บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 63 : สักวาหน้าพระที่นั่ง

บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 63 : สักวาหน้าพระที่นั่ง

โดย : ปราณประมูล

Loading

บุษบาลุยไฟ โดย ปราณประมูล เรื่องราวของ ลำจวน หญิงสาวผู้ต่อสู้กับค่านิยมทางสังคมในยุค ร.3 เธอลุกขึ้นทำสิ่งที่คนในห่วงเวลานั้นไม่ทำกัน หนทางจึงไม่ได้ราบรื่น หากเต็มไปด้วยอุปสรรคและถ้าไม่ใช่เพราะแรงรักแรงใจที่หนุ่มจีนคนนั้น คงยากที่บุษบาดอกนี้จะไปสู่จุดหมาย ‘บุษบาลุยไฟ’ นวนิยายเรื่องเยี่ยมที่อ่านเอานำมาให้อ่านออนไลน์

คืนเพ็ญเดือนสิบสอง พระจันทร์เต็มดวงล้อมด้วยรุ้งทรงกลดที่ชายฟ้าเหนือลำเจ้าพระยา  เกล็ดเมฆฝอยแต้มเงาแสงรุ้งงามพิศวงลอยผ่านบางๆ พื้นน้ำสว่างระยิบระยับพรึบพรับพร่างพราวด้วยบรรดาประทีปกระทงที่ลอยระดะดาษดาดุจกลุ่มดาว น้ำเปี่ยมฝั่ง กระแสน้ำเอื่อยอืดอาด

แพศาลาพลับพลาที่ประทับยื่นออกมาจากท่า  มีเสารูดวิสูตรปักทองเป็นระยะ  บังตาบุคคลภายนอก ภายในสว่างเรืองรองด้วยโคม เห็นความเคลื่อนไหวเป็นคลื่นของกลุ่มคน เมื่อเสด็จพระราชดำเนินลงมาถึง บรรดาพระบรมวงศานุวงศ์และคณะข้าราชบริพารถวายบังคมเต็มแพ รอบๆมีเรือตำรวจวังจอดระวังห่างๆ

มีท่าที่นั่งชมชั่วคราวต่อออกมาจากท่าน้ำด้านข้างที่ประทับทั้งซ้ายขวา สำหรับข้าราชการชั้นสูงชมการแสดง เจ้าคุณอินทราและครอบครัวอยู่บนท่าชั่วคราวนี้ทางด้านขวา

ส่วนผู้คนราษฎรทั่วไป ยืนกันอัดแอชะแง้ชมกันบนฝั่งด้านหลัง  บ้างมาจอดเรือรอชมในน้ำนอกเชือกกั้น เช่นครอบครัวนายสุ่น ที่พาทั้งครอบครัวมาในเรือสามลำ ไม่ว่านางนอบ แม่จำปา รวมทั้งเนตร และชาวคณะละคร มาจอดเรือรอดูสักวาหน้าพระที่นั่ง  ซึ่งเป็นการละเล่นหลวงที่เว้นว่างไม่ได้จัดมาหลายปีแล้ว

ขาดแต่นางทิม ที่ขอเฝ้าเรือน เพราะไม่อยากดูสักวาที่ไม่มีคุณหนูลำจวนอยู่ด้วยให้เศร้าใจไปเปล่าๆ

ฮุนกับเพื่อนคนงานอู่บางคอแหลม มุดเบียดเข้ามาอยู่กับชาวบ้านชาวเมืองพวกไพร่ทั้งปวงบนฝั่ง ด้านหลังท่าที่นั่งของพวกข้าราชการ

ในน้ำ ด้านหน้าแพศาลาพลับพลาที่ประทับ พรางไฟไว้แต่แรก มีเรือหมู่หนึ่งจอดเรียงตะคุ่มอยู่ในความมืดสนิท

พลัน ผ้าดำที่ปิดโคมแต่ละดวงบนเสาที่ปักไว้หน้าเรือแต่ละลำ ที่ทำหน้าที่ส่องสว่างให้กับการแสดง ถูกดึงกระตุกออก แสงโคมจึงเจิดจ้าพรึ่บขึ้นทันที เห็นหน้าทุกคนในเรือ ซึ่งพากันถวายบังคมไปทางแพที่ประทับ แล้วหมอบกราบลงพร้อมเพรียงเรียกเสียงฮือฮา ตื่นเต้น จากคนดูทุกกลุ่ม

เรือพระองค์เจ้าชายทินกรอยู่ริมขวาสุด  ถัดต่อมา คือกรมหมื่นวงศาสนิทหรือพระองค์เจ้าชายนวม  แล้วจึงเป็นสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอเจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์หรือเจ้าฟ้าน้อย  เรือดนตรีและคนร้องสามลำเรียงชิดกันอยู่กลาง  ถัดมาเป็นเรือคุณพุ่ม   เรือนายมีบ้านบุ   ปิดด้วยเรือคุณช่วง หลวงสิทธิ์นายเวร บุตรเจ้าพระยาพระคลังดิศ ว่าที่สมุหพระกลาโหม

