บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 58 : ปะทะ

บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 58 : ปะทะ

โดย : ปราณประมูล

Loading

บุษบาลุยไฟ โดย ปราณประมูล เรื่องราวของ ลำจวน หญิงสาวผู้ต่อสู้กับค่านิยมทางสังคมในยุค ร.3 เธอลุกขึ้นทำสิ่งที่คนในห่วงเวลานั้นไม่ทำกัน หนทางจึงไม่ได้ราบรื่น หากเต็มไปด้วยอุปสรรคและถ้าไม่ใช่เพราะแรงรักแรงใจที่หนุ่มจีนคนนั้น คงยากที่บุษบาดอกนี้จะไปสู่จุดหมาย ‘บุษบาลุยไฟ’ นวนิยายเรื่องเยี่ยมที่อ่านเอานำมาให้อ่านออนไลน์

ริมคลองสุดตรอกแยกแขนงลี้ลับตามไฟไว้เพียงโคมสลัว มีเรือขนาดเขื่อง ใช้ในภารกิจนครบาล พร้อมเคลื่อนที่เร็วจอดซุ่มรอท่า

หมื่นโชคลากเจ้าจีนตัวเล็กเบาปลิวตามมือนำมา หมื่นรวยกับนพ ควบคุมตัวเจ้าจีนตัวใหญ่ ด้วยอาวุธครบมือขึงขัง นพนั้นมันเขี้ยวเป็นพิเศษ ถึงกับจ่อคมดาบกดแนบติดกระเดือกคอมัน

หมื่นเดช ถือดาบระวังหลังด้วยมือขวา หนีบตะพดที่ยึดมาไว้ที่ซอกรักแร้ข้างซ้าย งอศอก มือกุมหัวงากลมของตะพด ท่ากร่าง ผึ่ง

ใต้แสงอันหลอนเลือน ลำจวนในหมวกจีนติดเปียไหมยาว ดูเหมือนคุณชายจีนหนุ่มน้อยจริงๆ จนนพมองข้าม เพราะเอาแต่จ้องหน้าฮุน กระเหี้ยนกระหือ ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน

หญิงสาวสบตาชายหนุ่ม ร้อนใจ ไม่เคยคิดเลย ว่าวันหนึ่งต้องถูกรวบตัว เอาลงเรือนครบาลไปพบเจ้าคุณอินทราในลักษณะนี้

ฮุนสบตาเธอ เหมือนกำชับให้สงบนิ่ง

ทว่าคนเรือที่ควรเตรียมพร้อมจ้วงพายไปในทันใด กลับนั่งหลับนก สัปหงกอยู่

“ เฮ้ย!  ตื่นๆๆ ไอ้นี่ นิ่งเป็นหลับ ขยับเป็นแดก ไอ้พวกทาสนี่มันสันหลังยาวแท้ ลุกๆๆ ”

หมื่นเดชปรี่เข้าไปเขี่ยเขาด้วยเท้า ให้สะดุ้งตื่น

มือถนัดของหมื่นเดช ยื่นปลายดาบเข้าไปจิ้มแทงหลังคนเรือซ้ำ

เจ้าเฉกหันมามองหน้าฮุน เห็นสายตาฮุนที่จ้องยังตะพดที่หมื่นเดชหนีบรักแร้

เดชกำลังประมาท หละหลวม ไม่ระวัง

เฉกหันไป พอดีฮุนหันมาสบตา

“ กว๋าย? ”

เฉกถามออกมา เป็นภาษาจีนฮกเกี้ยนที่เพิ่งเรียนรู้ แปลว่าไม้ตะพด

ตัวเธอนั้นมีหมื่นโชคยึดจับแขนข้างหนึ่งไว้

ฮุนรู้เท่าทันความคิดอีกฝ่าย ส่ายหน้า

“ อย่า..”

