บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 52 : ไม่คลาดคลา

บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 52 : ไม่คลาดคลา

โดย : ปราณประมูล

Loading

บุษบาลุยไฟ โดย ปราณประมูล เรื่องราวของ ลำจวน หญิงสาวผู้ต่อสู้กับค่านิยมทางสังคมในยุค ร.3 เธอลุกขึ้นทำสิ่งที่คนในห่วงเวลานั้นไม่ทำกัน หนทางจึงไม่ได้ราบรื่น หากเต็มไปด้วยอุปสรรคและถ้าไม่ใช่เพราะแรงรักแรงใจที่หนุ่มจีนคนนั้น คงยากที่บุษบาดอกนี้จะไปสู่จุดหมาย ‘บุษบาลุยไฟ’ นวนิยายเรื่องเยี่ยมที่อ่านเอานำมาให้อ่านออนไลน์

แสงโคมไฟสว่างลอดมาจากหน้าต่างแพคุณพุ่ม

เสียงอ่านหนังสือสดใส ไพเราะ ชัดถ้อยชัดคำ มีจังหวะจะโคน เปี่ยมชีวิตชีวายิ่งนัก

มาจะกล่าวบทไป         ถึงระเด่นลันไดอนาถา

ในแพ  เจ้าเฉกน้อยหน้านวล นั่งข้างตะเกียง อ่านหนังสือให้ทุกคนฟัง

เสวยราชย์องค์เดียวเที่ยวรำภา    ตามตลาดเสาชิงช้าหน้าโบสถ์พราหมณ์

อยู่ปราสาทเสาคอดยอดด้วน       กำแพงแก้วแล้วล้วนแต่เรียวหนาม

คุณพุ่มนั่งเอนพิงหมอนอิง นางเต็มนั่งพัด  ด้านนึงนางทองใบนั่งฟังตาโตเป็นประกาย ที่ริมประตูหน้า นายหมายหัวเราะเอิ๊กอ๊ากรับทุกมุกก้าน

มีทหารหอนเห่าเฝ้าโมงยาม      คอยปราบปรามประจามิตรที่คิดร้าย

เที่ยวสีซอขอข้าวสารทุกบ้านช่อง            เป็นเสบียงเลี้ยงท้องของถวาย

ในความมืดข้างแพ เรือเข็มลำเล็กจอดเทียบเงียบกริบอยู่ในเงาดำ ฮุนนั่นเอง ที่ซุ่มแอบมองลอดจากทางหน้าต่างด้านข้างเข้าไปเห็นหญิงสาวในเครื่องแต่งกายเสื้อคอกลมกับโจงกระเบนเก่าอย่างบุรุษ ผมตัดสั้นเห็นท้ายทอยกลม หน้าผากสูงโหนก ผ่องกระจ่าง คิ้วเข้มโค้งไม่ตกแต่ง ขับรับกับดวงตาดำเจิดจ้า

เฉกลำจวนอ่านบทละครนั้น อย่างมีรสชาติสีสัน

ไม่มีใครชังชิงทั้งหญิงชาย       ต่างฝากกายฝากตัวกลัวบารมี

พอโพล้เพล้เวลาจะสายัณห์                 ยุงชุมสุมควันแล้วเข้าที่

บรรทมเหนือเสื่อลำแพนแท่นมณี            ภูมีซบเซาเมากัญชา

หน้าหนุ่มจีนมีความสุขและสนุกขำขัน  เช่นเดียวกับคนในแพ ที่หัวเราะกันครืนๆ

ครั้นรุ่งแสงสุริยันตะวันโด่ง                   โก้งโค้งลงในอ่างแล้วล้างหน้า

สมาชิกชาวแพคุณพุ่มฮารับไปกับกลอน

เสร็จเสวยข้าวตังกับหนังปลา                ลงสระสรงคงคาในท้องคลอง

ครั้นคุณเฉกถอนใจเฮือก ปิดสมุดลง ลุกขึ้นบิดขี้เกียจไปมา นายหมายก็ถึงกับโวยวาย

“ เอาอีกขอรับ เอาอีก! ”

“ ให้คุณเฉกเขาพักหน่อย เสียงแห้งหมดแล้ว ”

