บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 51 : เส้นรัก

บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 51 : เส้นรัก

โดย : ปราณประมูล

Loading

บุษบาลุยไฟ โดย ปราณประมูล เรื่องราวของ ลำจวน หญิงสาวผู้ต่อสู้กับค่านิยมทางสังคมในยุค ร.3 เธอลุกขึ้นทำสิ่งที่คนในห่วงเวลานั้นไม่ทำกัน หนทางจึงไม่ได้ราบรื่น หากเต็มไปด้วยอุปสรรคและถ้าไม่ใช่เพราะแรงรักแรงใจที่หนุ่มจีนคนนั้น คงยากที่บุษบาดอกนี้จะไปสู่จุดหมาย ‘บุษบาลุยไฟ’ นวนิยายเรื่องเยี่ยมที่อ่านเอานำมาให้อ่านออนไลน์

ฮุนสูดลมหายใจเต็มอก ร่างกายแข็งแกร่งฉันใด จิตใจก็บึกบึนห้าวหาญฉันนั้น ค่อยๆเจรจาอรรถาธิบายเหตุผลอย่างสุขุม

“ กระผม..ที่ไปโรงฝิ่น.. มิใช่เพื่อนชวนไป ”

คุณพุ่มยิ้มหยัน

“ เพื่อนไม่ได้ชวน แต่ชวนเพื่อน เช่นนั้นสิ ”

ผิวหน้าขาวตามเชื้อชาติของเจ้าหนุ่มชาวจีนผมเปียยาวแดงก่ำ เพราะเลือดสูบฉีดขึ้นมาซ่านบนใบหน้าด้วยถูกปรามาส

“ กระผมไปเพราะ..รับอาสานาย กระผมพูดได้เพียงนี้ มากกว่านี้มิอาจบอกได้ ”

คุณพุ่มหัวเราะเห็นขัน นางเต็ม นายหมาย ฮารับราวกับลูกคู่

“ นายที่ไหนอีกเล่า นายให้ไปทำสิ่งใด ให้ไปสืบความ อย่างเป็นทางลับกระนั้นรือ? ”

ฮุนจึงอดไม่ได้จริงๆ ที่จะแย้มพรายความจริง

“ นาย..ที่อู่ต่อเรือ..ใช้ผมให้ไปเอาตัวเพื่อนๆคนงานออกมาก่อนจะถึงคืนแรมสิบค่ำที่ผ่านมา เพื่อมิให้พวกจีนผูกปี้ใต้การปกครองของท่านต้องถูกนครบาลจับไปขอรับ ”

เฉกมองชายหนุ่มอย่างเชื่อมั่น

คุณพุ่มทำหน้าสมเพช ไม่รู้ว่าเอ็นดู หรือเหยียดเย้ย

“ โธ่เอ๋ย นายฮุนผู้น่าสงสาร อาสาเจ้าจนตัวตาย อาสานายจงพอแรง เป็นข้า มีหลายเจ้า เป็นบ่าว มีหลายนาย  มีทั้งอย่างลับ แลทั้งอย่างแจ้ง วิ่งพล่านไปรับใช้ผู้คนทั่วพระนคร  นี่ก็มาซ่อมหลังคาให้ข้าอีก ข้าจะนับเจ้าเป็นบ่าวข้าด้วยคน  คงจะได้สิหนา ”

ในที่สุดเฉกก็ส่งถุงผ้าที่ใส่สมุดไทยทั้งหมดให้ฮุน สายตาที่มองชายหนุ่มนั้น ฮุนอ่านไม่ออกเลย

“ เอ้า นิทานพระอภัยมณีที่ให้คัดลอกสามเล่ม สำเร็จลุล่วงแล้ว ”

ฮุนเปิดย่ามตน หยิบสมุดอีกสามเล่มมาวางแลก

“ นี่เล่มสี่ ห้า หก คุณเฉกกรุณารับคัดลอกต่อให้กระผมด้วย แล้วนี่ ”

ชายหนุ่มหยิบเม็ดเงินมานับ แล้วใส่ลงถุงผ้าเล็กๆ วางทับลงมา

“ ค้าจ้างครั้งที่แล้ว ”

ลำจวนเฉกอัดอั้นใจ

“ นายฮุนร่ำรวยเงินทองนักรือ..จึงคิดมาจ้างฉันคัดลอกหนังสือมากมาย ”

