บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 53 : ใกล้ชิด

บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 53 : ใกล้ชิด

โดย : ปราณประมูล

Loading

บุษบาลุยไฟ โดย ปราณประมูล เรื่องราวของ ลำจวน หญิงสาวผู้ต่อสู้กับค่านิยมทางสังคมในยุค ร.3 เธอลุกขึ้นทำสิ่งที่คนในห่วงเวลานั้นไม่ทำกัน หนทางจึงไม่ได้ราบรื่น หากเต็มไปด้วยอุปสรรคและถ้าไม่ใช่เพราะแรงรักแรงใจที่หนุ่มจีนคนนั้น คงยากที่บุษบาดอกนี้จะไปสู่จุดหมาย ‘บุษบาลุยไฟ’ นวนิยายเรื่องเยี่ยมที่อ่านเอานำมาให้อ่านออนไลน์

หนุ่มจีนสวมหมวกกุ้ยเล้ย พายเรือเข็มลำเพรียว พายแหวกน้ำเสียงจ๋อมแจ๋มนุ่มนวลทว่าเรือกลับพุ่งฉิวลิ่วเร็วแหวกน้ำไปอย่างแหลมคมสมชื่อเข็ม ตะเกียงน้ำมันมะพร้าวดวงน้อยวางที่หัวเรือให้เรือที่สัญจรริมฝั่งได้มองเห็นกันในยามวิกาล เขาสะพายย่ามผ้า ที่มีสมุดไทยเรื่องพระอภัยมณี ที่วาดรูปประกอบลงไปครบตามตั้งใจแล้ว คิดจะเอามาอวดเจ้าของลายมือที่คัดไว้อย่างประณีต ให้ได้ชมดู

ทว่าเมื่อมาใกล้จุดหมาย ไฟในเรือนแพนั้นกลับไม่สว่างมลังเมลืองอย่างเคย

ฮุนรู้สึกผิดสังเกต พอดีมองเห็นแสงไต้ดวงหนึ่ง เคลื่อนไหว วูบวาบลับๆล่อๆมีพิรุธที่ระเบียงหน้า

ชายหนุ่มรีบแอบเรือเทียบข้างแพคุณพุ่ม ถอดหมวกมาบังพรางไฟตัวเอง อาศัยกระถางต้นไม้ ตุ่ม โอ่ง บนระเบียงแพ กำบังตน ซุ่มแอบดู

นายหมายถือไต้นำคุณเฉก ต่างมีผ้าคลุมหัว ย่องลงเรือลุกลี้ลุกลน รีบพายจ้ำเหมือนกำลังหลบหนี มุ่งเรือไปทางทิศใต้

ถนนในชุมชนรอบบ่อนตลาดน้อยสว่างไสวเจิดจ้าด้วยแสงโคม ผู้คนส่วนใหญ่เป็นชาวจีนเดินไปมาคึกคัก

บ่าวชายกลางคนและเจ้านายหนุ่มน้อยที่เอาผ้าคลุมหัวปิดบังใบหน้าทั้งคู่สาวเท้ารีบเร่ง พยายามแทรกซึมปะปนกลมกลืนกับผู้คนที่เดินกันเต็ม

คนไทยก็มาร่วมสนุกในบ่อนไม่น้อย เป็นชายชาวบ้านก็มี เป็นคุณนายสวมเพชรทองแพรวพราว มีบ่าวถือหีบหมากตามก็มี

ที่มุมสามแยกปากตรอก พ่อค้าตั้งหาบกับม้านั่ง ขายข้าว ราดพะโล้เนื้อสัตว์หลายๆอย่าง ทั้งหมู  เป็ด  ไก่  ที่ตุ๋นจนเปื่อย ส่งกลิ่นหอมเครื่องยาจีนฟุ้ง เรียกให้นายหมายไปหยุดมอง กลืนน้ำลาย

หนุ่มน้อยเฉกรีบฉุดเสื้อ

“ นายหมาย เพิ่งกินข้าวเย็นมาหยกๆหนา ”

“ หอมนักขอรับ ”

นายหมายหันมาทำตาละห้อย แล้วสะดุ้งใจเมื่อเห็นผู้คนอื่นๆที่เดินผ่านไปมา พลัน รีบดึงผ้าคลุมหัวของตัวเองลงมาพาดบ่า

“ อย่าคลุมหัวดีกว่าขอรับ  แถวนี้ไม่มีใครเขาทำกัน ”

“ ก็..ฉันกลัวพวกญาติๆ ลูกๆหลานๆเจ้าคุณปู่จะมาเห็น แล้วเอาไปฟ้องคุณอาพุ่ม ”

เฉกจับผ้าตนรวบที่ใต้คางแน่น

ทันใด มีหมวกกุ้ยเล้ยยอดแหลมยื่นมาตรงหน้า

เฉกหันไป พร้อมกับนายหมาย แล้วต่างสะดุ้งโหยง

ฮุนคือเจ้าของหมวกนั้น เขาเดินผสมโรงเคียงบ่าเคียงไหล่มาแต่เมื่อใดไม่แจ้ง ด้วยแต่งตัวอย่างจีน และสวมหมวกนี้ จึงแนบเนียนไปกับคนจีนอื่นๆ จนทั้งสองนายบ่าวไม่ทันสังเกต

