูกๆแน่ๆ ”

ไห่ยิ้มซื่อ

ฮุนโอบ แตะตัวเพื่อนๆ ปลอบใจ กงมองฮุนกับเด็กๆหน้าใหม่ พอใจที่หลานชายเป็นคนมีน้ำใจ ไม่เคยลืมตัวทอดทิ้งคนจีนด้วยกันเลย

 

ฮุนส่งกงเรียบร้อย คว้าหมวกกุ้ยเล้ยกันแดด พาเพื่อนๆเดินขึ้นท่าช้างวังหลวงมา แล้วพอเห็นภาพตรงหน้า ก็ต่างเหลียวมองกันด้วยความท้อใจ

ข้างกำแพงวัง ริมถนนกั้นแม่น้ำ มีเจ้าหน้าที่พระคลังมหาสมบัติตั้งโต๊ะอยู่สองตัว มีคนจีนนับร้อย ยืนออ เบียดเสียด กลุ้มรุมกันอยู่เป็นวงใหญ่

ข้าราชการที่นั่งโต๊ะ ทำหน้าที่จดรายชื่อคนงานจีนและนายจ้างต้นสังกัดที่จ่ายเงินแล้วลงในสมุด มีอีกสองคนทำหน้าที่ผูกปี้ประทับตราบนครั่งที่ข้อมือให้ และอีกสองคนคอยควบคุมจัดระเบียบ

ฮุนหันมา พยักหน้าปลุกใจให้ฮึกเหิม ทั้งสามหนุ่มรีบจับมือ พากันตะลุยเบียดมุดแทรกเข้าไปให้อยู่หน้าคนอื่นๆโดยที่ฮุนห้ามไม่ทัน คนที่มาก่อนตอบโต้ด้วยการผลักสวน ตะโกนด่าใส่

ชายหนุ่มหมดปัญญา จำต้องบุกเข้าไปช่วยกันเพื่อนที่กำลังถูกรุมผลักไส ทุบถองออกมาจากวง ทั้งสี่ต้องต่อสู้ป้องกันตัว จนกลายเป็นการชกต่อยย่อยๆ

ฮุนอาศัยความตัวใหญ่กว่าใคร ดันไป ดันมา จนพาสหายเข้าไปอยู่ด้านหน้าจนได้ คนมาก่อนที่โกรธเกรี้ยวจึงโหมฮือกันพุ่งเข้ามารุม จนทำให้เสียหลักล้มระเนระนาดกันไปทั้งขบวนเข้าไปปะทะโต๊ะเจ้าหน้าที่คนหนึ่งคว่ำคะมำลงไปกองกับพื้นดิน

ข้าราชการหนุ่มผู้นั้นทั้งเจ็บ ทั้งโกรธ ตะกายลุกขึ้นมาเอ็ดตะโรลั่น

“ โอ๊ย โธ่เว้ย ไอ้พวกสถุนเอ๊ย เจ็บๆๆ  เฮ้ย  ถอยไป  ใครแตะต้องหีบเงิน เดี๋ยวเรียกนครบาลมาจับให้หมดเลย ”

ชายฉกรรจ์ที่ทำหน้าควบคุมคนรีบเบียดเข้ามา  ดึงพวกคนจีนที่ล้มทับๆกันขึ้น

“ ระวังกันหน่อยสิวะ ..เอ้า ลุกๆๆ ถอยออกไปๆให้หมด ”

อีกคน ที่ดุราวเสือสิงห์ แผดตวาดสุรสีหนาทแบบนักรบโบราณ

“ เฮ้ย  อย่าดันกันสิเว้ย ใครผลักกัน กูไล่กลับบ้านให้หมด ”

ฮุนอยู่บน ลุกได้ก่อน รีบดึงแช ไห่ ซาน ที่ถูกทับอยู่ล่างขึ้นมา แล้วพาเพื่อนถอยออกจากหมู่มวล ที่อาจจะถูกลงโทษ โดนไล่ให้กลับไปได้

เจ้าหน้าที่พยายามจัดระเบียบ ใช้กำลังผลักอกพวกจีนป่าเถื่อนอย่างไม่ปรานีปราศรัย

“ ใครมาก่อน อยู่หน้า ใครมาทีหลัง อยู่ท้ายสิโว้ย เอ้า คนไหนมาก่อน เรียงกันตามลำดับก่อน-หลัง สิวะ ”