หมื่นโชคตวาด

“ อะไรกัน ไอ้พวกเจ๊ก ”

“ พูดอะไรกัน ไอ้ฮุน พวกลื้อส่งภาษาเจ๊กว่าอะไรกัน? ”

นพหันสันดาบตีหัวฮุนส่วนที่โกนไว้เกลี้ยงเหนือขมับอย่างแรง ฮุนร้อง

ทุกคนหันไปดูเขาที่ทรุดงอตัวลง

โดยฉับพลันทันที  เฉกใช้นิ้วชี้ มือข้างที่เป็นอิสระ จิ้มแรง ไปที่จุดที่เพิ่งได้เรียนรู้มา ตรงข้อศอกแขนข้างที่ถือดาบของหมื่นโชค

ชายนครบาลสะดุ้ง นิ้วมือทั้งห้าชาเสียว ปล่อยดาบกระเด็นหลุดมือทันที

แม้แต่ฮุนก็ตกใจ เพราะนึกไม่ถึง

ดาบนั้นหล่นสู่พื้นดิน ทำให้หมื่นโชคต้องเหวี่ยงเจ้าจีนตัวเล็กใจถึง ให้ล้มลงกับพื้นอีกทาง เพื่อรีบก้มเก็บคว้าดาบ

ลำจวนเฉกกลิ้งไปอย่างมีเป้าหมาย หมุนตัวสะบัดปลายเท้า เตะดาบนั้นให้ลื่นไกลออกไปอีก

หมื่นเดช เงื้อดาบ พุ่งเข้าไปใส่เจ้ากงซื่อหนุ่มที่ว่องไวเป็นปลาไหล

แม้แต่ฮุนก็สุดจะคาดเดา เมื่อเห็นลำจวนพลิกตัวหันสวนย้อนเข้าประชิดวงในหมื่นเดช กระชากตะพดของตน ที่หมื่นเดชหนีบไว้หละหลวม มายึดครอง แล้วใช้ตะพดแทงใส่ท้องหมื่นเดชเต็มรัก ทำให้เขาต้องรีบกระโดดถอยหลบฉาก

ความเคลื่อนไหวทั้งกระบวนการนี้เกิดขึ้นรวดเร็วจนทุกคนแตกตื่น

ฮุนตะลึงไปอึดใจ พอได้สติก็ฉวยจังหวะทิ้งน้ำหนักตัวเองถ่วงกดร่างลงสู่พื้น ใช้กำลังแขนที่ถูกนพและหมื่นรวยยึดกุม  โหนตัวลอยขึ้นถีบใส่หมื่นเดชที่พุ่งกลับมาจะเล่นงานเฉก หมื่นเดชโดนตีนเต็มแผ่น-อก ผงะ เซแซ่ดๆๆ ล้มก้นกระแทกลง

แต่หมื่นโชคเข้าถึงตัวเฉกได้ เตะเข้าดักหน้าตัดขาเฉกจนตัวเธอสะดุดลอย แล้วร่วงลงในท่าคว่ำ ข้อศอกทั้งสองกระแทกพื้นเต็มแรง ตะพดหลุดมือ โชคดี ที่หมวกแพรแมนจูติดเปียยาวยังผูกติดแน่นที่ใต้คางหญิงสาว

ลำจวนเฉกก้มหน้าต่ำไม่ให้ใครมองเห็น มุดคลานหนีสุดแรง

หมื่นโชคกระโดดจะเข้าตะปบตัวเจ้าเด็กหนุ่มฤทธิ์มาก แต่แล้ว พลันมีท่อนไม้พลองยื่นสอดมาขวาง

ไห่ แช ซาน ที่ถอดเสื้อ เปลือยท่อนบน โพกปิดหน้า โผล่แต่ตา หางเปียยาวทุกคน โดดเข้ามา พร้อมอาวุธต่างๆกัน ได้แก่ท่อนไม้พลอง มีดปังตอ และไต้ที่มีไฟลุกวาบที่ปลาย  เข้ามาโจมตีหมื่นโชค หมื่นเดช หมื่นรวย และนพ ฟาดซ้าย ป่ายขวา อุตลุดสุดกำลัง

ฮุนโดดคว้าเก็บตะพดเจ้าเฉกก่อน แล้วรีบเข้ามาดึงหนุ่มน้อยขึ้น

“ หนีไป  เร็ว คุณ..รีบไปเลย ไปเดี๋ยวนี้! ”

เขาบอกดุดัน ก่อนจะหันกลับไป ร่วมตะลุมบอนช่วยเพื่อน

พลันเสียงกู่ร้องว้ากเพ้ยดังเซ็งแซ่มา

ชายจีนไม่สวมเสื้อ เขียนป้ายสีดำพรางหน้าตาด้วยดินหม้อ อาวุธครบมือ วิ่งกรูกันเข้ามาเป็นหมู่ใหญ่  คนหนึ่งในนั้นถือกระบวยตักเต้าฮวย ที่ทำด้วยเหล็ก