 

โคมตะเกียงบนเรือลำแรกถูกไขเพิ่มความสว่างขึ้นโดยท่านเจ้าของเรือเอง พระองค์เจ้าชายทินกร ทรงถือกระดานชนวนร่างกลอนไว้ในหัตถ์ ทรงเริ่มด้วยบทไหว้ครูตามธรรมเนียม

สักวากราบบาทพ่อและแม่       บังคมแด่จอมบพิตรอดิศร

ไหว้คุณครูผู้สอนข้าวิชากลอน      ขอยอกรเทพยดาทั่วธานี

ทั้งคุ้งน้ำเงียบกริบ ทุกคนเงี่ยหูฟังความ พวกคนร้องในเรือดนตรี ช่วยกันจดเนื้อกลอนสักวา ที่พระองค์ชายท่านทรงบอกลงในกระดานชนวนของตนรวดเร็วให้ทันการ

กราบพระรัตนตรัยให้คุ้มครอง         สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งผองป้องเกศี

ช่วยผองข้าให้ว่าสักวาดี                  อุปสรรคไม่มีเปรมปรีดิ์เอย

หลวงสิทธิ์ฯกับทนายพดฟังพลาง ช่วยกันคิดและเขียนกลอนลงในกระดานชนวน เตรียมตัวจะกล่าวต่อตามลำดับ

พระองค์เจ้าชายทินกรฯบอกสักวาเสร็จ ก็ทรงหันไปพยักพักตร์ให้คนร้องและคนดนตรีตรงกลางหน้าแพที่ประทับ ขณะทรงสั่งทำนองเพลงสำหรับที่จะใช้ร้องบทนั้น ก่อนจะทรงไขหรี่ไฟส่องพระพักตร์ลง

“ นางนาค..”

คนร้องร้องบทกลอนนั้นเป็นเพลงนางนาค ด้วยเสียงขับขานหมู่ ทั้งคนร้องชายเสียงจ้า พร้อมเพรียงไปกับคนร้องหญิงเสียงสูงแหลม  คำร้องถูกขยายเสียงให้ดังขึ้นกว่าเสียงจากปากท่านผู้ทรงบอกสักวาพระองค์เดียว ทำให้เนื้อถ้อยกระทงความแต่ต้นจนจบฟังได้ความคมชัด คนดูคนฟังทั้งหมดทั้งมวลได้ยินทั่วกัน

สักวากราบบาทพ่อและแม่       บังคมแด่จอมบพิตรอดิศร

ไหว้คุณครูผู้สอนข้าวิชากลอน      ขอยอกรเทพยดาทั่วธานี

กราบพระรัตนตรัยให้คุ้มครอง         สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งผองป้องเกศี

ช่วยผองข้าให้ว่าสักวาดี                  อุปสรรคไม่มีเปรมปรีดิ์เอย

 เสียงขับร้องรับด้วยเสียงดนตรีมโหรีครบเครื่องจากวงของวังของพระองค์เอง กระหึ่มก้องหวานกังวาน หยดย้อยไพเราะสุดบรรยาย

ฮุนเขม้นตามองเฉพาะเรือคุณพุ่ม เห็นเพียงท่านเองที่นั่งงามสงบสง่าผ่องพรรณละลานตา ผิวราวฉาบทองในแสงนวลจากโคมหน้าเรือ

เมื่อเพลงไหว้ครูจบลง ตะเกียงในเรือหลวงสิทธิ์นายเวร  ถูกไขสว่างขึ้น

สักวาคืนนี้มีอิเหนา                 

ตอนขึ้นเขาวิลิศมาหรา

ซานสะกิดฮุน ที่ดูใจลอย

“ คุณชายน้อยของเราๆ..”

ฮุนหันไปดู  ‘ นาย ’

กราบเชิญองค์ระเด่นเดิมเพิ่มปรีชา

 หลวงสิทธิ์ฯทำหน้าที่บอกสักวาแจกตัว

ท่านหันไปไหว้สมเด็จฯเจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์

ที่ท้ายเรือของพระองค์  ท่านอดีตอาลักษณ์ภู่กำลังยื่นตัวมาก้มเขียนกระดานชนวนในวงแสงงุดๆ

สังคามาระตา..วงศาสนิท ศิษย์วัดโพธิ์

หลวงสิทธิ์ฯกล่าว ผายมือไปและน้อมไหว้ไปทางพระองค์เจ้าชายนวม หรือกรมหมื่นวงศาสนิท ที่ทรงรับไหว้พลางหัวเราะอย่างพระทัยดีอยู่หัวเรือ

