
บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 72 : ข้ามน้ำข้ามแผ่นดิน
โดย : ปราณประมูล
บุษบาลุยไฟ โดย ปราณประมูล เรื่องราวของ ลำจวน หญิงสาวผู้ต่อสู้กับค่านิยมทางสังคมในยุค ร.3 เธอลุกขึ้นทำสิ่งที่คนในห่วงเวลานั้นไม่ทำกัน หนทางจึงไม่ได้ราบรื่น หากเต็มไปด้วยอุปสรรคและถ้าไม่ใช่เพราะแรงรักแรงใจที่หนุ่มจีนคนนั้น คงยากที่บุษบาดอกนี้จะไปสู่จุดหมาย ‘บุษบาลุยไฟ’ นวนิยายเรื่องเยี่ยมที่อ่านเอานำมาให้อ่านออนไลน์
เรือแล่นไปในท้องทะเลยามแดดจ้า ฟ้าใส ท้องน้ำเป็นสีน้ำเงินสด
จุมโพ่ชาวอิสลามชาวเมืองละครกำลังต้มเกาเหลาอย่างจีนบนเตาไฟลุกโชน กลิ่นน้ำซุปเนื้อวัวที่หนักเครื่องเทศหอมฟุ้ง
คนงานในครัวช่วยกันหั่นผัก หั่นเนื้อและเครื่องในวัวที่ตุ๋นมาทั้งคืนจนเปื่อยนุ่ม ให้เป็นชิ้นเล็กๆมากมายก่ายกอง
ลำจวนกับฮุนช่วยกันหุงข้าวหม้อใหญ่แบบไม่เช็ดน้ำ หมุนหม้อข้าว ดงข้าวไปรอบๆเตาให้ความร้อนระอุกระจายไปทั่ว
จุมโพ่มองด้วยความเอ็นดู เอ่ยหยอก
“ สองผัวเมียนั่น..หากทำข้าวไหม้ ข้าจะจับโยนลงทะเลให้ปลาฉลากกิน ”
“ กระผมหุงข้าวไม่เคยไหม้ หากจะไหม้ ก็เห็นจะเป็นความผิดของลำจวน ”
ฮุนหันมาแหย่ลำจวนอีกทอดหนึ่ง
“ อย่ามาหาความฉัน พี่ฮุนหุงข้าวไม่ไหม้ดอก หากดิบแลแฉะไปพร้อมๆกัน ”
หญิงสาวไม่ใช่เมียที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาไม่มีปากเสียงจริงๆ ทุกคนในครัวหัวเราะขันท่าคอหด กลัวเมียของชายหนุ่ม
แต่แล้วพอหันไปทางประตูเข้าครัว ก็พากันเงียบ หน้าเผือด
ลำจวน ฮุนยังก้มหน้าก้มตา ช่วยกันยกหม้อวางลงตรงเตาว่างๆ
“ ฉันว่าสุกทั่วดีแล้วหนา”
“ ไหน ขอชิมก่อนเถิด ”
ลำจวนส่งกระจ่าให้ ฮุน
ชายหนุ่มเปิดหม้อ
ท่ามกลางควันขาวหอมฟุ้ง ฮุนและลำจวนเงยขึ้น มองเห็นทนายพด ที่เข้ามาเยือนด้วยกลิ่นน้ำแกงต่างฝ่ายต่างผงะ ตะลึงงัน
ทั้งสองรีบทรุดลงนั่ง แล้วพนมมือแต้
เหลือบไป ก็พบว่าคนอื่นๆในครัวพากันนั่งพนมมือเหนือหัวกันอยู่ก่อนแล้ว
ทนายพด เขม็งมองจนแน่แก่ใจ
“ อ้ายฮุน..แล..? ”
ทนายหน้าหอของหลวงสิทธิ์นายเวร หาจำหญิงสาวได้ไม่ในขณะแรก
“นั่นเอ็งไปพาลูกสาวผู้ใดหนีมา ”
“ กระผมขอพึ่งบารมีคุณทนายพด ได้โปรดช่วยให้กระผมลี้ภัยไปให้พ้นจากบารมีท่านเจ้าคุณอินทราด้วย กระผมแลเมียยินดีจะทำงานทุกอย่างในเรือลำนี้รับใช้ท่านขอรับ แลกรุณา..อย่าได้ลงโทษทัณฑ์แก่พี่ๆเหล่านี้เลยนะขอรับ”
ฮุนพูดจบ แล้วกราบลง ลำจวนก็กราบด้วย
พวกคนงานพากันกราบตาม
ทนายพดเห็นหน้าหญิงสาวถนัด ถึงแก่นิ่งอั้น งงงัน ทบทวนลำดับความคิด ปะติดปะต่อเหตุการณ์
ใบเรือขาวเป็นประกาย อิ่มลมอยู่ในสายลมยามแสงจ้า เชือกระโยงระยางขึงผูกไว้เป็นระเบียบจากเสาเบื้องบน
ในห้องควบคุมเรือ กัปตันยังคุมพังงาเรืออยู่ สลับกับหันมามองดูสองผัวเมียในชุดคนเรือ นั่งบนพื้น ก้มเคารพนบนอบ ฝ่ายหญิงโพกหัวเก็บผม ไม่ได้แต่งเป็นชาย แต่เพื่อไม่ให้สะดุดตา ล่อใจเพศตรงข้าม