“ เลียะพะ! ”

หัวหน้ากลุ่มตะโกน แล้วกรูเข้ากลุ้มรุมพวกคนนครบาลกันอย่างไม่คิดชีวิต

ปลายรัชสมัยรัชกาลที่สาม หลังเหตุการณ์นี้ไปอีกประมาณสิบปี ขบวนการคนจีนค้าฝิ่นและธุรกิจผิดกฏหมายที่เหิมเกริม สมคบกันตั้งขบวนการที่เรียกว่า “ตั้วเหี่ย” ที่มีพฤติกรรมเยี่ยงโจร ท้าทายอำนาจรัฐที่เมืองสาครบุรี  เมืองนครชัยศรี ทางส่วนกลางยกคณะไปปราบปราม แต่ก็ยิ่งบานปลายออกไป

ที่ฉะเชิงเทรา พวกโจรกบฏตั้วเหี่ยอาละวาดบุกโจมตีปล้นฆ่าคหบดี พ่อค้า ผู้คนและข้าราชการ จนสามารถเข้ามายึดครองตัวเมืองได้ ผู้คนในกำแพงเมืองต้องหนีไปซ่อนในป่า จนทางการต้องยกทัพเป็นหลายสายออกไปปราบอย่างรุนแรง เล่ากันว่า ที่ฉะเชิงเทรา ชลบุรี  คนจีนที่เพียงแค่มีผมเปีย ก็ถูกรุมฆ่า จนมีศพลอยเต็มคุ้งน้ำหลายร้อยศพ

แต่ช่วงเวลานี้ แม้สถานการณ์จะยังไม่ปะทุถึงขั้นนั้น แต่ก็มีพวกคนจีนในไทยที่ค้าฝิ่นและทำอาชญากรรมอื่นๆ รวมทั้งพวกที่ถูกรังแกได้รับความอยุติธรรมต่างๆ จับกลุ่มเป็นก๊วนเล็กก๊วนน้อย และก่อปัญหาให้รัฐสยามมาโดยตลอด

 

วงมโหรีหญิงล้วนบรรเลงเพลงโลม เด็กสาวนักร้องฝึกใหม่  ร้องเนื้อเพลงตอนอิเหนาเข้าห้อง

จินตหรา ด้วยเสียงสูงแหลมเล็ก

๏ น้องเอยน้องรักนวลละอองผ่องพักตร์เพียงแขไข
งามองค์ทรงลักษณ์วิไลพิศไหนสารพันเป็นขวัญตา
พี่หวังจะฝังฝากไมตรีจิตรักร่วมสนิทเสนหา
ควรหรือดวงฤทัยไม่เมตตาแต่จะตอบวาจาก็ไม่มี
ช่างผินผันหันหลังไม่แลดูโฉมตรูขัดใจสิ่งไรพี่
เชิญชม้ายชายตามาข้างนี้จะสะบัดเบือนหนีพี่ยาไย
จะเล่าให้เจ้าฟังแต่หลังมาพี่ทุกข์แทบเลือดตาจะหลั่งไหล
เพราะหวังชมสมสวาททรามวัยสู้เอาชีวาลัยมาแลกรัก
ควรหรือไม่เยื้อนช่างเชือนเฉยไม่เห็นเลยพี่วิตกเพียงอกหัก
อุ่ยหน่าอย่าข่วนพี่ยานักเสียดายเล็บน้องรักจะหักไป
ถึงเจ้าจะเอากริชที่พี่เหน็บแทงเข้าจักเจ็บก็หาไม่
ด้วยความรักร้อนรึงตรึงใจดั่งไฟกองกลุ้มสุมกาย ฯ

เจ้าคุณอินทรานั่งเอ้เต้พักผ่อนสบาย มีนางทัดคอยพัดวี เด็กสาวอ่อนวัยหน้างามคมคายนั่งเคล้าคลอ กรีดนิ้วหยิบของทีละอย่าง มีใบพลูทาด้วยปูนแดง หมากชิ้นเล็กๆ  สีเสียดเล็กน้อย ยาเส้น ตามด้วยตักเครื่องปรุงที่ช่วยเพิ่มเติมรสชาติ อบเชย กระวาน ยี่หร่า การบูร กานพลู ชะเอม สีเสียด และมะพร้าวแห้ง รวมกันในช้อนเล็กๆ ป้อนใส่ปากท่าน

