บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 50 : อุปสรรคยังไม่สิ้น

บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 50 : อุปสรรคยังไม่สิ้น

โดย : ปราณประมูล

Loading

บุษบาลุยไฟ โดย ปราณประมูล เรื่องราวของ ลำจวน หญิงสาวผู้ต่อสู้กับค่านิยมทางสังคมในยุค ร.3 เธอลุกขึ้นทำสิ่งที่คนในห่วงเวลานั้นไม่ทำกัน หนทางจึงไม่ได้ราบรื่น หากเต็มไปด้วยอุปสรรคและถ้าไม่ใช่เพราะแรงรักแรงใจที่หนุ่มจีนคนนั้น คงยากที่บุษบาดอกนี้จะไปสู่จุดหมาย ‘บุษบาลุยไฟ’ นวนิยายเรื่องเยี่ยมที่อ่านเอานำมาให้อ่านออนไลน์

 

๏ ทั้งสี่นางต่างคนเห็นเคืองขัดชุลีหัตถ์ปลอบประโลมนางโฉมศรี
แม่เหมือนจันทร์แจ่มฟ้าไม่ราคีจรลีอยู่พื้นโพยมมาน
อันชาติชายเหมือนกระต่ายที่ต่ำชาติสุดจะมาดที่จะมุ่งหมายสมาน
พี่พูดเล่นเป็นแต่คำให้สำราญขอประทานโทษเถิดพระเทพี
แล้วสี่นางต่างคนเข้าขับกล่อมเคียงถนอมนุชนางอยู่ข้างที่
บ้างร้องรับขับไม้มโหรีบ้างดีดสีส่งเสียงสำเนียงครวญ ฯ

หน้าสุดท้ายของหนังสือพระอภัยมณี ตอนศรีสุวรรณเข้าเมืองรมจักร ถูกคัดจบลงในที่สุด

เจ้าเฉกถอนใจ โล่งอก ดัดนิ้ว นวดมือไล่ความเมื่อยเหนื่อยล้า

คุณพุ่มเดินมา ก้มอ่าน ตรวจผลงาน

“แม่เหมือนจันทร์แจ่มฟ้าไม่ราคี  จรลีอยู่พื้นโพยมมาน

อันชาติชายเหมือนกระต่ายที่ต่ำชาติ  สุดจะมาดที่จะมุ่งหมายสมาน…”

เธออ่านออกเสียงดังฟังชัด เน้นหนักตรงคำที่ต้องการสื่อความ

เฉกเงยหน้ามอง เดาได้ทันที ว่าผู้มีพระคุณของเธอจะบอกสิ่งใด

“คัดจบเล่มสามแล้ว”

ผู้อาวุโสกว่าสีหน้าแน่วแน่

“เมื่อใดเจ้าจีนเมฆทองช่างเขียนจะมารับหนังสือ ถ้าเขาจักเอาเล่มต่อไปมาให้คัดอีก ก็บอกไป…ว่าเจ้ามีงานเต็มมือ ไม่รับทำอีกแล้ว ข้าจักฝากคนของท่านเจ้าคุณพ่อ ให้เจ้าเข้าไปช่วยคัดเอกสารงานกรมพระคลังมหาสมบัติในพระบรมมหาราชวัง”

เฉกใจแป้ว…แสงในแพหม่นวูบลง ดุจเมฆมาบังแสงตะวันฉับพลัน

“คืนที่เจ้าไปบ้านช่างเขียนกับท่านภู่ อ้ายหมายบอกว่า ที่แท้คือบ้านท่านคงแป๊ะ คงแป๊ะ ผู้ร่วมเขียนผนังวัดสุวรรณาราม”

คุณพุ่มนั่งลง เผชิญหน้าเด็กในปกครองตรงๆ

“แล้ว…คุณหลวงท่านจักมิรู้จักเจ้าลำจวนดอกรือ”

ลำจวนในคราบเฉกทบทวน

“คุณหลวงเสนีย์บริรักษ์เคยเห็น…นางลำจวน…ครั้งยังเด็ก…ยังไม่โกนจุก…เมื่อโตแล้ว…มิได้พบกันอีกขอรับ”

“เฉกเอ๋ย ฟากข้างโน้น…”