“ ผมก็มีเงินค่าจ้างในฐานะลูกมือของช่างหลวง แลมีค่าจ้างอื่นๆที่ผมวิ่งพล่านรับใช้เขาทั่วกรุง..จริงดังที่..คุณพุ่มกล่าว ”

น้ำเสียงน้อยเนื้อต่ำใจ

เจ้าเฉกส่ายหัว

“ เงินทองเป็นของมีค่า กว่าจะได้มาไม่ใช่ง่ายๆ เหตุไรไม่เก็บหอมรอมริบไว้ใช้ตามจำเป็นแก่ชีวิต เอามาจ้างคัดหนังสืออ่านเล่น มิใช่เรื่องของคนฐานะ..เอ้อ..”

“ ยากจนต่ำต้อย..”

ฮุนเติมคำ

ลำจวนหน้าเสีย

“ ฉันไม่ได้ดูถูกนายฮุน แต่นายฮุนไม่มีครอบครัว พ่อแม่พี่น้องให้ต้องเลี้ยงดูรือ เขาไม่ว่ารือ ที่เอาอัฐมาใช้อย่างฟุ่มเฟือย ”

“ อันใดคือฟุ่มเฟือย กระผมไม่กินเหล้าสูบยาเป็นอาจิณ ไม่กินหมาก ไม่เล่นเบี้ยเสียโป คนที่ชอบเล่นมีด เขาก็ซื้อมีด คนชอบเล่นไม้เท้า เขาก็ซื้อไม้เท้า คนชอบเครื่องถ้วย เสื้อผ้า เครื่องประดับ เขาก็หมกมุ่นซื้อของชอบของเขา ผมชอบ..”

ดวงตาเรียวคมกริบ ตวัดมองหน้าหญิงสาวในคราบชายเพียงวาบเดียว

“อะไร..ผมก็ยอมจ่ายเพื่อของชอบของผมบ้าง จะเป็นไร ”

คุณเฉกคนมีศักดิ์ก้มหน้า ซ่อนความเศร้าไว้

“ ฉัน..ฉันคงไม่อาจจะรับจ้างนายฮุนคัดหนังสือได้อีกดอก ”

ชายหนุ่มงงงัน

“ เพราะอะไร? ”

เขาพร้อมยอมรับความจริงทุกสิ่ง

“ ฉัน..ต้องไปช่วยคัดบาญชีของกรมพระคลังฯในวัง คงจักยุ่งเหยิง ไม่มีเวลาอีกแล้ว..”

หนุ่มจีนใจชื้น ด้วยเหตุผลของเธอมิใช่ตัดรอนสัมพันธ์

ลำจวนมองหน้าเขาอย่างเกรงใจ แต่ชายหนุ่มยิ้มออกมาได้

“ ไม่รับจ้างคัด คุณก็เอาไว้อ่านเถิด อ่านเสร็จยามใดก็บอก แล้วผมจะมารับคืนไป แลเอาเล่มใหม่มาให้อ่านเล่นต่อ ”

ลำจวนรับหนังสือและถุงเงินนั้นมา อ้ำอึ้ง หมดปัญญาจะทัดทาน

 

นายหมายและนางทองใบที่ทำหน้าที่ไม้กันหมา นั่งเฝ้ามองจากแต่ละมุมระเบียงด้านหน้า ทำกิจรดน้ำพรวนดินต้นไม้ในโอ่งอ่างกระถางต่างๆอยู่ห่างๆ ไม่ให้ ‘ หลานชายนาย ’ คลาดสายตา

เนตร บุตรชายคนโตของนายโรงสุ่น ศิษย์ครูทองอยู่รุ่นหลัง เป็นลูกท่านหลานเธอสองนาย เขียนภาพผนังพระอุโบสถจนเลยเที่ยง เมื่อตกลงกันว่าหิวแล้ว จึงเดินขึ้นศาลาการเปรียญ สวนกับพระภิกษุหลายรูปที่ฉันเพลเสร็จ ทั้งสามหยุดยืน ไหว้เคารพ รอพระผ่านไปก่อน

เนตรชงัก เมื่อเห็นจำปากับนางทิมช่วยกันจัดสำรับร่วมกับชาวบ้านชาวสวนละแวกคลองบางยี่ขัน อยู่ มีข้าวเหนียวเป็นกระติบๆ ปลาแม่น้ำนึ่ง น้ำพริกปลาร้าสับ ผักสดในสวนที่บ้าน แกงต้มเปอะแบบลาว และกล้วยต้มโรยมะพร้าวขูด เป็นของหวาน มาวางตั้งไว้เป็นวงๆ

