บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 55 : มีเพื่อนเล่นไม่เหมือนกับเพื่อนตาย

บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 55 : มีเพื่อนเล่นไม่เหมือนกับเพื่อนตาย

โดย : ปราณประมูล

Loading

บุษบาลุยไฟ โดย ปราณประมูล เรื่องราวของ ลำจวน หญิงสาวผู้ต่อสู้กับค่านิยมทางสังคมในยุค ร.3 เธอลุกขึ้นทำสิ่งที่คนในห่วงเวลานั้นไม่ทำกัน หนทางจึงไม่ได้ราบรื่น หากเต็มไปด้วยอุปสรรคและถ้าไม่ใช่เพราะแรงรักแรงใจที่หนุ่มจีนคนนั้น คงยากที่บุษบาดอกนี้จะไปสู่จุดหมาย ‘บุษบาลุยไฟ’ นวนิยายเรื่องเยี่ยมที่อ่านเอานำมาให้อ่านออนไลน์

ตะวันคล้อยต่ำลงเหนือทิวสวน เจดีย์วัดวาอาราม และหอระฆังสูงของโบสถ์ซางตาครู้ซ ขณะที่ฮุนและเฉกนั่งปรึกษากันอยู่ที่ศาลาท่าน้ำหน้าศาลเจ้า

“ นายฮุน..หาทางให้..นายสุ่นไปพบคุณหมอบรัดเลย์ทีเถิด ฉันเกรงว่าหากเขารักษากันตามมีตามเกิด คงไม่ดีแน่ ”

ฮุนอดฉงนไม่ได้

“ คุณทราบได้อย่างไร ว่านายโรงสุ่นป่วย ”

เฉกมุ่งมั่นไม่หวั่นไหว

“ คนที่ตลาดแพเขามาลือกัน ว่านายสุ่นไม่มาแสดงหลายวันแล้ว ”

“ คุณเดือดร้อนจนต้องดั้นด้นมาถึงนี่ ”

รู้อยู่เต็มอก แต่ฮุนลองหยั่งเชิงหญิงสาว

ลำจวนทำหน้าดื้อรั้น

“ ก็..ไม่ได้เดือดร้อนอันใด แต่เห็นว่านายฮุนไปตลาดน้อยบ่อย ฝากไปแวะบอกคนที่คณะละครของท่านหน่อย ว่ามีหมอฝรั่งเก่งราวเทวดาอยู่แถวนี้ที่นายฮุนรู้จักดี ถ้านายสุ่นมาให้ท่านรักษา รือได้ยาฝรั่งจากท่าน..นายสุ่นจะหาย ”

ยิ่งเอ่ยนามบิดา น้ำตาลำจวนก็เหมือนจะออกมาเอ่อจนต้องเมินหน้าไปไม่ให้ชายหนุ่มเห็น

แต่ฮุนก็เห็น ใจเขาอ่อนรอน ลืมตัว จับมือเล็กๆนั้นมาบีบเพื่อปลอบขวัญ

“ คุณเฉกอย่าห่วง กระผมจักรีบหาทางดู ”

ลำจวนรู้สึกผ่อนคลายสบายใจจนไม่ได้คิดอะไรไปในทางหญิงชาย เธอจับมือฮุนบีบแรง มองหน้าอย่างฝากผีฝากไข้

“ ขอบพระเดชพระคุณ  ฉันจักคัดลอกพระอภัยมณีให้เสร็จเร็วๆเป็นการตอบแทนไม่คิดอัฐ  นายฮุนจักได้เขียนภาพแลไปมอบให้ท่านอาลักษณ์ภู่เร็วๆ  ถือว่าเป็นสิ่งที่เราทำบูชาครูร่วมกัน  เห็นไหม นายฮุนยังทุ่มเททำสิ่งดีมอบให้ท่านภู่ ที่มิได้เกี่ยวข้องอันใดกับนายฮุนเลย ก็เช่นเดียวกับฉัน ที่อยากช่วยเหลือนายโรงสุ่น..ด้วยเหตุเดียวกัน ”