ทองใบทาส กลับกล้าค้อนควักบ่าวอาวุโส จากนั้นก็คลานไปรินนำจากคนโทดินเผาใส่จอกมาส่งให้นายหนุ่มอย่างเอาใจ

เฉกรับมาจิบ แล้วยิ้มหวาน

“ น้ำเย็นชื่นใจจริง ”

ทำเอาทาสสาวหน้าบาน

เฉกหันไปหาคุณอาสาว

“ ผมเข้าใจแล้วขอรับ ว่าเหตุไร คุณอาพุ่มจึงให้กระผมสลับมาอ่านของคุณครูท่านนี้บ้าง ”

ที่นอกแพ ฮุนหงายร่างลงนอน ตั้งใจฟังไปด้วยเพื่อเรียนรู้

“ เข้าใจว่าอย่างไร? ”

“ เข้าใจว่า..เป็นกลอนที่สนุก ขำ ตลกทุกบรรทัดเลยขอรับ ”

“ แต่อิฉันอยากฟังพระอภัยมณีมากกว่า อยากทราบเรื่องในถ้ำผีเสื้อสมุทรด้วย ว่าพระอภัยจะได้กับนางยักษ์อย่างไร แลฝ่ายศรีสุวรรณจะได้กับพระธิดาเมื่อใด”

นางเต็มบ่นอุบอิบ

“ อิฉันก็อยากทราบเจ้าค่ะ ว่าผู้ใดจะได้เสียกันอย่างไรบ้าง ”

ทองใบรีบสำนอง ทำตาหวานให้เฉก

“ เวลาคุณเฉกอ่านคำเจรจาพร่ำพรรณนาคำรัก ฟังแล้วมันฝังลึกเข้าไปถึงก้นใจเลยเจ้าค่ะ ”

แม้แต่ทาสแพนี้ ยังเจ้าสำบัดสำนวนนัก

“ กระผมว่า..สนุกคนละอย่าง แล้วแต่ว่าจะอยากเคลิ้มฝัน รืออยากตลกโปกฮา ”

คุณพุ่มหันมาที่หลานหนุ่ม

“ เมื่อกี้..เจ้าพูดว่า..ตลกทุกบรรทัด เจ้าคิดว่า เป็นเพราะเหตุใด? ”

เฉกพลิกสมุดไทย ทบทวน เอานิ้วจิ้มไล่

“ ตั้งแต่บาทแรกเลยขอรับ  ระเด่นลันไดอนาถา..ระเด่น คือเจ้าชาย เจ้าหญิงชวา..เหมือนเช่นบุษบา เช่นอิเหนา..แล้วแทนคำว่านาถา..แปลว่าที่พึ่ง ที่มักใช้ตามท้ายชื่อของพระราชามหากษัตริย์ กลับเป็นคำว่า อนาถา..ที่.. น่าอนาถน่ะขอรับ ”

เจ้าหนุ่มจำแลงพูดไป หัวเราะไป อดขำไม่ได้

“ ..เสวยราชย์องค์เดียว เที่ยวรำภา

คุณพุ่มยิ้ม

“ ใช้คำว่า..เสวยราชย์ เช่นกษัตริย์..แต่ทำไมองค์เดียว แล้วเที่ยวรำภา..คือร้องเพลงขอทานเขากิน ”

เจ้าเฉกสาธยายเอง แล้วก็เอิ๊กอ๊ากเอง

“ แลสถานที่คือ..แถวเสาชิงช้าหน้าโบสถ์พราหมณ์ ”

หนุ่มน้อยหน้านวลเหมือนดอกมณฑาหัวเราะ คุณอาสาวก็หัวเราะด้วย งามกระจ่างในแสงตะเกียงสว่างราวบัวบานสยายกลีบเต็มที่

เจ้าฮุน ภมรยามราตรี ยังคงแอบมอง แอบหัวเราะไปด้วยเงียบๆ หนุนแขนตัวเอง เหยียดขายาวไปสุดความยาวของเรือลำน้อยลอยเท้งเต้งดุจเปล

 