คุณพุ่มยิ้มสมเพช ส่ายหน้า

“ทางที่ดีเจ้าไม่ควรไปทั้งละแวกบางกอกน้อยแลบางหลวง บางยี่ขัน รวมทั้งบางบำหรุ”

เจ้าลำจวนร่ำร้องรันทดท้อ

“กระผมไม่แตกต่างไปเลยรือขอรับ กระผมไม่ดูเป็นชายแท้ๆ ดอกรือขอรับ”

“คนไม่เคยพบเห็นลำจวนเลย ก็อาจจะเชื่อว่าเจ้าเป็นชายอยู่ แต่คนที่คุ้นเคยกันน่ะซี ที่ต้องคอยหลีกลี้ให้ไกล”

ลำจวนคอตก

“ขอรับ”

“เจ้าผมเปียเมฆทอง…ก็เป็นผู้หนึ่งที่เคยใกล้ชิดลำจวน เขาจักจำเจ้ามิได้จริงรือ ข้ายังขัดข้องใจนัก”

ลำจวนนิ่ง หลบตาต่ำ

“อ้ายหมายบอกว่าเขาเป็นศิษย์คงแป๊ะ แลเขาอาสามาส่งพวกเจ้าที่นี่ในคืนนั้น…เหตุใดเรื่องเหล่านี้ เจ้าจึงไม่แพร่งพรายแก่ข้า…”

ลำจวนหน้าแดง ตอบไม่ได้ด้วยอายใจ

คุณพุ่มจ้องอย่างเอาเรื่อง แล้วกลับผ่อนคลายสายป่านลง

“เอาเถิด ข้าไม่คาดคั้น แลเจ้าไม่ต้องตอบหากไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร แต่ข้าเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้เจ้าก็รู้กันอยู่แก่ใจกับเขา”

ลำจวนก้มหน้าตลอดเวลา เป็นอาการของเด็กที่ถูกจับได้และยอมจำนนสิ้นเชิง

คุณพุ่มอนาถใจ สมเพช จนต้องเปลี่ยนอิริยาบถ โดยหันไปหยิบหมากมากิน

“เอาละๆ ในเมื่อทำงานรับจ้างนายเมฆเขาเสร็จแล้ว เจ้าก็รีบๆ ไปอ่านเรื่องระเด่นลันไดได้แล้ว พระอภัยมณีนั้นก็ดี…เรื่องหัวคิดแปลกใหม่เฟื่องฝันอัศจรรย์นัก บทกลอนรักหวานซึ้งคมคายพาใจให้เคลิ้มคล้อยล่องลอยไกล แต่อ่านมากก็จักละเมอเพ้อพกมากไป ข้าอยากให้เจ้ามองเห็นกว้างแลลึก…ในอีกด้านนึงด้วย”

ลำจวนเงียบกริบ ตระหนักในความปรารถนาดีที่หาใดเทียม

 

ล่วงเข้าเวลาดึกแล้ว เมื่อไห่ ซาน และแช ที่แต่ละคนมีสภาพถลอกปอกเปิกช้ำม่วงบวมปูดพอหลงเหลือให้มองเห็น มาโผล่ๆ ผลุบๆ แอบดูที่หลังศาลเจ้า

ร่างสูงใหญ่ของฮุนเดินกระย่องกระแย่งถือตะเกียงออกมา ทำเงาเหมือนผีสูงโย่งเย่งบนฝาผนังปูน เขาเอาตะเกียงแขวนที่นอกชาน แล้วตักน้ำในตุ่มลายมังกรมาบ้วนปาก ล้างหน้า

เมื่อสามหนุ่มจีนเห็นเพื่อนยังปลอดภัยดีก็ดีใจ กำลังจะพากันเดินออกไปจากเงามืด

ขณะนั้นเอง อาเหมยโบตั๋นเดินออกมาจากห้องด้านใน หยิบผ้าสำหรับเช็ดหน้าเนื้อตัว และเสื้อกางเกงใหม่มาให้ฮุน ทำให้ทั้งสามสหายห้ามฝีเท้าไม่ทัน แทบชนกันระเนระนาด

“อาฮุนมีเมีย!”