ประสันตา..เสมียนมีลงกาใหม่

หลวงสิทธิ์ยิ้มชื่นชมมายังนายมี

นายมี ที่แม้เป็นเพียงนายมี ไม่มียศ แต่กว้างขวางในหลายแวดวง รวมทั้งเป็นผู้เรียบเรียงบทเรียนภาษาไทยสำคัญสำหรับกุลบุตร ทุกคนจึงฮือฮารับอย่างปลาบปลื้ม ตัวท่านเองถวายความเคารพเจ้านายทุกท่าน และไหว้เลยไปจนถึงท่านภู่ครูกลอนสมัยบวชเรียนอย่างก้มต่ำนอบน้อมยิ่ง

มะเดหวี คุณพุ่มไซร้ ไม่คุยโอ่     

หลวงสิทธิ์ฯยิ้มมายังคุณพุ่ม

เมื่อคุณพุ่มก้มลงไหว้ จึงมองทะลุไปเห็นข้างหลัง ว่ามีเงาคนตะคุ่มแอบหลังอยู่ แต่พอฮุนพยายามเพ่งมอง คุณพุ่มก็กลับนั่งตรง บังแสงไว้จากบุคคลนั้นอีก

องค์ทินกรฯเป็นยุบลนางคนโซ

หลวงสิทธิ์ไหว้พระองค์เจ้าชายทินกร ที่ยิ้มรับหล่อเหลา

ตัวไม่โต สียะตรา  คือข้าฯเอย

ท่านแตะมือที่อกตน

พระองค์เจ้าชายทินกรทรงหันไปสั่งเพลงอีกครั้ง

“การเวก”

คนร้อง และคนดนตรีพยักรับ หันมาแบ่งกันดูกระดานชนวนที่จดตามสดๆ ก่อนที่จะร้องและบรรเลงเพลงตาม

สักวาคืนนี้มีอิเหนา                  ตอนขึ้นเขาวิลิศมาหรา

กราบเชิญองค์ระเด่นเดิมเพิ่มปรีชา          สังคามาระตา..วงศาสนิท ศิษย์วัดโพธิ์

ประสันตา..เสมียนมีลงกาใหม่              มะเดหวี คุณพุ่มไซร้ ไม่คุยโอ่    

องค์ทินกรฯเป็นยุบลนางคนโซ                  ตัวไม่โต สียะตรา  คือข้าฯเอย

นายสุ่นหันสบตานางนอบภรรยาเอก ด้วยผิดคาด

“อ้าว คุณพุ่มเป็นมะเดหวีดอกรือ”

เช่นเดียวกับเจ้าคุณอินทรา ในที่นั่งข้าราชบริพาร

“ทำไมไม่เป็นบุษบา?”

“นั่นซีคะ ไม่มีนางเอกมีแต่ตัวแม่รือ?”

คุณหญิงข้องใจ

ส่วนฮุนยังจ้องที่ร่างตะคุ่มที่เห็นลางๆอยู่เบื้องหลังคุณพุ่ม ไม่วางตา

ขณะนั้นเอง นางเต็มแหวก มุด เบียด ฝูงคนเข้ามาหาชายหนุ่มที่สูงเด่นอยู่กลางหมู่มวล

“คุณท่านเล่นไปหรือยัง พ่อเมฆทอง  ฉันมาไม่ทันหรือไม่ ”

ฮุนไหว้

“ยังขอรับ คุณเต็ม มาดูตรงนี้ได้ขอรับ ”

ชายหนุ่มถอยให้นางเต็มมายืนหน้า

นางเต็มยิ้ม เพราะได้เป็น ‘ คุณ ’ ของเจ้าเปียก็เอาดี แล้วยังได้ที่ยืนดูมุมเห็นถนัด

“ดูสิๆ คุณพุ่มของพวกเราท่านง้าม..”

ฮุนมองหาไปรอบๆ นึกว่าจะเจอคนที่มากับนางเต็ม

“แล้วคุณเฉกล่ะขอรับ? ”

นางเต็มเอ่ยปัดอย่างไม่สนใจ

“ก็คงจะดูอยู่แถวๆนี้กระมัง คนตั้งมากมาย นายฮุนตัวสูงๆ ลองมองหาดูซี ฉันตัวเตี้ย มองไม่เห็นผู้ใดดอก ”

 

กรมหมื่นวงศาฯ ทรงเป็นตัวละครแรกที่ว่าสักวาตามท้องเรื่อง ทรงแสดงอย่างเต็มไปด้วยรายละเอียดจนน่าขัน

สักวาสังคามาระตา                เหนื่อยหนักหนาถวายงานท่านอิเหนา

เมื่อทรงเอ่ยถึงตัวละครอิเหนา ท่านก็ทรงหันไปก้มบังคมสมเด็จฯเจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์

