บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 44 : คืนร้อน
โดย : ปราณประมูล
บุษบาลุยไฟ โดย ปราณประมูล เรื่องราวของ ลำจวน หญิงสาวผู้ต่อสู้กับค่านิยมทางสังคมในยุค ร.3 เธอลุกขึ้นทำสิ่งที่คนในห่วงเวลานั้นไม่ทำกัน หนทางจึงไม่ได้ราบรื่น หากเต็มไปด้วยอุปสรรคและถ้าไม่ใช่เพราะแรงรักแรงใจที่หนุ่มจีนคนนั้น คงยากที่บุษบาดอกนี้จะไปสู่จุดหมาย ‘บุษบาลุยไฟ’ นวนิยายเรื่องเยี่ยมที่อ่านเอานำมาให้อ่านออนไลน์
ในแสงโคมที่แขวนตามกิ่งไม้ และแสงไต้ที่ปักรายตามทางเท้าหว่างสุมทุมสว่างไสวเรืองรอง
เสียงวงลำวงแคน ประกอบด้วยแคน พิณ โปงลาง และโทน ดังคึกคักครึกครื้นล่วงหน้ามาชวนให้หัวใจเต้นแรง
ท่านอาลักษณ์ภู่ พัดและตาบ เดินนำลำจวนในคราบหนุ่มเฉกที่แต่งตัวมิดชิด มีผ้าขาวม้าคลุมหัว ก้มงุดๆ มีนายหมายเดินข้อกางเป็นองครักษ์ตามหลัง
ลำจวนพยายามควบคุมอารมณ์คึกคะนองลิงโลด ที่มีความระแวงระวังหวั่นใจซุกซ่อนซุ่มอยู่ข้างหลัง ทำให้ตื่นเต้นเหมือนตัวจะระเบิด
“ ครูแคนจากสำนักทูลกระหม่อมฟ้าน้อยมาเองเลย เช่นนี้สนุกแน่ ออเฉก ”
ท่านภู่หันมาตบหลังตบไหล่ลำจวนอย่างกันเอง
ทำให้หญิงสาวขยับห่างออกไปเล็กน้อย
“ คุณพุ่มกำชับมา ว่าเจ้าเป็นโรคตื่นคน เกรงกลัวที่จะเป็นที่สังเกตสังกา สน-อกสนใจของใครต่อใคร ไม่ต้องกลัว..ข้าจะช่วยให้เจ้าหายจากอาการนี้เอง เกิดเป็นชาย จักคอยหลบหลังเพื่อนฝูงอยู่ร่ำไปหาได้ไม่ ไม่ว่ายากดีมีจน ชาติบุรุษต้องมีสง่า ไหล่ตั้ง หลังตรง มองคนที่ดวงตา อย่าเป็นพวกเอาแต่หลบหน้าใครๆเหมือนผีปอบ ไม่เอาๆ
ว่าแล้ว ท่านก็จับผ้าขาวม้าที่คลุมหัวเจ้าหนุ่มน้อยหลานชายคุณพุ่ม จะดึงออก
ทว่าลำจวนคว้าไว้แน่น
“ กระผมเป็นคนกระหม่อมบาง ต้องน้ำค้างมากๆ จักป่วยไข้ไปได้ขอรับ ”
ผู้อาวุโสส่ายหน้า ระอาใจ
“ ยิ่งคลุมผ้านี้แหล ผู้คนยิ่งจับตามอง ..จะกลัวไปไยกับสายตาคน..เจ้านั้นมีสติปัญญาสว่างไสว สมควรจะนำออกมาอวดให้ทั่ว มีดีอะไร ก็ควรอวดดี อย่าซุกไว้ ”
หญิงสาวในคราบชาย ไม่เคยผ่อนปรนในนิสัยต่อปากต่อคำเอาชนะ
“ แต่ท่านครูเอง..ได้เคยกล่าวไว้ตรงกันข้ามนะขอรับ ”
“ ข้ากล่าวอันใดไว้รือ? ”
“ อันความคิดวิทยาเหมือนอาวุธ ประเสริฐสุดซ่อนใส่เสียในฝัก
สงวนคมสมนึกใครฮึกฮัก จึงค่อยชักเชือดฟันให้บรรลัย ”
ท่านภู่อึ้ง หันไปสบตาพัด แล้วก็หัวเราะ
บุตรชายคนโตของท่านอาลักษณ์ย่อมจำกลอนนี้ได้ ด้วยท่านบิดาได้แต่งไว้ตั้งแต่พัดยังไม่เป็นหนุ่ม และตาบยังเล็ก สมัยท่านบวชพระในครั้งกระโน้นและจำต้องกราบบังคมทูลลาจากเจ้าฟ้ากุณฑลทิพยวดี พระราชธิดาแผ่นดินต้น ที่ต่อมาเป็นพระชายาในแผ่นดินกลาง ที่ทรงพระกรุณาให้ภิกษุภู่ถวายการสอนหนังสือพระราชโอรสน้อยสองพระองค์และเป็นองค์อุปัฏฐาก จึงแต่งเพลงยาวถวายโอวาทถวายนี้ขึ้น
“ เจ้าเฉก..เจ้าเฉก..เจ้านี่มัน..”