หมวกที่เขาส่งมาเป็นหมวกที่ชายหนุ่มใช้ประจำ มีผ้าผูกใต้คางเป็นเกลียวสีน้ำเงินสลับขาว

“ คุณเฉกสวมสิขอรับ ใครๆก็จะได้ไม่เห็นคุณ เหมือนคุณกับพี่หมาย..ไม่เห็นกระผมอย่างไร ”

ทั้งคุณเฉกและนายหมายต่างพูดไม่ออกไปตามๆกัน

นายหมายทำหน้าขัดเคือง

“ อ้ายฮุน..นี่ลื้อบังเอิญมาพบพวกเรารือ หรือว่า..”

“ พอดี..กระผมมีธุระแถวนี้ เห็นพี่หมาย..เลยเดาออก ว่าคนที่ตัวเล็กๆ..น่าจะเป็นคุณเฉก ”

ชายหนุ่มกล่าวเท็จ

“ เห็นไหมเล่า? ”

ลำจวนดึงผ้าที่คลุมหัวมาพาดบ่า รับหมวกฮุนมาสวมทันที แล้วทำตาขึงขังใส่บ่าวคู่ใจ

“ พี่หมายแหล ต้องคลุมหัวไว้ ”

“ โอ๊ย..ไม่เป็นกระไรดอก กระผมมันขี้ข้า จะเที่ยวบ่อนนอนซ่อง ก็ไม่มีผู้ใดจะมาสนใจจดจำดอกขอรับ ”

นายหมายเกิดจะปล่อยวางเสียอย่างนั้น

เป็นจังหวะที่ทั้งสามเดินมาถึงหน้าสำนักโคมเขียวพอดี

สาวทาแป้งฝุ่นจีนหน้าขาวผ่อง ทาปากแดงชาดสามนาง ถือพัดด้ามจิ้วพัดกรีดกราย ยืนเรียกลูกค้าอยู่หน้ามู่ลี่ประตู

“พี่หมาย..จ๋า..”

สามสาวประสานเสียงเจื้อยแจ้วชัดเจน

นายหมายแทบโดด

ลำจวนหัวเราะพรืด

“ นั่นไง..”

“ เฮียฮุน..พี่ชายของเรา..ไม่เจอกันนาน คิดถึงที่สุดเลย ”

นามฮุนดังเซ็งแซ่เป็นลำดับต่อมา

ลำจวนไม่ขำแล้วคราวนี้ ได้แต่มองหน้าชายหนุ่มอย่างเหนือความคาดหมาย

หนุ่มจีน ซีด เมินหลบตาเธอ เก้อเขิน

พลันสาวๆวิ่งเข้ามากลุ้มรุม นางหนึ่งดึงแขนนายหมาย นางหนึ่งดึงแขนฮุน  อีกนางมาโอบเอว

ลำจวน

สาวนั้นเอาปลายนิ้ว เสยขอบปีกหมวกที่เธอสวมให้พ้นจากใบหน้า

“ โอ้แม่เจ้า ใต้เท้าท่านนี้ต้องเป็นเจ้านายของพี่หมายแน่ๆเลย ยามลูกท่านหลานเธอมาเที่ยว..มักจะปลอมแปลง อำพรางตน ไม่ให้ผู้คนล่วงรู้..”

ลำจวนในรูปโฉมบุรุษ ถูกดึงผ่านม่านประตูเข้าไป เธอเหลียวดูรอบข้างอย่างตื่นตา ข้างในโรงสำราญนั้นแสงสลัวมัวเลือน โคมแดงและเขียวส่องให้เห็นสาวๆหน้าขาว แต่งกายด้วยสีสรรพ์แพรพรรณเป้นเงาๆเหลือบประกายวิบวับ กลิ่นน้ำอบน้ำปรุงกระแจะจันทร์ชะมดเช็ดหอมตรลบ เสียงซอจีนหวานวิเวกลวงหลอน

“ เอ่อ..คุณเฉก..ออกไปดีกว่าขอรับ ไม่มีอันใดน่าชมดอก ”

ฮุนรีบเข้าไปกีดสตรีนั้นออกจากเฉก ด้วยท่าทีอ่อนหวาน ยิ้มแย้ม นุ่มนวล

“น้องสาว..อย่าเพิ่งรบกวนใต้เท้าท่านดีกว่า ใต้เท้าผู้นี้ ท่านกำลังรีบร้อน จักต้องไปทำกิจธุระ แล้ววันหลัง เฮียจะแวะมาหนา ”

“ เฮียฮุนต้องมาจริงๆหนาจ๊ะ ”

สาวอีกคนทวงสัญญา

“ โอ๊ย อย่าได้ไปหลงรอคอยทีเดียว เฮียฮุนเขาเป็นของเจ๊โบตั๋น ผู้ใดก็ห้ามแผ้วพาน หากรู้ถึงหูเจ๊โบตั๋น  พวกเรามิต้องแหลกยับไปรือ ”