ทั้งตามรบตามรักหนักไม่เบา       ท่านวิ่งเร็วส่วนเรานั้นวิ่งช้า

ท่านอิเหนาที่ถูกกล่าวถึง..องค์เจ้าฟ้าน้อย กับอดีตอาลักษณ์ที่อยู่ในเรือท่าน พากันหัวเราะ พร้อมๆกับผู้คนทั้งหลาย เนื่องด้วยพระองค์เจ้าชายนวม หรือกรมหมื่นวงศาฯนั้นทรงมีพระวรกายท้วม ไม่สู้สูงนัก ขณะที่เจ้าฟ้าน้อยทรงโปร่งเพรียว เปรียวปราด และพระองค์เจ้าชายนวมทรงว่าสักวาล้อสรีระองค์เองอย่างน่าเอ็นดู

บนแพที่ประทับ ทุกพระองค์ ทุกท่านก็ทรงฮากัน

นายมีก้มเขียนกลอนไป ยิ้มขำไป เตรียมตัวเล่นต่อ

ยามนอนพระองค์ก็ทรงจูบ                   แถมโลมลูบสุบินไปถึงใครหนา

ทรงหันไปยื่นพักตร์ให้ล้ำแนว แล้วทรงยิ้มสุภาพเป็นเชิงล้อและขออภัยคุณพุ่มไปพร้อมๆกัน

คุณพุ่มหัวเราะ ยกมือไหว้ ทำปากพูดให้เห็นว่า

“ ไม่ถือค่ะๆ ”

เราคันหนวดขำคิกพลิกลืมตา                ท่านเห็นหน้าถีบหงายอายใจเอย                    

คนดูฮาครืนรับมุก ด้วยตามท้องเรื่อง อิเหนามักลวนลามเหล่าพระญาติวงศ์หนุ่มและมหาดเล็กคนสนิทยามเคลิ้มดังนั้นจริง เมื่อใช้ภาพตัวตนของท่านๆเหล่านี้มาสวมบทบาท ก็นับเป็นเรื่องชวนหัวยิ่ง

นายมี เหมือนจะคิดอะไรใหม่ขึ้นมาได้ รีบก้มลบแก้กลอนของตนรวดเร็ว

พระองค์เจ้าทินกรทรงสั่งเพลง

“สารถี”

คนร้องร้องเนื้อตามบทสักวานั้นทั้งหมด  วงดนตรีก็บรรเลงรับไป ให้คนดูคนฟังฮาครืนกับบทสักวาขององค์สังคามาระตาอีกครั้ง

ทุกผู้คนพากันสำราญบานใจยิ่ง ราตรีที่อากาศเย็นสบาย การแสดงสนุกสนานบันเทิง ดนตรีไพเราะประณีต พาให้ไม่ว่าไพร่นายต่างรื่นรมย์โสมนัส

นายสุ่นพยักหน้าตามจังหวะคลอไปเบาๆ หันไปหานายแดง สหายรัก

“ กรมหมื่นวงศาฯ ท่านทรงน่ารัก..”

“ เสียดาย..”

ลุงแดงหลุดปาก

“ อะไร? ”

นายสุ่นใจกระตุก

ลุงแดงนึกได้ หน้าเจื่อน

“ เปล่าๆ ”

นายสุ่นหน้าตึง กระซิบเสียงแห้ง

“ ข้ารู้ ว่าเอ็งเสียดายอะไร ”

“ เสียดาย..ถ้าลำจวนยังอยู่..”

ความในใจนั้นตรงกัน จนนายสุ่นน้ำตาเอ่อท้นขึ้นมาในปัจจุบันทันด่วน

“ หากข้าให้ลำจวนเรียนหนังสือ หากข้าไม่ให้ลำจวนไปแต่งงาน เพลานี้มันคงช่วยเราทำงานนายโรง คืนนี้มันคงเนื้อเต้นดีใจมาดูสักวาด้วยกัน ”

ผู้เป็นบิดาเงยมองสูงให้น้ำตาไหลตกในไปเสีย

นางนอบมองสามี ขมวดคิ้ว

“ เป็นอันใด ”

“ สงสัยควันธูปเข้าตา ”

นายสุ่นกระพริบตาถี่ๆ

“ ธูปที่ไหน ”

นางนอบสะบัด

บนที่นั่งข้าราชบริพาร เจ้าคุณอินทราเคาะจังหวะตามเพลง เพลิดเพลิน

คุณหญิงเมียรองของท่านขยับตัวเบื่อๆ

“ เมื่อไรเจ้าฟ้าพระองค์น้อยจะทรง อยากดูแต่อิเหนา ไม่อยากดูคนอื่น ”