“ มาแล้ว พวกช่างเขียน..มาจ้า มาๆๆ นิมนตร์ๆๆ ”

อุบาสิกาท่านหนึ่งเรียกหยอกๆ

เนตรชำเลืองมองมารดาเลี้ยงด้วยหางตา

“ แม่จำปาเอาข้าวเหนียวมารือ? ”

“ จ้ะ พ่อเนตร  พระวัดนี้และญาติโยมตรงนี้ก็ลาวทั้งนั้น ”

“ แต่ฉันไม่ใช่ลาว รับไม่ลงดอก เหม็นปลาร้า..”

นางทิมมองหน้านายหญิง แล้วรีบก้มหน้าต่ำ จัดวางถ้วยชามไป ไม่ต่อคำ

พอดีกับครูพุดเดินนำพวกศิษย์คงแป๊ะขึ้นมา

ช่างเขียนศิษย์คงแป๊ะคนที่สักขาเต็มและมักนุ่งผ้าหยักรั้งอวดขาลายดำทะมึนราวกับสวมกางเกง ซึ่งแท้จริงเขาเป็นลาวพุงขาวที่ถูกต้อนปะปนมากับเชลยเจ้าอนุวงศ์ครั้งสิบกว่าปีก่อนหน้านี้จากแถบบ้านหมากแข้ง(อุดรธานีปัจจุบัน)โน่น เอ่ยเสียงดังดีใจมาแต่ไกล

“ โอ๊ย..กลิ่นปลาร้าผู้ใดหอมแท้..น้ำลายแตกเฟียดๆละน้อ ”

เนตรหันมองขวับ

“ นั่นปะไร พวกบ้านเดียวกัน ฮ่ะๆๆ ไปนั่งเปิบด้วยกันทางโน้นหนา อย่ามาหยิบจับอะไรวงนี้ ”

เนตรหัวเราะนำขึ้น  พวกศิษย์ทองอยู่หัวเราะตามเอาใจ ทว่าเสียงอ่อย

ช่างเขียนหนุ่มผิวพรรณผู้ดีนายหนึ่ง ถึงกับกระซิบเพื่อน

“ แหม ผมก็อยากกินปลาร้าสับเหมือนกัน ”

ครูพุดแตะหลังศิษย์หนุ่มลาวพุงขาวไม่ให้ตอบโต้ บอกเสียงต่ำเบา

“ ไป..ไป  ไปนั่งอีกวงทางโน้น อย่าให้มีเรื่องราว ”

เนตรชะเง้อตามคณะคู่ประชันฝีมือ

“ เอ..ไม่เห็นหน้าศิษย์โปรดไว้ผมหางเปียของคุณหลวงเสนีย์ฯมาหลายวัน สงสัย จะเผ่นหนีคดีอันใดไปแล้วรือไม่ ”

จำปาได้ยิน ถอนใจหน่าย

ครูพุดส่งสายตาปรามให้ศิษย์ทุกคนเงียบปาก ทว่าเนตรได้ที ยิ่งกร่างข่ม เสียงขรมดัง

“ วันแรมสิบค่ำ ท่านเจ้าคุณไปปราบโรงฝิ่น ยิงไอ้เม้ง..หัวโจกนักเลงตายไปคนหนึ่ง มันลอบกัด ยิงคนของท่านข้างหลัง ไอ้พวกสันดานตลบตะแลง ไม่กล้าสู้ซึ่งหน้า ท่านเลยฟันเสียแขนขาด..มันพกปืนสามสี่กระบอก ก็ยังแพ้แก้คมดาบท่าน พวกขี้ยาจีนถูกลากคอไปจำขื่อคาเสียหลายคน รือจะมีช่างเขียนแถวนี้ติดร่างแห ถูกลากหางเปียไปกับเขาเสียแล้ว ”

คงแป๊ะเดินขึ้นมากับฮุนในจังหวะนั้นพอดี

เนตรหุบปากแทบไม่ทัน

คงแป๊ะมองหน้าเนตร ยิ้มอ่อนโยน

ท่านเดินเข้าไปหาพวกชาวบ้านที่มาช่วยเตรียมอาหาร เที่ยวไหว้ไปทั่ว ยิ้มกว้างขวาง พลางชะโงกดูอาหารในหม้อ ในถาดต่างๆ