ไห่คราง

“เมียสวยยังกะนางฟ้า…”

ซานเพ้อ

“…อั๊วเคยเห็นหน้าอีที่ไหนหว่า…”

แชตงิดๆ

กงกลับเดินตามออกมา ตรงเข้าไปแย่งเสื้อจากมือเหมยที่กำลังคลี่กางออกจะสวมให้ฮุน เอามาเป็นธุระเสียเอง พลางบอกเสียงเด็ดขาด

“อาเหมย…ยามสี่แล้ว ลื้อกลับไปเถอะ…กลับดึกๆ อันตรายนัก”

สามจีนหนุ่มมองกัน ถอนใจโล่งอก ค่อยๆ โผล่ไป

“กง”

ซานทำเสียงอ่อนเสียงหวาน

ทั้งสามยกมือคารวะกงและพากันโค้งต่ำ

“อาฮุน ลื้อหายดีแล้วหนา”

แชเข้ามาลูบไล้เพื่อน

“พวกอั๊วมีของกินมาฝาก”

ไห่ชูพวงปลาน้ำจืดตากแห้งร้อยด้วยเส้นตอกไม้ไผ่ให้ดู

อาเหมยจ้องทั้งสามคนเต็มตา ปรี่เข้ามายืนเท้าสะเอว เล่นงานทันที

“นี่น่ะหรือ สหายที่อาฮุนเสี่ยงชีวิตไปช่วยมาจากโรงยาไอ้เจ้าสัวเม้ง”

สามหนุ่มเลิ่กลั่ก

หญิงสาวมองไปเห็นไม้กวาดทางมะพร้าววางพิงอยู่ริมผนัง ปราดไปฉวยขึ้นมา แล้วพุ่งเข้ากวัดไกวตีหวดทั้งสามคนงานจากอู่เรือกำปั่นบางคอแหลมอย่างสุดแรง ฟาดซ้าย ป่ายขวาไม่ยั้ง

“ไอ้พวกใฝ่ต่ำ ไม่รักดี มักง่าย ชั่ว ไม่มีสำนึก ไม่รักตัวเอง ไม่รู้อาฮุนจะเป็นห่วงเป็นใยไปลากพวกลื้อออกมาทำไม น่าจะปล่อยให้ติดฝิ่นจนตายเป็นซากศพไปเลย”

แชปัดป้องพลาง ถอยพลาง

“โอ๊ยๆ”

ไห่วิ่งแอบหลังฮุน

“อาฮุน ช่วยด้วย!”

ซานนั่งคุกเข่าลง ไหว้ปลกๆ

“แม่จ๋า อั๊วผิดไปแล้ว”

อาเหมย โยนไม้กวาดใส่หน้าพวกผู้ชายอย่างเกรี้ยวกราด

“ลื้อต้องซมซานมาจากบ้านเกิดเมืองนอนเพราะลำบากยากจน สู้ข้ามน้ำข้ามทะเลมาจนถึงแผ่นดินนี้ได้ แทนที่จะตั้งใจสร้างเนื้อสร้างตัวให้เจริญ ได้ลืมตาอ้าปาก แต่กลับมาเป็นทาสฝิ่น เอาเงินไปให้ไอ้เม้งมันรวย แต่ตัวเองทั้งจนทั้งขี้โรค แบบนี้ไม่รู้ว่าด่าว่าควายจะสมควรไหม เพราะควายมันยังมีประโยชน์มากกว่า”

ทั้งสามหนุ่มสลด

“อั๊วรู้…แต่ว่าอั๊วเหนื่อย พอได้ฝิ่น ความปวดเมื่อยก็คลาย ที่เหนื่อยก็หาย”

ซานเหมือนจะร้องไห้ออกมา

“ลื้อไม่รู้ดอก ว่าหลังจากทำงานแต่ละวัน อั๊วหดหู่ ห่อเหี่ยว ทั้งเหงา ทั้งท้อใจแค่ไหน ความหวังจะรวย จะลืมตาอ้าปากได้ มันรางเลือน มันห่างไกลเกินไป ฝิ่นเท่านั้น เป็นความสุขอันเดียว ที่อั๊วจะพอ

หาได้”