ท่านภู่ส่ายหน้า ทั้งคุณอาพุ่มคนงามงอนและเจ้าเฉกหลานชายนี้ ช่างร้ายกาจไม่ต่างกันเลย
“ กระนี้เอง..จึงเป็นทรัพย์ล้ำค่าของรักของหวงของคุณพุ่ม ถึงกับต้องให้บ่าวชายมาตามอารักขา..ไม่ให้คลาดสายตา..ข้ายอมแล้ว ”
ท่านพยักเพยิดให้นายหมาย บ่าวที่ตามคุมติดหลังลำจวนไม่ลดละ
เหนือเรือนยอดหมู่ไม้ เห็นพระจันทร์แรม ครึ่งดวง
เมื่อโผล่พ้นแนวสวนไปเห็นผู้คนในลานหน้าเรือนนั้น เจ้าเฉกถึงกับชะงัก ถอยกรูด
ที่กลางผืนดินทุบปรับเรียบ มีวงแคนครบเครื่องกำลังบรรเลง หมอลำ นางฟ้อน กำลังแสดงอย่างสนุกสนาน
หน้าเจ้าเฉกซีดเผือด
“ เจ้าผู้บุปผาสร้อย สุคนธาเหย กลิ่นเก้าแม่น้ำ สิบแม่น้ำ หอมกุ้มฮอดพี่ซาย พี่จั่งบู๋ดงดั้น ประสงค์ดันมาใส่ ใจประสงค์อยากฮู้ นางน้องอยู่จั่งใด๋ ”
ภาพเหตุการณ์ครั้งครูหมอลำ ว่าคำผญาต่อลูกสาวแม่จำปาขายผ้า และเจ้าลำจวนผู้ไม่ยอมลงให้ผู้ใด ก็ว่าสักรวาตอบ ที่ศาลาริมน้ำ ณ พระราชเดิม เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา หญิงสาวยังจำได้ดี
“สักรวา..สุคนธาบุหงาร่ำ เก้าแม่น้ำสิบแม่น้ำยังได้กลิ่น อันเสียงลือเล่าไปพี่ได้ยิน ยังไม่สิ้นเพียงครึ่งถึงเรื่องจริง ”
เวลานี้ ครูหมอลำท่านนั้น รวมทั้งวงแอ่วลาวเป่าแคน และนางฟ้อนแทบทั้งคณะ กำลังแสดงอยู่หน้าเรือนของสหายท่านอาลักษณ์
ลำจวนแทบสิ้นสติ ถอยกรูด รวบผ้าที่คลุมศรีษะให้บังในหน้าตนจนมิด
เท่านั้นไม่พอ ที่ใต้แสงตะเกียงและโคมที่แขวนรายที่หน้าเฉลียง เห็นท่านคงแป๊ะนั่งเด่น ครูพุดคอยปรนนิบัติ รอบๆ ปูเสื่อสาด เหล่าคณะศิษย์ช่างเขียนของท่านและคนมากมาย กำลังตั้งวงข้าวสามสี่วง กินข้าวเย็น เปิบด้วยมือ
ท่านคงแป๊ะคือเจ้าของสถานที่แห่งนี้! ไหนจะครูพุด!
ลำจวนแทบจะหันหลังกลับ วิ่งหนีไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด
“ เป็นอะไร พ่อเฉก? ”
พัดจับแขนหญิงสาว ที่เขาคิดว่าเป็นชายหนุ่ม
ลำจวนเบี่ยงตัวหลบ ไม่ยอมให้บุตรท่านภู่สัมผัสโดนตัว
“ ข้า..ข้ากลัว ..ผู้คนมากมายนัก..นายหมาย..พวกเรากลับเถิด ”
“ ไฮ้..กระไรเป็นเช่นนี้ พ่อเฉก จักกลัวไปไย ผู้คนหาได้กระโดดเข้ากัดเจ้าไม่ ”
หนูตาบ คนวัยไล่เลี่ยกัน เห็นขันกับอาการตื่นคนของชายที่ตนนับเป็นสหาย
“ นั่นซี คุณเฉก..น่าสำราญบานใจออกขอรับ เหล้ายาปลาปิ้งก็ดูสมบูรณ์ ”
นายหมายองครักษ์ มองเห็นวงแคน วงเหล้า ตื่นตาตื่นใจ อยากสนุก กลายเป็นบ่าวทรยศนายไปเสียฉิบ
ด้านหนึ่ง ครูมีแขกกวักมือเรียกท่านภู่อยู่ไหวๆ ครูมีท่านนั่งจิบชาต่างหาก ไม่ร่วมวงกินข้าวกินเหล้า เพราะท่านเป็นอิสลาม ศิษย์คงแป๊ะ ยกขนมแห้งๆ พวกจันอับ กับน้ำชา มาวางให้ท่าน
ท่านอาลักษณ์เดินนำเข้าไป ทักทายคงแป๊ะผู้เป็นเจ้าบ้านก่อน แล้วแยกไปหาครูมีแขก พลางหันมามองพยักให้เหล่าบริวารตามมา