“ น่ากินทุกสิ่งอัน ”

เจ้าศิษย์จีนผมเปีย ต้องพลอยเดินตาม ไหว้กราดไปด้วย

คงแป๊ะมาหยุดไหว้แม่จำปา

“ น้ำใจงามนักขอรับ ที่มาทำบุญแล้ว ยังเผื่อแผ่ทำทานให้พวกช่างด้วย ”

เหล่าญาติโยมยิ้มแย้มตอบคงแป๊ะ

ฮุนมองสบตา ทำความเคารพจำปาอย่างเต็มใจ

มารดาของลำจวนเพ่งมองชายหนุ่มด้วยดวงตามีนัยประหลาด ขณะที่ทิมมองพิจารณาที่มือชายหนุ่ม

กรณีเก่าเมื่อครั้งกระโน้น ที่ลำจวนลูกสาวคนเล็กของนายโรงสุ่นเป็นเหตุ ให้เนตรพี่ชายทำร้ายเด็กหนุ่มจีนศิษย์คงแป๊ะฐานที่มาลักลอบพบปะกันถึงกับมือหัก จนครูทองอยู่ทำโทษเนตรแรงถึงไล่ออก และลำจวนถูกกีดกันไม่ให้ไปเหยียบวัดทองอีกจนกว่าการเขียนผนังโบสถ์จะสำเร็จเสร็จสิ้น ยากที่คนบ้านนายสุ่นหรือคนละแวกคลองบางกอกน้อยจะลืมลง

ฮุนไหว้ทิมด้วย

ใจเขาอบอุ่นเบ่งบานขึ้น เหมือนรู้สึกแทนใจลำจวน ที่หาได้มีโอกาสเช่นนี้ไม่

คงแป๊ะเห็นวงข้าวพวกศิษย์ที่มาก่อน รีบเข้าไปร่วมสำรับ

“ บ๊ะ ปลาร้าสับ!..อยากกินมานานแล้ว หอมจริง! ”

แม่จำปาได้โอกาสเข้าไปนั่งคุกเข่า คุยข้างวง

“ อิฉันทำเองค่ะ ”

เนตรมองเขม็ง พานจะกินข้าวไม่ลง

พอดีครูทองอยู่เดินขึ้นศาลามา เนตรจึงรีบลุกไปรับ แย่งข้าวของจากเด็กๆติดตามครูมาถือเสียคนเดียว เจรจาพินอบพิเทาสนิทสนม

“ คุณหลวงรอตั้งสำรับใหม่ดีกว่า เฮ้ยเด็กๆ! รีบไปจัดสำรับข้าวเฉพาะคุณหลวงวิจิตรฯ ”

เขาออกอำนาจ สั่งเด็กรับใช้จากบ้านครู

“ ไม่ต้องๆ”

ท่านยกมือห้าม แล้วเดินไปนั่งลงรวมกับวงกับคณะศิษย์ มองสำรับ หยุดชะงัก สูดหา-กลิ่นที่ทำให้น้ำลายสอมาแต่ไกล

“ ข้าได้กลิ่นปลาร้า..? ”

“ อยู่ถึงโน่น กลิ่นมาถึงนี่ ”

เนตรบ่นเสียงข้องขุ่น

“ ไหน..? ”

ท่านครูมองหา

เนตรพยัก ทำหน้าเหยียดไปทางวงข้าวสำนักคงแป๊ะ

“ แล้วเหตุใดสำรับของคุณหลวงเสนีย์ฯมี..แต่เราไม่มี ”

ครูทองอยู่แคลงใจ

ทำให้ศิษย์บุตรผู้ดีมีตระกูล ที่จำทนสงบเสงี่ยม ยอมลงอยู่ใต้อำนาจเนตร  ดีใจ รีบลุก  กระตือรือร้น

“ เดี๋ยวกระผมไปนำมาขอรับ ”

“ อย่าลืมข้าวเหนียว หิวจนแสบท้องแล้ว เขียนเพลินไปหน่อย ท้องร้องจ๊อกทีเดียว ”

จำปาได้ยิน รีบลุกขึ้น ไปยกถ้วยมาวาง

“ ปลาร้าสับค่ะ ออกจะเผ็ดสักหน่อย ”

