บุษราอาฆาต บทที่ 4 : จุดประสงค์ของวิญญาณ

บุษราอาฆาต บทที่ 4 : จุดประสงค์ของวิญญาณ

โดย : เก้าแต้ม

Loading

บุษราอาฆาต เรื่องราวของบุษราคัมเม็ดงามที่แฝงไปด้วยความลึกลับกับวิญญาณของหญิงสาว เหตุใดวิญญาณของเธอจึงติดตามมาทำร้ายทุกคนที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับบุษราคัมน้ำงาม ร่วมกันหาคำตอบได้ใน ‘บุษราอาฆาต’ นวนิยายแนวลึกลับโรแมนติก โดย เก้าแต้ม … นิยายออนไลน์ ที่ อ่านเอา อยากให้คูณได้ อ่านออนไลน์

…………………………………………

 

“ปู่ว่า เป็นไปได้ไหมที่จู่ๆ วิญญาณจะขู่ฆ่าเรา”

ณิรินยังสยองไม่หาย หล่อนเห็นชัดเต็มสองตาตอนที่จู่ๆ กระจกแตกเองแล้วกระเด็นมาปาดคอรูปภาพตนบนบอร์ด หญิงสาวมั่นใจว่า นั่นไม่ใช่เหตุบังเอิญแต่เป็นสารจากวิญญาณผู้หญิงตนนั้น

“เป็นได้ และเป็นไม่ได้ ทำไมหรือเอ็งไปเจออะไรมางั้นสิ”

“วิญญาณผู้หญิง ในงานคืนสู้เหย้าของโรงเรียน”

“เป็นอะไรตาย”

“ไม่รู้สิปู่…สภาพที่เห็นบอกไม่ถูกว่า ทำไมถึงตายแต่ที่หนูรู้คือ วิญญาณตนนี้ไม่ธรรมดา ทั้งที่หนูบอกว่า อยากจะช่วยแต่เธอกลับบอกหนูว่า อย่าเข้ามายุ่ง”

แม้ณิรินจะไม่ชอบความสามารถพิเศษของตน การมองเห็นในสิ่งที่คนอื่นไม่เห็นสร้างความทุกข์ให้อย่างมากแต่ประสบการณ์ที่ผ่านมาสอนให้รู้ว่า วิญญาณส่วนใหญ่ที่มาปรากฏตัวให้เห็นล้วนแล้วแต่ต้องการความช่วยเหลือด้วยกันทั้งนั้น แต่ครั้งนี้ต่างออกไป วิญญาณหญิงสาวไม่เพียงไม่อยากให้ช่วยแต่กลับขู่ว่า ไม่ต้องมายุ่ง ถึงจะยังเห็นหน้าไม่ชัดแต่ณิรินก็มั่นใจว่า นั่นคือ บุษยามณี

“ถ้าอย่างนั้นเอ็งก็อย่าไปยุ่งสิวะ เอ็งไม่ใช่ต้นเหตุของเรื่องสักหน่อย”

“แต่ถ้าเกิดวิญญาณต้องการทำร้ายคนขึ้นมาล่ะ ปู่จะให้ณิอยู่เฉยๆ โดยไม่ทำอะไรหรือไง”

“ก็ต้องขึ้นกับว่า เอ็งสนิทกับคนที่ถูกหมายหัวมากหรือเปล่า”

“จะว่า ไปก็ไม่สนิทเท่าไหร่”

“ถ้างั้นก็อย่ายุ่งเลย ต่างคนต่างอยู่ดีกว่า ดีไม่ดีเอ็งจะโดนหางเลขไปอีกคน”

ไม่มีใครรู้ว่า เมื่อหลายปีก่อนนั้นเกิดอะไรขึ้น มีแต่คำร่ำลือว่า บุษยามณีโดนกลุ่มของพลอยพยัพแกล้งจนต้องลาออกจากโรงเรียน ซึ่งถ้าคิดจากจุดนี้ก็สมเหตุสมผลว่า เพราะอะไรพลอยพยัพถึงเป็นคนเดียวที่เห็นวิญญาณ