หญิงสาวจับมือฮุน พลางพยายามหว่านล้อมอ้อนวอน

ฮุนอดขำไม่ได้ ใครเล่า ว่าเขาทำดีต่อท่านภู่โดยไม่หวังสิ่งใด แท้จริงเขาเอาท่านมาอ้าง เพื่อจะได้ทำทางเข้าไปใกล้ชิดคนพูดนั้นเองต่างหาก ดูเอาเถิด บัดนี้เธอไว้วางใจเขาถึงปานนี้ อีกทั้งยังเชื่อมั่นว่าเขาจะทำสิ่งยากนี้สำเร็จด้วยซ้ำ

ลำจวนเพิ่งรู้สึก ว่าตัวเองกำลังนั่งจับมือกับชายหนุ่มอยู่เป็นนาน ซึ่งเป็นสิ่งไม่สมควร ไม่ว่าจะเป็นหญิงจับมือชาย หรือชายด้วยกันกุมมือกัน เธอค่อยๆดึงมือกลับและถดถอยออกห่างอย่างแนบเนียนไม่ให้เขานึกว่าเป็นการสะบัดหนี

ในเงาสลัวหลังศาลา กงยืนมองอยู่ตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่มีใครทราบ

 

อากงไขปรับไส้ตะเกียงให้สูงขึ้น ให้แสงสว่างไสวขาวจ้าเห็นข้าวปลาอาหารชัดเจน

ฮุนตักข้าวมาสองชาม  บนโต๊ะกินข้าวมีผักดอง น้ำแกงเต้าหู้  และปลาเค็มทอดชิ้นใหญ่

กงลอบมอง ขณะฮุนพุ้ยข้าวเข้าปากอย่างหิวโหย

สีหน้าของผู้สูงวัย เผยวี่แววที่ปล่อยวางไม่ลง

ฮุนเงยมาเห็นสายตาห่วงกังวลที่ปิดไม่มิด

“ มีอะไร กง? ”

“ อั๊วะรู้แล้ว ว่าเหตุใด ลื้อไม่รักผู้หญิง ไม่เอาใครเป็นเมียมาจนบัดนี้ ”

กงบิดมุมปาก

“ คิดแต่เรื่องเมียอั๊วะนี่แลหนา กง ”

ฮุนส่ายหัว

“ อาฮุน..คนจีนเรา..ถือเรื่องต้องมีทายาทสืบแซ่มากที่สุด ถึงจิตใจลื้อ..จะชอบอย่างไร ลื้อก็ต้องหาผู้หญิงมาเป็นแม่ของลูกก่อน แล้วลื้อจะไปสวาทกับเพื่อนๆ.. ก็แล้วแต่เถิด ”

กงเข้าเป้าหมาย ไม่อ้อมค้อม แต่ทำให้ฮุนงงหนัก

“ กงพูดอันใด? ”

“ เอาเถอะๆ อั๊วะเคยเห็นมาเยอะ ถึงชอบเด็กๆผู้ชายตัวเล็กๆ  แต่เขาก็ต้องมีเมียผู้หญิงทุกคน ไม่งั้นก็เสียเชื้อพันธุ์เปล่าๆ ”

อากงตัดบทสนทนา ก้มหน้าก้มตาซดน้ำแกงแก้ฝืดคอ ปล่อยให้ฮุนกระพริบตาปริบๆอย่างเชื่อมโยงสิ่งใดไม่ได้ไปคนเดียว

 

รุ่งขึ้น หม่อมน้อย บุตรสาวนายสุ่นกับนางนอบ ที่บัดนี้มีธิดากับเสด็จหนึ่งองค์  ในหมู่โอรสธิดาจำนวนนับนิ้วไม่หมด หลบออกมาจากวัง มาเยี่ยมบิดาที่ป่วยหนัก จับมือกับนวล พี่สาว เมียน้อยตกอันดับของเจ้าคุณนครบาล  ปรับทุกข์กันอยู่ที่ชานเรือน

“ พ่อเป็นอะไรกันแน่หรือพี่นวล? ”

“ ฝีในท้องแหล..น้อยเอ๋ย  อาเจียนออกมาเป็นเลือด เชื้อนี้เขาว่าแรงนัก ฉันไม่กล้าเข้าใกล้เลย เกรงจะเอาเชื้อไปติดลูก ”