“ดีสิ ฉันชอบ ”

หลวงวิจิตรเจษฎาขยับตัว ยิ้มรับกระตือรือร้น

“ อิฉันมียอดมะกอก ฝักกระถินอ่อน แลผักแพวด้วยเจ้าค่ะ ”

“ ขอบพระเดชพระคุณมาก ขอผักแพวมากหน่อยหนา คุณนายจำปา ”

ครูทองอยู่เอ่ยนามอย่างสนิทสนม

พวกศิษย์คงแป๊ะมองหน้ากัน คิกๆคักๆ บางคนแอบชำเลืองดูเนตร ที่เงียบกริบ

บ่ายคล้อย.. แม่จำปากับนางทิมถือตะกร้าใส่ภาชนะหม้อ ถาดที่ใส่อาหารมา ซึ่งหมดเกลี้ยงและล้างสะอาดแล้ว  กำลังเดินจะไปลงเรือกลับบ้าน ครั้นเห็นฮุนกับสหายช่างเขียนยังช่วยกันล้างจานชามอยู่ที่ท่าน้ำเล็ก เธอก็ปรี่แวะเข้าไป

ทิมตกใจ

“ คุณนายเจ้าคะ..อย่าเลยค่ะ ”

“ ฉันใคร่ถามเขาสักคำ ”

ทิมมองซ้าย ขวา กลัว ‘ ใคร ’ ผ่านมาเห็น

ทว่าทันทีที่ฮุนรู้ตัว เขาเสก้มหน้าก้มตารีบร้อน ยกเข่งใหญ่ใส่ตั้งถ้วยชามจำนวนนึงที่ล้างแล้วและคว่ำเรียงทับกันขึ้นบ่า ลุกขึ้น เดินลิ่วมุ่งไปโรงครัว ด้วยไม่อยากจะให้มีการสนทนาใดๆระหว่างมารดาลำจวนกับเขาเกิดขึ้นได้

แม่จำปาไม่ย่อท้อ เธอวิ่งตามไปดักหน้า

“ พ่อคุณ..พ่อเคยพบ..ชายหนุ่ม..ที่เขาว่าละม้ายคล้ายแม่ลำจวนนัก ไปกับท่านอาลักษณ์สุนทรภู่ ที่เรือนคุณหลวงเสนีย์บริรักษ์รือไม่? ”

ทิมตามไปเพียงห่างๆ หายใจไม่ทั่วท้อง

ฮุนอึกอัก

“ กระผม..จำหน้าคุณหนูลำจวนไม่ค่อยชัดนักขอรับ ”

“ เขาว่ามีอยู่คนนึง..ว่ากลอนสักวา ด้นกลอนสดเก่ง”

แม่จำปาไม่ยอมแพ้

“ เอ้อ..พวกที่มากับท่านอาลักษณ์..ก็ว่ากลอนสดเก่งกันทุกคนขอรับ ”

ฮุนตอบสำรวมระวัง

เนตรและพวกพากันเดินลงบันไดมาเมื่อกินอิ่ม เรื่องล้างถ้วยล้างชามนั้น เป็นภาระของบ่าวคุณหลวงฯ

เนตรยังแง่งอนน้อยใจครูไม่หาย

“ กูว่ากูกลับไปนอนกระดิกตีนเล่นที่เรือนดีกว่า พวกมึงอยู่กันหลายคนแล้ว ท่านครูคงไม่มีอันใดจักใช้กูดอก ”

ทิมเห็นเนตร  รีบวิ่งสวนเข้าไปแกล้งชนเนตรเต็มแรง ปล่อยตะกร้าใส่หม้อ ใส่ถาดหล่นเพล้งพลั้ง

“ เฮ้ย!..”

เนตรเสียงดังราวฟ้าผ่า

“ ว้าย คุณเนตร ขออภัยเจ้าค่ะ บ่าวรีบไปหน่อย  บ่าวลืมสารภีเจ้าค่ะ ”

“สารภี!!”