พัด ตาบ เจ้าเฉกที่มีผ้าคลุมหัว กับนายหมาย ยังยื้อๆยุดๆกันไม่จบ
“ เอ๊า..พวกลูกๆหลานๆฉัน เห็นสาวๆชาวลาวงามๆเข้าหน่อย พากันเหนียมไปตามๆกัน พัด ตาบ..เฉก เจ้าหมาย มาๆๆๆ ”
พัด ตาบ หมาย พากันลากลำจวนมาด้วย หญิงสาวขืนไม่ได้ อีกทั้งกลัวว่าจะยิ่งดึงดูดสายตา เลยเข้ายึดตาบ พัด เป็นเกราะกำบัง เดินก้มๆ รีบๆ วิ่งๆ ไปหาที่นั่งหลบอยู่ในเงามืด ด้านหลังท่านภู่
ครูหมอลำกำลังลำเกี้ยวคู่กลอนอย่างม่วนเพลิน มิได้หันมามองผู้คนเหล่านั้น
“ งามเอ้ยงามเจ้ายักคิ้ว งามนิ้วมืออ่อนฟ้อนฟ้า งามสองตาน้องชะม้าย ชายหลงจ้องต้องตะลึง
งามแก้มคางนางหวานซึ้งผ่องพริ้ม งามยามนางยิ้ม พิมพ์ใจอ้ายให้ฝันใฝ่ละเมอ“
ครูมีแขก หันมาดูคณะของท่านอาลักษณ์สหายสนิท คนหนุ่มๆเหล่านั้นทุกคน ก็ก้มลงไหว้กันเป็นฝักถั่ว ลำจวนก้มงุด พยายามทำตัวให้เล็กน้อยที่สุด
ครูมีพยักหน้า รับไหว้ทุกคนยิ้มๆ
“ บ๊ะ เจ้าตาบ..เป็นหนุ่มแล้ว..ไม่เจอบัดเดี๋ยวเดียว ”
ตาบยิ้มแป้นแร้น หน้าเป็น
“ ท่านลุงมี..ไม่ประชันปี่กับแคนเขาดอกรือขอรับ? ”
“ บัดเดี๋ยวก่อนๆ ”
ครูมีแขกจิบชา ยิ้มใจดี
เมื่อคงแป๊ะ ครูพุด พัด ตาบ ลำจวน นายหมาย ก็พากันไหว้อีกคำรบ
คงแป๊ะมองสำรวจแต่ละคนละเอียดลออตามนิสัยช่างเขียน เมื่อเห็นเด็กหนุ่มตัวเล็ก ที่นั่งแอบอยู่ในเงา แถมมีผ้าบังหน้า ก็อดไม่ได้
“ เจ้าพัด เจ้าตาบ แล้วใครอีกล่ะนั้น? ”
“ เจ้าเฉก ..ลูกหลานเกลอเก่ากระผมเอง กับอ้ายหมาย เป็นบ่าวเจ้าเฉกขอรับ ”
ท่านภู่ไม่ขยายให้มากความ เกรงว่าเจ้าเด็กหนุ่มจะกลายเป็นจุดสนใจ แล้วมันจะยิ่งตื่นไปใหญ่
ครูพุดมอง เห็นผิดสังเกต จนต้องทักขึ้น
“ เจ้าตัวเล็กคลุมหัวคลุมหูราวกับโจรไพร ”
“ ข้าบอกแล้ว เจ้าเฉก ยิ่งปิดบัง คนยิ่งอยากเห็น ฮะๆๆ ”
อาลักษณ์ภู่หันมาซ้ำเติม
ลำจวนอึดอัดใจ มาถึงขั้นนี้แล้ว เสี่ยงเป็นเสี่ยงกัน หากใครจะจำได้ก็ให้มันรู้ไป ตัดสินใจ กัดฟัน เอาผ้าออกมา แล้วเอามาเคียนพุงแทน
คงแป๊ะไม่เคยใกล้ชิดสนิทสนมใดๆกับลำจวน ไม่อาจเชื่อมโยงอะไร เพียงบ่นหยอกๆ
“ อุบ๊ะ นึกว่าปิดหน้าเพราะขี้ริ้วหน้าข้าวตัง ที่แท้มีรูปสุวรรณอยู่ชั้นใน ”
แต่ครูพัดจำได้ทันทีว่าเป็นเด็กหนุ่มที่ตนเคยเห็นที่ท่าช้างกับคุณพุ่ม แต่แล้วกลับเงียบ หยิบจอกสุรามาจิบ พลางหันไปมองหาฮุน
เตยเดินนำฮุนมาจากในเรือน ช่วยกันยกถาดอาหารมาเพิ่มเติม
ลำจวนมองไปพอดี เมื่อเห็นหน้าฮุน เธอก็นั่งตัวแข็งไป
เสียงสาวลำกลอน ร้องโต้ตอบดังมา
“ อ้ายเอ้ย เห็นอ้ายมาเว้าเกี้ยว เทียวมาแต่ตอนเซ้า หาหยอกสาวเอื้อยในตอนตะเวนฮุ่งฟ้า หาหยอกสาวหล่าในตอนตะเวนแลง จะฝนตก ฝนแล้งอ้ายก็บ่อถอยบอเซา คั่นอ้ายมาอยากเว้าสาวบ้านนี่ จังแมนโพดโปรดจงชี้ หวังคนพี่หรือคนน้อง ขี้คร้านจะเกี่ยวดองให้เป็นเอกเป็นรองฮ่วมเฮือน นี่แหล่วอ้ายเอ้ย ”