ไห่อุทธรณ์

“อั๊วก็ไม่อยากจะเอาเงินไปซื้อฝิ่นดอก แต่ฝิ่นมันทำให้อั๊วลืมความเศร้า ไม่เช่นนั้น ทุกวัน อั๊วก็มีแต่อยากกลับบ้าน ถึงที่หมู่บ้านจะอดอยาก ไม่มีอะไรกิน แต่อั๊วก็ฝันถึงทุกคืน พอตื่นมา ไม่ใช่บ้าน มีแต่คนอื่น มันทรมานใจมาก พอได้ฝิ่น มันก็พอจะช่วยให้มีอะไรเพลิดเพลินใจบ้าง”

แชมองหน้าเหมย สบตาจริงจัง

เหมยถึงแก่พูดไม่ออก ลึกๆ ทำไมเธอจะไม่เข้าใจสิ่งที่ทุกคนประสบ

กงมองสมเพช เช่นเดียวกับฮุนที่สงสารเพื่อนจนลืมเจ็บตัวไปหมดสิ้น

 

หลายวันต่อมาที่อู่ต่อเรือกำปั่นบางคอแหลม ทนายพดที่โก้ด้วยการแต่งเสื้ออย่างสากลทับบนโจงกระเบนได้อย่างน่าดู กับมาเนเจอร์ชาวต่างชาติที่มีทั้งความเป็นแขกและฝรั่งปน กำลังอบรมคนงานที่นั่งฟังกันแน่นอยู่ในโรงอาหาร

“ราชวงศ์ชิงของจีน ควบคุมไม่ให้พวกอังกฤษเข้าไปซื้อขายอย่างอิสระตามใจชอบ อังกฤษขาดทุน จึงเอาฝิ่นเข้าไปขาย ตั้งแต่นั้นมา พวกเขาก็ได้กำไรมากมาย เพราะราษฎรจีนพากันติดฝิ่นงอมแงม”

ทนายพดใช้คำง่ายๆ ให้พวกคนงานเข้าใจ

มาเนเจอร์ที่พูดไทยด้วยสำเนียงฝรั่งช่วยเสริม

“ในอังกฤษ สกอตแลนด์และไอร์แลนด์ ฝิ่นคือสิ่งผิด อังกฤษดูแลราษฎรของตนอย่างดีให้พ้นภัยฝิ่น แต่พวกเขากลับส่งฝิ่น เป็นยาพิษ ออกไปให้คนจีน”

“พวกอังกฤษอยากจะค้าขายฝิ่น พอเราไม่ยอม พวกเขาก็ลักลอบซุกซ่อนเอาเข้ามา ใช้พวกจีนที่เห็นแก่เงินเป็นเครื่องมือ ขนฝิ่นเข้ามาทางสำเภาแลแอบเปิดโรงฝิ่นลับๆ อยู่ทั่ว”

ทนายพดเล่าความที่ทุกคนก็เห็นประจักษ์ตาทั่วกันอยู่

“จีนยิ่งใหญ่นักหนา บัดนี้ ยังง่อนแง่นเจียนจักเป็นเมืองขึ้นอังกฤษอยู่แล้ว เพราะฝิ่น จงพึงรู้ว่าพวกเราจักข้องเกี่ยวกับฝิ่นไม่ได้เด็ดขาด แต่นี้ไป หากจับได้ ว่าใครค้าใครเสพ จักถูกริบอัฐ ไล่ออก แลขึ้นทะเบียนจดจำไว้ว่าเป็นบุคคลต้องห้ามจากกิจการทุกอย่างของท่านเจ้าคุณคลังแลหลวงสิทธิ์นายเวรบุตรท่าน”

มาเนเจอร์สำทับเฉียบขาด

เหล่าคนงานมองกันไปมา หน้าตาตื่น

“โรงยาฝิ่นเป็นที่ๆ มีพวกนักเลง คนโหดร้าย ฆาตกรฆ่าคนมั่วสุมกันอยู่เป็นอันมาก”

ทนายพจน์ว่าพลางก็หันไปพยักเรียกใครบางคน ที่เก็บตัวอยู่ด้านหลัง

“อาฮุน…เข้าไปในโรงยาฝิ่นเพื่อพาพรรคพวกออกมา ถูกพวกนักเลงคุมโรงยาฝิ่น เลี้ยะพะเอาจนบาดเจ็บหนักมาก”

ฮุนที่มีร่องรอยบอบช้ำบนใบหน้าซึ่งทนายพดลงความเห็นว่า ‘กำลังดี’ เหมาะแก่การแสดงอวดได้ เดินออกมา ตามที่บรรดานายๆ นัดแนะกันไว้