“ ดังนี้ เจ้าก็เป็นคนร้าย ต้องอาญาแผ่นดิน เป็นที่ต้องการตัวของทางราชการ ”
“ กระผมไม่ได้ทำผิดระบิลบ้านระบิลเมืองใดๆหนาขอรับ ”
หนุ่มจีนกล่าวด้วยความเชื่อมั่นในตน
“ เจ้าชิงเมียน้อยของขุนนางระดับเจ้าคุณมาอย่างไรเล่า ”
กัปตันแย้ง
“ อิฉันมิได้เป็นเมียน้อยผู้ใด อิฉันได้หนีจากที่เขากำลังจะเอาตัวไปส่งให้ท่าน..เป็นปีมาแล้ว จนผู้คนคิดว่าตกน้ำตายไปนานแล้ว ส่วนฮุน คือสหายที่มาคบหากันภายหลัง ”
ลำจวนแจงชัดถ้อยชัดคำฉะฉาน ลักษณะทระนงองอาจ ต่างจากหญิงชาวบ้านร้านตลาดชาวสยามที่กัปตันเคยเห็น
ชายชาติฝรั่งปนแขกหันมาทางหนุ่มจีนที่เคยเห็นผ่านตาในอู่บางคอแหลม จำได้ว่าเป็นพวกหัวหน้างานฝีมือที่ทำกระทงดอกบัววันลอยพระประทีป
“ จีนชั้นช่างฝีมืออย่างเจ้า กล้าหยามหน้าคนใหญ่โตปานนี้เทียวรือ? ”
ทนายพดอธิบายต่อกัปตัน
“ เจ้าคุณคงเจ็บใจ ที่ปล่อยออลำจวนลอยนวลอยู่ในคราบชายมานาน พอเห็นว่าเป็นหญิงในคืนที่หล่อนขึ้นแสดงpoem ร่วมกับคุณชายน้อย จึงจำได้ คิดจะเอาตัวกลับมา แต่อ้ายฮุนมาตัดหน้าเสียฉิบ ”
“ ฮุนไม่ได้ทำเช่นนั้นเจ้าค่ะ”
ลำจวนแก้ต่าง
“ เขาต้องตกกระไดพลอยโจน เพราะไปคอยเฝ้าระวัง ห่วงว่าหลังจากแสดงสักวาแล้ว มีคนจำได้ อิฉันจะมีภัย พอดีพี่ชายอิฉันมาหลอกฉุดคร่าเอาตัวอิฉันไป ฮุนจึงตามไปช่วย ฮุนไม่ควรจะมีความผิดใดๆ ”
หญิงสาวเอื้อมจับมือผู้สามี มองด้วยแววตาสำนึกบุญคุณ
“ พวกที่คิดข่มขืนจิตใจพาอิฉันกลับไปขายให้เจ้าคุณแลกกับผลประโยชน์ของตนต่างหาก ที่เป็นเหตุ มิฉะนั้น ป่านนี้ อิฉันก็คงได้ไปอยู่ในวังหลวง ได้ถวายตัวเป็นข้าพระบาทพระองค์เจ้าวิลาศ.. หมายถึง..กรมหมื่นอัปสรสุดาเทพไปแล้ว ”
เธอหันมามองทนายพด เป็นเชิงขอความสนับสนุน
กัปตันพินิจใคร่ครวญ
“ อืม..เธอเป็นสตรีสยามที่smartมาก สตรีเช่นนี้ ไม่อาจยอมเป็นเมียน้อยนั่งหมอบก้มเป็นแถวๆในฮาเร็มเจ้าขุนมูลนายดอก ”
หญิงสาวยิ้มออก ใจชื้น
“ thank you ค่ะ ”
“ โอ้ว ยอร์เว้ลคั่ม! ”
“ กระผมขออภัยอย่างสูงที่ทำให้ผู้หลักผู้ใหญ่ต้องพลอยลำบากใจ ”
ฮุนพนมมือไหว้
กัปตันมองทั้งสอง แววตาสมเพช
“ เรื่องเช่นนี้ เกิดขึ้นได้ทั้งโลก สตรีที่ถูกจับคลุมถุงชนกับคนชั้นสูง รักกับคนชนชั้นล่าง ความรักนั้นโรแมนติก แลมักจบลงด้วยความเศร้า ”
“อันที่จริง นายฮุนก็ไม่ใช่จีนต่ำต้อยอย่างใด ได้เป็นถึงช่างเขียนหลวง เขาเขียนภาพงามๆ ในtempleต่างๆ ”
ทนายพดขยายเพิ่ม
“ โอ้ว..he is a royal painter! ”
กัปตันทึ่ง
“ กระผมขอความกรุณา..อย่าส่งกระผมขึ้นฝั่งเลย ขอไปให้พ้นจากเขตแดนสยามไปก่อนเถิดขอรับ”
ฮุนอ้อนวอน
“ ท่านกัปปิตัน โปรดอนุญาตให้เขาสองคน โดยสารเรือลำนี้ไปด้วย เช่นคนงานในห้องเก็บเสบียงแลครัวเถิด กระผมขอรับผิดรับชอบเอง ”
ทนายพดออกหน้าปกป้อง ฐานที่หนุ่มจีนนี้เคยรับใช้ไหว้วานเสี่ยงภัยช่วยคนงานบางคอแหลมจากโรงฝิ่น แล้วหันมากำชับเสียงเข้ม