เจ้าผมเปีย กับหลานสาวคงแป๊ะ เดินต่อปากต่อคำกันมาใกล้ชิดสนิทสนม ช่วยกันถือถาด คนละถาด ใส่เครื่องในต้มเปื่อยกับน้ำจิ้มแซ่บมา
นายหมายเห็นฮุนปุ๊บ ก็หันมาสะกิดลำจวนปั๊บ
“ อ้าว นั่น..เจ้าจีนเมฆช่างเขียนก็อยู่นี่ด้วย..มีเมียแล้ว เมียงามเสียด้วยหนา ”
ลำจวนใจตกวูบ ภาพอื่นๆจางหายไปจากสายตา เห็นเพียงฮุนกับสตรีหน้าตาคลับคล้ายคลับคลา ยื่นหน้ากระซิบกัน
ที่จริง เจ้าจีนหนุ่มกับหญิงสาวหลานคุณครู สตรีที่เขาเคารพดุจญาติผู้ใหญ่นั้น กำลังโต้แย้งกันเรื่องอาหาร
“ เขาจะกินกันได้รือ เจ้าฮุน? ตับไตไส้พุงงัวอะไรกันนี่ ให้เจ้กินเจ้ก็ไม่เอาดอก เหม็น ”
“ พี่เตยคิดไปเอง เหม็นที่ไหน ข้าทำสะอาด ล้างด้วยน้ำส้มสายชู ต้มกับข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด อบเชย โป๊ยกั๊ก เคี่ยวจนเปื่อยนุ่ม จิ้มน้ำจิ้มเผ็ดๆเปรี้ยวๆเช่นนี้ พวกขี้เหล้าจะเพลินหยิบใส่ปากไม่ทัน ”
“ เจ้านี่..รู้ใจคนขี้เหล้าทั้งไทยลาวจีนแขก ”
เตยค้อนตามนิสัย
“ ข้าลูกน้องเจ้าสัวโต วัดกัลยาฯ ท่านเป็นเจ้าตำรับแห่งเกาเหลา ไม่ว่าหมูว่างัว พวกขุนนางเจ้านายในวังติดใจกันทั้งนั้น ”
ลำจวนมองฮุนกับภรรยาเขม็ง ไม่อยากเชื่อ ว่าเจ้าผมเปียเป็นคนเจ้าชู้หลอกลวง
ฮุนเอาแต่ก้มง่วนจัดวางอาหารลงกลางวงบนแคร่ใหญ่
เตยวางถาดน้ำจิ้มแล้ว เงยขึ้นมา พบกับดวงตาลำจวนที่มองเป๋งมาพอดี
ขณะจิตนั้น ลำจวนและเตย ต่างจำกันได้ ว่าเคยพบกันที่ข้างวัดโพธิ์ ทั้งๆที่เวลาผ่านไปนานหลายเดือนแล้ว
เตยตกตะลึง ถึงแก่มือตีนอ่อน จนต้องจับแขนฮุน ยึดไว้เป็นหลัก
“ โอ๊ย..เจ้าฮุน ช่วยข้าถี ”
เจ้าหล่อนขยับเข้าแอบหลังชายหนุ่ม
“ เจ้าหนุ่มเจ้าชู้ประตูดินผู้นั้น..เป็นผู้ใด รือจะมาตามหาข้าจนถึงนี่? ”
สาวใหญ่ใจสั่น
“ ผู้ใดรือ? ”
ฮุนมองหารอบๆ
“ นั่น..เจ้าคนปากว่ามือถึง มือไวใจเร็ว..เขาเห็นข้าเข้าแล้ว จะไปซ่อนตรงไหนดี? ”
คนปากแข็งใจอ่อน เต้นเร่าๆ
ฮุนมองไป
ในแสงไฟนวลตา เจ้าเฉกหนุ่ม กับนายหมายมองมาทางเขา เมื่อสบตากัน เฉกก็สะบัดหน้าหนี เมินไป ทำเป็นมองไม่เห็น
พลัน ฮุนถึงแก่เลือดสูบฉีดซ่านซ่าร้อนฉ่าไปทั้งร่าง ยืนแข็งขึง ตะลึงตะไล ดีใจ ใบหน้าแดงฉานอุ่นระอุผ่าว ค่ำคืนอันเปล่าดายที่แม้จะสนุกสนานวุ่นวายปานใด แต่ก็จะผ่านไปอีกคืนอย่างว่างเปล่า กลับกลายเป็นค่ำคืนที่มีความหมายขึ้นมาอย่างประมาณมิได้
“ คุณเฉก! ”
ฮุนหลุดปากอุทาน ทำให้เตยต้องหันมาจ้องหน้า งงงัน
พระจันทร์ครึ่งดวงแขวนราวฟ้า
คุณพุ่มก้มลงดมดอกจำปีที่ต้นในกระถางบนระเบียงแพ
“ ออกหลายดอกแล้ว จำปี ต้นเล็กเพียงนี้ ก็ออกดอกให้ดมได้แล้ว ”
“ เขาว่าบ้านใดมีลูกสาว..ปลูกดอกจำปี..จะเป็นเสน่ห์ให้ผู้ชายมาหาจนหัวกะไดไม่แห้ง ”
นางเต็มเปรย
“ เรือนแพนี้ไม่มีลูกสาวเสียหน่อย ”
นายหญิงขัด
“ มีแต่หลานชาย..”