หลายครั้งที่ณิรินอดคิดไม่ได้ว่า ต้นเหตุของทั้งหมดนี้เกิดจากการที่น้องสาวคนหนึ่งหวงพี่ชาย บุษยามณีไม่ใช่คนแรกที่ส่งจดหมายรักให้กับอคิณ ตรงกันข้ามนักเรียนหญิงแทบทุกคนล้วนแล้วแต่หลงรักเจ้าชายน้ำแข็งอย่างอคิณ แต่หล่อนพลาดตรงที่เอาไปส่งให้ถึงมือชายหนุ่มในโรงอาหาร

ณิรินเป็นหนึ่งในผู้ร่วมเหตุการณ์ หล่อนเห็นตอนที่อคิณรับจดหมาย เขาไม่ได้พูดอะไรด้วยซ้ำ เอาแต่ทำหน้านิ่งและเดินไปนั่งกินข้าวตามปกติ จะมีแต่พลอยพยัพและกลุ่มเพื่อนสาวที่ออกอาการไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด หลังจากนั้นการกลั่นแกล้งก็เกิดขึ้น

ไม่มีใครรู้ว่า บุษยามณีถูกแกล้งอะไรบ้าง รู้เพียงแต่ว่า เห็นหล่อนร้องไห้ทุกวัน ผมเผ้ายุ่งเหยิง เด็กสาวอยู่อย่างหวาดกลัวเป็นอาทิตย์ๆ จนกระทั่งวันสุดท้ายที่มีคนเห็นหล่อนมาโรงเรียนในสภาพขวัญผวา ภารโรงบอกว่า หล่อนกลับบ้านเย็นมากวันนั้นในสภาพที่วิ่งหนีออกมา ไม่มีใครรู้ว่า เกิดอะไรขึ้นแต่วันต่อมาก็ไม่มีใครเห็นบุษยามณีอีกเลย

“ถ้าวิญญาณต้องการแก้แค้นล่ะปู่”

“ก็เป็นเรื่องของกรรม เอ็งอยู่เฉยๆ ดีกว่า ใครเรียนผูกก็ต้องเรียนแก้ ถึงแม้เอ็งจะมีวิชาติดตัวบ้างแต่ไม่ใช่ว่า จะแก้ปัญหาได้ทั้งหมดหรอกนะ ปล่อยให้เขาจัดการกันเองเถอะ”

ณิรินนั่งนิ่ง หล่อนกำลังทบทวนตามปู่บอก หล่อนลังเลนั่นก็เพราะไม่ได้สนิทสนมกับพลอยพยัพเป็นการส่วนตัวแค่รู้สึกสงสาร แต่หากยื่นมือเข้าไปยุ่งก็จะคงจะมีปัญหาตามมาอีกมากมาย

“ก็ได้จ้ะปู่ หนูจะไม่เข้าไปยุ่ง ถ้าเขาไม่เข้ามายุ่งกับหนูอีก” ประโยคสุดท้ายนี้หล่อนต่อเองในใจ ณิรินไม่เคยชอบยุ่งเกี่ยวกับวิญญาณ ยิ่งเป็นวิญญาณอาฆาตแบบนี้ยิ่งแล้วใหญ่ ยกเว้นเสียแต่ว่า จะตามราวีหล่อน

หญิงสาวถอนหายใจ หวังว่า ตนจะได้ทำตามคำสัญญาที่ให้ไว้กับปู่ เพราะไม่เช่นนั้นแล้วณิรินก็ยังไม่แน่ใจว่า อาคมที่ไม่ค่อยได้ใช้ของหล่อนจะยังขลังพอจะจัดการกับวิญญาณดุดันแบบบุษยามณีหรือเปล่า…

 

พลอยพยัพต้องใช้ยานอนหลับช่วยเพื่อให้ข่มตาได้ลง บนใบหน้างามไร้ที่ติมีแต่คราบน้ำตา หล่อนขวัญเสียที่สุดในชีวิต ทุกครั้งที่หลับตาก็จะเห็นภาพของวิญญาณสาวผุดขึ้น ป้าอิ่มต้องนั่งกุมมืออยู่ข้างเตียง รอจนหญิงสาวหลับ บรรยากาศในห้องดูวังเวงกว่าที่เคย พลอยพยัพขยับตัวอย่างอึดอัดเมื่อพลังบางงานพยายามครอบงำหล่อน เหงื่อเม็ดเป้งๆ ซึมออกมาตรงหน้าผาก มือจิกแน่ หูได้ยินเสียงยานคาน