ทนายพดเข้ามาโอบบ่าฮุน พามากลางวง และพยักเรียกอีกสามคน คือไห่ ซาน แชที่ทุกคนยังมีร่องรอยถูกทำร้ายให้ตามออกมาสมทบตรงหน้า ทำเอาบรรดาเพื่อนรวมงานฮือฮา บ้างลุกขึ้น ชะเง้อชะแง้ดูกัน

“ดูเอาเถิด กว่าจะรอดตายมาได้ คนห้าวหาญอย่างพวกมัน ยังสะบักสะบอมถึงเพียงนี้ นี่เพิ่งฟื้นลุกมาได้ ใครอยากรู้ถึงความชั่วร้ายของโรงยาฝิ่น ให้พูดคุยถามไถ่อาฮุน อาไห่ อาซาน อาแชดูได้ ว่ามันเป็นแหล่งอันทุกคนควรหลีกให้ไกลอย่างไร”

“หากมีใครไม่ฟัง วันใดนครบาลไปกวาดล้างแลบังเอิญมีใครถูกจับไปลงโทษทัณฑ์ ก็ขอให้รู้ไว้ ว่าทางเราจักไม่เข้าไปแทรกแซงช่วยเหลือใดๆ ปล่อยให้จำขื่อคาถูกเฆี่ยนตายไป อย่างหมาข้างถนนนั่นแหล”

มาเนเจอร์ประกาศกร้าว

 

เมฆทะมึนเคลื่อนมาบังจันทร์เสี้ยวในคืนโจโรฤกษ์ ซึ่งแปลว่าฤกษ์ยามที่เหมาะสมสำหรับพวกโจร ผู้ปล้น ผู้ลักขโมย นักเลง ผู้ใช้กำลัง ผู้ทำลายล้าง ผู้กล้าหาญ ผู้มีอำนาจ ผู้ว่องไว มีพระอังคารเป็นผู้รักษาฤกษ์ เป็นฤกษ์ที่เหมาะสำหรับใช้ในการปล้นค่ายจู่โจมโดยฉับพลัน บีบบังคับ ปราบปราม การแย่งอำนาจและผลประโยชน์ การปฏิวัติรัฐประหาร งานของเจ้าหน้าที่บ้านเมืองใช้กำลังจับกุม บีบบังคับ ขู่ ข่มขวัญ

บรรดาคุณชาย เจ้าสัวร่ำรวย นอนสูบฝิ่นซึมเซากันอยู่ในโรงฝิ่นหรูหรา ใต้แสงโคมพร่างพร่ารุบหรู่

พลัน หัวหมื่นโชคนำเหล่านครบาลบุกผ่านประตูแขวนม่านลูกปัดแก้วแพรวพราวเข้ามา สายม่านถูกกระชากขาด ลูกปัดร่วงกราวกระเด็นกระดอนกระจัดกระจาย นักเลงคุมโรงฝิ่นโผล่มาขวาง ส่งเสียงตวาดเอะอะโหวกเหวก ทำให้บรรดาขี้ยาชั้นสูงในชุดแพรชุดไหมตกใจเสียขวัญ ลุกวิ่งหนีเจ้าหน้าที่กันแตกตื่นหลงทิศหลงทางวนเวียนวุ่นวาย

ส่วนหัวหมื่นเดช พาลูกน้องเข้าโจมตีโรงฝิ่นสำหรับพวกยาจก เหล่าขี้ยาคนใช้แรงงานก่อสร้าง และจับกังแบกหามตามท่าเรือ สารรูปซอมซ่อมอซอ วิ่งหนีกระจัดกระจายกระเซอะกระเซิง

ทั้งพวกนักเลง แมงดา คนขี้ยา พากันเตลิดเปิดเปิงหนีนครบาลออกจากโรงฝิ่นที่อยู่ในละแวกเดียวกัน พากันวิ่งออกปากตรอก ที่แขวนโคมแดงเป็นทิวแถว

เจ้าคุณอินทรา มีหัวหมื่นรวยกับนพ อารักขาซ้ายขวา กับเจ้าหน้าที่อีกจำนวนหนึ่งระวังหลัง เดินเรียงหน้ากระดานอย่างองอาจ กระจายตัวเป็นแผงปีกกาปิดตรอก เคลื่อนสยายเข้ามาเงียบและเร็ว น่าเกรงขาม ยากที่ใครจะเล็ดลอดไปได้