ฮุนมองหน้าลำจวนทันที พบว่าหนุ่มเฉกนั้นยิ้มทะเล้นใส่หน้า

“ เจ๊โบตั๋น? ”

พอดีมีคุณชายเจ้าสัวหนุ่มๆกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา สาวๆจึงรีบผละจากสามชายที่ไม่ได้ความนี้ เข้าไปต้อนรับขับสู้  ทำเอานายหมายชะเง้อตามอย่างอาวรณ์

“ พี่หมาย รีบไปเถิด ”

คุณเฉกดึงแขนเสื้อบ่าวชายอาวุโส หันมาหลิ่วตาล้อฮุน หลุบหมวกลงมาปิดหน้า รีบเดินออกไป

 

เวทีละครหน้าบ่อนไม่ใหญ่มาก ตามไฟสว่างไสวกว่าบริเวณอื่น

ไม่น่าเชื่อ ว่าขาประจำละครตามมาดูกันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง ระคนกับคนดูขาจรที่ผ่านมาเห็นละคร พากันแวะมาดู แล้วเลยเลือกเข้าไปเล่นในบ่อนนี้แทนที่บ่อนอื่นที่ไม่มีอะไรดึงดูด

ในสมัยนั้น บ่อนการพนันมีอยู่มาก มีอย่างที่เป็นบ่อนหลวง ซึ่งพระคลังมหาสมบัติเข้ามาดำเนินการเอง มีนายบ่อนเก็บหัวเบี้ย และเจ้าพนักงานนายตราจัดเก็บอากร

และมีบ่อนผูกขาด เช่นแห่งนี้ เอกชนประมูลเสนอรายได้หัวเบี้ยให้พระคลังมหาสมบัติ แล้วเจ้าของสถานที่ผูกขาดดำเนินการเอง แล้วส่งอากรให้พระคลัง เรียกว่าขุนพัฒน์ซึ่งมักเป็นคนจีน

มีการว่าจ้างมหรสพมาแสดงหน้าบ่อนเพื่อดึงดูดคนให้มาดูละครมากๆ จะได้ดึงเข้าไปเล่นพนันด้วย สมัยรัชกาลที่สาม มีรายได้เข้าแผ่นดินจากอากรบ่อนเบี้ยถึงปีละสี่แสนบาท คณะละครนอกที่เล่นตามบ่อนมีรายได้ดีขนาดที่ต้องเสียภาษีให้รัฐด้วย

ประกอบกับการเกณฑ์ราษฎรมารับใช้งานราชการเป็นไพร่หลวง ไพร่สม จากที่เคย ‘ เข้าเดือน-ออกเดือน ’  สมัยนี้เปลี่ยนเป็น ‘ เข้าเดือน-ออกสามเดือน ’ ทำให้ราษฎรมีเวลาพักผ่อนหย่อนใจ ทั้งชมมหรสพและเล่นพนันกันมากขึ้น

คนดูละครมีทั้งชาย หญิง ไทย จีน รวย จน แก่ หนุ่ม-สาว นั่งม้านั่งปะปนกันเจ็ดแปดแถว ใครมา

ทีหลังก็ต้องยืนดู

กลุ่มคุณเฉกได้ที่ยืนดูอยู่หลังแถวนั่งสุดท้าย

บนยกพื้นที่ตกแต่งฉากสวยงาม แขวนม่านกำมะหยี่สีแดงเลือดหมูเหลือบเรือง

ลุงแดง ที่รำตัวนาง ผัดหน้าขาว เขียนคิ้วทาปากสะสวย กำลังรำฉุยฉายพราหมณ์อย่างงามสง่าแช่มช้อย สุดฝีมือ ทำให้หญิงสาวน้ำตารื้นด้วยความคิดถึง

เฉกชะเง้อดูเห็นอาๆลุงๆกำลังเตรียมของประกอบฉากเพื่อให้คนดูตื่นตาตื่นใจ มีผ้าสำหรับโบกทำสายน้ำ ดอกบัวผ้าประดิษฐ์ และงูไม้ระกำ มีนายรำอีกคนรีบผัดแป้ง เตรียมออกไปแสดงเป็นนางจันทรเทวี

บิดาเธอกำลังรอที่จะบอกบทให้ตัวแสดง มีชาวคณะดูแลรัดเครื่องให้ เป็นชุดท้าวพิไชยนุราช

นายโรงสุ่นผอมบางลงไป จนแก้มตอบแห้ง ตาดุ ใบหน้าทาแป้งเขียนคิ้วเช่นนักแสดงคนหนึ่ง

ลำจวนผงะ ดีใจ และแปลกใจ

“ พ่อ..เล่นกับเขาด้วยรือ! ”

หญิงสาวดีใจที่จะได้ดูพ่อแสดงเองอีกครั้ง เธอบีบมือตัวเองไปมา น้ำตาหยดเผาะไม่ทันตั้งตัว เธอรีบเอาผ้าพาดบ่าเช็ดน้ำตา เงยหน้าขึ้นสูง และหลุบหมวกลงมาให้บังหน้าตนมากขึ้น

นายหมายงงงัน

“ นี่..คุณเฉกมา..เพื่อดูละครรือขอรับ? ”

“ ใช่ ”

คุณเฉกตอบ เสียงคัดจมูก

นายหมายถอนใจเฮือก

“ ค่อยยังชั่ ถ้าคุณเฉกจะเข้าไปเล่นถั่วเล่นโป ผมคงลำบากใจนักที่จะต้องห้ามคุณ ”

“ ชู่วว..”