“พลอยพยัพ”

“นั่นใคร”

แม้จะอยู่ในภวังค์แต่หล่อนก็รับรู้ได้ถึงเสียงเรียกอย่างชัดเจน หญิงสาวพยายามลืมตาขึ้นแต่สภาวะที่ก้ำกึ่งระหว่างตื่นและหลับจึงทำไม่ได้  

“พลอยพยัพ”

“ใครเรียกฉัน”

ในที่สุดความอยากรู้ก็ทำให้หล่อนฝืนลืมตา ห้องนี้มีเพียงแสงจากโคมไฟตรงหัวเตียง ป้าอิ่มที่เคยอยู่เป็นเพื่อนหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ หญิงสาวเผลอจ้องไปที่ปลายเตียงและก็ได้เห็นผู้หญิงคนหนึ่งสวมเสื้อกระโปรง ผมปล่อยยาวจนปรกหน้าผาก พลอยพยัพจำเครื่องแบบโรงเรียนได้แม่น

“บุษยามณี”

“ใช่…ฉันเอง”

ร่างตรงหน้าพยักหน้าอย่างช้าๆ ผมยังคงปรกอยู่สองข้างทำให้มองเห็นไม่ชัด แต่พลอยพยัพกลับรู้สึกว่า ใบหน้าของอีกฝ่ายซีดเหลือเกินจนแทบไม่มีสีเลือด ความทรงจำบนเวทีย้อนกลับมาอีกครั้งหญิงสาวเพิ่งนึกได้ว่า วิญญาณที่อยู่บนเวทีนั้นคือ บุษยามณี

“ฉันขอโทษ”

“ขอโทษทำไม… คนรวยอย่างเธอไม่เคยทำอะไรผิดไม่ใช่หรือ”

ร่างนั้นลอยมาใกล้พร้อมกับยื่นแขนสองข้างออกมาข้างหน้า ผิวเนื้อบางจนเห็นเส้นเลือดที่เต้นตุบๆ อยู่ข้างใต้ พลอยพยัพกลัวสุดขีด หล่อนพยายามหนีแต่แขนขากลับขยับไม่ได้ วิญญาณของบุษยามณีลอยเข้ามาใกล้จนอยู่ในระยะประชิด หญิงสาวหลับตาปี๋ ละล่ำลัก

“ฉันขอโทษจริงๆ นะบุษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ”

“ไม่ได้ตั้งใจหรือ” วิญญาณตวาด” เธอกับพวกตั้งใจแกล้งฉันต่างหาก ดูผมฉันสิ”

พลอยพยัพหรี่ตามองไปที่เส้นผมสีดำนุ่มสลวย จู่ๆ ก็เห็นไฟค่อยๆ ลุกขึ้นจากปลายเส้นผมจนไหม้อย่างรวดเร็ว หล่อนแทบจะได้กลิ่นไหม้โชยมเข้าจมูกจนแสบร้อนไปหมด หญิงสาวหลับตาลงน้ำตาไหลพรากด้วยความกลัว

“ฉะ…ฉันผิดไปแล้ว ฉันเสียใจ”

“เสียใจงั้นหรือ” ใบหน้านั้นชะโงกเข้ามาใกล้จนเห็นนัยน์ตาแดงก่ำ” คนอย่างเธอไม่มีทางเสียใจ เธอทำอะไรกับฉันเอาไว้รู้บ้างไหม”

พลอยพยัพไม่กล้าลืมตา แต่พลังของวิญญาณบังคับให้หล่อนลืมตาขึ้น ภาพที่เห็นคือ ร่างอันน่าสะพรึงกลัวของบุษยามณีลอยตัวเหนือหล่อน ดวงตาทั้งคู่เป็นสีแดงก่ำราวกับเลือด หล่อนถูกบีบให้มองเข้าไปและก็เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในห้องเรียนในคืนนั้น