นางเต็มสะบัดเสียงเสียดสี
“ ขอให้มันไปเปิดหูเปิดตาได้ตลอดรอดฝั่ง..ปลอดภัย ไม่มีอันตรายใดๆมาแผ้วพานก็แล้วกัน ”
คุณพุ่มมีน้ำเสียงกังวล
“ คุณประมาทเกินไป..ไม่น่ายอมให้..พ่อเฉก..ไป ”
นางเต็มตอกย้ำ
“ แต่หากไม่ยอมให้ไป ก็จักดูแปลก เป็นพิรุธ ไม่ปกติ ”
คุณพุ่มอ้าง
“ ลูกหลานเรา..เราก็ต้องห่วงเป็นธรรมดา เราจักอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้ทำสิ่งใด ก็เป็นเรื่องของเรา ”
ฝ่ายบ่าวบ่นอุบ
“ สาวใหญ่..ตัวคนเดียว หวงหลานหนุ่มน้อยรูปงามไว้ในบ้าน ไม่ให้ไปพบใคร ไม่ให้เห็นเดือนตะวัน..เอ็งว่า มันดูเหมือนเป็นอะไรกัน ”
นายหญิงเสียงแข็ง
“ แต่ลำจวนไม่ใช่ผู้ชาย..คุณจะให้มันไปไหนมาไหนกับผู้ชายในยามวิกาลไม่ได้ ”
บ่าวผู้แก่วัยกว่ายืนยัน
“ หากเป็นชาย จึงสมควรไปไหนๆกับผู้ใดได้ แต่เมื่อเป็นหญิง..ห้ามไป ”
คุณพุ่มประชด
“ ใช่เจ้าค่ะ..เป็นหญิง ห้ามไป ใครอยากพบเจ้าเฉก ก็ให้มาพบที่นี่ ”
“ แค่มีมิตรสหายชายมาหาข้าด้วยธุระปะปังต่างๆ คนมันก็พูดกันนักหนา ว่าบุษบาท่าเรือจ้าง คบปะผู้ชายพายเรือ ขึ้นลงๆแพกันคึ่กๆ เรือลำนี้เข้า เรือลำนั้นออก.. ข้ายังโดนนินทาไม่พอรือ จักให้เพื่อนชายเจ้าเฉกมาหากันที่นี่อีกรือ ”
คุณพุ่มหงุดหงิด
“ หญิงผู้ดีอื่นๆ เขาทั้งไม่ให้ผู้ชายมาหา แลไม่ออกไปไหนกับผู้ชายทั้งนั้นแหละค่ะ ”
นางเต็มเป็นฝ่ายข้างโบราณเต็มตัว
“ หญิงผู้ดีเหล่านั้น ต้องไม่อยากทำสิ่งใด ไม่อยากไปที่ไหนทั้งนั้น..”
คุณพุ่มแดกดัน
“ เจ้าค่ะ.. ต้องมีผัว จึงค่อยไปไหนๆกับผัว ”
นางเต็มหาได้เกรงกลัวนาย
“ ถ้าทิ้งผัว รือผัวทิ้ง กลายเป็นหญิงตัวคนเดียวเล่า ”
ฝ่ายนายทำเสียงสมเพชตัวเอง
“ ก็ต้องอยู่เรือนไปอย่างสงบเสงี่ยม..”