แม้กำลังสำราญเต็มที่ เจ้าคุณมองรอบๆ ไม่เห็นเหล่าคนสนิท ก็อดสงสัย ข้องใจไม่ได้

“ อีทัด! ไอ้สามสี่คนนั่น มันหายไปทำอะไรกัน เอ็งรู้รือไม่? ”

“ เจ้าโชค เจ้าเดช เจ้ารวย คุณนพ รือเจ้าคะ? ”

เจ้าคุณชักสีหน้า

“ ข้าจักถามถึงสามสี่คนไหนอีกเล่า หากมิใช่พวกมัน? ”

“ เห็นว่า..เจ้าคุณใช้ให้ไปจับผู้ร้าย มิใช่รือเจ้าคะ

“ เอาอีกแล้ว ไอ้พวก..”

เจ้าคุณเห็นความเคลื่อนไหวบางอย่างที่หางตา ในเงามืดข้างศาลา ท่านหยัดกาย นั่งตรง เขม้นมอง

เห็นสมุนทั้งสี่ ที่พากันย่อง ประคับประคอง หิ้วกันร่องแร่ง ผ่านศาลาไปเงามืด

         

นพ ที่มีแผลถูกฟันฉกรรจ์ที่หลังมือ กุมมือ เลือดหยด นอนตะแคงร้องโอยๆที่แคร่ใต้ถุนเรือน

หมื่นโชคหัวแตก เลือดอาบ นั่งพิงเสา  มีหมื่นรวย ที่ปากแตก ริมฝีปากเจ่อเป็นครุฑ  และหมื่นเดช ที่เสื้อขาดแต่ปลอดภัย ช่วยกันดูแลอยู่ ไม่มีใครสนใจนพ

หมื่นเดชถอดเสื้อหมื่นโชคที่เลือดเปื้อนนองออก เนื้อตัวหมื่นโชคนั้นโชกไปด้วยเลือดสมชื่อ

บ่าวหญิงที่ยกกาน้ำร้อนมาตั้ง ยืนดู แตกตื่น หวาดสยอง

เมื่อไม่มีผู้เหลียวแล นพก็ตะโกนขึ้น

“ อีชิด ไปเรียกคุณนวลมาสิ บอกว่ากูถูกฟันมา มาทำแผลให้กูด้วย ”

“ ไปโดนอันใดกันมาเจ้าคะ? ”

บ่าวหญิงรีบออกไป ไม่รอคำตอบ

หมื่นเดชคว้าผ้าขาวม้าที่ตากอยู่แถวนั้นมาชุบน้ำร้อน สะบัดๆให้เย็นลงหน่อย แล้วรีบเช็ดทำความสะอาดเลือดที่เปื้อนตามตัวหมื่นโชค แล้วเช็ดหน้า จะลามไปเช็ดถึงแผลหัวแตก

“ เฮ้ยๆๆ อย่าให้น้ำโดนแผล ต้องเอาผ้าแห้งๆ สะอาดๆ ”

หมื่นรวยไปหยิบผ้าอีกผืน ที่ตากอยู่ที่ราวใกล้ๆ มาซับแผลที่หัวหมื่นโชค

“ โอ๊ย..เบาๆหน่อย..”

หมื่นเดชคุ้ยๆที่กะบะรกๆที่โคนเสา หยิบขวดน้ำผึ้งสีคล้ำเขลอะออกมา

เขาเอาผ้าชุบน้ำผึ้งมาใส่แผล

“ น้ำผึ้งนี่แหล ชงัดนัก เอาน้ำผึ้งใส่แผลสด ทิ้งไว้เจ็ดวัน ไม่ต้องเปิดดูก่อนหนา ครบเจ็ดวันแล้ว เปิดออกมา แผลจะแห้ง ประสานกันอย่างดี ”

บ่าวหญิงคนเดิม วิ่งกลับมาพร้อมนางปุกทาสของนวล ที่หอบล่วมยาและเศษผ้าสำหรับพันแผลที่ฉีกๆเก็บไว้มาด้วย