ดึกดื่นหลังสองยามเคาะเหล็กไปนานแล้ว เมื่อฮุนกลับมา อาบน้ำอาบท่าแล้วมานั่งวาดรูปพระอภัยเป่าปี่บนแผ่นกระดาษสา  เป็นภาพร่างแล้ว ร่างใหม่ ด้วยพู่กันขนาดเล็กและหมึกจีน ใช้สีเพียงไม่กี่สีแต่งแต้ม ในแสงตะเกียง

เหมย ราวกับผุดมาจากเงามืดภายนอกอย่างเงียบเชียบ เหมือนนางปีศาจที่ขาวโพลน พร้อมผ้าห่อของในอ้อมแขน

หญิงสาวเยี่ยมกรายเข้ามาในแสงตะเกียง หยุดชะงักเมื่อเห็นฮุนนั่งเขียนภาพอยู่อย่างคร่ำเคร่ง

เธอค่อยๆย่องเข้าไปข้างหลัง ชะโงกดูด้วยความสงสัย

ฮุนได้กลิ่นหอมแรงของน้ำปรุง ก่อนได้ยินเสียงเคลื่อนไหว เขาทำหน้าหนักใจขณะเอ่ยออกมาโดยไม่ต้องหันไปมอง

“ อาเหมย..นี่มันจวนยามสามแล้ว..”

เหมยเดินเข้ามา นั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้าม

“ ผ่านมา เห็นแสงไฟสว่างดึกกว่าทุกคืน เลยเป็นห่วง ”

“ จะห่วงอันใด อั๊วะเขียนรูปเล่น ”

ฮุนก้มหน้าก้มตาเขียนต่อ

ภาพนั้นคือพระอภัยมณี ศรีสุวรรณ

พระอภัยเป่าปี่  ศรีสุวรรณถือกระบอง ในอิริยาบถ นั่งบ้าง ยืนบ้าง นุ่งห่มต่างๆ วางท่าต่างๆ ด้วยลายเส้นไทย ไม่ใช่อย่างภาพจีน

ที่แท้ ฮุนกำลังออกแบบตัวภาพ แก้ไขดัดแปลงไปเรื่อยๆ จากต้นแบบแรก ร่างสอง ร่างสาม จนถึงร่างที่กำลังเขียนอยู่

“ เขียนเล่น จนไม่เป็นอันหลับอันนอนเช่นนี้รือ? ”

“ ยิ่งเขียนยิ่งเพลิน..จึงเขียนไปเรื่อยๆ ”

“ เขียนให้ผู้ใด มีคนมาจ้างวาน? ”

เหมยซักไซ้

“ มิได้ เขียนเอง ไม่มีผู้ใดจ้าง ”

เหมยลุกมายืนใกล้ข้างๆ ก้มมาดู จนเนื้อตัวเบียดเสียดสี

“ ชายสองคน คนนี้ถือปี่..อีกคน..ถือท่อนไม้? ”

“กระบอง! นี่ พระอภัยมณี นี่ศรีสุวรรณ ”

หญิงสาวทำหน้ายุ่งยากใจ

“ ชื่ออะไร ฟังยากนัก ละครรำรือ? ”

“ นิทานคำกลอน..ของท่านอาลักษณ์สุนทรภู่ ”

“ อ๋อ..เคยได้ยิน คนเขาอ่านให้ฟัง  พระอภัยเป่าปี่ผู้นี้ ถูกนางยักษ์มาจับเข้าถ้ำไปทำผัว..”

ฮุนรู้สึกถึงนุ่มเนื้อทรวงอกหญิงสาวที่ทาบมาบนแผ่นหลัง และลมหายใจผ่าวๆใกล้หู เขาขยับตัวออกห่างอย่างแนบเนียน

“ อาเหมย..ลื้อกลับไปเถอะ อั๊วะจักเข้านอนบัดเดี๋ยวนี้แล้ว ”

เหมยหัวเราะเบา

“ ไม่อยากเขียนภาพตอนพระอภัยมณีกับนางยักษ์..เป็นผัวเมียกันในถ้ำให้อั๊วะชมบ้างรือ..? ”

ชายหนุ่มลุกขึ้นอย่างนุ่มนวล ไม่ให้ดูเหมือนหลบหนี เดินไปบิดขี้เกียจสูดอากาศอย่างเมื่อยขบ

“ อาเหมย ลื้อทำงานเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ไปพักเถิด

อาเหมย ตัวแข็ง

“ ลื้อกล่าวอันใด ลื้อหมายว่า..อั๊วะไปเหนื่อยมามาก..จาก..ไปทำงานขายตัววันนี้  ปรนนิบัติลูกค้ามากี่คนๆแล้ว ใช่รือไม่ ? ”

ฮุนถอนใจ

“ อาเหมย..อั๊วะก็เหนื่อยมาทั้งวันเหมือนกัน ”

เสียงกงกระแอมไอดังออกมาจากห้องด้านใน

“แค่กๆ  อาฮุน..​​อาฮุนนนน..”