คุณหญิงเมียเอกทำเสียงตำหนิ

“ อ๊าว หล่อนนี่ พระเอกต้องออกโรงทีหลังซี ให้พวกบริวารก่อน ”

เจ้าคุณส่ายหน้า กระซิบเสียงทุ้มต่ำให้พอได้ยินระหว่างกัน

“ ไม่ปลื้มหลวงสิทธิ์นายเวรรือ บุตรชายเจ้าคุณหาบน ในแผ่นดินไม่มีผู้ใดยิ่งใหญ่เท่า ว่าทั้งงานคลัง งานกลาโหม การค้าการขาย คบฝรั่งแขกจีน ทรัพย์สินบารมีล้นฟ้ามหาสมุทร ”

น้ำเสียงนั้นเสียดสีหมั่นไส้ไม่เบา

พวกเมียๆเงียบ

ทว่านางทัดที่นั่งด้านหลัง กลับยื่นหน้ามากระซิบสำนอง

“ อำนาจวาสนานี่หอมหวนทวนลมจริงเจ้าค่ะ เพลานี้ ผู้ใดจะเกินบุตรชายเจ้าคุณดิศ ทั้งหนุ่มทั้งแน่น ทั้งเป็นคนโปรด ”

ทำเอาคุณหญิงทั้งสองต้องหันไปทำเสียง…ชู่วว…ปราม เป็นเสียงเดียวกัน

ถึงบทนายมี นักกลอนหนุ่มใหญ่แห่งบ้านบุยิ้มละไม ตาเป็นประกายคมกล้า บอกสักวาเป็นจังหวะจะโคนแข็งแรงอย่างชายชาติทหาร

สักวาประสันตาคนสนิท            เป็นคู่คิดให้สมมาดปรารถนา

มาใช้บนครานี้แล้วหากแคล้วคลา           จะยอมพลีชีพข้าให้วางวาย

เขาทำหน้าตามุ่งมั่น กำมือชูขึ้น ดุจถวายคำปฏิญานเข้มข้น

เหยาะอาชาประชิดรถนางสวรรค์   ม่านเผยเห็นผิวผ่องพรรณเหมือนเดือนหงาย      

ถึงตอนนี้ เขาชะโงกไปจนมองสบตาคุณพุ่ม แล้วทำหน้าผงะ แบบเหมือนถูกสายฟ้าฟาด ยกมือขึ้นบังหน้า

จึงแจ้งใจใยพระองค์ทรงยอมตาย

นายมีทำหน้าสลด เอามือแนบ-อกราวอัศวินคนสนิท ที่บังอาจไปหลงรักเจ้าหญิงพระคู่หมั้นของพระราชาเข้า

หม่อมฉันพร้อมทำอุบายถวายเอย

นักกลอนหนุ่มใหญ่ผู้เป็นปราชญ์แท้ ทำหน้าโศกาปนเจ้าชู้ใส่คุณพุ่มเป็นเชิงเกี้ยวพา ทำให้ท่านผู้ชมอมยิ้มขวยเขินไปด้วยโดยทั่วกัน

องค์ทินกรยังสั่งเพลงอย่างมีนัยยะ

“ บังใบ ”

คุณพุ่มรับมุก ด้วยการทำหน้าเชิดหยิ่ง เชอะ..ใส่ไปตามบท ซึ่งก็ทำให้คนดู โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหล่านางในต่างๆวัยในแพพระที่นั่ง หัวเราะคักคิกกระซิกกระซี้ไปตามๆกัน

คนดูสาวใหญ่อีกนาง คือแม่จำปา ยังอดกระซิบกับลุงแดงไม่ได้

“ ฉันนิยมนายมีบ้านบุ เชิงกลอนมิได้แพ้ท่านอาลักษณ์ภู่เลย..”

ขณะที่วงดนตรีกำลังเล่นรับกับเสียงร้องเพลงนั้น

คุณพุ่มหันไปปรึกษากับบุคคลที่ซุ่มในเงาเบื้องหลัง เห็นมือขาวนิ้วเรียวที่จับแท่งดินสอขีดเขียนบนกระดานชนวนรวดเร็ว ยื่นให้คุณพุ่มดู คุณพุ่มกระซิบแก้ แล้วปลายนิ้วนั้นก็รีบถูลบ เขียนแก้ไขใหม่

ทุกภาพอยู่ในสายตาว่องไวของฮุน ที่กระวนกระวายกระสับกระส่าย

เจ้าคุณอินทราฟังกลอนนายมีแล้วก็ตบเข่า

“ ไม่เบาๆ ห่างหายไปเขียนพระระเบียงวัดพระแก้วเสีย..สมที่ตามตัวมาได้

ท่านหัวเราะชอบใจ

“ อยากรู้ว่า..คุณพุ่ม จะตอกกลับเช่นไร ”

“ สนุกแน่! ”