“ คุณนพ..เป็นอะไรคะ ใครทำคุณ..? ”

นางปุกเสียงสั่น

“ ไม่ต้องถาม.. นวลล่ะ? ”

“ คุณนวลไม่ว่างเจ้าค่ะ คุณหนูมีไข้ ต้องเช็ดตัวให้อยู่ ”

“ อย่าให้ถึงหูท่านเจ้าคุณเชียวหนาเอ็ง ”

นพกำชับปุก ที่เอาโกร่งบดยาออกมา หยิบพิมเสน สารส้มมาลงมือบด

“ ท่านเจ้าคุณมิได้อยู่บนเรือนเจ้าค่ะ ท่านไม่ทราบเรื่องดอก..นี่แน่…พิมเสน..สารส้ม..บดแล้วโรยแผลสด จะถูกหมากัดรือถูกฟัน ก็แห้งหายชะงัดนัก ”

เมื่อเอ่ยถึงท่านเจ้าคุณ ท่านก็ก้าวเข้ามาได้ยินพอดี  หยุดมองสภาพบริวารแต่ละคนด้วยความสลดสมเพช

“ กูมิได้ใช้ให้พวกมึงไปทำสิ่งใดทั้งนั้น พวกมึงเอากูไปแอบอ้างสาระแนทำระยำตำบอนอันใดกัน? ”

ทุกคนหันมาเห็นท่าน ต่างพากันพนมมือแต้ หน้าซีดเซียว ที่นอนก็พยายามลุก ที่นั่งอยู่ก็หมอบกราบ

“ ใต้เท้าขอรับ คือ..”

หมื่นเดชปากคอสั่น

“ พวกเรามิได้ตั้งใจจักไปหาเรื่องราวกับผู้ใดจริงๆขอรับ เพียงแต่..ไปเดินตรวจตรากันที่แถวตลาดน้อย..ว่าพวกคนแถบนั้น มันอยู่กันสงบเรียบร้อยราบคาบดีรือไม่ ”

หมื่นรวยแก้ตัวพัลวัน

“ ไปตรวจตรา..รือไปเล่นโปแทงหวยจับยี่กี? ”

เจ้าคุณนครบาลดักคอ

“ เป็นคนของข้า แต่ไปเที่ยวเกะกะเกกมะเหรกตามโรงหวยบ่อนซ่องเยี่ยงนี้ ไอ้พวกขยันเขียนเพลงยาวบัตรสนเท่ห์ มันถึงมีข้อโจมตีข้านัก เพราะพวกเอ็งสามสี่คนนี่แหล ”

“ พวกกระผมมิได้เกะกะเกกมะเหรกหนาขอรับ แต่หากพวกกระผมมิเข้าไปดูให้เห็นกับตา ก็จักมิรู้ว่าในสถานที่เหล่านั้นมีพวกลอบขายฝิ่นปะปนอยู่ทั่วไปหมด แลพวกกระผมก็จวนเจียนจักจับพวกมันได้แล้ว ”

หมื่นโชคกราบเรียนหนักแน่นจริงจัง

“ ใช่ขอรับ ”

หมื่นเดชควักกลักฝิ่นอันเก่ง ยื่นแสดง

“ นี่ ที่กระผมยึดมาได้ ”

เจ้าคุณรับไป มองดู แล้วมองหน้าหมื่นเดช เขวี้ยงกลักฝิ่นลงพื้นกระจาย

“ มึงจับฝิ่นได้กี่ครา มึงก็ยึดได้กลักฝิ่นอันเดียวอันเดิมทุกครั้งไปรือ ไอ้กาก!”

หมื่นเดชแทบมุดดินหนี

“ ถ้ามึงยังอ้างชื่อกูไปทำเรื่องระยำตำบอนอยู่ร่ำไป กูสร้างโบสถ์สร้างวิหารสักเท่าใด คนเขาก็สาปแช่ง อย่าให้รู้อีก มิเช่นนั้น คนที่จักฟันหัวมึงแบะ ก็คือกู ”

เจ้าคุณอินทราสุดทน  สะบัดหน้า เดินออก

นพรีบฟ้องเสียงหลง

“ อ้ายฮุน มันเป็นยี่เหี่ย ซาเหี่ยอยู่ในหมู่นักเลงแถวนั้นนาขอรับ ”

