สาปไอยรา บทที่ 24 : ถนนคนเดิน ใครเป็นส่วนเกินต้องหลบไป

สาปไอยรา บทที่ 24 : ถนนคนเดิน ใครเป็นส่วนเกินต้องหลบไป

โดย : ต้นไผ่กวนอิมสีทอง

Loading

สาปไอยรา เรื่องราวของ สัตวแพทย์หนุ่มผู้ต้องคำสาปได้ใช้วิชาความรู้ที่ร่ำเรียนมาช่วยเหลือรักษาสัตว์ โดยหวังว่าผลบุญจะลบล้างคำสาปไปได้บ้าง แต่เจ้ากรรมนายเวรก็ไม่ได้ใจดี เพราะต้องมีความรักที่จริงใจเท่านั้นถึงจะช่วยได้! นวนิยายน่าอ่านโดย ต้นไผ่กวนอิมสีทอง ที่อ่านเอานำมาให้ทุกท่านได้อ่านใน anowl.co และเพจอ่านเอา

วันศุกร์สุดสัปดาห์ที่โรงเรียนมีการเลี้ยงอาหารกลางวันเด็กนักเรียน นำโดยคชา แขไข และไอยรา วันนี้มากันครบ ขาดก็แต่ผู้อำนวยการโรงเรียนที่วันนี้ติดประชุมที่ตัวจังหวัดจึงไม่สามารถมาต้อนรับเจ้าภาพเลี้ยงอาหารได้ จึงให้บรรดาครูที่เหลือคอยต้อนรับแทน และอาหารมื้อนี้มีก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ ข้าวหน้าไก่เทอริยากิ และเค้กหน้านิ่มรสส้ม ให้เด็กๆ ได้เลือกรับประทานกันอย่างอิ่มจุใจ

หลังจากที่จารุมาสปล่อยเด็กนักเรียนให้ไปรับประทานอาหารกลางวันที่โรงอาหาร หญิงสาวก็เดินตามเด็กนักเรียนของเธอไปด้วย เมื่อถึงโรงอาหารและดูแลเด็กนักเรียนให้เข้าแถวรับอาหารกลางวัน และเด็กทุกคนนั่งที่โต๊ะอาหารเรียบร้อย เธอเองก็เดินไปนั่งทานอาหารร่วมกับเจ้าภาพเหมือนครูท่านอื่นๆ

ที่โต๊ะอาหารจารุมาสเลือกนั่งข้างแขไข ซึ่งเก้าอี้ตรงนั้นว่างอยู่พอดี จริงๆ แล้วเก้าอี้ข้างไอยราก็ว่างแต่เธอเลือกที่จะนั่งตรงนี้ เพราะคนอื่นจะได้ไม่จับตามองเธอกับเขามากนัก

“แม่ก็สงสัยอยู่ว่าทำไมช่วงนี้ดอกจำปีถึงน้อยนัก มันมาอยู่กับครูมาสนี่เอง”

แขไขที่เห็นดอกจำปีอยู่บนศีรษะของจารุมาสก็เอ่ยแซวลูกชายขึ้นมากลางโต๊ะอาหาร ใบหน้ายิ้มแย้มเมื่อเห็นคนเป็นลูกและจารุมาสมีท่าทางเขินอายไม่ต่างกัน

“ผมขอแม่แล้วนะครับ”

ไอยราเอ่ยแย้ง แค่ตอนนั้นเขาขอเก็บดอกจำปีของแม่เพื่อเป็นดอกไม้ไปถวายพระ ไม่ได้บอกว่าจะเก็บเอาไปให้สาวทุกวันเท่านั้นเอง

“แม่ก็ไม่ได้ว่าอะไรเลย”

แขไขกับคชานั่งยิ้มอย่างถูกใจเมื่อเพิ่งเคยเห็นลูกชายร้อนตัว อย่างว่าแหละลูกชายของพวกเขาเพิ่งมีความรักครั้งแรก ส่วนจารุมาสนั้นไม่กล้าพูดไม่กล้าแก้ตัวอะไรออกมาเลย ได้แต่นั่งยิ้มกับจานข้าวอย่างเดียวจนจบมื้ออาหาร ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของครูคนอื่นในการชวนเจ้าภาพคุย ส่วนเธอเจอพวกท่านและได้คุยกันเกือบทุกวันอยู่แล้ว หลังจากที่ได้ไปพักอาศัยอยู่ที่บ้านของพวกท่าน