นายหนุ่มดุ ให้เงียบ

นายหมายจึงหุบปาก

ลำจวนดูพ่อ ตาไม่กระพริบ

นายรำคนใหม่ไปยืนรอเตรียมออกโรง ขณะที่นายสุ่นมาประจำที่คนบอกบท

ฮุนมองรำฉุยฉายที่กำลังจะจบลง

“ นี่รำฉุยฉายพราหมณ์..ใช่หรือไม่ขอรับ? ”

ชายหนุ่มหันไปถาม

เฉกอึ้ง  รู้สึกถูกรบกวน  หันมาตอบเสียไม่ได้

“ ใช่ ”

“ ผู้ใดแปลงกายเป็นผู้ใดรือ จึงรำฉุยฉาย? ”

ชายหนุ่มซัก

“ นางยอพระกลิ่น.. แปลงกายเป็นพราหมณ์อาริยะ ”

“ ยอพระกลิ่น..กินแมว ..?? ”

ฮุนแสดงภูมิว่าตนก็พอจะเคยได้ยินมา

“ ยอพระกลิ่น..ถูกแม่สามีใส่ความ ฆ่าแมวแล้วเอาเลือดมาป้ายปาก เอาหางแมวมาทัดผม หาว่าเป็นนางกระสือกินแมว เพื่อจะให้เจ้าชายมณีพิชัยพระสวามีทิ้งนางไปแต่งงานกับธิดาพระเจ้ากรุงจีน เพราะหากใครได้เป็นลูกเขยของพระเจ้ากรุงจีน เมืองนั้นก็จักพลอยยิ่งใหญ่ไปด้วย ”

ลำจวนเล่าย่อๆ

“ อ๋อ แน่นอนแหล เพราะจีนเป็นชาติยิ่งใหญ่ ”

ชายหนุ่มออกความเห็น

“ นางจันทรเทวี ก็คิดเช่นนั้น แต่นางหารู้ไม่ว่าแท้จริงยอพระกลิ่นเป็นธิดาของพระอินทร์ เป็นลูกเขยพระเจ้ากรุงจีน กับลูกเขยพระอินทร์ ผู้เป็นเจ้าแห่งสวรรค์  อันใดยิ่งใหญ่กว่าเล่า ”

เฉกข่ม

“ ก็ต้องสวรรค์สิขอรับ ”

เฉกเออ-ออ

“ นางจันทรเทวีจับยอพระกลิ่นใส่หีบให้ทหารเอาไปฝังกลางป่า ทหารไม่กล้าฝัง วางหีบทิ้งไว้ พระอินทร์ก็เลยเหาะลงมาช่วยลูก เสกนางให้เป็นพราหมณ์ สอนคาถาต่างๆ แลประทานพระขรรค์ไว้ติดตัว เพื่อจะได้แก้แค้นแม่ผัวใจร้าย ”

ช่วงนั้น พอดี ลุงแดงในชุดฉุยฉายพราหมณ์กำลังกวัดแกว่งดาบพอดี

หนุ่มจีนพิจารณาอย่างอัศจรรย์

“ หญิงแปลงเป็นชาย..ใช่หรือไม่..? ”

“..เงียบทีเถิด..”

เฉกดุ

นายรำคนใหม่ ออกมารำเป็นนางจันทร มีบริวารอีกสองนางมาเป็นตัวตาม

ชาวคณะหลังเวทีถือผ้าสีฟ้า ทำเป็นแผ่นน้ำ มีคนจับสองข้าง สะบัดผ้าสลับขึ้นลงไปมา

นายโรงสุ่นบอกบทกับคนร้องและวงดนตรี

“ เชิดฉิ่ง..”

นางจันทรทอดทัศนาเห็นดอกบัวลอยมาในน้ำไหล
ไม่แจ้งว่างูร้ายอยู่ภายในครั้นเข้ามาใกล้ก็หยิบเอา
กลิ่นหอมรวยรื่นชื่นอารมณ์นางเชยชมดมแล้วดมเล่า
แซมมวยเล่นลองต้องเบาเบางูงอดตอดเอาพระเศียรนาง

การบอกบทของคนบอกบท ก็คือการกำกับการแสดงทุกคนไปในตัว

ทว่าในเวลาเดียวกัน นายสุ่นก็หยิบจอกเหล้าที่วางแอบเสาไว้ขึ้นมาจิบ

ลำจวนผงะ มองเขม้น เผลอรำพึงดัง

“ นายสุ่น..กิน..ยา..อะไร? ”

“ ดูเหมือนจะเป็นเหล้านะขอรับ ”

ฮุนตอบ ทำให้เฉกหันมาสบตาอย่างวิตก

นายโรงสุ่นจิบ แล้วแอบจอกวางที่เดิม รีบคลานไปหยิบดอกบัวผ้าที่มีงูปลอมข้างใน ถือเชิดไปมาให้พ้นแถบผ้าที่เป็นสายน้ำ แม่นยำไม่บกพร่อง ผู้ร้องร้องตามบทละคร เช่นเดียวกับผู้แสดงบทบาท ก็รำไปตามนั้น