เจ้าคุณชงัก หันกลับมา จ้องนพตาลุก

“ โกหก! ”

“ มิได้โกหกขอรับ มันออกคำสั่งให้พวกลูกน้องมันมาเลี้ยะพะพวกกระผมเจ็บอยู่นี่อย่างไร ”

นพยืนกราน

“ จริงขอรับ ใต้เท้าจำมิได้รือ คราวที่ครูคงแป๊ะของมันไปแทงนักเลงคุมหญิงสามเพงตาย ก็เพราะไปเที่ยวกลางคืนกับมัน ”

หมื่นเดชอ้าง

“ จริงขอรับ ไอ้ฮุน มันกว้างขวางอยู่แถวบ่อนแถวซ่อง สั่งพวกลิ่วล้อซ้ายหันขวาหันได้ มันมิได้เป็นเพียงช่างเขียนอย่างที่ผู้อื่นคิดดอกขอรับ ”

หมื่นรวยผสมโรง หมายให้โทสะของท่านเบี่ยงเบนจากพวกตนไปลงที่ไอ้จีนเจ้าเก่าเสีย น่าจะดีกว่า

 

ใบไม้หนา พื้นผิวเป็นมันในกระถางหินหน้าห้องพักหลังศาลเจ้า เขียวขจีในแสงตะเกียงสว่าง

ที่กงถือส่องให้หนุ่มน้อยคนไทยหน้าตาผุดผ่องเป็นคนเด็ดใส่กระบุง

“ นี่มันต้นหนุมานประสานกาย ”

เด็กหนุ่มพึมพำเสียงนุ่มไพเราะ

“ กุชิดฮะลั้ง ”

กงบอก

“ กุ ชิด ฮะ ลั้ง..”

เขาว่าตาม

“ เรียกหนุมานประสานกายก็ได้  สมชื่อดีเสียด้วย เพราะพวกเราจะใช้ใบกุชิดฮะลั้ง ไปประสานกายให้ไอ้พวกนั้นกัน เก็บมาเยอะๆ เก็บมาเยอะๆ ”

“ จะหมดต้นแล้วขอรับ ”

เจ้าหนุ่มไทยบอก

“ ก็ให้มันหมดไปเลย ”

ลำจวนเฉกหั่นใบไม้นั้นหยาบๆรวดเร็ว ตามที่กงกำกับ

แล้วกงจึงเอาลงครก ตำจนละเอียดเป็นของเหลวข้น

ซาน ไห่ แช  และฮุน ที่ถอดเสื้อนั่งเป็นวง ผลัดกัน เอาใบไม้ตำละเอียดเละๆเขียวอื๋อ ผลัดกันทาพอกแผลเนื้อตัวที่ถูกฟันเฉี่ยวๆ เป็นแผล ที่อก หลัง แขน รอยข่วนเลือดซิบที่หน้า แผลฉีกแหกระหว่างนิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้ ที่กำอาวุธแล้วถูกฟันแรงๆ จนมือที่จับต้านไม่ไหว เกิดแผลฉีก ร้องกันซี้ดซ้าดด้วยความเจ็บปวด

ลำจวนเฉกเอาดินสอพองเม็ดใหญ่มาขยี้ บีบมะนาวลงไป เอานิ้วคนๆให้เป็นครีมๆ

เธอถือถ้วยใส่ดินสอพองกวนนั้น ไปส่งให้ฮุน สำหรับพอกบนขมับตรงส่วนของศีรษะที่ถูกโกนเกลี้ยง ที่ถูกด้ามดาบตีจนปูดบวม บุ้ยใบ้ ให้เขาทาเอง

ฮุนมองหน้า ส่ายหัว พยักเพยิดส่งสายตาว่าช่วยทาให้หน่อย และก้มหัวลงรอ

เฉกถอนใจ เกรงใจยิ่ง ที่ต้องแตะต้องสัมผัสส่วนที่ชายไทยถือสาว่าเป็นของสูง เธอพนมมือไหว้เหมือนขออภัย ก่อนจะทายานั้นให้เบามือ

กงต้มยาใบหนุมานที่เหลือกับน้ำบนเตา เต็มหม้อใหญ่ สำหรับใช้ดื่มแก้ช้ำใน มองฮุนกับเจ้าลูกผู้ดีไทยหล่อเหลานั้น คิดหนัก