น้อยซับน้ำตา

“ นี่ถ้าเสด็จทรงทราบว่าฉันมาเยี่ยมพ่อ แลพ่อเป็นฝีในท้อง ฉันก็คงโดนเอ็ดเหมือนกัน ”

นางนอบนั่งใกล้นายสุ่น พยายามโอ้โลมปฏิโลมสามี

“ นายสุ่น นายสุ่นกินยาที่หมอโพแกเจียดมาให้สักชามเถิด ฉันต้มมาอุ่นๆ กำลังดื่มเลย..ยาของแกชงัดนัก ”

นายสุ่นนอนหงาย บนฟูก ผอมจนเห็นซี่โครง สีหน้าซีดเซียว มองมาสายตาขุ่นขวาง ปัดชามแกงใส่น้ำยาหม้อต้มสีเข้มหลุดมือภรรยาหลวง กลิ้งหกกระจาย

“ ไม่เอาๆ เอาเหล้ามา ”

จำปา เมียน้อยที่ยืนห่างออกมาทนไม่ไหว ดุออกมาเสียงแหว

“ เหล้ามันของแสลงหนา นายละเว้นไปก่อนเถิด ”

นายสุ่นขัดใจ ดิ้นเป็นทารก

“ ไป..ไปให้พ้น ไปกันให้หมด ปล่อยให้กูตายไป ”

นางนอบพยักหน้า ชวนจำปาให้เข้ามาช่วยจับตัวให้นายสุ่นสงบ เธอเอง หันไปรินยาชามใหม่อย่างไม่ยอมเลิกรา

นายสุ่นพลิกตัวหันหลังให้ทุกคน หลับตาลง พูดซ้ำๆย้ำๆกึ่งเพ้อ

“ เหล้า  จะเอาเหล้า ถ้าไม่ให้กินเหล้า ก็ไปให้หมด ”

แต่แล้วนางทิมบ่าวแม่จำปา  กับนางปุกทาสนวล ที่นั่งสังเกตการณ์อยู่นอกชาน เห็นผู้ที่ก้าวขึ้นบันไดมาอย่างหนักแน่นสุขุม พลันพนมมือไหว้อย่างตื่นเต้น

พระบุญลือนั่นเอง รังสีแห่งจีวรเหลืองอร่ามส่งพลังเยือกเย็นชวนชุ่มชื่นใจ เหมือนพระมาโปรดจริงๆ

ทิม ปุก พากันกราบแต้ลงกับพื้น ตื้นตันใจจนน้ำตาเอ่อทั้งคู่ เหมือนโดนสะกดจิต

พระบุญลือเดินไปถึงที่นอนที่ปูอยู่บนยกพื้นหน้าห้องนอน

นวล น้อย หันมาเห็น รีบไหว้ หลบทางให้แล้วย่อลงนั่ง

สองแม่หันมาเห็นพระมาปรากฏตัวอย่างไม่คาดคิด ต่างพากันพนมมืออย่าพรึงเพริศ

นายสุ่นยังคงนอนหันหลัง หลับตา ไม่รู้ไม่ชี้

พระบุญลือก้าวเข้าไปนั่งข้างที่นอน ใกล้นายสุ่น

“ นายสุ่นๆ..ดูสิ ใครมา ”

คุณนายนอบบอก

อาจเป็นสุ้มเสียงสรรพสำเนียงที่เงียบสงบลง  หรือพุทธคุณแห่งการแผ่เมตตาจากภิกษุหนุ่มก็ไม่แน่ ที่นายสุ่นรู้สึกเชื่องสงบลง พลิกหันไป

ในแสงสว่างที่ย้อนเข้ามาจากภายนอก ในหน้า และแม้แต่สีจีวร ก็หม่นสลัวลงเป็นแค่ประกายคล้ายเปลวไฟเลือนๆกำลังไหวสะบัด จิตที่หลอน ด้วยอาการใกล้ลงแดง ใบหน้าของพระบุญ กลายเป็นหน้าของน้องสาวที่ละม้ายกัน มองมาอย่างเมตตา

นายสุ่นดีใจอย่างที่สุด แยกไม่ออกว่าจริงหรือฝัน

“ ลำจวน ลำจวนมารับพ่อไปอยู่ด้วยรือ  ลำจวนลูกรักของพ่อ ”

นายโรงละครยื่นมือออกไปหา

“ ไป..พ่อจะไปอยู่กับลูก พ่อจะไปอยู่กับลำจวน..”