พวกที่วิ่งหนีจะออกไป เผชิญหน้ากับคณะเจ้าคุณนครบาลไม่คาดคิด พากันหันหลัง วิ่งกลับทางเก่า เหล่าเจ้าหน้าที่จึงพากันฮือวิ่งตามไล่ล่า

ท่านเจ้าคุณเดินตามไปช้าๆ อย่างสุขุม พร้อมรวยและนพ มีนครบาลระดับมือสังหารอีกสองนายด้านหลัง

ทันใด มีเสียงเปรี้ยงดังมาจากถนน ทำให้เจ้าคุณอินทราต้องเหลียวกลับไปดู

นครบาลมือฉกาจนายหนึ่งที่ควบคุมรั้งท้ายถูกกระสุนปืนทะลุหลัง ล้มลงตายต่อหน้านาย

ในแสงไฟโคมแดงจากเสาที่เรียงเป็นแถว นายเม้งหน้าปรุ เจ้าของที่ดิน บ่อน ซ่อง โรงฝิ่นทั้งย่าน ยืนจังก้า ถือปืนอยู่ห่างจากมือปราบผู้เคราะห์ร้าย ในระยะเผาขน

เจ้าคุณอินทรายืนประจันกับมันในระยะไม่ถึงสี่วา

นพขนหัวลุกชัน เมื่อมองเห็นปืนในมือที่นายเม้งชักกระบอกใหม่ออกมา

นายเม้งพกปืนในเข็มขัดปืนรอบเอว สอง สามกระบอกรอบตัว สวมเสื้อผ้าอย่างจีนเจ้าสัว ใบหน้าแววตาเยือกเย็นเหมือนตาสัตว์ป่า

เจ้าคุณกับนายเม้งประสานตากัน

นายเม้งกำลังขึ้นไกปืนกระบอกที่สอง

นพเหลือกตาหาที่เผ่น เช่นเดียวกับหัวหมื่นรวย

ไม่คาดว่าท่านเจ้าคุณนครบาลจะชิงลงมือไวกว่านายเม้งทันลั่นไก ท่านตวัดดาบ ขณะพุ่งเข้าไปฟันข้อมือนายเม้งฉับ ในพริบตา พลันมือที่ถือปืนของนายเม้งขาดกระเด็น เลือดพุ่งกระฉูดเป็นน้ำ

ร่างนายเม้งถูกพลังขุมใหญ่ปะทะกระแทกจนล้มหงายหลัง มองดูมือตนที่ยังถือปืนแน่นตกลงบนพื้นถนนต่อหน้า อย่างไม่เชื่อสายตา

พลัน มันสลบหมดสติลงทันที

ท่านเจ้าคุณเดินเข้าไป เอาปลายดาบเขี่ยสำรวจตัวเม้ง พบว่ายังมีปืนที่พร้อมยิงอีกสองกระบอกที่เอว

นพ รวย และคนอื่นๆ ตรงนั้น ต่างตะลึงมองเจ้าคุณนครบาลด้วยความคารวะเจือหวาดสยอง

 

“อาเม้งตายแล้ว”

อาเหมยโบตั๋นวิ่งหน้าตาตื่น ผ่านศาลเจ้ามาราวพายุ เข้ามาส่งข่าวละล่ำละลัก

ฮุน แช ไห่ ซาน ที่กำลังนั่งกินข้าวต้มกับปลาเกลือกันเอร็ดอร่อย ต่างผงะ บ้างตะเกียบคาปาก

“เจ้าของโรงยาฝิ่นที่ไล่ยิงอั๊วรือ”

ฮุนไม่อยากเชื่อ

“ใช่ ท่านเจ้าคุณอินทราฟันมือขาด ทั้งมือยังถือปืน เลือดออกหมดตัวตายคาตรอก มันพกปืนฝรั่งถึงสามสี่กระบอก ราคาแพงราวกับเรือสำเภาทั้งลำ แต่ก็แพ้ดาบเหล็กน้ำพี้เพียงเล่มเดียวของเจ้าคุณท่าน”