“ ต่อแถวๆ เรียงหนึ่งๆ  รู้จักคำว่าเรียงหนึ่งไหมวะ? ”

คนเสียงทรงอำนาจตะโกนสุดคอหอย

ทว่าคนงานจีนจำนวนมากที่มาใหม่ มีคนยอมเข้าแถวน้อยกว่าคนที่ไม่ยอม

“ อั๊วะต้องรีบกลับ อั๊วะมาไกล มาตั้งนานแล้ว รอแต่เช้ายังไม่ได้ทำ ให้อั๊วะก่อนๆ ”

ทุกคนล้วนโวยวาย บอกว่าต้องรีบกลับไปทำงาน ขออยู่หน้าผู้อื่นกันทั้งสิ้น

จีนวัยกลางคน ท่าทางเป็นนายหน้า รู้ขั้นตอนดียิ่ง ป้องตาดูตะวัน หันมาบอกพวกฮุน

“ นี่มันบ่ายแก่แล้ว สักประเดี๋ยวพวกเจ้านายมันก็จะเก็บโต๊ะ ถ้าใครไม่ทัน พรุ่งนี้ก็ต้องมาใหม่ ”

“ ลื้อต้องมาแต่มืดสิ  ขืนมาบ่ายอีก ไม่ทันอีก ก็ต้องมาใหม่อีกวัน ”

คนงานรุ่นพี่อีกคนหันมาบอกพวกน้องใหม่

เจ้าหน้าที่บ่นอย่างอิดหนาระอาใจ

“ อั๊วะก็อยากช่วยให้พวกลื้อได้รีบทำกันเร็วๆดอกหนา แต่อั๊วะไม่รู้หนังสือ ไม่รู้จะช่วยจดชื่อพวกลื้ออย่างไร จนใจด้วย ”

พวกคนงานจีนยังบ่นกันโวยวายเสียงขรมถมเถ

ทันใด มีข้าราชการหนุ่มมาใหม่สองคน ช่วยกันยกโต๊ะมาตั้ง ถัดออกไป

ชายหนุ่มคนแรก หันมาตะโกนบอก

“ เอ้าๆๆ มาทางนี้ ตั้งแถวอีกแถวเลย  มีคนมาช่วยจดบาญชีเพิ่มแล้ว ”

ฮุนรีบลากเพื่อนฝูงไปก่อนใคร ไม่ทันเป็นคนที่หนึ่งที่สอง แต่ก็ได้ที่ทางอับดับต้นๆ เกือบหน้าสุด ครั้นชายหนุ่มหันไปเห็นชายหนุ่มอีกคนที่กำลังวางสมุดเล่มใหญ่ลงบนโต๊ะถนัดตา เขาก็ผงะแทบหงายหลัง

คุณชายผู้ดีมีสกุลหลานคุณพุ่มนามเฉกคนนั้นนั่นเอง!

ไม่พบกันนาน ดู ‘ เป็นหนุ่ม ’ ขึ้นเป็นกอง ใส่เสื้อคอตั้ง ไหล่กว้าง โจงกระเบนไหมหางกระรอกใหม่กราก ผมโกนกันด้านข้างและด้านหลังมาใหม่ๆ ขาวเกลี้ยงสะอาด ด้านหน้าปาดเสยแสกกลางตั้งขึ้น ทำให้เหมือนดูสูงสง่างามขึ้นอีก บุคคลิกท่าทางเป็นข้าราชการเต็มตัว นอกจากสมุดบัญชี ก็มีขวดหมึก กับปากกาด้ามงาม มาด้วย

มีเจ้าหน้าที่อีกคน ถือหีบใส่ปี้ผูกข้อมือมาเพิ่มอีกหนึ่งหีบ

ลำจวนรวบรวมสติ ควบคุมหน้าตาท่าทางให้สุขุมสงบ ไม่เงยขึ้นมองใคร พยายามใส่วิญญาณผู้ชายที่เหี้ยมโหด ปั้นเสียงดัง ห้าวต่ำกว่าเคย

“ เอ้า เจ้าคนหัวแถว บอกชื่อเสียงเรียงนามของเจ้า แลนายจ้างของเจ้ามา ”

ฮุนมอง ดีใจ และขบขันสุดขีด จนแทบจะหัวเราะออกมาดังๆ



Don`t copy text!