ทุกคนได้ยิน ต่างใจหายวาบ หันมองกันเลิ่กลั่ก ขนลุก

พระบุญลือจับมือนายสุ่นไว้ด้วยความเวทนา

“ โยมนายสุ่น อาตมาเอง พระบุญลือ ”

นายสุ่นสะดุ้ง ชักมือกลับทันที พยายามเพ่งมอง

สายตาที่พร่ามัวค่อยๆรวบรวมแยกแยะแสงกับเงา ภาพพระบุญลือในผ้าเหลืองที่นุ่งแบบห่มดองคลุมเรียบร้อย นั่งอย่างสำรวม มองตรงมาด้วยแววตากรุณาอย่างยิ่ง ค่อยๆชัดเจนขึ้น

นายสุ่นได้สติ ค่อยๆพนมมือไหว้ เห็นได้ชัด ว่ามือเขาสั่นด้วยฤทธิ์ของโรคติดเหล้า

“ พระมาเยี่ยมโยม ..หมายว่า..โยมใกล้จะตายแล้วใช่หรือไม่? ”

เสียงเขาเบาแหบ เป็นเสียงลมมากกว่าเนื้อเสียง

นวลกับน้อยเช็ดน้ำตา ที่ไหลพราก

“ มิได้ โยมนายสุ่น ”

“ แล้วมาทำไม ร้อยวันพันปี กระผมไม่เคยไปเหยียบวัดทอง เพราะไม่อยากเห็นหน้าพระนี่แหล ”

“ โยมสุ่นไม่ชอบหน้าอาตมามาแต่เล็กๆแล้ว ”

พระยิ้มๆ

“ อาตมาก็ไม่ชอบนายสุ่นเช่นกัน ”

“ กระผมไปวัดทอง..ครั้งสุดท้าย ..ก็ไปเผาศพอีลำจวน ”

เสียงนายสุ่นแข็งขึ้น ด้วยแรงทิษฐิมานะ

“ พูดถึงลำจวนก็ดีแล้ว ..อาตมามาที่นี่..เพราะ..นั่งกัมมัฏฐานเมื่อเช้ามืด  อาตมาเห็นลำจวนมาหา มาบอกให้อาตมามาดูอาการโยมแทนตัวเขาหน่อย ”

ขณะกล่าว พระบุญลือทอดสายตาต่ำ ดวงหน้าเปี่ยมเมตตาราวพระประธานในพระอุโบสถ

แม่จำปาผงะ เอามือทาบ-อก

คนอื่นๆพากันร้องฮือ

“ เป็นความจริงรือ? ”

นายสุ่นครางราวกับจะร้องไห้

“ อาตมาเป็นพระ อาตมาไม่พูดปดดอก ลำจวนฝากอาตมา..มาบอกโยมนายสุ่นสองสามคำ ”

“ ว่ากระไร? ”

“ ลำจวนบอกว่า..ตนเองตกนรกหมกไหม้ยิ่งนัก ยิ่งเห็นโยมบิดากินเหล้าหนักเพราะตนเองเป็นต้นเหตุ ยมบาลก็ยิ่งโหมไฟจนลุกท่วมกาย ”

นายสุ่นน้ำตาไหล

คนอื่นๆขนลุก บ้างพนมมือ

“ สัพเพสัตตา ไปที่ชอบๆเถิด ลำจวน..”