ไห่เดินถือยาใบไม้ตำมาหา ‘คุณเฉก’ ที่พอกดินสอพองผสมมะนาวที่หน้าผากฮุนเสร็จพอดี

“ ใต้เท้าขอรับๆ ”

ลำจวนหันมา

ฮุนมองหน้าไห่เป็นเชิงถาม ว่าต้องการสิ่งใด

“ ใต้เท้าไม่ทายากุชิดฮะลั้งสักหน่อยรือขอรับ? ”

“ ทา..ตรงไหน? ”

‘ คุณเฉก ’ งงงัน

“ กระผมเห็นใต้เท้า..ล้ม ข้อศอกกระแทกพื้น น่าจะมีบาดแผลนะขอรับ ลองถอดเสื้อออกมาดูสิขอรับ ”

ลำจวนอึ้ง กระพริบตาปริบ

ฮุนแอบมอง แล้วนึกอยากแกล้งหญิงสาว

“ เออ..นั่นสิขอรับ ถอดเสื้อดูสักหน่อย ว่าคุณเฉกบอบช้ำตรงไหนบ้างหรือไม่ ”

เฉกหันมามองหน้า ถลึงตาใส่ แล้วจัดการพับแขนเสื้อซึ่งกว้างและหลวม ถลกม้วนขึ้นได้เหนือข้อศอก

ที่ข้อศอกทั้งสอง มีแผลถลอกเลือดซิบดังคาด

ฮุนถึงกับซีด

“ มีแผลจริงๆ ”

ลำจวนแบมือ ขอถ้วยยาจากไห่

“ มา..ผมทาเอง ”

“ ผมทาให้ดีกว่าขอรับ มาขอรับ ”

ไห่บอกซื่อๆ เจตนาดี ขยับเข้าใกล้

แต่ทำให้ฮุนรีบแย่งถ้วยมาทันที

“ อั๊วะทาให้ดีกว่า ”

“ อั๊วะมือเปื้อนอยู่แล้ว ดูนี่สิ ยาเลอะเต็มมือเลย มาครับ ”

เจ้าหนุ่มไห่ผู้มีน้ำใจ จะเข้ามาทาให้จงได้

ลำจวนต้องแย่งถ้วยยามาถือไว้เสียเอง

“ ไม่เป็นไร ทาเองได้ๆ มือเลอะเหมือนกัน ”

เธอชูมือที่เลอะดินสอพองให้ดู แล้วรีบควักยามาโปะศอกตนทั้งสองข้างรวดเร็ว

หนุ่มแชเดินมามอง ขัดใจ

“ คุณท่านถอดเสื้อเถิดขอรับ กระผมเห็นพวกมันกระชากดึงทึ้งแขนคุณท่านเหวี่ยงไปเหวี่ยงมา เกรงว่าจะมีรอยช้ำตรงบ่าไหล่ ”

เขาว่าพลางปราดเข้ามา ฮุนรีบลุกขึ้นขวางทันที

“ ผมว่า..ผมรีบพาคุณเฉกกลับดีกว่า ป่านนี้ คุณอาคงห่วงแย่แล้ว ”

กงมองเขม้น สังเกตการณ์อยู่โดยตลอด

 

ฮุนพายเรือข้ามฟากมารวดเร็วในยามดึก เลียบฝั่งมาสักพักก็ถึง ชายหนุ่มคัดท้ายเข้าไปเทียบแพให้ ‘ คุณเฉก ’ก้าวขึ้นไป เขาชะโงกมองละล้าละลัง เมื่อเห็นแสงไฟลอดรำไรออกมาจากห้องด้านใน

หนุ่มผู้ดีหันมามองหนุ่มช่างเขียน ที่มีผ้าพันเหนือหน้าผากไว้รอบ ปิดทับเหนือขมับซึ่งบวมปูด

“ รีบไปเถิด ฮุน ”

เฉกกระซิบเสียงต่ำ

“ คุณจักถูกดุรือไม่ กระผมจักไปชี้แจงความจริงให้คุณอาของคุณทราบ ”

“ ท่านคงนอนแล้ว ไม่เป็นไร หากมีอันใด ฉันจักเรียนท่านให้กระจ่างเอง รีบไปเสียเถิด ”