เสียงกรีดร้องของเด็กสาวเมื่อมีเด็กชายอีกคนวิ่งไล่ไปรอบห้อง ฉีกทึ้งเสื้อผ้าจนขาดวิ่น เรือนร่างกึ่งเปลือยปัดป้อง ร้องขอความช่วยเหลือจนเสียงแหบแห้งและน่าเวทนา ไม่มีใครรู้ว่า บุษยามณีกลัวขนาดไหนตอนถูกแกล้ง แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครเข้ามาช่วยหล่อน

“ฉันขอโทษจริงๆ ฉันคิดว่า แพทริกจะแค่แกล้งให้เธอกลัว”

“เธอรู้ไหมว่า ฉันกลัวขนาดไหน ฉันกลัวจนเกือบจะตาย”

มือผอมเกร็งยื่นมาบีบคอ สัญชาตญาณแห่งการเอาตัวรอดทำให้พลอยพยัพดิ้นหนี หล่อนส่งเสียงร้อง

“อย่า…อย่าทำฉัน”

ใบหน้าอันน่าสะพรึงกลัวของวิญญาณ บิดเบี้ยว ริมฝีปากแสยะยิ้มจนเห็นเขี้ยวสีขาว หล่อนหัวเราะ

“ร้องอีกสิ…ร้องดังๆ ให้เหมือนกับฉันวันนั้น ร้องอีกสิ” เสียงบุษยามณีถูกแทนที่ด้วยน้ำเสียงของพอล ชายหนุ่มที่กลั่นแกล้งหล่อนในวันนั้น พลอยพยัพกลัวสุดขีด หล่อนร้องไห้

“อย่า…ได้โปรดเถอะบุษ อย่าทำฉันอีกเลย ฉันกลัวแล้ว”

“ร้องอีกสิ พลอยพยัพ ยังดังไม่พอ…ร้องอีก”

พลอยพยัพพยายามแกะมือที่บีบคอออก หล่อนรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะตาย ความรู้สึกผิดเข้าเกาะกุมหัวใจจนแสบร้อนไปหมด มันคือ ความลับที่หล่อนไม่เคยบอกใครมาตลอดหลายปี หญิงสาวไม่นึกเลยว่า ชายหนุ่มที่ถูกสั่งให้ไปแกล้ง จะทำเรื่องร้ายแรงขนาดนี้ แต่กว่าจะรู้ บุษยามณีก็ลาออกจากโรงเรียนไปเรียบร้อยแล้ว

“คิดว่า จะปิดบังความชั่วของตัวเองไว้ได้งั้นสิ…ไม่มีทาง แกต้องตาย”

บุษยามณีจ้องลึก ตาที่เป็นสีแดงกลับปูดโปนออกมาเรื่อยๆ พลอยพยัพตกใจสุดขีด หล่อนกรีดร้องออกมาด้วยเสียงอันดังลั่น…

“มะ..ไม่…ฉันไม่อยากตาย ไม่..”

 

“พี่เพชร ช่วยพลอยด้วย วิญญาณนั้นจะฆ่าพลอย”

พลอยพยัพที่สะดุ้งตื่น หล่อนกรีดร้องอย่างเสียสติจนแม่อิ่มที่นอนเฝ้าอยู่ที่พื้นตกใจ ไม่ว่า จะปลอบยังไงหญิงสาวก็ไม่หยุดร้องไห้ จึงต้องไปตามอคิณมาดูอาการ พอเห็นพี่ชายหญิงสาวก็กอดอคิณแน่อนและไม่ยอมปล่อยมือเขาอีกเลย

“ใจเย็นๆ สิพลอย นั่นก็แค่ฝัน” อคิณพยายามปลอบเขาไม่เคยเห็นน้องสาวเสียขวัญมากเท่านี้มาก่อน ท่าทางของพลอยพยัพเหมือนคนเสียสติ ร้องไห้ฟูมฟาย ผมเผ้ายุ่งเหยิงผิดกับน้องสาวผู้รักสวยรักงามราวกับหน้ามือเป็นหลังมือ