“ พวกเจ้าก็อย่าออกไปเดินพลุกพล่านให้คนมันเอาไปพูดกันได้ ว่ามีคนลักลอบขึ้นเรือมาเล่า ”
บนชายหาดทรายขาวที่แหลมตะลุมพุกในแสงตะวันยามเย็น เป็นเขตแดนสยามจุดสุดท้ายที่เรือกำปั่นจอดเทียบ
ฮุนกับคนงานอื่นๆ กำลังช่วยกันแบกน้ำจืดใส่ตุ่มดินเผาขนาดย่อม จากคลองต้นน้ำลึกเข้าไปในแผ่นดิน ไปบรรทุกลงเรือเล็ก ให้คนแจวๆออกไปส่งยังกำปั่นใหญ่ที่จอดทอดสมออยู่ในทะเล ไกลออกไป
นักเดินเรือสมัยก่อนที่เดินทางเลียบฝั่งอ่าวไทยลงสู้ทางใต้ ต้องจอดพักเรือเพื่อบังลมบังฝน พักผ่อน ขนน้ำดื่มน้ำใช้ จากแหล่งน้ำจืดบนแผ่นดิน มักแวะกันสามร้อยยอด ประจวบคีรีขันท์เป็นหลัก แต่หากเป็นเรือที่ไปไกลจนถึงสิงคโปร์ ช่องแคบมะละกา ก็มีแหลมตะลุมพุก นครศรีธรรมราช เป็นอีกจุดหนึ่งซึ่งใช้กันมาแต่สมัยโบราณ หรือใม่ก็เป็นที่สงขลา หรือปัตตานี เพราะเป็นที่มีภูมิประเทศที่เหมาะสม เรือใหญ่เข้าจอดง่าย อุดมสมบูรณ์ด้วยแหล่งน้ำและอาหาร เป็นที่นิยมของนักเดินเรือจีนและอิสลาม จนเกิดชุมชนขึ้นที่ปลายแหลม ปรากฏในแผนที่เดินเรือในสมัยรัชกาลที่สอง และรัชกาลที่สาม
พวกกะลาสีที่แกร่วบนเรือกันมานาน พากันลงมาเล่นน้ำ กลุ่มคนครัวพากันเดินเข้าไปหาซื้ออาหารจากชาวบ้าน
จุมโพ่บอกกับลำจวน ที่ขอไปช่วยเลือกผักเลือกปลากับบรรดาคนครัว
“ ในคลองน้ำจืดนี้ มีปลาตะลุมพุกพวกนี้ชุกชุม แหลมนี้ จึงเรียกว่าแหลมตะลุมพุก ”
“ แถวบ้านฉันเรียกปลากระลุมพุก มีมากแถวบางยี่ขันจ้ะ เขาว่ามันมากินส่าเหล้าที่โรงเหล้าแถวนั้นเททิ้ง ”
“ มันคือปลาสองน้ำ ตัวใหญ่ๆ อยู่ในทะเล แต่ว่ายเข้าคลอง ไปวางไข่ในน้ำจืด ”
“ คนก็เลยดักจับกินกันสบายใจ ”
พวกชายทำกับข้าวฟังหญิงสาวคุย ลำจวนไม่มีจริตอย่างหญิงให้ต้องขัดเขินห่างเหินกัน ทว่าวางตัวราวกับญาติพี่น้อง อาจเป็นเพราะเธออยู่ในคณะละครนอก คลุกคลีกับเหล่าชายลูกน้องนายสุ่นมาจนเคยคุ้น รวมกับที่เคยได้แต่งเป็นชาย ทำตัวกลมกลืนกับเพื่อนร่วมงานชายล้วนมาบ้าง
ฮุนยกตุ่มใส่น้ำเสร็จแล้ว เห็นคณะทำครัวกลับมาถึงพอดี ก็มาช่วยยกเข่งกับข้าว
“ น้ำที่ต้นคลองจืดสนิทดี ไม่กร่อยเลย กินอร่อย บนเรือจะได้มีน้ำดีๆกิน ”
จุมโพ่มองสองผัวเมียที่ขยันขันแข็งไม่วางมืออย่างถูกใจ
“ เจ้าฮุน เจ้าลำจวน หากเจ้าอยากจะทำมาหากินอยู่ที่เมืองนคร ข้าพอจะให้ญาติที่อยู่แถวมัสยิดที่นี่พาเจ้าเข้าเมืองไปได้หนา ให้คุณทนายพดเขียนหนังสือฝากท่านคุณพระน้อยกลาง ท่านเจ้าเมืองนครคนใหม่ เจ้าก็จักอยู่เป็นคนนครฯ ไม่ต้องรอนแรมอีกต่อไป แลพ้นเงื้อมมือเจ้าคุณนครบาลได้ ”
ลำจวน กับฮุนสบตากัน
“ ไม่ดีกว่าจ้ะบัง ”
ลำจวนพยักเพยิดกับฮุน
“ เรานำความเดือดเนื้อร้อนใจไปให้ผู้ที่เมตตาเราทั้งหลายมามากพอแล้ว อย่าให้ผู้ใดต้องมีโทษภัย เพราะเราไปพึ่งพาอีกเลย ”
ฮุนบอกบังอย่างรักษาน้ำใจ
“ ฉันก็เห็นเช่นกัน ไปตายเอาดาบหน้าแผ่นดินไกล อาจจักพอเงยหน้าอ้าปากอย่างสง่าผ่าเผย ไม่ต้องปลอมแปลงตัว หลบๆซ่อนๆเขาอีก ”