นางจันทรเทวีรับดอกบัวมาดมๆในท่ารำกรีดกราย แล้วหยิบงูไม้ระกำขึ้นมาเชิดส่าย ก่อนจะฉกลงบนหัวตัวเอง แล้วปาดอกบัวกับงูทิ้งลง

นายสุ่นบอกบทต่อ

พิศม์สงกลัดกลุ้มคลุ้มจิตรดังหนึ่งชีวิตรจะจากร่าง
ขึ้นมาบนฉนวนครวญครางนวลนางซอนซบสลบลง

*ตัวสะกดกลอน ยึดตามต้นฉบับโบราณ

นางจันทรเทวีรำท่าเซซัง ระทวยล้มสลบลงอย่างสวยงาม

เหล่านางบริวารร้องกันกรี๊ดกร๊าด วิ่งกันวุ่นวายไปมา

หม่อมแม่มังคะๆๆ

นายโรงสุ่นอ่านบท บอกต่อ

เมื่อนั้นท้าวพิไชยนุราชเรืองศรี
ครั้นรู้ก็รีบจรลีพระมณีพิไชยก็ไคลคลา
นั่งลงทรงลูบปฤษฎางค์กายนางเย็นฉ่ำดังน้ำท่า
ตกใจสำคัญว่ากัลยามอดม้วยมรณาก็จาบัลย์

เขาจิบสุราอีกอึก วางซ่อนจอก แล้วลุกมารำเป็นพิชัยนุราช มณีพิชัยพระเอกใหม่ที่หล่อเหลาอ้อนแอ้นแขนอ่อน รำตามมาประชัน

ลำจวนตื้นตันกับความคมคายงามสง่าของบิดาทั้งๆที่กินเหล้าไม่หยุด เธอห้ามน้ำตาไม่อยู่

นายหมายมัวแต่ตื่นเต้นเพลิดเพลินกับละคร แต่ฮุนมองสังเกตลำจวนอยู่เสมอ เขาเห็นน้ำตาไหลมาบนแก้มคุณเฉก จึงหันไปมองดูนายสุ่น

ท่ารำของนายสุ่น ไม่เอียง ไม่เซ ยังมีทรวดทรงที่งามอยู่ไม่น้อย พระเอกใหม่หนุ่มฟ้อยังเทียบไม่ติด

จึงตรัสสั่งลูกรักให้เร่งหาหมองูเข้ามาขมีขมัน
ใครแก้ไขให้หายจะรางวัลแพรพรรณเงินทองล้วนของดี

พิชัยนุราช หันไปพูดกับมณีพิชัย

 “หมองู มีหมองูที่ใกล้ที่สุดที่แห่งใด” 

 “เขาว่ามีพ่อพราหมณ์อยู่ในป่า รักษาพิษงูฉมังนักพะย่ะค่ะ”

นายสุ่นมืออ่อน แขนอ่อน ร่างตรงสง่า อกผาย ไหล่ผึ่ง ใบหน้าเข้มขรึม แม้เป็นบทตัวพ่อ แต่หล่อเหลาโดดเด่นในแสงไฟกลางเวที

ลำจวนน้ำตาไหลไม่หยุด ทนไม่ไหวอีกต่อไป ตัดสินใจเดินหนีออกไปจากตรงนั้นสุดฝีเท้า

หนุ่มน้อยเฉกที่หน้าแดงฉาน วิ่งเลี้ยวเข้าไปในตรอกเล็ก พบมุมอับในซอกข้างตึก เธอเอาหัวซุกพิงกำแพง ร้องไห้โฮออกมาสุดเสียง แล้วพลันได้สติขึ้นมา พยายามฮึด หยุด สั่งน้ำมูกใส่ผ้าพาดคอ รีบเอาผ้าเช็ดน้ำตา พยายามหงายหน้าขึ้น สูดหายใจลึก  เมื่อรู้สึกตัวว่าพร้อมแล้วจึงหันกลับ แล้วต้องสะดุ้ง

ร่างสูงใหญ่ของหนุ่มจีนยืนรออยู่ที่เสาโคมปากตรอก มองมาเงียบๆ ไม่ตามเข้ามารบกวน

หญิงสาวในคราบชายหยุดยืน ทำใจให้สงบเยือกเย็น จนพอที่ฉีกยิ้มให้เขาได้ เมื่อเดินออกไป

“ ตามมาดูอะไร ฉันมาปัสสาวะ ”

“ ปัสสาวะ? ”

“ ใช่ จู่ๆก็ปวดเบามาก..จนทนไม่ไหว ”

“ แต่..กระผมเห็นเหมือน..คุณเฉก..ร้องไห้ ”

ฮุนหลุดปาก

“ ร้องไห้..ร้องไห้อันใด สงสารนางจันทรถูกงูกัดกระนั้นรือ..สงสัยว่าเจ้าคงมาเห็นตอนข้าเช็ดหน้าเช็ดตา..พอดี..เมื่อกี้มีขี้ไต้ขี่เขม่าอันใดไม่ทราบ ปลิวมาตกใส่หน้าข้า แสบร้อนไปหมด..เลยต้องรีบ