เมื่อกลับไปถึงปางช้างจันทร์ส่องในตอนเย็น ตอนที่จารุมาสเดินเข้าไปในตัวบ้านก็เห็นไอยรานั่งอยู่ที่โซฟารับแขกพร้อมกับเด็กชายขันติธรรมที่กลับมาจากโรงเรียนก่อนเธอ เมื่อไอยราหันมาเห็นเธอก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินเข้ามาหาพร้อมกับเอ่ยชวนยิ้มๆ

“ไปเดินเล่นที่ถนนคนเดินกันไหมครับ ไปหามื้อเย็นทานกันที่นั่นด้วย”

“คืนนี้พระจันทร์เต็มดวงด้วยครับครู คนชอบไปเดินริมแม่น้ำโขงกัน ไปด้วยกันนะครับ”

เด็กชายขันติธรรมเอ่ยชวนคนเป็นครูเพื่อช่วยไอยราอีกแรง

“คุณช้างไปได้เหรอคะ ไม่ต้องรีบเข้าไปอยู่ในพื้นที่ส่วนตัวแล้วเหรอคะ”

หญิงสาวเอ่ยถามด้วยความสงสัย เพราะปกติแล้วในทุกวันตอนเย็นเขาจะรีบร้อนมาก และจะไม่ออกมาจากเขตหวงห้ามเลยจนกระทั่งเช้า

“วันนี้ไปได้ครับ อยู่กับครูมาสทั้งคืนยังได้เลย”

ไอยราเอ่ยตอบยิ้มๆ แต่ทำให้แก้มของหญิงสาวขึ้นริ้วแดงได้ทันที จนเธอต้องแสร้งตอบรับคำชวน

“ไปเลยไหมคะ”

“ครับ”

“งั้นมาสขอเอาของไปเก็บบนห้องก่อนนะคะ เดี๋ยวลงมา”

จารุมาสยกกระเป๋าเอกสารที่เธอใส่พวกสมุดการบ้านเด็กนักเรียน และแผนการเรียนการสอนให้เขาเห็น พลางเอ่ยขอตัว เธอจะได้กลับลงมาหาเขาได้เร็วๆ เมื่อเขาพยักหน้ารับเธอก็รีบเดินขึ้นห้องไปทันที

 

ที่ถนนคนเดินเชียงคานช่วงใกล้ค่ำ เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวที่เดินเล่นกันไปตามท้องถนน ซึ่งมีร้านค้ามาตั้งแผงขายของกันมากมาย ไอยราเลือกที่จะพาจารุมาสและขันติธรรมมาทานอาหารเย็นกันก่อนที่ร้านอาหารบรรยากาศดีริมแม่น้ำโขง

หลังจากอิ่มหนำสำราญจากมื้ออาหารเย็นที่ไอยราเป็นคนเลี้ยง ทั้งยังช่วยบริการตักอาหารให้จารุมาสและขันติธรรม ซึ่งอาจจะดูแลหญิงสาวมากเป็นพิเศษ จนเด็กชายคนเดียวบนโต๊ะอาหารยิ้มอย่างรู้ทันคนเป็นลูกพี่ ชายหนุ่มก็ชวนไปเดินถนนคนเดินเพื่อย่อยอาหาร

ระหว่างทางที่เดินไปนั้น สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านค้ามากมาย ทั้งอาหารทานเล่น น้ำดื่ม เสื้อผ้าพื้นเมือง ของฝาก และของเด็กเล่น บรรยากาศย้อนยุคคลาสสิก เมื่อผ่านร้านกุ้งปูเสียบไม้ย่าง จารุมาสก็เดินเข้าไปหาอย่างสนใจ พลางเอ่ยบอกชายหนุ่มที่มาด้วยกัน

“มาสอยากลองกินอันนี้ค่ะ”

หญิงสาวชี้มือไปที่กุ้งตัวเล็กๆ เสียบไม้วางเรียงรายอย่างสวยงามอยู่บนถาด ส่วนปูตัวเล็กเสียบไม้ที่วางอยู่ถาดข้างๆ กันน่าจะกินลำบาก เธอเลยเลือกกินกุ้งดีกว่า เธอเห็นนักท่องเที่ยวคนอื่นเดินถือไม้แบบนี้ถ่ายรูปโดยมีถนนคนเดินเป็นฉากหลัง เธอก็อยากทำตามบ้าง

“อันนี้เป็นกุ้งแม่น้ำโขงนะ แล้วไม่สนใจปูบ้างเหรอ กินได้ทั้งตัว อร่อยเหมือนกัน”

ไอยราเอ่ยแนะนำยิ้มๆ อย่างเป็นสุขใจ

“ไม่เอาค่ะ เดี๋ยวก้ามปูแทงปาก”