อาเหมยถ่ายทอดละเอียดลออราวเห็นกับตา

ทุกคนหยุดกิน เงียบกริบ

“เมื่อคืน…นครบาลเขาบุกล้างตรอกเจ้าสัวเม้ง จับพวกลักลอบเปิดโรงยาฝิ่น พวกขี้ยาโดนรวบไปหลาย”

เธอมองหน้าไห่ ซาน แช เหยียดๆ

“พวกลื้อควรกราบตีนอาฮุน เขามีบุญคุณปานใด ด้วยหากเขาปล่อยเจ้าไว้ตามยถากรรม ไม่ไปลากพวกลื้อออกมาแต่ครานั้น ก็คงไม่วายไปเมางอมแงมทุกวันคืน ป่านนี้ คงถูกจำขื่อคาแลโดนเฆี่ยนหลังขาดไปแล้ว”

หญิงสาวขยี้ย้ำซ้ำเติมสามหนุ่มขี้ยา

หารู้ไม่ว่าคนที่ขนพองสยองเกล้าที่สุด กลับเป็นฮุน

 

ที่ใต้หลังคาแพ คุณพุ่ม คุณเฉก นายหมายและนางทองใบ กำลังช่วยกันทำความสะอาด พอเอาไม้พานหยากไย่กระทุ้ง แผงเพดานที่เป็นตับหญ้าคาเก่าที่เกาะกันเป็นปึก กลายเป็นแอ่งมีน้ำที่ขังอยู่ ทะลุไหลหล่นโครมซ่าลงมาเต็มพื้น พร้อมตับคาที่ฉีกหักหลุดร่วงตามลงมาทั้งกระบิ

“ว้ายๆ”

คุณเฉกร้อง ขณะกระโดดหนี ทำให้พวกบ่าวที่ช่วยกันอยู่หันมองพรึ่บ

นางทองใบหัวเราะหัวใคร่

“คุณเฉกร้องราวกับผู้หญิงนั่นแน่ะ!”

นายหมายรีบเก็บกวาดพลางอธิบายเสียงดัง

“ตับหญ้านี้หักยุบเป็นแอ่งอยู่ น้ำฝนจึงตกมาค้างหนักเข้าๆ มันทนไม่ไหว จึงถล่มลงมาเช่นนี้”

คุณพุ่มกับนางเต็ม ที่นั่งทำความสะอาดภาชนะเครื่องกระเบื้องอยู่ที่ห้องด้านใน พากันลุกมาดู

“มีตับคาเหลือๆ เก็บไว้ไหม”

“มีเก็บอยู่ที่ใต้ถุนเรือนท่านเจ้าคุณขอรับ”

ขณะนั้น มีเสียงคนเอาเรือมาจอดเทียบหน้าแพ

“ใครมา…”

คุณพุ่มขยับจะเดินออกไปดูเอง พอดีคนที่ก้าวเข้ามากลับเป็นเจ้าหนุ่มจีนร่างสูงใหญ่เจ้าเก่า

ฮุนไหว้ทุกคนนอบน้อม พอเขาเงยหน้ามา ทุกคนมองเห็นถนัดก็กลับชะงัก เพราะหน้าเขายังมีร่องรอยหางคิ้วที่แตกปูดบวมอยู่ ริมฝีปากมีแผลแตกเผยอกำลังตกสะเก็ดแห้ง แต้มยาเหลืองไว้เป็นที่สังเกต

คุณเฉกลำจวนนั้นตกใจ ห่วงใยแต่พยายามเก็บนิ่งไว้

ทว่ามือฮุนนั้นแข็งแรง ชำนิชำนาญ และร่างกายเขายามไต่กระไดลิงขึ้นไปเปลี่ยนตับคานั้นคล่องแคล่วว่องไวยิ่ง

ชายหนุ่มนั่งคร่อม ซ่อมหลังคา มีนายหมายยืนช่วยส่งเส้นเชือกตอกไม้ไผ่ ส่งให้เขาเป็นคนสอดสานมัดยึดสันแผงตับหญ้าใหม่เข้ากลมกลืนแนบเนียนกับตับเดิมๆ ได้เป็นเนื้อเดียว