เนตรงงไปครู่

“  นังบ้า! ”

ชายหนุ่มหัวเราะเยาะบ่าวลาวของแม่เลี้ยงสนั่นลั่นวัดอย่างชอบใจนัก ประจานออกมาอย่างดังที่สุด เท่าที่จะดังได้

“ ฟังดูก็รู้กำพืด  เขาเรียกทัพพี ทัพพีเว้ย..โอ๊ย..อย่าไปบอกผู้ใดเล่า ว่าเป็นบ่าวบ้านพ่อกู.. ขายหน้าเขาตาย! ”

นางทิมก้มหน้าเหมือนสลด แต่ที่แท้ยิ้มกระหยิ่ม วิธีจัดการกับเนตรนั้นไม่ยากเลย ภารกิจของนางทิมได้ผล อีกด้านนึง จำปารีบลัดเลาะหลบไปสู้ท่าเทียบเรือ

ส่วนฮุนถอยแอบหลังต้นไม้ใหญ่จากสายตาเนตร ที่เดินกางข้อใหญ่โตผ่านไป

ในใจของหนุ่มจีน สงสารมารดาของสตรีอันเป็นที่รักยิ่งนัก

 

หมื่นโชคเฆี่ยนจีนโรงฝิ่น เสียงร้องโหยหวนดังไปถึงบนบ้านเจ้าคุณนครบาล

ที่คุกปูน ใต้อาคารด้านหลัง มีจีนที่จำขื่อคาอยู่อีกหลายคน

หมื่นเดช หมื่นรวย และเจ้าหน้าที่นครบาลอื่นๆ เดินไปมา กระทำกิจต่างๆวุ่นวาย

เจ้าคุณเดินมาหยุดมองภาพการลงทัณฑ์พวกจีนที่ลานลึกเข้าไปทางหลังเรือน ชิงชัง รังเกียจ และเบื่อหน่ายเกินทน

ยามนี้ อารามที่กำลังบูรณะและได้เห็นความคืบหน้า เป็นสถานที่เพลิดเพลินที่เจ้าคุณอินทรามีไว้หย่อนใจ ท่านเดินเล่น ชมนกชมไม้ ตัดทะลุผ่านขนัดสวนไปเรื่อยๆ ผ่อนคลาย ไม่รีบร้อน ไม่นานก็ถึง

“ ที่จริง น่าจะประหารมันเสียให้หมดนะขอรับ ไอ้พวกค้าฝิ่นพวกนี้ เท่ากับเป็นศัตรูของแผ่นดิน ”

นพ พี่เขยผู้ฝากตัวมาเป็นสมุนคนสนิท ชวนคุย

“ หากในหลวงท่านไม่ห่วงว่าราษฎรจะมีโทษภัย  ยอมให้อังกฤษมันเอาฝิ่นเข้ามาขายตามสบาย  รู้ไหม ว่าพระคลังหลวงจะได้ภาษีมากมายมหาศาลเพียงไหน เพราะเจ้าฝิ่นนี้ปลูกไม่ได้ในบ้านเรา จึงเป็นของที่พวกมันคิดราคาได้ตามใจเมื่อกลายเป็นของผิดต้องลักลอบค้า หากทรงไม่ใส่พระทัยว่าผู้ใดจะติดก็ติดไป ลูกใครจะเป็นจะตายก็ช่าง ใครอยากตั้งโรงฝิ่น ก็มาขอเสียอากร ไอ้พวกมั่งมีด้วยลักลอบตั้งโรงฝิ่นเถื่อนเถื่อนก็จะหมดไป พระคลังมหาสมบัติจักรวยล้น แลเราก็ไม่ต้องมาเหนื่อยสู้รบตบมือกับไอ้พวกกากเดนเหล่านี้ ”

เจ้าคุณเอ่ยความในใจ

“ จับฝิ่นคราวนี้ ได้ตัวไอ้พวกตั่วเหียใหญ่ๆทั้งนั้น อย่างอ้ายเม้ง ถ้าไม่ใช่ท่านเจ้าคุณอินทรา ก็คงไม่มีผู้ใดปราบมันได้  กระผมยังติดตาอยู่แท้ๆ ภาพที่ท่านฟันมันแขนขาด อูย..คิดแล้ว ช่างน่าตื่นตาเร้าใจเป็นที่สุด ”

นพพยายามชูประเด็นที่คิดว่าเจ้าคุณได้ยินแล้วจะอารมณ์ดี

“ หากกูกลับฝันร้าย ในฝันมีแต่พวกจีนผมเปียเลือดท่วมตัวไหว้ร้องขอชีวิต ขอมาไหว้พระสักหน่อย คงจะพอทุเลา ”