ขึ้นแปดค่ำ พระจันทร์บนฟ้าเริ่มป่องเป็นค่อนดวง ลมสงัดในคืนนี้ กะลาสีจำนวนหนึ่ง ปีนขึ้นไปคลี่คลายผ่อนเชือกอยู่บนเสาสูง
คนเรือจีนคนหนึ่ง เอาขลุ่ยจีนขึ้นมาเป่า เสียงหวานแผ่ว
ลูกเรือคู่ผัวตัวเมียยืนเกาะระเบียงท้ายเรือ ชมดาวกัน
“ นั่นคือดาวจระเข้ เจ้าเห็นไหม นั่นหางจระเข้ นั่นตีนหน้าจระเข้ ”
เจ้าผัวชี้
“ อ๋อ นั่นไง หาง..จระเข้ แล้วนั่น ขาหน้าจระเข้ ”
นางเมียสำนอง
“ เจ้าลากเส้นผ่านขาหน้าทั้งคู่ของจระเข้ ลงไปทางขอบฟ้า เจ้าเห็นไหม มีดาวสว่างสดใสอยู่ตรงนั้น รู้ไหม ว่าคือดาวอันใด ”
“ ดาวอันใด? ”
“ ดาวเหนือ..แสดงว่านั่นคือทิศเหนือ ”
“ เรือเรากำลังเดินทางสู่ทิศใต้ ดาวเหนือ จึงอยู่ข้างหลังนั่นเอง ”
ลำจวนปรบมือหลังจากที่ตัวเองสรุปได้
“ทีนี้เจ้าหันมามองขึ้นไป ตรงกลางฟ้า ตรงนั้น เจ้าเห็นดาวเต่าหรือไม่ มีสี่ขา แลมีดาวสามดวงเรียงกันตรงกลาง ”
ฮุนโอบบ่าลำจวนให้เงยหันตามมือชี้
“ ฉันเห็นดาวสามดวงเรียงกัน แลมีคันไถต่อลงมา นั่นคือดาวไถ ..”
ลำจวนพูด แล้วมองต่อไปตามทิศทางเดียวของแนวดาวสามดวง
“ มองเลยดาวสามดวงนั้นไปทางโน้น..จะเห็นดาวลูกไก่ พ่อเล่าว่า..”
หญิงสาวชะงัก เงียบไป
ฮุนมองฟ้า
“ พ่อลำจวนเล่าว่าอันใด? ”
ลำจวนหันไปอีกทาง
ฮุนรู้สึกผิดสังเกต จึงหันมอง เห็นเมียรักเอาหลังมือเช็ดน้ำตา
“ ลำจวน..”
หญิงสาวหันมายิ้ม แต่รอยน้ำตาหมาดๆ
“ ลำจวนร้องไห้รือ..”
ลำจวนกระพริบตาถี่
“ น้องคิดถึงพ่อรือ? ”
ลำจวนกล้ำกลืน
“ คิดถึงแม่ด้วย ”
ฮุนเศร้าใจ เขาเองก็พยายามบอกตัวเองว่า กง..มีสหายสามคนช่วยดูแล เมื่อใดที่เขาพอมีช่องทางจะกระทำสิ่งไรให้ท่านได้ เขาจะรีบทำทันที
“ ที่แล้วมา อย่างไร..มองข้ามแม่น้ำไป ก็รู้ว่าจักได้พบกันอีก แต่คราวนี้ ..จะได้กลับไปหรือไม่ ก็ไม่อาจรู้ได้เลย ”
เจ้าผัวดึงนางเมียมากอดไว้ ไม่อาจเอ่ยความตั้งใจ ว่าจะหาทางสร้างตัวให้มั่นคงโดยเร็วแล้วหาทางกลับไปอย่างไม่ให้ใครรังแกได้ เพราะที่แท้ก็ยังไม่อาจมั่นใจในอนาคตเลย
นายโรงสุ่นนั่งฟังน้อย หรือบัดนี้คือหม่อมน้อย ที่เป็นมารดาของธิดาองค์หนึ่งของเสด็จฯ
“พ่อ..ฉันก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ในเมื่อเสด็จท่านประชวรออดแอด แล้วเลยล้มเลิกโรงละครผู้หญิงเสียแล้วเช่นนี้ ”
จำปา นอบ นวล นางทิม ช่วยกันปักเย็บชุดละคร ซ่อมแซมเครื่องละครกันอยู่ ต่างรับฟังเคร่งขรึม
“พระโอรสท่าน ไม่มีใครคิดทำต่อกันบ้างเลยรือ? ”
“ ไม่เลยพ่อ แลหม่อมใหญ่ท่าน..ขอให้นางละครทุกคน..กลับไปอยู่บ้าน เพราะท่านเลี้ยงไม่ไหว ..ถ้าฉันจะกลับมาอยู่บ้าน..ช่วยคณะละครของพ่อเล่า? ”
“ ก็มาเถิด มาช่วยกันร้อง มาช่วยกันปักเครื่องละครกัน ช่วงสงกรานต์ มีคนมาว่าไว้แล้วที่วัดนางนอง ไหนจะงานประจำที่บ่อนตลาดน้อย งานมากล้นมืออยู่ ”
นายโรงสุ่นตอบโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด
พอดีลุงแดงเดินขึ้นเรือนมา บอกข่าวล่าสุด
“ งานวัดนางนอง เขาบอกเลิกเราแล้ว ”