เสียงเรียกลากยาว

“ อาเหมย อั๊วะเข้าไปดูกงก่อนล่ะ แล้วคงนอนเลย ”

สาวโคมเขียวอึ้ง  มองอย่างเสียใจ

“ เช่นนั้น..ฝากยานี้ไว้ให้กงด้วย เห็ดพันปี มีคนเขาให้มา ”

เธอวางกระแทกห่อผ้าลงบนโต๊ะ เชิดหน้า เดินหยิ่งๆ วางสง่าออกไป

ฮุนได้แต่มองตามไปอย่างหนักใจ

กงส่งเสียงดัง ดุขึ้น เข้มขึ้น

อาฮุน..อาฮุน..ไปไหนวะ! ”

 

ฮุนอาศัยแสงตะเกียงที่ลอดช่องประตูเข้ามา รินน้ำจากกาน้ำชาในถังนวมรักษาความร้อน ให้กงที่ข้างที่นอน

กงลุกขึ้นมานั่งจิบชา เพ่งมองนิ่ง ไม่เห็นหน้าหลานชายที่อยู่ในความมืดเพราะหันหลังให้แสงสว่างจากภายนอก

“ ลื้อรักชอบผู้หญิงคนไหน ..อยู่ที่ใดรือฮุน..กงรู้  ลื้อต้องคบหาผู้ใดอยู่แน่ๆ บอกมาเถิด ”

“ ไม่มีดอก กง ”

หลานชายตอบทันควัน

“ อย่าพูดปด ”

กงถอนใจ เพื่อบอกว่าไม่เชื่อถือ

“ รีบไปขอเขาเถิด ยากดีมีจนก็ช่าง ขอแค่เป็นคนดี เป็นแม่ค้าแม่ขาย ชาวสวน เป็นจีน แขก มอญ ไทย ข้าทาสใคร กงไม่ว่า ถ้าเป็นบ่าวเป็นทาส กงจะให้อัฐไปไถ่ตัวมา ”

ฮุนแกล้งถอนใจยาวยืด

“ กง..นอน..”

“ หรือต้องมีสินสอดทองหมั้น.. อั๊วะจะไปกู้ยืมเขามาให้ก่อน ”

“ อั๊วะไปนอนแล้วนะ ”

“ ลื้อจะเอาใครเป็นเมียก็ได้ แต่อย่าเป็นผัวผู้หญิงขายตัว หญิงพวกนี้เขาอยู่ดีกินดี เขาต้องเป็นเมียเก็บเจ้าสัว ลื้อหาให้เขาไม่พอใช้ ที่สุด เขาจะต้องเอาเงินเจ้าสัวมาเลี้ยงลื้อ ไหนจะโรคบุรุษ ถึงมือกุดขาด้วนเอาได้ ”

ฮุนส่ายหัว เดินหนีออกมาเก็บของ

ในแสงตะเกียงบนโต๊ะเขียนรูป  ภาพพระอภัยมณี ศรีสุวรรณบนกระดาษสา มีสมุดไทยเรื่องพระอภัยมณี ลายมือคัดของลำจวนวางทับอยู่ข้างบนไม่ให้ภาพปลิว

ชายหนุ่มแตะปลายนิ้วมือลงไปบนลายมืองามนั้น

ดวงตาเฉียงรี ดำเข้ม ทอประกายเศร้าปนสุข

 

ตลาดแพริมแม่น้ำ เรือพายผ่านไปมาคับคั่ง

แม่ฉะอ้อนกำลังขายข้าวหลามในเรือ ร้องขายไป หยิบกระบอกข้าวหลามส่งให้ลูกค้าไป

“ ร้อนๆ เผาใหม่ๆจ้า ข้าวหลามหวานๆมันๆอร๊อย อร่อย..จ้า ”

พลัน แม่ค้าสาวตาโตวาว เมื่อเหลือบไปเห็นหลานชายคุณพุ่มที่งามสะโอดสะองดังอิเหนา เดินตามคุณอาคนงาม มาหยุดกันที่แผงขายกล้วยไข่

“ อยากกินกล้วยไข่เชื่อมน่ะ เต็ม..”