“ไม่ค่ะ ไม่ใช่ฝัน พลอยเห็นจริงๆ วิญญาณบุษจะมาฆ่าพลอยจริงๆ”

“น้องหมายถึง บุษยามณีใช่ไหม”

อคิณชะงักไป สิ่งที่เขาไม่เข้าใจก็คือ ถ้าหากบุษยามณีเป็นผีจริงๆ เพราะอะไรถึงต้องมาหลอกพลอยพยัพด้วยเพราะสองคนนี้ไม่รู้จักกัน นอกจากว่า ข่าวลือนั้นเป็นจริง

“พี่ไม่เข้าใจ พลอยกับบุษยามณีเกี่ยวข้องอะไรกัน”

เท่าที่อคิณทราบน้องสาวมีเพื่อนสนิทในโรงเรียนแค่สองคน คือ นาวากับวิกานดาเท่านั้น ตลอดเวลาที่อยู่โรงเรียนพลอยพยัพไม่เคยสนิทสนมกับคนแปลกหน้า โดยเฉพาะบุษรามณีที่ออกจะไม่ชอบหน้าด้วยซ้ำ เขาเคยได้ยินว่า กลุ่มของน้องสาวหาเรื่องกลั่นแกล้งบุษยามณีจนลาออกไป แต่ไม่เคยสอบถามความจริงสักครั้ง

“คือว่า พลอย…”

สีหน้าซีดเผือดลงกว่าเดิมของน้องสาวทำให้อคิณรู้ว่า อีกฝ่ายต้องมีเรื่องปิดบังอยู่ แต่จะเป็นเรื่องอะไรเขาต้องถาม

“พูดมาสิ พลอยเคยทำอะไรบุษยามณีใช่ไหม”

คนทั้งโรงเรียนต่างร่ำลือว่า สาเหตุที่บุษยามณีลาออกทั้งที่ยังไม่ได้สอบนั่นก็เพราะถูกแกล้งอย่างหนัก บ้างก็ว่า เด็กสาวถูกทารุณจนเสียสติ แต่อคิณไม่เคยเชื่อเลยสักครั้ง ที่สำคัญคือ เขาไม่รู้ว่า ใครแกล้งแต่พอเห็นท่าทางกลัวลนลานของน้องสาวก็อดคิดไม่ได้

“ปะ…เปล่านะคะพี่เพชร  พลอยไม่ได้ทำอะไรเลย”

“ถ้าไม่ทำ…ทำไมถึงต้องกลัว พลอยมีอะไรปิดบังพี่อยู่ใช่ไหม พูดมาเสียดีๆ ว่า วันนั้นเกิดอะไรขึ้นที่โรงเรียนกันแน่ พลอยกับเพื่อนๆ ทำอะไรบุษยามณีหรือเปล่า เรื่องที่คนทั้งโรงเรียนร่ำลือกันว่า บุษยามณีฆ่าตัวตายเป็นจริงใช่ไหม”

พลอยพยัพเป็นคนเดียวที่รู้เรื่องจดหมายนัดพบ แต่ตอนนั้นหล่อนทำท่าไม่สนใจ อคิณขยำกระดาษลงถัง แต่พอเข้าวันรุ่งนี้ก็ได้ทราบเรื่อง เขาจึงรู้สึกผิด อคิณเผลอบีบมือน้องสาวแน่น หล่อนส่ายหน้าอย่างไม่ยอมรับร้องไห้น้ำตาไหลพรากเมื่อถูกบังคับให้พูด

“ไม่พลอยไม่รู้ พลอยไม่รู้เรื่อง”

“ถ้าไม่รู้จริงๆ ทำไมพลอยต้องกลัวด้วย”

“ทำไมพี่เพชร ต้องคาดคั้นพลอยอย่างนี้ด้วย พี่ไม่รักพลอยแล้วใช่ไหม พี่ถึงได้ขึ้นเสียงใส่ ก็ได้ปล่อยพลอยให้ตายไปเลยก็ดี”