“ ได้อย่างไรกัน ก็จ่ายค่ามัดจำมาแล้ว ”
นายโรงงุนงง
“ นั่นแหล เขาบอกมา ว่าให้ยึดค่ามัดจำไปได้เลย มรรคนายกพูดว่า สงกรานต์ทั้งที ต้องเอาคณะใหญ่ๆ เขาเปลี่ยนไปว่าคณะเจ้ากรับ ”
“ เจ้ากรับ อะไรๆก็เจ้ากรับ ไปไหนมาไหน ก็มีแต่คนพูดถึงคณะเจ้ากรับ รู้ ว่าร้องรำสนุกสนานนัก แต่มาบอกเลิกกันอย่างกะทันหันเช่นนี้ มันสมควรรือ ”
นพเดินขึ้นมาโวยวายซ้ำอีกคนหนึ่ง
“ พ่อ..ที่บ่อน มันเอาโรงของเราลง มีคณะขุนเดชมาตั้งฉากแทน ใครไปดูถี มันขนของเราไปกองด้านหลังบ่อนแล้ว”
“ อ้าว เพราะเหตุไร? ”
ลุงแดงเสียงหลง
“ ฉันเข้าไปถามเฮียอ๋า แกบอกว่า คนดูเรียกร้อง ว่าอยากดูเรื่องไกรทอง ”
นพตาขวาง
“ อยากดูไกรทอง คณะเราก็เล่นได้ ทางบ่อนควรจักแจ้งกับเราซี เราก็เล่นตามใจคนดูอยู่แล้ว ”
ลุงแดงหน้าแดงก่ำ
“ มันบอกว่า เหตุไร คณะนายสุ่นต้องผูกขาดแสดงตรงนี้อยู่คณะเดียวเล่า ควรมีคณะอื่นมาสลับกัน คณะนายสุ่นคนดูเบื่อแล้ว คณะขุนเดชแสดงสนุกจัดจ้านสัปปะดี้สีปะดนดีกว่า ”
นพนั่งลงกระแทกกระทั้น ควักยามา ตีชุดไฟจุดสูบ
นายโรงสุ่นลุกพรวด
“ ไป ไอ้แดง ไปบ่อนกับกู ไปเจรจากันให้รู้ความ ”
นวลเข้ามา จับแขนพ่อ ส่ายหน้าห้าม
“ ไปเก็บของกลับมาก็พอ พ่อ ..เจรจาไป ก็ไม่เป็นผลดอก ”
คุณนายนอบกระแทกที่ตำหมาก
“ ก็น่าจะรู้อยู่หนา ว่าเพราะเหตุไร ”
จำปากับทิม สบตากัน เงียบกริบ
“ เมื่อเราไม่ได้เป็นดองกับท่านเจ้าคุณ ถูกท่านตัดขาด ไม่ดูดำดูดี แลแม่น้อยก็หมดวาสนา ถูกหม่อมใหญ่ท่านรังคัดรังแคออกมาแบบนี้ คนที่เคยนับหน้าถือตาคบค้าสมาคมกับเรา ก็ย่อมผันแปรไปเช่นนี้แล ”
คุณนายพยายามข่มเสียงให้เรียบ หากความขุ่นมัวกรุ่นๆ
“ ละครมันจะเป็นที่นิยมชมชอบก็เป็นด้วยตัวของละครนั้นเอง มิใช่ว่า ลูกสาวได้เป็นเมียน้อยใครบ้างคนเขาถึงจะมาว่าจ้างเพราะเกรงอำนาจวาสนาลูกเขย ”
แม่จำปาอดไม่ได้ ขัดขึ้น
“ เจ้าว่าละครพี่ไม่ดีแล้วรือ จำปา? ”
นายโงมองมา ไม่พอใจ
“ ทุกวันนี้คณะละครผู้ชายเกิดกันผลุบๆๆ ราวกับดอกเห็ด พระเอกใหม่ๆหนุ่มๆแน่นๆถมเถ บทละครเรื่องแปลกๆใหม่ๆตลาดๆถูกใจพระเดชพระคุณก็มากมาย คณะดนตรีที่เล่นกันสนุกสนานพิสดารก็นับแทบไม่ถ้วน คณะนายกรับเขาก็ใหญ่โต ฉากอลังการชวนตื่นตาตื่นใจ คณะเราสู้เขาได้จริงไหม ดีกว่าเขาไหม ควรพินิจพิเคราะห์ดูก่อนจะโทษสิ่งอื่น ”
แม่จำปาไม่ยอมลดราวาศอก
ที่สุด นายโรงสุ่นก็โพล่งออกมา
“ แล้วถ้าเป็นเพราะถูกลูกเขยกลั่นแกล้งล่ะ วันนั้น เจ้าคุณโกรธเกรี้ยวเราเพียงไร เจ้าก็เห็นนี่ จำปา”
นวลรับรอง
“ ฉันก็เชื่อเช่นนั้น ”
“ บอกแล้ว บ้านเราทุกคนต้องมาเคราะห์ร้าย เพราะอีลำจวนมันเลว ”
นพระบายควันยาสูบใส่แม่จำปา
นางทิมมองหน้านพเต็มตา แล้วร้องไห้ซัดโฮออกมา สะอึกสะอื้นฮักๆเต็มแรง ไม่เก็บกักกดความอัดอั้นตันใจอีกต่อไป
แม่จำปา เงียบกริบ ก้มหน้า ด้วยเห็นว่าไม่มีประโยชน์อันใดที่จะขุดต้นสายปลายเหตุทั้งหมดทั้งมวลขึ้นมาสาธยายอีกต่อไป