นายสุ่นกลับมาครึกครื้น เมื่อใกล้บทเข้าพระเข้านาง ทว่านางจำปาแอบกระซิบลุงแดงเบาๆ

“ นี่ถ้าลำจวนเล่นเป็นบุษบา  มันต้องไม่ยอม.. มาทำโลมเลียว่าเห็นผิวเห็นพรรณอะไรพรรค์นี้ ”

 ลุงแดงหันมา ยิ้มเห็นด้วย

และแล้ว ก็ถึงบทบาทของเจ้านายของฮุน

หลวงสิทธิ์นายเวรวางกระดานชนวนลงบนตัก ปั้นหน้าอ่อนระอา

สักวาสียะตราพระน้องแก้ว         ช้ำหมดแล้วเพราะอิเหนาเฝ้าจับต้อง

 คนดูฮาครืน

สังคามาระตานั้นเพียงตัวสำรอง  

ท่านทำท่าค้อนไปทางพระองค์ชายนวม องค์วงศาสนิท

ทำให้เสียงหัวเราะดังยิ่งกว่าเดิม

ส่วนองค์วงศาสนิททรงปล่อยก๊าก..ลั่น

คุณช่วงหันไปทิ้งตาละห้อยให้คุณพุ่มที ให้สมเด็จฯเจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์ที ท่วงท่าออดอ้อนงอแงเป็นเด็กเล็กๆสมบทบาท

เราเป็นน้องใช้ถวายมาลัยวัลย์

 ท่านถอนใจเฮือก ส่ายหน้า เรียกเสียงฮาได้อีก

 พระพี่นางก็ฟึดฟัดซัดดอกไม้    เขวี้ยงมาใส่ใช้เราเป็นเป้านั่น

เจ้าของดอกไม้สิชังกัน     แต่บุหงานั้นชอบใจเอย

ท่าน  ’ลงเอย’ ด้วยการนั่งหน้าเศร้า ทำตาปริบๆ

เห็นได้ชัด ว่าคุณช่วง หลวงสิทธิ์ฯ มหาดเล็กนายเวรคนสนิทท่านนี้ เป็นคนที่มีเสน่ห์ กล้า มั่นใจ ผ่อนคลายยิ่ง

คุณพุ่มหันไปค้อนคมใส่ ท่ากระตุ้งกระติ้ง  ทำให้คนดูขำ ฮาเกรียวขึ้นมาอีกจังหวะ

พระองค์เจ้าทินกรทรงสั่งเพลง

“ สามเส้า ”

ฮุนหัวเราะขันนายน้อยของตน

“ เป็นบุญตาจริง ได้เห็นนายน้อยแสดงบทบาทเป็นเด็กเล็กๆ ทำตาเล็กตาน้อย ”

ทว่าเพื่อนๆคนงานอู่ต่อเรือของฮุนสนุกพอแล้ว ต่างสะกิดกัน ทั้งซาน ไห่ แช

“ เห็นท่านเล่นแล้ว..พอแล้ว เราไปสำเพ็งกันเถิด”

“ ไปกินข้าวต้มอาหงดีกว่า  ไปๆ”

เพื่อนๆโอบกอด ทั้งลากทั้งผลักดันตัวฮุน

“ ประเดี๋ยวซี ดูให้จบก่อนเถิด ”

ฮุนขืน

“ หิวแล้ว..”

แชอุทธรณ์

“ น่า..อีกไม่นานดอกหนา ”

ฮุนยืนยัน

นางเต็มรีบไล่ ราวกับไม่ต้องการให้ฮุนอยู่ดูต่อ

“ เออ  ดูไม่รู้เรื่องก็ไปกันเถอะ นายฮุน พาเพื่อนไปสิ ดูไปก็ไม่มีอะไรหรอก ไปซะไปๆๆ ”

หนุ่มจีนขมวดคิ้ว

“ ผมไม่ไป ผมจะดู ”

น่าแปลกใจ ที่บรรดาลูกท่านหลานเธอ ข้าราชการชายกรมพระคลังมหาสมบัติ เพื่อนร่วมที่ทำงานของคุณเฉก กลับมายืนดูอยู่ในบริเวณไม่ไกลจากพวกไพร่เช่นฮุน

“ บุษบาท่าเรือจ้าง คุณอาของไอ้เฉก งามแลดูอ่อนเยาว์ไม่ผิดสาวรุ่นๆ ”

“ มองดูหูตาสิ ไม่ได้มีสะเทิ้นสะท้านเอียงอายเหล่าชายทั้งหมดนั้นเลย ”

“ แล้วไอ้เฉกมันไปไหน ไม่ยักมาดู..”