เช็ดออก ”

คุณเฉกเสียงแข็ง

ฮุนพยักเพยิด รีบเปลี่ยนเรื่อง

“ อยากจะเล่นถั่ว โป  หวยจับยี่กีรือไม่กระผมจักพาไป ”

 

ถ้วยกระเบื้องหนาใส่กับข้าวหลายอย่างวางเรียงบนโต๊ะเตี้ย มีจับฉ่ายกับขาหมูต้มเค็ม และเครื่องในเป็นไส้พะโล้ชามหนึ่ง  ผักดองชามหนึ่ง  ถั่วคั่วจานหนึ่ง  ชามข้าวต้มอีกคนละชาม ถูกตั้งวางปึงๆๆลง บนโต๊ะไม้ ตามด้วยตะเกียบพาดลงมาปากชาม

นายหมาย มองอาหาร ตื่นตาตื่นใจ

“ เฮียฮุนกับสหาย ..เชิญกินเลยจ้ะ ”

สาวจีนชายตาให้ฮุน ยิ้มแย้ม

เฉกถอดหมวกวาง ยิ้มให้หง

“ น่าอร่อยทุกอย่างเลย..”

หงหันกลับมาเห็นหน้าและยิ้มของคุณเฉก เธอนิ่งตะลึงแล้วยิ้มกวางขวาง เปลี่ยนคำเรียกกล่าวแทบไม่ทัน

“ กินมากๆนะจ๊ะ คุณท่าน ”

“ จะกินให้หมดเลยจ้ะ ”

หนุ่มสูงศักดิ์ยิ้มฟันขาวเป็นประกาย ต่างจากผู้คนที่ฟันดำฟันแดงทั่วไป

หงตัวแข็งทื่อ เหมือนเห็นเทวดามาปรากฏ

ส่วนฮุน ก้มหน้าก้มตาหยิบตะเกียบมาขยับ จะคีบอาหาร

ลำจวนมองตะเกียบ ลัเล หยิบขึ้นมามือละข้างแล้วนำมาเคียงคู่กัน

ฮุนรีบแสดงวิธีใช้ตะเกียบให้ดูด้วยการคีบชิ้นไส้ขึ้นมา วางลงในชามคุณเฉกและนายหมายคนละชิ้น

“ กินเลย กินๆๆๆ คุณเฉก พี่หมาย ”

หงทวนชื่อที่ได้ยิน

“ คุณเฉก..”

สาวจีนแปลกใจกับภาพที่เห็นมาก เพราะหนุ่มหน้าอ่อนที่เป็นนาย กับชายรุ่นพ่อที่เป็นบ่าว กับเฮียฮุน ที่เป็นคนชั้นรับจ้างแรงงาน มานั่งร่วมโต๊ะ ร่วมสำรับกันได้อย่างไร ผิดธรรมเนียมทำนองอย่างมาก แสดงว่าคุณชายท่านนี้ต้องไม่ถือตัว ไม่แบ่งชั้นวรรณะเขาเราอย่างไม่น่าเชื่อว่าจะมีจริง

นายหมายคว้าตะเกียบ แม้คีบไม่เก่งแต่ก็พอใช้การได้

ลำจวนมองตำแหน่งวางนิ้วของแต่ละคน แล้วพยายามทำตาม

ฮุนโซ้ยพุ้ยข้าวต้มเข้าปาก ซู้ดกึ่งดื่มกึ่งดูดรวดเร็ว คีบกับข้าวเข้าปาก เคี้ยวเอร็ดอร่อย ไม่กี่ครั้ง ข้าวต้มพร่องไปเกือบครึ่งชาม แต่ครั้นเหลือบตามาสบตาลำจวน ชายหนุ่มก็ใจหาย หยุดกึก ตัวแข็งทื่อ

คุณเฉกกำลังจ้องเขาตาเป๋ง อ้าปากหวอ

หงมองคุณชายน้อยเฉกอย่างน่าเอ็นดู และมองฮุนที่รีบกลืนอาหารลงคออย่างเวทนา

สาวร้านข้าวต้มปิดปาก หัวเราะคิกคัก

ฮุนได้ยินหงหัวเราะ หันมาขึงตาใส่

หงยิ้มพยักให้ลำจวน แล้วหัวเราะใส่หน้าฮุนเปิดเผย

ฮุนเจื่อน เหงื่อแตก

“ ขออภัยด้วย กระผมกินอย่าง..ไม่เรียบร้อย ”

“ เอาตะเกียบคีบข้าวต้มได้อย่างไรกัน ทำไมทำได้  นี่..ดูฉัน ”

ลำจวนพยายามเอาแท่งไม้ทั้งสองหนีบชิ้นไส้เข้าด้วยกัน แต่หนีบเท่าใด ไส้หมูก็ลื่นหลุดไป

หงเอาใจช่วย

ลำจวนสูดลมหายใจฮึบ ตั้งใจลองคีบชิ้นไชเท้าแทน

ฮุนมอง ฮึบไปด้วย

แต่ลำจวนก็ทำชิ้นไชเท้าหล่นลงชามไปเช่นเดิม น้ำข้ามต้มกระเซ็นรอบชาม

และแล้ว มีตะเกียบอีกอัน ยื่นคีบเนื้อขาหมูมาให้

ลำจวนงง เงยหน้าหันไป

หงนั้นเอง ที่หยิบตะเกียบอันใหม่คีบขาหมูยื่นมาถึงปากลำจวน

“ อ้าปากสิจ๊ะ คุณเฉก..”