ธงบริษัทบริติชอินเดีย และธงยูเนี่ยนแจ็ค ปลิวไสวในฟ้าสดใส เหนือท่าเรือสิงคโปร์
บนเรือกำปั่นที่ชักธงแดง ตราช้างเผือกอยู่ในกงจักร คนเรือรวมทั้งฮุนช่วยกันหมุนรอกใหญ่ ปล่อยสมอให้หย่อนต่ำลงรวดเร็ว จนจมหายลงไปในน้ำ ท่าเรือสิงคโปร์ คลื่นเรียบ น้ำสีเข้มลึก
กะลาสีอีกกลุ่มช่วยกันเก็บใบเรือ ชักม้วนขึ้นไป มีผู้ปีนขึ้นไปผูกให้เรียบร้อย
เรือเล็กลำแรก มีกัปตันในเครื่องแบบ ทนายพดที่แต่งตัวอย่างนักธุรกิจฝรั่ง ผู้ช่วยชาวมลายู และลูกเรือจีนอาวุโสอีกคน ที่แต่งตัวสุภาพแบบสากล และฮุนกับลำจวน ที่อยู่ในชุดคนงานใหม่สะอาดเรียบร้อย นั่งมา มีคนแจวเรือเป็นคนจีนสิงคโปร์ แจวเข้าเทียบท่า
เรือเล็กบรรทุกของที่ถ่ายจากเรือใหญ่ลงที่ท่าสิงคโปร์ แจวตามมาเป็นแถว
“ เราจะทำธุระแลพักผ่อนอยู่สิงคโปร์นี่ก่อนสักสองคืน จึงเดินทางต่อ แลจะมองหาลู่ทางให้เจ้าทั้งสองคนไปพลางๆด้วย ”
ทนายพดบอก
ลำจวน ฮุน จับมือกันแน่น มองไปรอบๆ ต่างตื่นเต้น และตื่นตาตื่นใจ
มืดแล้ว ในโกดังที่ท่าเรือ แสงไฟตะเกียงน้ำมันแบบทันสมัยสว่างไสว ฮุนช่วยเขียนป้ายภาษาจีน ด้วยหมึกดำ บนแผ่นกระดาษยาวสีขาว ว่า 曼谷 คือ “บางกอก” และวันที่อย่างฝรั่ง ให้เพื่อนคนงาน ช่วยกันนำไปแปะติดบนหีบห่อสินค้า ที่ตั้งซ้อนๆ เรียงๆอย่างเป็นระเบียบ
ลำจวนจดรายการลงในสมุดบัญชีแบบฝรั่ง ด้วยปากกาจุ่มหมึก ที่โต๊ะริมผนัง
มีผู้ช่วยทนายพดที่เป็นคนมลายูที่รู้ทั้งภาษาไทยและอังกฤษคอยสอบทาน และทนายพดยืนควบคุมอีกที
กัปตันกับพ่อค้าจีนในวัยหนุ่มใหญ่ที่ยังไว้เปียและแต่งกายอย่างจีนเยี่ยงเจ้าสัว ทว่าบุคลิกองอาจผึ่งผายไม่แพ้พ่อค้าที่แต่งสูทสากล พากันเดินเข้ามา พอเห็นทนายพด ก็ทำหน้าแปลกใจ
“ คุณทนายยังไม่ไปพักอีก? ”
“ กัปตันเสร็จธุระแล้ว กลับไปพักผ่อนก่อนเถิด ผมต้องดูสินค้าของท่านเจ้าคุณพระคลังไม่ให้ตกหล่น อีกสักพัก ”
ทนายพดหันไปยิ้มให้ท่านผู้มาใหม่ ก้มหัวให้
“ นี่..ท่านคอซู้เจียง เปิดบริษัทค้าส่งสินค้าอยู่ที่เกาะหมาก นี่ก็เพิ่งคิดค้นเรือขุดแร่ดีบุกแบบใหม่สำเร็จจะนำไปใช้ที่พังงา เป็นคนเก่งจริงๆ นี่มิสเตอร์พด เป็นเซเครตทรี่ของลูกชายท่านเจ้าพระยาพระคลัง ”
กัปตันแนะนำ
“ ผมอยากจะเชิญคุณทนายพดไปกินมื้อค่ำกับเราที่ร้านจีนที่ดีที่สุด ”
ฮุนหันไปมอง เมื่อได้ยินท่านผู้นั้นพูดภาษาไทย
“ ยินดียิ่งขอรับ ถ้าเช่นนั้น พวกคุณไปกันก่อน แล้วกระผมจะรีบตามไป ”
“ ไม่ต้องรีบดอกขอรับ รอให้คุณเสร็จธุระก่อน และไปพร้อมกันดีกว่า ”
ท่านคอซู้เจียงหันมองรอบๆ มองดูตัวเขียนภาษาจีนอันงามของฮุนอย่างสนใจ
กัปตันเห็นลำจวน ที่จดบัญชีขะมักเขม้น ก็ทำสีหน้าคาดไม่ถึง
“ นั่น..มิสซิสลำจวนช่วยทำบัญชีรือ? ”
“ แปลกใจ ใช่หรือไม่? ”
ทนายพดหัวเราะอย่างภาคภูมิ
“ เธอเคยทำบัญชีอยู่กรมพระคลังมหาสมบัติ และเธอคัดลายมืองามกว่าคนของเรา ”
ท่านคอซู้เจียงพินิจดูบุคคลที่เป็นประเด็น