จารุมาสส่ายศีรษะจนผมกระจาย เธอไม่อยากเสี่ยง เดี๋ยวหมดสวยกันพอดี

“เอากุ้งสามไม้ ปูสองไม้ครับ”

ไอยราหันไปเอ่ยสั่งกับแม่ค้าจำนวนครบตามคนที่มาด้วยกัน ไม่นานแม่ค้าก็ยื่นของที่สั่งมาให้พร้อมราดน้ำจิ้มเสร็จสรรพ ชายหนุ่มรับมาแล้วเป็นคนจ่ายเงินให้กับแม่ค้าเอง

จารุมาสขอยืมปูหนึ่งไม้ของชายหนุ่มเพื่อมาถือคู่กับกุ้งแล้วถ่ายรูปลงสตอรีในโซเชียลทันที ก่อนจะส่งคืนปูให้ชายหนุ่มไป แล้วเธอก็เดินทานกุ้งราดน้ำจิ้มซีฟูดไปตามถนนอย่างเอร็ดอร่อย ตาก็คอยมองร้านค้าสองข้างทางอย่างสนใจไปด้วย

“ลองกินปูไหมครับ”

ชายหนุ่มยื่นตัวปูที่เขาดึงก้ามมันออกจนหมดแล้วมาตรงหน้าหญิงสาว ทำให้ทั้งสามคนหยุดชะงักอยู่กับที่ จารุมาสเห็นแบบนั้นก็พยักหน้าตกลง เขาทำให้ขนาดนี้เธอก็คงต้องลองทานเสียหน่อย แต่พอเธอจะใช้มือหยิบปูไร้ก้ามจากมือของเขาไอยรากลับขยับมือหนี แล้วยื่นมาจ่อป้อนที่ปากของเธอแทน หญิงสาวจึงอ้าปากรับปูตัวนั้นอย่างเต็มใจ ริมฝีปากของเธอสัมผัสกับนิ้วของเขาเบาๆ จนต้องเบี่ยงหน้าไปทางอื่นอย่างเขินอาย แล้วค่อยๆ เคี้ยวปูที่ย่างจนกระดองกรอบ รสชาติมันๆ ก็อร่อยดีเหมือนกัน

“อร่อยไหมครับ”

ไอยราเอ่ยถามยิ้มๆ

“อร่อยค่ะ”

จารุมาสพยักหน้ารับอย่างเขินอายไม่หาย

“เอาอีกไหม”

เมื่อเห็นหญิงสาวทานได้จึงเอ่ยถามความต้องการอีกครั้ง พลางเตรียมจะหักขาปูให้เธออีกตัว

“ไม่เอาแล้วค่ะ พอแล้ว”

หญิงสาวรีบปฏิเสธ เพราะกลัวจะเป็นการแย่งปูของเขาและขันติธรรม

“แต่ผมอยากป้อนอีกนี่”

ชายหนุ่มเอ่ยบอกความต้องการยิ้มๆ น้ำเสียงออดอ้อนไม่รู้ตัว

“งั้นขออีกตัวเดียวพอค่ะ”

หญิงสาวยกนิ้วชี้ขึ้นมาหนึ่งนิ้วให้เขาเห็น ทำให้ชายหนุ่มยิ้มกว้างกว่าเดิมหลายเท่า แล้วรีบหักขาปูจนหมดก่อนจะป้อนเข้าปากหญิงสาวอีกครั้ง

จารุมาสเห็นชายหนุ่มยิ้มกว้างเลยหยุดมองอย่างหลงใหล เวลาเขายิ้มแบบนี้แล้วดูมีเสน่ห์มาก ดูดีกว่าเดิมไปอีก จนใจเธอบางไปหมดแล้ว อาการตกหลุมรักมันเป็นแบบนี้นี่เอง

ขันติธรรมที่มาเป็นส่วนเกินมองทั้งคู่ยิ้มหวานให้กันด้วยความรู้สึกขุ่นเคืองเล็กน้อย เหมือนทั้งคู่จะลืมไปแล้วว่ามีเขามาด้วย แบบนี้มากันแค่สองคนก็ได้ไม่เห็นต้องพาเด็กอย่างเขามาด้วยเลย!

หลังจากเดินกินกุ้งปูกันจนหมด ไอยราก็แวะร้านน้ำลำไยสด แล้วสั่งซื้อให้ตนเอง จารุมาส และขันติธรรมคนละแก้ว ระหว่างนั้นจารุมาสก็เลือกดูชุดพื้นเมืองที่ร้านข้างๆ อย่างสนใจไปด้วย

 



Don`t copy text!