นางเต็มว่า แล้วก็ถอนใจระอิดระอา
“ โฮ้ย..อิฉันคร้านจักต่อคำกับคุณนัก ”
“ หากข้าเป็นชายกับเขาบ้าง..ข้าจักให้เพื่อนฝูงทุกเพศวัยไปมาหาสู่ทั้งวัน แลไปไหนมาไหนกันให้ยิ่งกว่าท่านทิดภู่..จะได้เขียนนิราศไม่รู้กี่เรื่องๆ.. แต่นี่..นิราศสักเรื่อง..ข้าก็ยังไม่ได้เขียน ”
คุณพุ่มก้มลงดมดอกไม้ ซ่อนดวงตาเจ็บช้ำ น้ำเสียงน้อยเนื้อต่ำใจ ทำให้นางเต็มหุบปากลง
เมื่อคุณพุ่มวัยสูงขึ้น เป็นผู้ชราในอีกสามสิบปีต่อมา ช่วงต้นสมัยรัชกาลที่ห้า คุณพุ่มจึงได้มีหนังสือที่เขียนและได้รับการตีพิมพ์สองเล่ม คือเพลงยาวเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวและพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และนิราศวังบางยี่ขัน
บรรดาหมอลำ หมอแคน นักดนตรีในวงและสาวนางฟ้อน ลงนั่งพัก ดื่มกินกันบ้าง มีไหดินเผาบรรจุเหล้าอุขนาดเล็กๆ วางให้คนละไห ใช้หลอดไม้ไผ่เล็กๆ สำหรับเจาะและดูด มีเครื่องในวัวเปื่อยนุ่มเป็นกับแกล้มแสนอร่อยที่ทุกคนโปรดปราน
หนุ่มๆช่างเขียนพี่ๆของฮุน ช่วยยกน้ำดื่ม และสุรามาปรนนิบัติเอาใจสาวๆนักฟ้อนกันอย่างเต็มอกเต็มใจ
ครูหมอแคนกับครูมีแขก นั่งถกกันเรื่องแคน ทดลองเทียบเสียงปี่เสียงแคนกัน สนุกเพลิดเพลิน
ฮุนยกสุราอาหารไปที่วงหลังเหล่าครูผู้ใหญ่ แทรกเข้าไปในวงพัด ตาบ เฉก หมาย ถือโอกาสนั่งลงผสมโรงกับเขาไป
“ เหตุไรจึงมาด้วยกันได้เล่าขอรับ? ”
ฮุนมองมาที่ลำจวน ยิ้มเลยไปให้หมายสนิทสนม แล้วหันมาหาพี่พัดของเขา
“ พอดีพ่อไปพูดธุระกับคุณพุ่ม พบพ่อเฉก..ถูกคอกันมาก..จึงพามา ”
พัดยิ้มตอบ ให้ความกระจ่างได้ใจความอย่างรวบรัด สมเป็นบุตรชายกวีเอก
“ อ้อ..”
ฮุนรินเหล้า ยื่นให้เหล่าบุรุษ
“ พี่พัด น้องตาบ พี่หมาย..ลองนี่หน่อยขอรับ ”
เขาส่งจอกให้แต่ละคน
พัดรับไปดมๆ ทำหน้าแปลกใจ
“ นี่มัน..? ”
นายหมายส่อง ดม จิบก่อนจะอุทานดัง
“ สาโท! ”
“ สีชมพูเสียด้วย ”
พัดชิมบ้าง
“ ที่เป็นสีชมพู เพราะผสมข้าวเหนียวดำขอรับ ”
ฮุนขยาย
หมายซดโฮก กระดกเรียบในคราเดียว
ฮุนรีบเติมให้ เอาอกเอาใจ
“ ช่างมีน้ำใจนักหนา พ่อคุณ ”
นายหมายสรรเสริญ
“ ฉันเคยกินแล้ว ไม่แรงมาก ”
หนุ่มตาบบอกบ้าง
“ น้องตาบ..ชิมแต่น้อยๆก็พอขอรับ เดี๋ยวท่านบิดาจะว่ากระผมเอาได้ ”
ฮุนทำเสียงพินอบพิเทา
เจ้าหนุ่มเฉก จ้องมองมา ตาเอาเรื่อง
ฮุนสบตา ยิ้มให้ แล้วกลับรินน้ำฝนจากคนโท ใส่ขันใบเล็กส่งมา
“ท่านใต้เท้าอย่ากินสาโทเลยขอรับ ไม่ดีดอก ”
“ อ้าว แล้วทีคนอื่นเล่า? ”
เฉก พ่อหนุ่มหน้ามน หล่อเหลาเอาการกว่าใคร ประท้วง
“ ปล่อยเขาเถิด..แต่ใต้เท้าอย่าเลยขอรับ กระผมเกรงว่า..”
“ ฉันจะเมารือ? ”
ลำจวนดักคอ
“ เกรงจะติดใจน่ะขอรับ ”
ชายหนุ่มปล่อยมุก
คนที่ได้ยิน หัวเราะกันฮา
ลำจวนทำตาขุ่นใส่
แต่นายหมายมองรอบ ตื่นตาและสุขใจไหนจะปาน
“ มีวงแคนให้ฟัง แลยังมีทั้งอุ ทั้งสาโทอีกด้วย ดีจริงๆ ”
“ พี่หมายจะลองอุดูบ้างไหมขอรับ? ”
ฮุนทำตาวิบวับแวววาวยั่วๆ
นายหมายกระมิดกระเมี้ยน
“ ลองดูสักไหเล็กๆก็ดี ”
“ ไหเล็กๆหมด เหลือแต่ไหใหญ่ ยกมาดื่มด้วยกันได้ รอประเดี๋ยวขอรับ ”
ฮุนรีบลุกไปอย่างขมีขมัน
แม่เตย สตรีผู้เป็นเจ้าถิ่น เดินถือชามเครื่องในกับถ้วยน้ำจิ้มมาวางให้ วางท่าเชิดหยิ่ง
“ มาถึงนี่ หวังจะเจอฉันรือ?..”