หัวหน้าโกดังชาวอินเดีย เดินมาตรวจบัญชีของลำจวน ถามทนายพด เป็นภาษาอังกฤษ
“ จำนวนสินค้า ครบตามออร์เดอร์ไหม? ”
“ ผมดูแล้ว ตรงตามรายการที่สั่งมา.. มิสซิสลำจวนบันทึกส่วนที่เขียนเป็นภาษาไทยกำกับไว้ด้วย คุณราหุละลองทวนอีกที ”
ทนายพดตอบ
ราหุละเอานิ้วไล่ตามตาราง แล้วเงยขึ้น พยักหน้าพอใจ
“ ลงชื่อกำกับไว้ตรงนี้ด้วยค่ะ ”
ลำจวนเอาปากกาจิ้มหมึก ส่งให้
หัวหน้าโกดังรับไป แล้วเซ็นตามที่ลำจวนชี้
ท่านคอซู้เจียงจับสังเกตทุกๆสิ่งที่เกิดขึ้น ด้วยสายตาอันแหลมคม
สามวันต่อมา ที่ท่าเรือขนส่งแร่ดีบุกเมืองปีนังหรือเกาะหมาก คนงานของท่านคอซู้เจียง กำลังช่วยกันโกยแร่ดีบุกจากกองใหญ่บนท่าเรือลงในรางที่ลาดเอียงลงสู่ลำเรือท้องแบน
ฮุนระเห็จลงไปช่วยเพื่อนใหม่ๆเกลี่ยแร่ในเรือให้เรียบ เรียนรู้ รับฟังและทำตามที่หัวหน้างานสอนอย่างเต็มที่
เรือที่บันทุกแร่เต็มเพียบ จะมีคนแจวพาออกไปถ่ายใส่เรือใหญ่ที่จอดอยู่ไกลออกไป ในน้ำลึก
ทนายพด และท่านคอซู้เจียง ยืนดูกันอยู่บนฝั่งสูง
“ เราขนสินค้าจากบางกอกไปส่งลูกค้าที่สิงคโปร์เสร็จแล้ว ตีเรือเปล่ามาขนแร่ที่นี่ ข้ามไปส่งโรงงานเหล็กที่มัทราช จากนั้น จึงขนสินค้าจากมัทราชกลับบางกอก หากท่านคอช่วยอุดช่องโหว่ที่มีอยู่ได้ เราก็จะทำกำไรได้มากขึ้น คือ..จากสิงคโปร์ มาเกาะหมากนี้ หากบริษัทใดมีสินค้าให้ขนมาส่ง ก็จะได้ค่าส่งอีกก้อนนึง แต่ครานี้ผมยังหาลูกค้าจากสิงคโปร์ไม่ทัน เสียดายจริง ต้องเอาไว้เที่ยวหน้า ”
ทนายพดทาบทาม
“ ผมจะรีบเจรจาคอมปานีทางสิงคโปร์ไว้ก่อนเลย ได้ความอย่างไร จะรีบส่งข่าวไป ”
ท่านคอซู้เจียงรับปาก
กัปตันลูกครึ่งอังกฤษกับจุมโพ่ และผู้ช่วยกับลำจวนเดินมองหามา พอพบบุรุษทั้งสอง ก็รีบเข้ามาสมทบ
“ มิสซิสลำจวนช่วยเลือกเสบียงสำหรับทำอาหารไทย ขนไปลงเรือได้มากทีเดียว ”
จุมโพ่อธิบาย
“ ของกินที่นี่ดีๆทั้งนั้น พวกอาหารทะเลงามมากค่ะ ผักก็มีต่างๆจากที่บ้านเรามาก เห็นแล้วอยากทำกับข้าวเหลือเกิน ”
ลำจวนบอก
จุมโพ่มองดูฮุน ที่ลงไปอยู่ในน้ำแล้วตอนนี้ เพราะดูเหมือนเรือท้องแบนจะหนักจนติดสันทราย ทำให้ทุกคนต้องโดดลงไปช่วยกันผลักดันเข็นให้ขยับไป
“ ฮุนคงมีงานที่นี่ทำแล้วสินะ ลำจวนคงต้องหัดทำอาหารบาบายอนย่าแล้วล่ะ ”
จุมโพ่เย้า
คอซู้เจียงหันมายิ้มให้หญิงสาวอย่างเมตตา
“ หล่อนต้องหัดทำชาก๋วยเตี๋ยว เป็นหมี่ผัด ใส่กุ้ง ใส่หอยแครง หรือจะกินฮกเกี้ยนชา เป็นหมี่น้ำ ใส่ปลาใส่กุ้งให้นายฮุนกิน ”
ลำจวนตาโต
“ ฟังแล้วน่ากินมากเจ้าค่ะ ”
“ ลำจวนแลฮุนฉลาดเฉลียวคมคายต่างจากคนอื่นๆ หนักเอาเบาสู้ ทำได้ทุกอย่าง ”
ทนายพดรับรองกับท่านคออย่างฝากฝัง
“ กระผมขาดคนจากสยามที่ใช้ภาษาจีนได้ อยู่ช่วยงานที่นี่ เวลากลับไปพังงาแล้ว ผมอยากมีคนที่รักบ้านเมืองสยามอยู่เป็นหลักทางนี้บ้าง ไม่เช่นนั้น ก็มีแต่คนจีน คนอินเดีย เขาไม่สนใจจะรักษาประโยชน์ให้สยามเท่าที่ควร ”
ท่านคอแถลงความในใจ
“ ท่านคอก็เป็นคนจีน..”