เธอฉอเลาะ

ลำจวนลังใจ แต่แล้วก็ตัดสินใจ อ้าปากรับ

หงยิ้มเอียงไปเอียงมาเขิน

ลำจวนเคี้ยวเนื้อและมันหมูที่เปื่อยนุ่มอย่างสุขุม ปากหุบสนิทเรียบร้อย ไม่มีเสียงจ๊อบแจ๊บ

หงปรบมือ ดวงตาสุกใส

“ ดูสิ เฮียฮุน  ผู้ลากมากดีไทย ท่านกินกันเรียบร้อยงดงามอะไรอย่างนี้..”

ลำจวนขำแทบสำลัก ต้องตั้งสติ กลืนอาหาร แล้วเอาผ้าที่พาดคออยู่มาซับปาก

“ ปากคอท่านก็ไม่ปล่อยให้เลอะ แต่ดูเฮียฮุนซี ”

หงหัวเราะ ชี้มือ

ฮุนตาปริบ เอามือจับดู และสะดุ้ง เพราะที่ขอบปากตนมีข้าวติดอยู่หนึ่งเม็ด

ชายหนุ่มรีบเอาแขนเสื้อเช็ดปากแทบไม่ทัน หน้าตาแตกตื่น ทำให้หงกับลำจวนหัวเราะขำไปด้วยกัน

ในที่สุดหงก็ถึงกับยกเก้าอี้มาร่วมโต๊ะ

“ อาคุณเฉก..อั๊วะจะสอนอาคุณเฉกพุ้ยข้าวต้มนะจ๊ะ ”

หงเอามือมา จับนิ้วลำจวน ให้จับตะเกียบให้ถูกต้อง

ประคองชามข้าวใบนึง มารองปากตน เอาปากไปติดขอบชาม หยิบตะเกียบมาแสดงการพุ้ยอาหารเหลวให้ลำจวนดู

ลำจวนทำตามอย่างตั้งใจ

“ อาคุณเฉกเก่งมาก ไม่หกแลสะอาดสะอ้าน..”

หงคีบถั่วให้ดู ลำจวนก็ทำได้อีก

ทั้งสองยิ้มเยื้อนใกล้ชิดกัน

ชายหนุ่มมองภาพตรงหน้า รู้สึกราวกับหวงวูบขึ้นมา สายตาเขาขุ่นวาบ

แต่ลำจวนยิ้มหวาน พูดกับเขาอย่างชื่นชม

“ ชาวจีนเก่งมากจริงๆ มีวิธีกินข้าวกินปลาได้โดยมือสะอาด ไม่เปรอะเปื้อน ไม่ต้องล้างมือเหมือนยามคนไทยเปิบให้เสียเวลา แลอาหารที่เข้าปากก็ไม่ต้องโดนขี้มือผู้ใดด้วยสิ ”

หงปรบมือกราว

“ พูดได้น่าฟังยิ่ง อาคุณเฉกนี้..เป็นคนงามทั้งกาย วาจา..แลใจก็น่าจะ..งามด้วย รือมิใช่ เฮียฮุน? ”

ลำจวนชักอาจหาญถึงกับคีบเมล็ดถั่วคั่วขึ้นมา เมื่อคีบได้สำเร็จ  ก็รีบงับกินถั่วกลัวหล่นไปก่อน

หงขำกรี๊ดกร๊าดจนเตี่ยของเธอมองตาขวาง ฐานที่ลูกสาวระริกระรี้กับหนุ่มผู้ดีไทยจนเกินงาม

ส่วนฮุนถอนใจเฮือกเพราะตนเองตกอันดับหนุ่มเนื้อหอมประจำร้านข้ามต้มไปอย่างสิ้นเชิง

 

ฮุนพายเรือเข็มตามมาส่งลำจวนและนายหมายถึงแพคุณพุ่ม

นายหมายจุดตะเกียงดวงใหญ่ขึ้นแขวนระเบียงแพ ขณะที่เฉกออกปากอย่างเกรงใจ

“ นายฮุนเลี้ยงข้าวต้มแลอุตส่าห์พายเรือตามมาส่งถึงแพตั้งไกลก็ขอบใจนักแล้ว  กลับไปได้แล้วกระมัง ”

หญิงสาวยังสวมหมวกกุ้ยเล้ยอยู่

“ กระผม..มีธุระจักขอเรียนปรึกษาคุณเฉกสักครู่ ”

ชายหนุ่มไม่ยอมลา

ลำจวนมองหน้านายหมายเหมือนหารือ

“ ดึกแล้วหนา คุณอาจักว่าเอาได้ ”

“ คุณท่านยังไม่กลับง่ายๆดอกขอรับ ไปรับทานข้าวเย็นที่เรือนเจ้าคุณพ่อทีไร ก็มักอยู่พูดคุยเล่นกันถึงสองยาม ยิ่งถ้ามีแขกมามาก เพื่อนฝูงของท่านเจ้าคุณปู่ของคุณ ชอบสนทนากับคุณท่านมากขอรับ

“ ถึงอย่างนั้นนายฮุนก็ควรรีบกลับ ต้องพายเรือไปอีกไกล อยู่เรือนท่านครูคงแป๊ะมิใช่รือ กว่าจะถึงบางบำหรุ..”