ฮุนได้ยินก็ถอนใจ จริงสิ มันหายไปไหนหนอ..ไม่ยักมาดู

ในที่สุด ก็ถึงบทของพระองค์เจ้าชายทินกรบ้าง

สักวานางยุบลคนหลังค่อม                  หาปะหนันท่อมท่อมน่าสงสาร

หลงป่าสะดุดล้มซมซาน            จนพบพานแสนเสน่ห์กุเรปัน

ดอกปะหนันพระเก็บเล็บจำหลัก             เป็นลายลักษณ์ถึงบุษบาพาฝัน     

คนรูปงามเขาเขียนสาส์นให้อ่านกัน         คนรูปชั่วอย่างฉันแค่ส่งเอย

คำว่าคนรูปชั่ว ตรงข้ามกับความจริงที่ทรงหล่อเหลา  พระองค์ท่านทรงทำเนตรเศร้าๆ ชะม้อยอ่อนหวานใส่คุณพุ่ม

เสียงฮาหวีดหมั่นไส้เบาๆของบรรดาสตรีจากในแพพระที่นั่ง แสดงว่าทรงมีผู้ปลาบปลื้มเป็นนางในไม่น้อย ด้วยคณะละครของท่าน อันมีพระมารดาท่านมาเป็นครูสอนรำอยู่  ซึ่งทรงเคยเป็นเจ้าจอมในแผ่นดินกลางผู้เป็นนางรำสำคัญที่ได้รับความนิยมชมชื่นอย่าง ‘ ดารา ’ ละครในมาก่อน องค์ท่านเอง พระพักตร์ละม้ายพระมารดาไม่น้อย

ทรงว่ากลอนแล้ว ก็ทรงสั่งเพลงต่อเองทันที

“ กระแตไต่ไม้ ”

ขณะคนร้องขับร้อง ท่านอดีตอาลักษณ์ภู่ส่งกระดานกลอนถวายเจ้าฟ้าน้อย ทรงรับกระดานชนวนไป ทรงแก้บางคำ บางวรรค ที่จะต้องทรงว่าต่อไป ทรงจ้องมายังคุณพุ่มจริงจัง คุณพุ่มมองตอบด้วยแววยิ้มเยือกเย็นห่างเหิน แล้วกลับเมินไปทางอื่น

ฮุนหันกลับมา พยายามเพ่งดูร่างที่แอบหลังอยู่ในเงามืดหลังคุณพุ่ม วับๆแว้บๆ

“ คนที่อยู่ในเรือคุณพุ่มอีกคนนั้น..สตรีนี่หนา ผู้ใดขอรับ ”

นางเต็มทำเป็นไม่ได้ยิน ไม่รู้ไม่ชี้

โคมตะเกียงของเจ้าฟ้าน้อยถูกไขให้จ้าขึ้น

คนดูแทบทั้งหมด เหมือนเงียบกริบกว่าเดิม ตั้งใจฟัง

พระสุรเสียงนุ่มนวล ทว่าหนักแน่น ดังคมชัดอย่างมีอำนาจ

สักวาอิเหนากุเรปัน..

แม้แต่องค์ผู้เป็นประธานในแพพระที่นั่ง ก็ประทับนิ่ง เงียบ

มองแสงจันทร์คืนนี้ไม่มีเหมือน

องค์ ‘อิเหนา’  หันไป ทอดพระเนตรคุณพุ่มตรงๆ

หลายขวบปีคอยหายเสียดายเดือน       ที่ลาเลือนเคลื่อนลับไม่กลับคืน

สีหน้าคุณพุ่มเย็นชา

เธอก้มลง เขียนสิ่งที่จะตอบอย่างแน่วแน่

วอนของ้อดีสักกี่ครั้ง                    หามีความหวังมาให้ชื่น

แสนรักสุดระทมล้มทั้งยืน             ยิ้มด้วยฝืนใจอยู่รู้ไหมเอย

สตรีในที่นั้นหลายคนถอนใจเฮือก.. ไม่เว้นแม้แต่เมียๆของเจ้าคุณอินทรา

พระองค์เจ้าชายทินกรทรงสั่งเพลงอย่างอ่อนไหวไปกับกลอนสักวาบทนั้น

“ พัดชา ”

และแล้วเมื่อเพลงอันหวานละห้อย เนื่องเพราะคนร้องชายทำเสียงเศร้าโศกนักจบลง ก็ถึงลำดับที่โคมไฟหน้าคุณพุ่มถูกไขสว่างจ้าขึ้น

สักวาพระมหาเทวี                       วันนี้จะฉายกริชปลิดอิเหนา

เสียงคนดูระบายลมหายใจแรงฮือฮา

หน้าคุณพุ่มนิ่ง เรียบขรึม

อดีตอาลักษณ์ ถึงกับถอนใจอย่างปลงๆ ปนขำๆ ขณะสมเด็จฯเจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์เอง ทรงพยักหน้ารับ ยิ้มน้อยๆ