คุณท่านบอกบ่าวคนสนิท

คุณเฉกหยิบเอาหวีที่ลูกสุกเหลือง

“ เลือกที่ยังเขียวๆอยู่ คุณเฉก ”

นางเต็มติง

“ อ้อ..ขอรับ ”

หนุ่มเฉกเลือกกล้วยหวีใหม่

“ ถ้าพ่ออยากกินกล้วยสุก ก็เอาที่เหลืองๆไปต่างหาก ”

คุณพุ่มเลือกกล้วยไข่ห่ามสองหวี สุกสองหวี

“ เชื่อมเผื่อเจ้าคุณพ่อด้วย วันนี้จะไปรับข้าวเย็นที่เรือนคุณพ่อเสียหน่อย ”

ฉะอ้อนเงี่ยฟัง แล้วหันมาซุบซิบนินทากับคนขายปลาแห้ง ปลาเกลือข้างๆ

“ หนุ่มๆบัดเดี๋ยวนี้ หารู้ไม่ดอกว่าควรเลือกกล้วยแก่ กล้วยห่าม ”

“ รือเขาจะชอบกล้วยงอมๆสุกๆหวานๆ เคี้ยวนิ่มๆน่วมๆก็มิรู้ได้หนาแม่ฉะอ้อน ”

แม่ค้าปลาเกลือแอบซุบซิบ เมื่อเห็นคุณอาคนสวยกับหลานหนุ่มคนงามยิ้มเยื้อนแก่กัน

นายหมายและคุณเฉก สองบุรุษช่วยกันหอบหิ้วของ

แม่ค้ากล้วยไข่รับอัฐจากคุณพุ่ม แล้วหันไปตะโกนเรียกผัว ที่นั่งมวนยาสูบอยู่ริมท่า

“ ตาไฝๆ ”

ครั้นผัวหันมา นางก็กวักมือยิบ

“ มาขายแทนถี  ข้าจะกลับแล้ว ”

“ จะรีบกลับไปอาบน้ำแต่งตัวผัดหน้าทาปากไปบ่อนล่ะสิ ”

ผู้ผัวลุกมา บ่นพึม

“ เดี๋ยวนี้ติดเล่นถั่วเล่นโป จนไม่เป็นอันค้าขายกันแล้วรือ? ”

นายหมายเย้า ประสาคนคุ้น

“ มันติดนายโรงละครงอมแงมล่ะไม่ว่า ละครไปเล่นหน้าบ่อนตลาดน้อยมันก็ตามไปเฝ้า ”

“ อ๋อ ละครนายสุ่น เขาว่ามณีพิชัยสนุกนักหนา ได้ตัวพระมาใหม่ รูปก็งาม รำก็งาม ”

แม่ค้าปลาเกลือส่งเสียงมาขยายความ

นายสาวไม่ได้สนใจฟังพวกแม่ค้าที่คุยกันโฉงเฉง เพราะรีบไปซื้อน้ำตาลต่อ นายหมายผู้เป็นบ่าวก็รีบตามไปไม่ฟังคำตอบ เพราะแค่หยอกเล่น ไม่ได้สงสัยใคร่รู้จริงๆ

ส่วนลำจวนสะดุ้งเหมือนถูกแทง

“ เขาชื่อพ่อต่วน รำตัวพระก็ได้ รำตัวนางก็ได้ ง้ามงาม อ้อนแอ้นอรชร ”

แม่ค้ากล้วยเพ้อ

 

เมื่อตลาดวาย กล้วยไข่เหลือไม่มาก ตาไฝสูบยามวนต่อมวนควันโขมง ขณะเก็บสินค้ากลับใส่ลำเรือ เตรียมกลับบ้าน