“ มิได้ ผมอยู่ที่ศาลเจ้าข้างวัดท่านเจ้าสัวโต ปากคลองบางกอกใหญ่นี่เอง พายข้ามน้ำไป บัดเดี๋ยวก็ถึงแล้ว  ไม่ต้องรีบ ”

ฮุนรีบเปิดย่าม หยิบห่อผ้าออกมา ในนั้น คือหนังสือพระอภัยมณีสามเล่มแรก

“ อยากให้คุณเฉกชมสิ่งที่กระผมตั้งใจทำขอรับ ”

 

ในแสงตะเกียงที่ถูกไขสว่าง หนังสือคัดเรื่องพระอภัยมณีเล่มแรกถูกเปิดออกบนกากะเยียรองอ่าน ภาพแรก คือภาพพระอภัยมณียืนถือปี่เคียงกับศรีสุวรรณที่ถือกระบอง ภาพเขียนด้วยลายเส้นลากพู่กันคมสวย ลงสีงดงาม

ดวงตาลำจวนแพรวพราววาววับชื่นชอบ

ในเล่มที่สอง ภาพนางผีเสื้อสมุทรใบหน้างามคม งามพริ้ง ทรงสะพรั่ง เส้นโค้งเว้าพลิ้วไหว มีภาพช้างยืนอยู่ริมหาดข้างหลัง เพื่อเทียบขนาดตัว ให้เห็นว่าร่างนางสูงใหญ่กว่าช้าง

นายหมายยื่นหน้ามา ตื่นตาตื่นใจ

เฉกขยับที่ให้นายหมายได้มองเห็นถนัด

“ อ่านหน่อยสิขอรับ  ตรงอันนี้เขียนว่ากระไรขอรับ ”

ฮุนอ่านให้ฟังอย่างชัดถ้อยชัดคำ

 จะกล่าวถึงนางอสุรีผีเสื้อน้ำ อยู่ท้องถ้ำวังวนชลสาย
ได้เป็นใหญ่ในพวกปีศาจพรายสกนธ์กายโตใหญ่เท่าไอยรา

นายหมายเหลียวมองอย่างทึ่ง

“ คนจีนอันใดหวา อ่านกลอนได้ไพเราะราวกับพระอ่านหนังสือในวัด ”

เฉกชอบใจ

“ บัดนี้..นายฮุนอ่านออกเสียงร.เรือ..ได้ชัดเจนยิ่ง ”

ฮุนมองหน้านายหนุ่มของนายหมาย

“ คุณทราบรือ ว่าแต่ก่อน กระผมอ่านร.เรือไม่ได้..”

เฉกสะดุ้ง อ้ำอึ้ง หน้าจืดเจื่อน

ชายหนุ่มจีนดักคอเอง แล้วก็แก้เอง

“ โดยแท้แล้ว..ผู้ใดก็ต้องทราบ..คนจีน มักออกเสียงร.เรือไม่ได้อยู่แล้ว ”

แต่แล้วเขาก็อดไม่ได้ ที่จะลองแหย่รังแตน

“ แต่กระผมโชคดี..มีกัลยาณมิตรผู้หนึ่ง..เป็นเด็กผู้หญิง..สอนกระผมให้พูดชัดๆ ”

เฉกพลันปิดสมุดไทยนั้นลงเสียดังฉับ

นายหมายที่กำลังเปิดดูภาพอื่นๆ ในเล่มอื่นดูเพลินๆ ต้องผงะ เมื่อเฉกรีบรวบหนังสือตรงหน้าปิดลงด้วย ผลักสมุดไทยทั้งหมดไปให้ชายหนุ่ม

“ นายฮุน..กลับไปเถิด..ดึกแล้ว คุณอามา..ฉันจะโดนดุ ”

คุณเฉกลุกพรวดขึ้น

“ อ้าว..”

ฮุนอุทาน

“ คุณท่านยังไม่กลับดอกขอรับ ฮุนอยู่ต่อเถิด ข้าจะไปต้มชามาให้ ”

นายหมายเชื้อเชิญ

“ นายฮุนไม่ดื่มชาดอก ”

เฉกตัดบทห้วน ยืนจ้องดุ

ฮุนจำต้องเก็บหนังสือใส่ย่ามแทบไม่ทัน นายหมายวิ่งตามไปส่งข้างหน้าแพ

หมวกกุ้ยเล้ยใบนั้น ถูกวางทิ้งไว้ด้านหนึ่งในเงาสลัว โดยไม่มีผู้ใดเหลือบแล



Don`t copy text!