เธอเอ่ยลอยๆ ไม่เจาะจง สะบัดสายตาไปยังพ่อพัด พ่อตาบ
“ ที่แท้ก็สนิทสนมกับลูกๆท่านอาลักษณ์ภู่ “
ทุกคนมองดูเตย สงสัยว่าเธอพูดกับใครกันแน่
พัดมองตามสายตาที่เตยปรายมอง
” อ้าว แม่เตยก็รู้จักพ่อเฉกรือ? ”
ลำจวนปะติดปะต่อว่องไง
“ พี่สาวคือหลานท่านคงแป๊ะนี่เอง ชื่อเตยรือขอรับ กระผมชื่อเฉก ”
พัดและตาบแอบสังเกตปฏิกริยาระหว่างลำจวนกับเตย แล้วหันมาสบตากัน ชักสนุก
เตยค้อนขวับ จริตพราว ผิดไปจากที่เคยเห็น
“ วุ้ย..เสแสร้งแกล้งทำเป็นเพิ่งนึกได้ มากับพวกนักกลอน อยากจะฝากตัวเป็นศิษย์เขียนกลอนท่านอาลักษณ์หรือไร? ”
เจ้าหล่อนนั่งลงข้างหนุ่มเฉกทันที
ลำจวนชอบใจ ด้วยอยากรู้..ว่าเธอเป็นคู่เรียงเคียงหมอนของฮุนหรือไม่
“ ใช่ขอรับ คิดอยู่ ว่าอยากเป็นศิษย์ท่าน ”
“ ไหนลองว่าสักวามาสักบทซี จะฟังให้ ว่าพอใช้ได้หรือไม่ ”
แม่เตยท้า
พัด ตาบ รวมทั้งนายหมายสะกิดกันควั่ก
“ เอาเลยๆ พ่อเฉก ลองเกี้ยวแม่เตยดูทีรึ ”
พัดยุ
ลำจวนมองหน้าทุกคน แล้วหยุดคิดเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวออกมาอย่างเชื่อมั่น
“ สักวา..สาโทจากโคราช ”
วงสนทนาวงเล็กๆนี้หัวเราะกันก๊ากๆ
“ เอ๊า..ให้จีบสาว มาเลี้ยวไปสาโทเสียอย่างนั้น ”
พัดอุทธรณ์
“ อร่อยเอร็ดเด็ดขาดฉะนี้ไฉน ”
หมายและตาบคิกๆคักๆ
เตยมองเฉกด้วยหางตา ลอยหน้าใส่ เป็นนัยว่าพ่อหนุ่มผู้นี้หรือจะกล้ามาเกี้ยวพาตน
ท่านภู่ คงแป๊ะ ครูพุด ต่างเงียบลง รอฟัง
“ ทั้งหอมหวานดังตาลเต้าเจ้าขวัญใจ ”
ตาบแทรกขึ้นมาอย่างอดทนรอไม่ได้
เรียกเสียงโห่ฮิ้วจากทุกคน
ตาบ ยักคิ้ว หน้าทะเล้น
“ เข้าเรื่องแล้วขอรับ ”
เตยค้อน แล้วตีแขนเด็กหนุ่มที่คุ้นกันพอควรเผียะ
“ อุ๊ยตาย..พ่อตาบ..”