หนุ่มเฉกย่องลำพังมาชะโงกมอง

ตาไฝเงยมาเห็น แปลกใจ

“ ละครนายสุ่น มาเล่นที่บ่อนตลาดน้อย..เพลาใด วันใดบ้างจ๊ะลุง ”

หนุ่มน้อยรูปงามถามเสียงกระซิบ

“ ก็มาทุกวัน  ตั้งแต่ขึ้น 9 ค่ำ ถึงขึ้น 14 ค่ำ ”

ชายขายกล้วยไข่ตอบพลางมองหน้าอย่างฉงน

“ เว้นวันพระสินะจ๊ะ ”

เสียงกระซิบนั้นเล็กใส ราวกับเด็กที่เสียงยังไม่แตก

“ นั่นแหล แต่แรม1ค่ำที่จะถึงนี้ก็จะเปลี่ยนเป็นคณะอื่นแล้ว ”

“ อ้อ..”

“ ฉันล่ะนับวันทุกวัน เมื่อไหร่มณีพิชัยยอพระกลิ่นจะลาโรง  อีนังเมียมันจะได้อยู่บ้านอยู่ช่องเสียที ”

ตาไฝส่ายหัว หัวเราะขัน

“ มีสองรอบ รอบบ่ายแลรอบค่ำ ใช่ไหมลุง? ”

“ ใช่..ดูละครรอบบ่ายเสร็จ มันก็เข้าไปเล่นโปปั่นฆ่าเวลา จนรอบค่ำ ก็ออกมาดูละครใหม่..แต่ถ้าไม่มีละครนายสุ่น มันก็ไม่ไปเล่นดอกหนา ไล่ให้ไปเป็นเมียนายสุ่นตั้งกะสาวๆ มันบอกว่ามันก็อยากยู้..แต่นายสุ่นเขาไม่เอามัน ”

คนเล่าหัวเราะชอบใจ ส่วนคนฟังพยายามหัวเราะตามแหยๆ เหมือนใกล้จะร้องไห้อยู่แล้ว

 

นายหมายปอกมะพร้าว คุณเฉกช่วยเตรียมกระต่ายขูดมะพร้าว หลังจากตั้งน้ำต้มบนเตา เตรียมคั้นกะทิ  นางเต็ม ทองใบ ช่วยกันปอกกล้วยไข่เปลือกเขียว

นายหนุ่มแอบกระซิบเบา

“ พี่หมาย ไปบ่อนตลาดน้อยกันไหม? ”

“ หา!..คุณเฉก​​..อยากไปเสี่ยงโชคหรือ? ”

“ จุ๊ๆ ”

ลำจวนกลัวนางเต็มได้ยิน

นายหมายจึงลดเสียงลง

“ ท่านเจ้าคุณปู่ของคุณ..ว่ากล่าวสรรพภาษีอากรบ่อนเบี้ย โรงหวย เตาสุรา แต่ตัวท่านเอง เกลียดสิ่งเหล่านี้นัก  มิให้ลูกหลานฝักใฝ่หมกมุ่น คุณกล้ารือ? ”

ลำจวนงง

“ หมายถึง..เอ่อ..เจ้าคุณพ่อของคุณอาพุ่ม..”

“ เอ๊า..ก็ใช่สิขอรับ กระผมจะไปหมายผู้ใด? ”

เจ้าเฉกได้สติ

“ เอ่อ..”

เธอป้องปาก ทำหน้าทะเล้น

“ แต่บางครา..คนเรา..ก็อยากจะรวยทางลัดบ้าง ”

นายหมายโคลงหัว

“ อบายมุขแท้ๆนาขอรับ นำแต่ความเสื่อมมาให้..”

พูดจบ ก็ทำตาวาว ลดเสียงลงไปอีก

“ ไปเมื่อใดกันดีขอรับ?..”