หญิงสาวปิดหน้าสะอื้น อคิณรู้สึกผิด เขาดึงพลอยพยัพมากอดปลอบ

“ใจเย็นๆ สิ พี่ก็แค่สงสัย ว่าทำไมพลอยถึงคิดว่า บุษยามณีต้องมาหาพลอยด้วย ในเมื่อไม่ได้สนิทกัน ถ้าหากตอนนี้บุษยามณีเป็นวิญญาณจริงๆ ถึงจะถูก”

“พลอยไม่รู้…บางทีบุษอาจจะโกรธที่พลอยเคยกีดกันไม่ให้เธอเข้าใกล้พี่เพชร ก็ได้ ทั้งที่ความจริงพลอยไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วยเลย”

”เอาเถอะพลอย พี่ขอโทษ พี่แค่เป็นห่วง พลอยพักผ่อนเสียเถอะนะพี่จะนั่งเป็นเพื่อนอยู่ตรงนี้ หลับให้สบาย รับรองว่าไม่มีใครทำอันตรายพลอยได้แน่นอน”

 

พลอยพยัพไม่ยอมออกจากห้องเกือบทั้งอาทิตย์ ร้อนถึงอคิณที่ต้องมานอนเป็นเพื่อนที่ห้อง ส่วนช่วงกลางวันป้าอิ่มกับแม่บ้านก็ผลัดกันมาคอยดูแล เนื่องจากความเครียดและหวาดกลัวทำให้ร่างกายซูบผอมลงกว่าเดิมไปมาก พิรัชต์เองก็พลอยเป็นห่วงบุตรสาวจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ เขาแวะมาดูบุตรสาวแทบทุกวัน หญิงสาวมีใบหน้าซีดเซียวผิดกับพลอยพยัพคนเดิมราวกับหน้ามือเป็นหลังมือ

“พลอยเป็นยังไงบ้างลูก”

อาหารที่นำเข้ามาแทบไม่ได้ถูกแตะต้องบอกถึงว่า สภาพจิตใจของว่า ยังคงอยู่กับความหวาดกลัว หล่อนไม่กล้านอนเพราะกลัวว่า วิญญาณของบุษยามณีจะมาหลอกหลอนอีก สุดท้ายอคิณจำต้องไปขอยานอนหลับจากแพทย์มาให้

“พลอยไม่เป็นอะไรค่ะคุณพ่อ”

“แต่ลูกผอมไปมาก ทำไมไม่ยอมกินอะไรเลยล่ะ”

นอกจากยาจากแพทย์แผนปัจจุบัน คุณพิรัชต์ยังให้คนไปขอน้ำมนต์ ผ้ายันต์และของขลังจากวัดต่างๆ ทั่วกรุงเทพฯ มาให้เพื่อช่วยลูกสาวให้หายกลัว ส่วนแม่อิ่มก็อัญเชิญพระพุทธรูปมาวางไว้ในห้องเพื่อป้องกันภูติผีปีศาจ แต่จนแล้วจนรอดพลอยพยัพก็ยังเหมือนเดิม

“พลอยเบื่อค่ะ ไม่อยากกินอะไร แต่พลอยไม่เป็นไรนะคะพ่อ”

พลอยพยัพน้ำตาซึม หล่อนโผเข้ากอดคุณพิรัชต์ เขาเองก็สงสารลูกสาวจับใจ ตั้งแต่เล็กจนโตพลอยพยัพเป็นเด็กดีมาตลอด หล่อนมีหน้าตาน่ารักแถมยังช่างออดอ้อนทำให้คุณพิรัชต์ทั้งรักและหลงลูกสาวคนนี้มาก  ต่างจากอคิณที่พูดน้อยและเป็นผู้ใหญ่กว่า

“พลอยต้องกินเสียบ้าง ดูสิ ผอมจนเห็นกระดูกแบบนี้ ต่อไปใครจะจ้างถ่ายแบบกัน” เขาพูดติดตลก

“สงสัยพลอยคงต้องอยู่ติดกับคุณพ่อไปตลอดแบบนี้แล้วนะคะ คงไม่มีใครจ้างนางแบบผอมๆ อย่างพลอย”