ฮุนยังกังวล เอาพายยันแพ หันหัวเรือกลับตามคำสั่ง แล้วพายออกไป

ลำจวนยืนสงบสติอารมณ์ครู่หนึ่ง จึงผลักเปิดประตูเบาๆ จรดปลายเท้าก้าวเข้าไป หับประตูปิดลงอย่างระมัดระวัง เมื่อหันตัวกลับ ก็ถึงสะดุ้งเฮือก

คุณพุ่มยืนหน้านิ่งเยือกเย็นดูอยู่ในแสงสลัว

ห่อสมบัติเพชรพลอยของหมั้นแม่ลำจวนลูกสาวนายสุ่น ถูกวางลงตรงหน้า ระหว่างสตรีทั้งสอง

ลำจวนใจโหวง รู้สึกราวจะเป็นลม เธอพนมมือจรดใต้คาง

“ คุณพุ่มไล่อิฉันรือ? ”

สตรีผู้อาวุโสอ่อนระอา

“ ข้าคิดไม่ออกแล้ว ลำจวน ว่าจักทำอย่างไรกับเจ้า”

คุณพุ่มมองตาผู้อ่อนวัยด้วยความเศร้าใจนัก

“ เอาทรัพย์สมบัติเจ้าไปเป็นทุนรอน..หนีไปหาที่ทำมาหากินครองคู่กับเจ้าฮุนในที่ไกลๆเถิด ”

หน้าลำจวนซีดขาวในแสงตะเกียง

คุณพุ่มถอนใจยาว

“ ข้าได้กีดกันเจ้ากับนายฮุนแล้ว แต่ไม่สำเร็จ สั่งให้เจ้าเลิกรับจ้างคัดลอกงานท่านอาลักษณ์ภู่ เพื่อจะได้ห่างจากมันออกมา แล้วอย่างไร เจ้ากลับไปรับคัดลอกให้มันเปล่าๆไม่ติดสตางค์  ข้าบอกเจ้า ไม่ให้ปักใจใหลหลงกับกลอนนิทานของท่านภู่ ด้วยข้ารู้ดี ว่ากลอนของท่านมีมนตราขลังนัก แต่เจ้ากลับมาอ่านดึกๆ ตามลำพัง ย่อมทำให้เจ้าฝันเตลิดเพริดไปไกลกว่าเคย ”

หญิงสาวกลืนน้ำลายยังไม่ลง ด้วยลำคอสาก แห้งผาก

“ ข้าช่วยเจ้าให้พ้นจากภัยเจ้าคุณอินทราได้ในชั่วระยะหนึ่ง  ช่วยให้เจ้าได้เล่าเรียนอ่านเขียนจนใช้การได้ แต่ถึงอย่างไร ข้าก็เลี้ยงเจ้าได้แต่กาย แต่บังคับจิตใจไม่ได้ เจ้าปีกกล้าขาแข็งแล้ว ข้าคงต้องปล่อยให้เจ้าบินไป ก็นั่นแหลหนา..บุษบาจะอยู่ในคราบอุณากรรณไปจนตายไม่ได้ ต้องกลับไปเป็นบุษบาอยู่วันยังค่ำ แต่เจ้าฮุนไม่ใช่อิเหนาแห่งวงอสัญแดหวา มันคือไพร่เจ๊ก มันจักคุ้มครองเจ้าไปได้เพียงไร ข้าหวั่นใจจริง ลำจวน..”

ลำร้องร้องไห้ กราบลง และหมอบต่ำอยู่เช่นนั้น

“ อิฉันเพียงไปแอบไปดูละครของพ่อที่หน้าบ่อนตลาดน้อย ก่อนหน้านี้พ่อป่วยมาก กินเหล้าหนัก จนอาเจียนเป็นเลือด บัดนี้ เขาว่าท่านค่อยยังชั่ว กลับมาแสดงอีก ดิฉันจึงอยากไปดูให้เห็นกับตา เรื่องมีเพียงนี้จริงๆเจ้าค่ะ อิฉันไปเยี่ยมพ่อที่บ้านไม่ได้ ทำได้เพียงเท่านี้..อิฉันจะไม่ไปไหนทั้งนั้น อิฉันขออยู่รับใช้คุณอาจนตาย..คุณอาจักลงโทษเฆี่ยนตีอย่างไร อิฉันก็ยอมเจ้าค่ะ ”

 



Don`t copy text!