คุณนายนอบพึมพำ

“ ลำจวนจึงกราบขอความกรุณาจากโยมให้ละเว้นสุราเถิด เพื่อเห็นแก่ลูกคนหนึ่ง วิญญาณของ

ลำจวน จะได้ไปสู่สุคติ ไม่ต้องทรมานเช่นนี้ แลหากโยมเลิกสุราได้ โรคภัยที่มารุมเร้าโยมอยู่ในเพลานี้ ก็จักบรรเทาเบาบางลงเอง ”

นายสุ่นมีอาการเหมือนจะกระอัก จำปารีบหยิบกระโถนมารอง และสิ่งที่นายสุ่นคายออกมา คือเลือดสดๆ

พระบุญลือมองจับสังเกตทุกรายละเอียด

เย็นนั้น ที่โอสถศาลาของหมอแดน บีช แบรดลีย์ พระภิกษุในพุทธศาสนาห่มผ้าเหลืองจากวัดทองสุวรรณาราม มานั่งหารือกับแพทย์มิชชันนารีอเมริกันโปรแตสแตนท์ หนวดเครายาว ในชุดเสื้อกางเกงฝรั่ง โดยมีชายจีนโกนหัว ด้านหลังไว้เปียยาว ในชุดฝ้ายสีครามซีด เป็นตัวกลาง

พระบุญลือ หมอบรัดเลย์ และฮุนนั่นเอง

“ตามที่อาตมาเห็น โยมนายสุ่น หาได้เป็นฝีในท้องอย่างที่ลือกันไม่ หากแต่เป็นอาการกระเพาะอาหารถูกสุรากัดจนเป็นแผล ร่วมกับอาการติดสุรานั่นแล จึงอาเจียนเป็นโลหิตออกมา อย่างที่เขาเรียกว่าลงแดง ”

“ ลงแดง..เหมือนคนที่ขาดฝิ่น ก็มีอาการอาเจียนเป็นเลือดเช่นกัน  เข้าใจล่ะ! ”

หมอบรัดเลย์มองชายทั้งสอง หนักใจ

“ หากผมได้ไปพบคนไข้ด้วยตนเอง หรือพาเขามาที่นี่ได้ คงจะดี ”

“ คงยากขอรับ คุณหมอ ขออภัย ที่จะต้องเรียนตรงๆว่าเขาคงไม่เชื่อหมอมิชชันนารีแลยาฝรั่งแน่  กระผมต้องขอให้หลวงพี่ท่านออกหน้า เพื่อให้คนไข้เกรงใจพระสงฆ์นี่แหละขอรับ ”

ฮุนเฉลยแผนการที่วางไว้

พระบุญลือมองอย่างยกย่อง ปนขยาด

“ เชื่อแล้ว ว่านายฮุนสติปัญญาหลักแหลมนัก ”

“ ฮุนเป็นคนคิดได้หลายชั้น ไม่ใช่ซื่อๆตื้นๆดอก ”

หมอบรัดเลย์ยิ้มอย่างเห็นขัน เดินไปที่ตู้ ค้นหาเลือกยาอย่างตั้งใจ

พระบุญลือมองหน้าฮุน  ลดเสียงเบาลง

“ โยมฮุนฝันเห็นผีเจ้าลำจวนจริงดังที่บอกมารือ ”

ฮุนมองตอบซื่อๆ

“ ขอรับ ”

“ อาตมาเอาคำของโยมฮุนไปแปลงว่าอาตมาเห็นเอง แม้นจักผิดศีลไปบ้างก็พอจักปลงอาบัติได้ ”

ฮุนตีสีหน้าไร้เดียงสา

“ กระผมคือมิตรผู้หนึ่งของลำจวน  วิญญาณเขาคงห่วงบิดา แลมาฝากให้กระผมทำสิ่งที่..หากเขามีชีวิตอยู่ เขาจักทำเอง แต่เมื่อหาชีวิตไม่แล้วก็เหลือแต่คนที่ยังอยู่ที่ต้องช่วยทำแทนขอรับ ”

พระบุญลือพยายามจ้องมองค้นลึกลงไปในใจ แต่ฮุนก็ต่อตาไม่หลบ  เป็นลักษณะของนักพนัน ที่แม้ได้แต้มสูงหรือต่ำก็ไม่ยอมให้คู่แข่งอ่านได้

 