“พ่อล้อเล่น..พ่ออยากให้พลอยเข็มแข็ง วิญญาณชั่วร้ายจะได้ทำอะไรพลอยไม่ได้หรอก ถ้าเกิดมันกล้ามาราวีพลอยละก็ พ่อจะจ้างหมอผีมาจับมันถ่วงน้ำเสีย” พิรัชต์แค่นเสียงอย่างโมโห

“พลอยไม่เป็นอะไรแล้วจริงๆ ค่ะ ช่วงนี้ก็ไม่เห็นอะไรแล้ว คงเพราะมีพี่เพชร กับแม่อิ่มมาอยู่เป็นเพื่อน”

“มีอะไรที่พ่อพอจะทำให้พลอยได้บ้างไหม พ่ออยากเห็นพลอยยิ้ม”

พลอยพยัพโผเข้ากอดบิดา หล่อนน้ำตาซึม พิรัชต์ลูบเส้นผมลูกสาว นับตั้งแต่สูญเสียภรรยาไป พลอยพยัพก็เหมือนตัวแทนความรัก เขาทุ่มเทให้กับหล่อน ตั้งแต่เล็กจนโตริ้นไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอม อีกทั้งยังตามใจ สมัยไปอยู่เมืองนอก แม้พลอยพยัพจะเรียนไม่เก่งแต่ก็ไม่เคยถูกตำหนิ  เขานึกขึ้นได้

“พ่อรู้แล้ว พลอยจะให้ของขวัญพลอย”

“ของขวัญ” พลอยพยัพทวนคำ พิรัชต์พยักหน้า เขาลูบเส้นผมหล่อน

“ของที่พลอยอยากได้ พลอยเคยขอพ่อไว้เมื่อหลายวันก่อนจำได้ไหม บุษราคัมเม็ดนั้น”

ผ่านมาหลายวันแล้วแต่พิรัชต์ก็ยังไม่ได้ข่าวคราวของบุษราคัม แต่พอเห็นลูกสาวตรอมใจ เขาถึงได้คิดขึ้นได้ พลอยพยัพปาดน้ำตาออกมา หล่อนยิ้ม

“จริงหรือคะพ่อ”

“จริงสิ…ทรัพย์สมบัติทุกชิ้นของพ่อ สุดท้ายแล้วก็ต้องเป็นของพลอยกับคิณอยู่ดี บุษราคัมน้ำงามเหมาะกับผู้หญิงสวยๆ พลอยบอกเองไม่ใช่หรือว่า อยากเอาไปให้ช่างออกแบบทำจี้หรือทำแหวน เดี๋ยวพ่อจะไปหยิบจากตู้เซฟมาให้นะ”

“พลอยดีใจค่ะคุณพ่อ พลอยอยากได้บุษราคัมเม็ดนั้นมาก”

“รอพ่อแป๊บหนึ่งนะ พ่อจะไปเปิดตู้เซฟ แต่พลอยต้องสัญญากับพ่อนะว่า จะเข็มแข็ง พลอยจะต้องหายดี กลับมาสดใสเหมือนเดิมเข้าใจไหม”

 

หญิงสาวไม่รู้ว่า ตัวเองดีขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ หลังจากที่บิดาไปเปิดตู้เซฟเอาอัญมณีมาให้ พลอยพยัพก็เอาแต่นั่งมอง หล่อนไม่เคยเห็นบุษราคัมน้ำงามเช่นนี้มาก่อน นอกจากมีขนาดใหญ่มากแล้ว การเจียรนัย เหลี่ยมมุมก็งดงาม ยิ่งพอเห็นสะท้อนกับแสงไฟในห้องประกายก็ยิ่งระยิบระยับ ไม่รู้เพราะอะไรหลังจากได้บุษราคัมมา อาการหวาดกลัวก็หายเป็นปลิดทิ้ง

พลอยพยัพเริ่มหิว จึงสั่งให้ป้าอิ่มไปเตรียมอาหาร หล่อนกินข้าวจนหมดจานแถมยังต่อด้วยขนมและผลไม้อีกจานใหญ่ หลังจากท้องอิ่มหล่อนก็เข้าเว็บไซด์เพื่อหาแบบเครื่องประดับ ทั้งจี้ สร้อยคอ แหวนเพื่อจะดูว่า แบบไหนเหมาะที่สุด นอกจากนั้นหญิงสาวยังโทรไปที่ร้านเครื่องประดับประจำเพื่อปรึกษา