ไม่ทันขาดคำ ประตูโบสถ์เปิดออกมา ฮุนอุ้มหีบไม้ใส่เครื่องไม้เครื่องมือเขียนภาพนำหน้า มีครูพุด หอบถาดใส่จานสีใช้แล้วที่จะนำไปล้าง ตามมาติดๆ

เจ้าคุณนครบาลกับชายจีนผมเปีย ประจันหน้าในระยะประชิด

เจ้าคุณมีอาการเหมือนจะสะอึก

“ แหม..พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มาขอรับ ”

นพกระเหี้ยนกระหือ

ฮุนรีบนั่งลงคุกเข่า วางข้าวของ พนมมือไหว้ที่กลางอก หลบตาลงต่ำ

ครูพุดอยู่เบื้องหลัง จำต้องนั่งลงไหว้ด้วย

“ จะกลับกันแล้วหรือ? ”

เจ้าคุณข่มใจ ไว้ไมตรี

“ ขอรับ เริ่มเย็นแล้ว มองไม่เห็นเส้นเห็นสีแล้วขอรับ ”

ครูพุดตอบ

“ จริงซี หมดแดดแล้ว..”

แต่แดดที่กลางแจ้ง ภายนอกโบสถ์ยังไม่หมด เมื่อท่านมองเห็นหน้าฮุนถนัด ก็ถึงกับคิ้วขมวด

“ นั่น..หน้าลื้อไปโดนอันใดมา? ”

“ รือต่อสู้ขัดขืนหลบหนีรอดมือนครบาลที่โรงฝิ่นมาเล่า ”

นพสุมไฟ

ฮุนก้มหน้าต่ำลงอีก

“ รู้รือไม่ ท่านเจ้าคุณเพิ่งฆ่าไอ้นักเลงโรงยาตายคาที่  ฟันแขนขาด ปืนไม่สู้ดาบท่าน ”

นพข่มขวัญ

“ อ้ายนพ ไปขู่มัน.. มันอาจจะเพียงไปต่อยตีแย่งผู้หญิงตามซ่องที่ไหนมาก็ได้ ”

“ อ๋อ..เช่นครูคงแป๊ะเคยพลั้งมือแทงคนตายเพราะแย่งชิงหญิงสามเพ็ง ครูอย่างไร ศิษย์อย่างนั้น ”

นพขยี้

ทำให้ฮุนเงยขึ้นมา จ้องหน้าพี่ชายของลำจวนอย่างไม่เหลือความเกรงใจ

“ เจ้าฮุน ไปโดนอันใด วานตอบให้หายข้องใจไปถี ”

เจ้าคุณอินทราคาดคั้น

ฮุนก้มหน้าลง ตอบเสียงเรียบ

“ ไม่มีอันใดดอกขอรับ ถูกหมาหมู่รุมกัดที่หลังวัดเมื่อสองสามวันก่อน พวกหมาวัดมันพาล ชอบรุมเสียด้วยขอรับ ”

เจ้าคุณผงะ แต่แล้ว กลับหัวเราะชอบใจ

“ อ้อ..หมามันคงเหม็นสาบกลิ่นกายพวกลื้อกระมัง หมามันได้กลิ่นพวกมันที่ถูกลื้อกินเข้าไป จึงโกรธแค้นรุมกัดนั่นเอง ไป..เจ้านพ..เข้าไปไหว้พระเสียหน่อยหน่อย กูรู้สึกบาปหนาเต็มที..ฆ่าไอ้พวกเศษสวะไปหลายคน..”

นพรีบกุลีกุจอ เปิดประตูโบสถ์จนกว้างออก น้อมกาย เชิญเจ้าคุณเดินเข้าไป

คล้อยหลังทั้งคู่ฮุนจึงลุกขึ้น พยายามข่มใจให้คลายโทสะทั้งๆที่ผิวหน้าร้อนแดง

“ ฮุน.. อันที่จริง ครูท่านไม่น่าให้ลื้อกลับมา เขียนภาพที่นี่เลย..”

ครูพุดบ่น

“ ให้มาพบเจอกันทุกวันนี่แลดี..กระผมจะได้มีแรงใจมากๆ..ที่จะกระทำหลายสิ่งให้สำเร็จขอรับ ”

ชายหนุ่มหมายมาด ทำให้ครูพุดยิ่งห่วงใยขึ้นอีก

 

 



Don`t copy text!