ทนายพดมองหน้า
ท่านคอซู้เจียงหัวเราะ
“ กระผมจากเมืองจีนมานานมากแล้ว เวลานี้รู้สึกตัวว่าเป็นคนไทยมากกว่า นายฮุนคนนั้นเป็นฮกเกี้ยนเกิดในสยาม มิใช่รือ..”
ฮุน ที่อยู่ในน้ำ มองขึ้นมาบนฝั่ง เห็นลำจวนยืนอยู่ในหมู่บุรุษอย่างกลมกลืน ยืดร่างสง่า ยิ้มกว้าง และโบกมือให้เขาสุดแขน โดยไม่ต้องห่อตัว ก้มหลัง กุมมือ หนีบกายแต่อย่างใด
ชายหนุ่มโบกมือตอบ แววตาแจ่มใส
ลำจวนหัวเราะให้ฮุน
เขาเป็นคนที่เข้ากับเพื่อนคนงานในทุกชาติชั้นอย่างสบายกาย สบายใจ และยังรักษาความสง่า สำรวม สุภาพ โดยไม่ต่ำต้อยน้อยหน้าไปกว่าบรรดา ‘คุณ’ บรรดา ‘ ท่าน’ เหล่านี้เลย
เธอหันมายิ้มกับท่านคอซู้เจียง ทนายพด กัปตันและคุณจุมโพ่ใจดี ด้วยความรู้สึกปลอดโปร่งอย่างไม่เคยเป็น
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 72 : ข้ามน้ำข้ามแผ่นดิน
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 71 : พ้น ไม่พ้น
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 70 : พสุธาจะอาศัย
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 69 : ประสายาก
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 68 : ความรักของคนนอกขอบ
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 67 : หมดทางย้อนกลับ
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 66 : ฉุดกลางน้ำ
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 65 : ผลแห่งการละเล่นคะนอง
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 64 : เกินควบคุม
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 63 : สักวาหน้าพระที่นั่ง
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 62 : นับถอยหลัง
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 61 : แรงขับ
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 60 : ตัดปี้ มีอนาคต
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 59 : ไม่เคยง่าย
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 58 : ปะทะ
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 57 : ท่องราตรี
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 56 : โล่งไปที
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 55 : มีเพื่อนเล่นไม่เหมือนกับเพื่อนตาย
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 54 : โลกนอกแพ
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 53 : ใกล้ชิด
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 52 : ไม่คลาดคลา
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 50 : อุปสรรคยังไม่สิ้น
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 49 : สัญชาตญาณแม่
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 48 : ผู้รับใช้รอบทิศ
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 51 : เส้นรัก
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 47 : กตเวทิตา
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 46 : ระทึก
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 45 : ฟ้อนแคน
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 44 : คืนร้อน
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 43 : กรณีชิงศิษย์
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 42 : พระอภัยมณีเป็นเหตุ
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 41 : แผนสูง
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 40 : เส้นทางสร้างทำ
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 39 : วุ่นวายข้างวัง
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 38 : ถวิลทุกขวบค่ำเช้า หยุดได้ฉันใด
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 37 : ขมิ้นกับปูน
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 36 : ดวงเดือนเคลื่อนคล้อย
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 35 : แมวกับหนู
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 34 : ที่วัดโพธิ์
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 33 : ก้าวไปไม่กลับหลัง
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 32 : พบศพ
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 31 : คุณชาย
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 30 : เกิดใหม่
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 29 : บนแพคุณพุ่ม
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 28 : รอด..หรือไม่รอด
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 27 : หนี
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 26 : ดิ้นรน
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 25 : หิ่งห้อยรือจะแข่งแสงจันทรา
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 24 : คงแป๊ะผู้พลั้งมือ
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 23 : สิ้นหวัง
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 22 : ดับฝัน
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 21 : ไม่ยอมพราก
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 20 : พบแล้ว
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 19 : อ่อยเหยื่อ
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 18 : รูปโฉมโนมพรรณหาผิดไม่
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 17 : พระรอด
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 16 : เกิดเหตุ
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 15 : สาวงาม
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 14 : นายฮุนผู้เป็นที่ต้องการ
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 13 : สตรีต้นแบบ
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 12 : ชะตากรรม
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 11 : ลงมือเขียนภาพ
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 10 : เส้นทางของลูกสาว
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 9 : การประชัน
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 8 : ทะเยอทะยาน
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 7 : ลำจวนกับฮุน
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 6 : น้อยกับนวล
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 5 : สองครู
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 4 : เด็กหนุ่มผมเปีย
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 3 : เด็กหญิงผู้อยู่นอกวง..ทุกวง
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 2 : หลวงพี่บุญลือ
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 1 : ลำจวน