เมื่อหมอเจียดยามาครบ ฮุนก็ตั้งอกตั้งใจก้มหน้าก้มตาจดด้วยพู่กันเล็ก จุ่มหมึกในขวดจากหีบส่วนตัวในย่าม พลางอ่านออกเสียงทบทวน สลับกับเอามือหมายที่ยาแต่ละขนานที่วางตรงหน้า ตามลำดับประกอบไป

“ ยารักษาแผลกระเพาะอาหาร  เป็นยาน้ำ ให้กินจอกหนึ่ง เมื่อตื่นนอนมา ก่อนกินอาหารเช้า แลก่อนนอนอีกหนึ่งจอก ส่วนยาเลิกสุราเป็นชนิดเม็ด ให้กินในตอนเช้าหลังอาหารครั้งเดียวหนาขอรับ ”

หมอบรัดเลย์ยิ้มถูกใจ

“ all right !  นายฮุน  ดีมาก เมื่อกินยาเลิกเหล้านี้แล้ว หากไปแตะต้องเหล้าอีก จะเกิดเป็นพิษ แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก เหงื่อออกทั่วร่างกาย เจ็บหน้าอก คลื่นไส้อาเจียน เพราะแอลกอฮอล์ในเหล้าจะทำพิษ เขาจักกลัวจนกินเหล้าไม่ได้อีก แต่หากเขาเลือกที่จะกินเหล้าต่อไป เขาต้องทิ้งยานี้ เพราะเป็นสิ่งที่กินร่วมกันไม่ได้ ”

“ น่ากลัวจริงหนาโยมหมอ ”

“ ต้องให้ญาติๆ ดูแลใกล้ชิดขอรับท่าน แต่หากอาการรุนแรงเกินไป ก็ต้องพามาหาหมอทันที ”

พระบุญลือหนักใจ

“ คงต้องขู่..ว่าให้สัตย์ปฏิญานสาบานกับพระแล้ว ห้ามคืนคำ ”

ฮุน และหมอบรัดเลย์หัวเราะ

“ สำหรับอาการกระเพาะ เขาต้องไม่ดื่มชา กาแฟ ไม่กินอาหารรสเผ็ดทั้งหลาย ไม่กินผลไม้ แลไม่กินอาหารย่อยยาก กินแต่ของอ่อนๆ ย่อยง่ายๆ แลไม่เอาแต่นั่งๆนอนๆ หากต้องลุกยืนเดินเหิน exerciseอยู่เสมอ จำได้ไหม ”

ฮุนก้มลง จดไม่หยุด พระบุญลือดูแล้วยังต้องเอ่ยชม

“ โยมฮุนเขียนอ่านได้คล่อง แลลายมืองามจริง ”

ฮุนลืมตัว เผยอิทธิพลของสตรีอันเป็นที่รักออกมา ไม่ทันระวัง

“ ลูกผู้ชายลายมือนั้นคือยศขอรับ ”

พระบุญลือผงะ เอะใจวูบ หากงำเงียบไว้ ขณะที่หมอบรัดเลย์ออกความเห็นไปอีกทาง หยอกเอินเด็กหนุ่มที่เคยวิ่งเข้าวิ่งออกทั้งพึ่งพาและอาสาช่วยหมอมานาน

“เขาเป็นคนเฟโนเมน่อล..ไม่ใช่คนทั่วๆไปขอรับ ”

ตกค่ำ พระบุญลือทำวัตรแล้ว ก็รีบรุดไปถึงเรือนนายสุ่น วางห่อยาทั้งหมดและฝอย..หมายถึงกระดาษจดคำอธิบายวิธีใช้ยาทั้งหมดอย่างละเอียดยิบลงตรงหน้าโยมบิดาเลี้ยง ที่นั่งอิงๆอยู่กับหมอนบนยกพื้นหน้าชานเรือน

“ ขอให้นายสุ่นกินยา และปฏิบัติตามที่คนของโอสถศาลาจดฝอยมานี้อย่างเข้มงวด ไม่ช้าก็จะหายจากโรค แลที่สำคัญ ยาเลิกสุรา..เมื่อกินเข้าไปแล้ว หากหวนไปดื่มอีก จะเกิดยักกระสาย เป็นพิษถึงตายได้ พึงสังวรไว้ให้ดีเถิด ”