 ถ้ำมืดมิดเราปิดป้องธิดาเรา                 ค้างคาวเถื่อนมันจะเข้ามากล้ำกราย

แม้นแผ่นดินสิ้นชายที่พึงเชย       อย่ามีคู่เสียเลยจะเสียหาย

ลูกแม่อย่าจุดเทียนไปเสี่ยงทาย        ตัดผู้ชายให้ขาดฉลาดเอย

นี่คือสักวาของบุษบาท่าเรือจ้างที่ทุกคนรอ

ในแพพระที่นั่ง ทรงตบพระเพลาฉาด  เสียงหัวเราะฮาสาแก่ใจของข้าราชบริพารในแพ ก็บอกถึงความนัยที่ทุกคนรู้ทั่ว

“ นกจาก ”

พระองค์เจ้าชายทินกรยังสั่งเพลงด้วยความระย่อ

ขณะที่กลุ่มบุรุษเพื่อนข้าราชการจากที่ทำงานของลำจวน ทำเสียงโห่โวยวายเบาๆ ด้วยเจ็บแค้นแทนองค์ ‘ อิเหนา ’ เหลือหลาย  จนฮุนต้องหันไปมองหน้า

“ จบแล้ว กลับได้ๆ ”

นางเต็มผลัก

“ อ้าว  จบแล้วรือขอรับ ”

ฮุนงง

“ ใช่  ฉันไปล่ะนะ จะไปเที่ยวไหนก็ไปกันเถิดหนา นายฮุน ไปซี่ ไปๆๆๆ ”

นางเต็มเดินเบียดคน รีบเร่งกลับออกไป

เพื่อนๆฮุนดึงแขนลากฮุน

“ ไม่น่าจะจบง่ายๆเพียงนี้หนา ”

ชายหนุ่มไม่ยอมขยับเขยื้อน

เจ้าคุณอินทราก็ชะเง้อรอดูนักกลอนโปรดขอท่าน

“ เห็นว่าท่านอาลักษณ์ภู่ก็มา ครานี้มิได้อยู่ในผ้าเหลืองแล้ว น่าจะได้เล่นบ้างหนา ”

“ หรือท่านอาลักษณ์อาจจะยังไม่กล้าสำแดงตัวต่อหน้าพระพักตร์หรือไม่คะ ”

คุณหญิงคาดการณ์

“ ความจริง..พระองค์ท่านมิได้ทรงรังคัดรังแคอะไรท่านอาลักษณ์ดอก..เป็นท่านอาลักษณ์แหล ที่ร้อนตัวไปเอง..”

เจ้าคุณแย้ง

“ ท่านอาลักษณ์เป็นพวกวังฝั่งโน้น ท่านก็ย่อมหนีในหลวงไกลเป็นธรรมดา ”

คุณหญิงกระซิบสามี คราวนี้ด้วยเสียงเบาที่สุด ความหมายคือ ท่านภู่เป็นพวกฝักใฝ่ฝ่ายเจ้าฟ้ามงกุฎที่ขณะนั้นทรงผนวชอยู่ กับสมเด็จฯเจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์ซึ่งประทับอยู่ที่พระราชวังเดิมธนบุรีนั่นเอง

 

ลำดับนั้น เรือของเจ้าฟ้าน้อย  ที่เดิมจอดแนวตรง ให้ผู้ทรงเป็นเจ้าของเรือได้แสดงอยู่ผู้เดียว กลับขยับเรือ หันเป็นจอดเอียง ให้เห็นอดีตอาลักษณ์ภู่ ที่หมอบเฝ้าอยู่ ได้แสดงตัว ทำให้เจ้าคุณอินทรากับคุณหญิงภรรยาอุทานเบาให้กัน เพราะเพิ่งนินทาไปหยกๆ

อาลักษณ์เก่าถวายบังคมไปยังที่ประทับ กราบลงแล้วจึงเงยขึ้นมา ว่ากลอน ซึ่งเป็นบทสร้อยส่งท้าย สีหน้าเปี่ยมด้วยอารมณ์ทั้งหมดประมวลกัน ทั้งสุข ทุกข์  เศร้า ปีติ

สักวาโอ้เจ้าเดือนดวงน้อย      ไยเจ้าลอยเลยลับไม่กลับหวน

จำจากพรากไกลอาลัยครวญ       อำลามวลมิตรรักสักรวา

เคยต่อคารมคมตาเจ้า              เคยเย้าหยอกยั่วกันทั่วหน้า

ต่อนี้เมื่อใดจะได้มา                 เล่นสักวาด้วยกันเอย     

ในแพที่ประทับ  เงียบกริบ

เสียงของท่านจึงคมก้อง เผยความอาลัยอาวรณ์ ถวิลอดีตงาม อันแสนจับจิตใจ



Don`t copy text!