 

ที่เรือนใหญ่ร่มเย็นริมคลองบางบำหรุ คงแป๊ะสวมแว่นสายตายาว ส่องดูภาพร่างตัวละครเรื่องพระอภัยมณีที่ฮุนเลือกมาแล้วล่าสุด นำมาให้ท่านช่วยติชม มีครูพุดชะโงกดูข้างๆ

“ งามมาก เจ้าฮุน เอาเลย เขียนประกอบลงในสมุดเหล่านี้เลย ”

ท่านครูพยักไปที่สมุดไทยสามเล่ม ลายมือลำจวน ที่เว้นที่ว่างไว้ให้วาดภาพประกอบแล้ว

“ แล้วเจ้าจะเอาไปทำกระไรต่อ ”

“ กระผมจักไปมอบคืนให้ท่านภู่ขอรับ ”

คงแป๊ะมองหน้าศิษย์ผู้กตเวที ปลื้มใจ

“ เจ้าคิดอ่านได้น่ายินดีหนาเจ้าฮุน ”

ครูพุดสะกิดเตือนคุณหลวงเสนีย์บริรักษ์

“ เรื่องนั้น..ครูบอกฮุนแล้วหรือยังขอรับ? ”

คงแป๊ะถอดแว่นเก็บ เอ่ยใคร่ครวญ

“ ฮุน..เจ้าก็ช่วยข้ามานานแล้ว ”

“ ขอรับ ”

ฮุนมอง หวั่นใจ

“ เจ้าเป็นศิษย์ที่มีลีลาชั้นเชิงของตนเอง ที่ไม่เหมือนผู้ใด ”

“ ท่านครูจักว่ากระไร โปรดบอกมาเถิดขอรับ ”

“ มีผู้หลักผู้ใหญ่ที่ข้านับถือ เป็นนายทหารว่ากล่าวหัวเมืองทางใต้ทางเมืองชายแดนฝั่งตะวันตก กำลังบูรณะวัดที่บางยี่เรือถวายพระเจ้าอยู่หัว ขอให้ไปช่วยหน่อย ”

คงแป๊ะเข้าเรื่อง

“ อ้าว แล้วงานวัดเจ้าคุณนครบาลที่กระผมทำอยู่..”

ฮุนแย้ง

“ วัดนี้เป็นวัดในย่านคนจีนเก่าแก่แต่ครั้งแผ่นดินกรุงธนบุรี ท่านก็เลยอยากได้งานรูปดอกไม้ รูปเครื่องบูชาเป็นสิริมงคลอย่างจีน เจ้าน่าจะถนัด จึงอยากให้เจ้าไปทำ ส่วนงานของข้า ข้าก็มีเจ้าพุดแลอ้ายหนวดกับอ้ายสักช่วยอยู่แล้ว ”

“ ผมอยากทำงานของท่านครูให้เสร็จก่อน ”

ฮุนลังเล

“ ท่านเจ้าคุณท่านอยากให้เสร็จทันก่อนเดือนหก ข้าแยกร่างไปทำไม่ไหวจริงๆ เจ้าไปทำหน่อยเถิด หากทางนี้มีสิ่งไรที่ต้องการพึ่งฝีมือเจ้าเฉพาะ ข้าจักเรียกตัวมาเป็นครั้งคราวไป จะไป รือไม่ไป? ”

คงแป๊ะทำเสียงรำคาญ

“ เช่นนี้ ครูจะไล่กระผมไปให้พ้นๆเจ้าคุณอินทรา ใช่รือไม่ขอรับ ”

สีหน้าหนุ่มจีนดื้อดึง ทำให้คงแป๊ะหัวเราะ

“ อยากเป็นช่างหลวงรือไม่ เมื่ออยากเป็น จงไปทำงานให้เป็นที่โปรดปรานของท่านเจ้าคุณท่านนี้ ท่านเป็นทหารใหญ่ เมื่อหนุ่มๆรบพม่ามามาก หากผลงานได้เข้าพระเนตรพระกรรณ  ต่อไปก็จะได้รับราชการกับเขา โดยมิต้องอยู่ภายใต้เงาข้า ต่อไปจะได้ตัดเปียเลิกผูกปี้ หากมีความดีความชอบเป็นที่ประจักษ์ ก็จักได้มีบรรดาศักดิ์และเลื่อนชั้นขึ้นไปเรื่อยๆ อย่ากระบิดกระบวนนัก จะว่าอย่างไรก็ว่ามา ”

ฮุนกราบลง ไม่มีคำตอบ แต่น้ำตาเต็มตา



Don`t copy text!