หญิงสาวตั้งใจว่า จะนำบุษราคัมไปที่ร้านในวันพรุ่งนี้ หญิงสาวมัวแต่เพลินเลยไม่ทันสังเกตว่า อคิณเปิดประตูเข้ามาพอดี เขาได้ข่าวดีจากแม่บ้านว่า อาการน้องสาวดีขึ้นจึงเข้ามาเยี่ยม

“พี่เพชร ”

อคิณเหลือบมองน้องสาว ใบหน้ามีเลือดฝาดแถมหล่อนยังลุกขึ้นมาแต่งหน้าแต่งตัวเหมือนคุณหนูคนเดิม

“นี่ถ้าพี่ไม่เห็นกับตา คงไม่เชื่อนะ ป้าอิ่มโทรบอกพี่ว่า เราหายดีแล้ว”

“พลอยดีขึ้นแล้วจริงๆ ค่ะ ไม่เชื่อดูสิ“

พลอยพยัพแกล้งหมุนตัวให้ดู หล่อนกอดเอวพี่ชายไว้อย่างประจบ เขาลูบเส้นผมหล่อน

“กินข้าวหรือยัง”

“เรียบร้อยค่ะ พี่เพชรละคะ”

“ยังเลย เข้ามาดูพลอยก่อน”

“งั้นพี่เพชร รีบกินนะคะ พลอยมีเรื่องสำคัญจะปรึกษา”

อคิณขมวดคิ้ว พลอยพยัพนำภาพที่ปริ้นออกมาจากคอมพิวเตอร์ให้ดู พอเห็นชายหนุ่มก็ยิ่งประหลาดใจ

“เรื่องนี้เนี่ยนะ”

“แหมพี่เพชร  เรื่องนี้สำคัญมากนะคะ พ่อยกบุษราคัมเม็ดนั้นให้พลอยแล้ว พลอยอยากจะปรึกษาว่า พลอยจะเอาไปทำจี้หรือแหวนดีกว่ากันคะ”

แบบเครื่องประดับไม่ต่ำกว่าสิบชิ้นถูกปริ้นออกมาจากเว็บไซด์ต่างๆ อคิณพลิกดูผ่านๆ แม้จะไม่เข้าใจความอยากได้อยากมีของผู้หญิงแต่พอเห็นพลอยพยัพในสภาพนี้ก็ดีกว่าตอนที่อยู่อย่างหวาดกลัว

“แบบไหนก็สวยทั้งนั้นล่ะ แล้วแต่พลอยเถอะ”

“ไม่ได้ค่ะ พี่เพชร ออกความเห็นแค่นี้ไม่ได้ บุษราคัมเม็ดนี้น้ำงามมาก พลอยต้องการให้แบบออกมาสวยที่สุด พลอยจะใส่ไปโชว์เพื่อนๆ”

“พลอยคิดจะเอาไปที่ร้านเมื่อไหร่”

ร้านประจำของพลอยพยัพมีชื่อว่า มิลเลเนี่ยมจิวเวลรี่ตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้าใจกลางเมือง เจ้าของคือ คุณเหม่ยหลิงซึ่งรู้จักกันดีกับอคิณ เขาเคยแวะไปรับน้องสาวอยู่หลายครั้ง

“พรุ่งนี้เลยค่ะ พลอยเบื่ออยู่บ้านเต็มแก่แล้ว อยากออกไปข้างนอกเสียบ้างจะได้หายฟุ้งซ่าน”

“เอางั้นเลยหรือ”

“ค่ะ…และที่สำคัญคือ พรุ่งนี้ตอนเลิกงาน พี่อคิณต้องไปรับพลอย แล้วก็พาพลอยไปเลี้ยงปลอบใจที่ร้านโปรดได้ไหมคะ”

“ก็ได้สิ อะไรที่เป็นความสุขของพลอย พี่ทำได้ทั้งนั้นล่ะ พี่ดีใจนะที่เห็นพลอยกลับมายิ้มได้อีกครั้ง”



Don`t copy text!