นางทองใบเก็บกวาดฝุ่นผงเศษหญ้าที่ร่วงเกลื่อนพื้นอยู่ และเช็ดถูน้ำที่แฉะนอง

คุณพุ่มยืนไพล่หลังเงยดูเฉพาะฮุน ครุ่นคิด

คุณเฉกกับแม่เต็มเข้าไปช่วยกันเอาสมุดไทยเรื่องพระอภัยมณีทั้งหมด ทั้งต้นฉบับและสมุดเล่มใหม่ที่คัดลอกเสร็จแล้ว เรียงซ้อนอย่างเป็นระเบียบ เอาผ้าห่อชั้นหนึ่งก่อน ไม่ให้กระจัดกระจาย แล้วแม่เต็มกางถุงย่ามออก เฉกวางสมุดทั้งหมดใส่ลงไป

แต่เมื่อเฉกเดินออกมาเห็นว่าฮุนกำลังทำงานซ่อมหลังคาเรือนแพให้คุณพุ่มอยู่ ก็ถึงกับมองอย่างชื่นชมผสมทึ่ง

ทว่าคุณอาพุ่มรีบเข้ามาขวาง กระซิบเสียงเคร่ง

“ช่างเขียนที่ไหนเขาจะชอบตีรันฟันแทง เท่าที่ฉันรู้จัก มีแต่คนจิตใจเยือกเย็น ละเอียดอ่อน สุขุม นุ่มนวล เช่นนี้เห็นทีจะเป็นคนโกหกหลอกลวงกระมัง”

ฮุนปีนลงมาพอดี ได้ยินคำท้ายๆ ถึงหน้าเจื่อน

เฉกสบตาชายจีน หน้าซีดจ๋อยลงไปด้วยกัน

คุณพุ่มเห็นสีหน้าหลานกำมะลอ รีบหันไปเจอหน้าฮุนที่มองสบตาสื่อสารความนัยกันอยู่ จึงเขม็งตาดุใส่ ทำให้เจ้าหนุ่มผมเปียรีบทรุดลง นั่งบนพื้น พนมมือไหว้

“คนบางจำพวก…ไม่ได้ไปเที่ยวเสาะหาเรื่องต่อยตี แต่เรื่องต่อยตี กลับเสาะหาเขา…ก็มีนะขอรับ”

เจ้าลำจวนในตัวคุณเฉกแย้งเสียงเกรง

“นี่เจ้าแก้ตัวให้มันรือ เจ้าเฉก! หน็อยแน่…ทำมาสำบัดสำนวน”

คุณพุ่มถึงกับค้อนหลานชายด้วยหมั่นไส้เกินทน

เจ้าหนุ่มหน้างามซีดเศร้า คุกเข่าลง

“มิได้ขอรับคุณอา…บางที…ก็เป็นเพราะดวงชะตา…ที่คนเราเลี่ยงเคราะห์กรรมไม่ได้”

คุณพุ่มขัดใจ ในความไม่เชื่อฟังของเจ้าเด็กอ่อนต่อโลก

“ไหน เจ้าเมฆทอง ลองว่ามาถี ว่าดวงชะตาเจ้าทำให้เรื่องมันวิ่งมาหา รือสันดานเจ้าเอง มันเที่ยวไปเสาะหาเรื่อง”

นายหมายรีบสอดขึ้นซ้ำเติม เพื่อเอาใจนาย

“เอ็งเล่าว่า…ได้แผลเหล่านี้มาจากนักเลงโรงยาฝิ่นรือมิใช่”

คุณพุ่มหัวเราะเบาๆ

“เช่นนี้ เจ้าจะแก้ตัวว่าไปสูบฝิ่นกินกัญชาจนเกิดวิวาท เพราะถูกมิตรสหายร่วมกำพืดชักจูงไป เลยขัดเขาเสียไม่ได้ กระนั้นรือ เจ้าเมฆทอง…”

ว่าแล้วคุณพุ่มกับนางเต็มก็มองหน้ากัน หัวเราะน้อยๆ อย่างอนาถๆ

ส่วนเจ้าตัวคือฮุน ได้แต่กลืนน้ำลายอย่างแค้นคอ มองดูคุณเฉก ครั้นเห็นสายตาที่ส่งแรงใจมาช่วยอย่างเข้าข้างและพร้อมเชื่อคำเขาเต็มที่ ชายหนุ่มก็สงบใจลงได้ด้วยความเต็มตื้น

 



Don`t copy text!