“ เบาๆ..เจ้าตาบ..ยังเด็กยังเล็ก..มาเต้ามาตาลอันใด? ”
ท่านภู่ผู้บิดาปราม
วงขำขันขยายกว้างขึ้นเรื่อยๆ ตลกที่ท่านภู่ดุลูก
พัดส่งจอกสาโทให้เฉกดุจกองหนุน
“ ย้อมใจเสียหน่อย เจ้าเฉกเอ๋ย ”
ลำจวนรีบรับมา ดมๆ แล้วกระดกหมด กลืนเอื๊อก แล้วทำเสียง..อ้า..อย่างชื่นใจ
พัด ตาบ นายหมายฮารับ ถูกจังหวะ
ลำจวนฮึดสู้ สูดลมหายใจเข้าลึก เชิดหน้า ทวนคำตาบ
“ ทั้งหอมหวานดังตาลเต้าเจ้าขวัญใจ ..กลิ่นละไมละม้ายเตยที่เคยดม ”
“ ว้ายๆ ”
เตยวี้ดว้ายกระตู้วู้
“ เอาแล้วๆๆ ” “ แหล้วๆๆๆ ”
พวกผู้ชายฮือฮากันระงม
ท่านภู่ คงแป๊ะ ครูพุด หัวเราะกันหึๆ เงียบรอฟังต่อ
พอดีฮุนอุ้มไหอุใหญ่ เดินกลับมาถึงพอดี
ลำจวนเมินใส่ฮุน หันมาทำท่ากะลิ้มกะเหลี่ยใส่เตยหวานเชื่อม
“ กินสาโทอย่าถือสามาโทสะ ”
ท่านอาลักษณ์ภู่เลิกคิ้ว กับลีลาเจ้าเด็กหน้าใส
ฮุนเลิกคิ้ว ที่เห็นหญิงสาวในคราบชาย ทำหูตาแพรวพรายใส่หลานสาวครู
“ คิดเลิกละเมรัยให้เหมาะสม ”
หนุ่มเฉกว่า พลางปั้นหน้าโศกระทม
ทำให้บรรดาคณะหนุ่มๆที่หนุนหลังร้องฮือ
“ จำต้องดื่มให้ลืมเศร้าบรรเทาตรม ย้อมใจข่มยามคำนึงถึงเจ้าเตย…เอ๊ย..เจ้าเอยๆๆ ”
ลำจวนทิ้งตา ทำทีเป็นพูดผิดแล้วแก้เป็นมุกทะเล้น หันไปสบตาฮุนท้าทาย แล้วหันกลับมาทำ
ตาเล็กตาน้อยให้เตย ทำให้หญิงสาวถึงกับอายม้วน
บรรดาคนฟังปรบมือ บ้างตบเข่าฉาดๆ
คงแป๊ะแกล้งเอะอะโวยวาย
“ เฮ้ยๆ..เจ้าฮุน เอาตะพดให้ครูถี..จะตีหัวไอ้หนุ่มคนกล้าเสียหน่อย คนทั้งเมือง ไม่มีใครกล้าเกี้ยวหลานข้า ไอ้นี่มาถึงคืนแรกก็บุกหนักเลยเว้ย ”
ทุกคนยิ่งขำงอหาย
พัดรินสาโท ส่งให้ลำจวน เหมือนมอบรางวัลให้ เจ้าเฉกตัวดี ก็รับไปกระดกดื่มอีกอึกใหญ่
ฮุนอึ้ง หน้าบึ้ง แต่เขาเองก็บอกไม่ถูกว่าทำไม จึงไม่ชอบใจในสิ่งที่ลำจวนกระทำลงไป..ทุกอย่าง!
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 59 : ไม่เคยง่าย
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 58 : ปะทะ
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 57 : ท่องราตรี
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 56 : โล่งไปที
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 55 : มีเพื่อนเล่นไม่เหมือนกับเพื่อนตาย
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 54 : โลกนอกแพ
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 53 : ใกล้ชิด
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 52 : ไม่คลาดคลา
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 50 : อุปสรรคยังไม่สิ้น
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 49 : สัญชาตญาณแม่
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 48 : ผู้รับใช้รอบทิศ
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 51 : เส้นรัก
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 47 : กตเวทิตา
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 46 : ระทึก
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 45 : ฟ้อนแคน
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 44 : คืนร้อน
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 43 : กรณีชิงศิษย์
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 42 : พระอภัยมณีเป็นเหตุ
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 41 : แผนสูง
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 40 : เส้นทางสร้างทำ
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 39 : วุ่นวายข้างวัง
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 38 : ถวิลทุกขวบค่ำเช้า หยุดได้ฉันใด
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 37 : ขมิ้นกับปูน
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 36 : ดวงเดือนเคลื่อนคล้อย
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 35 : แมวกับหนู
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 34 : ที่วัดโพธิ์
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 33 : ก้าวไปไม่กลับหลัง
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 32 : พบศพ
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 31 : คุณชาย
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 30 : เกิดใหม่
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 29 : บนแพคุณพุ่ม
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 28 : รอด..หรือไม่รอด
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 27 : หนี
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 26 : ดิ้นรน
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 25 : หิ่งห้อยรือจะแข่งแสงจันทรา
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 24 : คงแป๊ะผู้พลั้งมือ
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 23 : สิ้นหวัง
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 22 : ดับฝัน
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 21 : ไม่ยอมพราก
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 20 : พบแล้ว
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 19 : อ่อยเหยื่อ
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 18 : รูปโฉมโนมพรรณหาผิดไม่
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 17 : พระรอด
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 16 : เกิดเหตุ
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 15 : สาวงาม
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 14 : นายฮุนผู้เป็นที่ต้องการ
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 13 : สตรีต้นแบบ
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 12 : ชะตากรรม
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 11 : ลงมือเขียนภาพ
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 10 : เส้นทางของลูกสาว
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 9 : การประชัน
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 8 : ทะเยอทะยาน
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 7 : ลำจวนกับฮุน
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 6 : น้อยกับนวล
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 5 : สองครู
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 4 : เด็กหนุ่มผมเปีย
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 3 : เด็กหญิงผู้อยู่นอกวง..ทุกวง
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 2 : หลวงพี่บุญลือ
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 1 : ลำจวน