ท่านทำหน้าขู่จริงจัง

นางนอบแกะห่อ ดูยาทั้งสองอย่าง ยาน้ำเป็นสีขาวขุ่นเหมือนแป้งละลายน้ำอยู่ในขวดแก้ว ส่วนยาเม็ด ห่อกระดาษมาต่างหาก แล้วส่ายหน้าอย่างไม่ศรัทธา

“ ยาของฝรั่งมัน..จักสู้ยาพื้นบ้านของเราอย่างไรได้ ”

“ ก็โยมนายสุ่นยอมกินไหมเล่า คราวก่อน ก็เห็นปัดทิ้งหกเลอะเทอะไปหมด ”

“ ก็มันขม ทั้งขมทั้งขื่น กลิ่นก็ชวนขนลุกขนพองสยองเกล้า

“ นั่นปะไร แต่ยาของหมอบรัดเลย์ กินง่าย ลองกินดูเถิด ”

“ พระเป็นพระสงฆ์องค์เจ้า ทำไมไปเอายาของพวกเข้ารีตสอนศาสนามา ยาน้ำอะไร ขวดเล็กๆ กินทีละจอกน้อยๆ  ส่วนยาเม็ด ก็เม็ดนิดน้อยกระจ้อยร่อย จะมาดีเท่ายาหม้อใหญ่ๆของเรากินทีละชามโคมรือ มันเหลือเชื่อเกินไป ”

คุณนายนอบตั้งแง่

“ ให้ลองดู ก็ไม่เสียหลายมังจ๊ะ คุณนาย ”

แม่จำปาวอน

“ ถึงเป็นยาฝรั่ง แต่ก็เป็นยาผีบอกเชียวหนา ”

พระบุญลือใช้กุศโลบาย

“ ไฮ้ ยาฝรั่งจะเป็นยาผีบอกได้อย่างไร หรือผีฝรั่งบอก ”

คุณนายนอบไม่ยอมง่ายๆ

“ ผีนางลำจวนมันมาบอก ให้อาตมาไปขอยาหมอบรัดเลย์มาให้โยมนายสุ่น ”

พระบุญลืองัดมุกเก่า

แต่หนนี้นายสุ่นหันขวับ

“ เลิกพูดถึงนางลำจวนเสียทีเถิด ยิ่งพูด ฉันยิ่งไม่อยากจะแตะ ให้มันตกนรกไม่ได้ผุดได้เกิดนั่นแล ดี! ”

พระบุญลือตีหน้าเศร้า

“ เจริญพร..ถึงมันอยู่ในนรก มันก็ยังอุตส่าห์กตัญญู ถึงไม่มีร่างกายแล้ว แต่จิตมันยังห่วงโยมพ่อ ”

“ พระไม่ต้องมาทำพูดดีไป ”

คนเจ็บสะบัดหน้า

“ อาตมาก็ได้แต่สงสารน้องแลก็หวังดีต่อนายสุ่นนั่นแหล เชื่ออาตมาเถิด ทำสิ่งดีต่อตนเอง..ตามที่ผีมันมาขอตรงๆ ได้กุศลกว่าไปทำบุญทำทานเจ็ดวัดเจ็ดวาอีกหนา เจริญพร อาตมาไปล่ะ ”

พระบุญลือมองนายสุ่นจริงจัง ก่อนจะเดินออกไปอย่างเงียบๆ จำปาและนอบรีบวิ่งตามออกไปส่ง

“ พระๆ..”

“ ขอบพระเดชพระคุณหลวงพี่บุญลือมากนะคะ ”

โยมแม่เลี้ยง เรียกภิกษุลูกเมียน้อยตามที่ญาติโยมนิยมเรียก

นายสุ่นที่ทำคอแข็ง เมินหมางแต่แรก  ครั้นคล้อยหลังพระ ก็แอบหยิบใบฝอยที่จดด้วยตัวหนังสือลายมืองาม อ่านง่าย มาศึกษาอย่างสนใจไปเงียบๆลำพัง

 



Don`t copy text!